Don't wanna be here? Send us removal request.
Text
เดือนสาม
-
อารมณ์ของเราเริ่มดีขึ้นมากๆแล้วนะ
ผ่านการฮีลลิ่งตัวเองด้วยเสียงเพลงดนตรีศิลปะ
ขอบคุณงานอาร์ตมากๆ
โลกของเราน่าอยู่มากขึ้น ก็เพราะงานของศิลปินหลายๆคน
ขอบคุณที่ทำให้ชีวิตคนคนนึงได้รับกำลังใจในการใช้ชีวิตมากมายขนาดนี้
ได้รู้จักกับเพลงใหม่ๆ ได้รู้จักศิลปินคนใหม่ๆ
ที่สำคัญ, ได้พบคุณ : ㅡ)
.
ขอบคุณที่ทำให้เรายิ้มได้ ในวันที่เราเคยลืมไปแล้วว่าความสุขจากส่วนลึกของจิตวิญญาณเป็นยังไง
ขอบคุณที่แนะนำให้เราฟังเพลงเพราะๆมากมาย
ขอบคุณที่ทำให้เราได้พบเจอกับกลุ่มคนอื่นๆที่มีความรู้สึกแบบเดียวกันต่อคุณ
ขอบคุณที่ทำให้เรากลับมาค้นพบความสุขของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
คุณเข้ามาเป็นเรื่องราวดีดีในชีวิตช่วงหนึ่งของเราเลยนะ
ทุกอย่างในตอนนี้มันดีมาก เพราะคุณจริงๆ
ฝาก playlist ช่วงนี้ไว้แล้วกัน : D
0 notes
Text
parasite (2019)

“ เรื่องราวของ 2 ครอบครัว ที่ต่างกันสุดขั้ว ครอบครัวตระกูล คี มีสมาชิกทั้งสิ้น 4 คน เป็นครอบครัวเล็ก ๆ อบอุ่น แต่สมาชิกในบ้านต่างตกงาน วันหนึ่ง คีวู ลูกชายคนโตของบ้าน ถูกเพื่อนบ้านรวยและเรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำเสนอให้เข้าไปทำงานเป็นติวเตอร์ ซึ่งจะทำเงินให้กับเขามหาศาล โดยต้องไปทำงานให้กับตระกูลพัค ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทด้านไอที มีชื่อเสียงไปทั่วโลก พร้อมแบกความคาดหวังอย่างสูงของครอบครัวไปด้วย เขายังได้เจอกับสาวน้อยอย่าง ยอนคโย แต่หลังจากที่ทั้ง 2 ครอบครัวมาเกี่ยวดองกัน เหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เต็มไปด้วยคำลวงก็เกิดขึ้น “
.
หลังจากดูจบ.. ไม่ได้อึนหรือมึนอย่างที่รีวิวหลายๆที่บอกแฮะ
อารมณ์เดียวกับตอนดู Joker เสร็จแล้วหดหู่กับการเป็นคนไทยมากกว่าหดหู่กับภาพยนตร์เสียอีก
ประเด็นของการเหลื่อมล้ำของคนในสังคมต่างๆ มันก็มีอยู่ทุกที่ทั่วโลกนั่นล่ะนะ
เพียงแต่ว่าเรามีโอกาสจะได้เห็นในมุมไหนมากกว่ากัน ขึ้นอยู่กับชนชั้นที่เราอยู่ล่ะมั้ง..
จริงอยู่ที่ว่าทุกชีวิตเกิดมาเลือกเกิดไม่ได้ ‘ แต่ทำไมคนเราถึงจะเลือกที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นไม่ได้วะ ’
สิ่งที่เคยคิดตอนเด็กๆ พอโตมาถึงเข้าใจ..
“ บางทีคนเราก็ไม่ได้อยากย่ำอยู่กับที่
แต่สังคมเหี้ยๆนี่มันไม่เอื้ออำนวยให้กูโงหัวขึ้นมาได้เลยสักนิด ”
.
ตัวภาพยนตร์ไล่ตะเพิดให้ทั้งสองครอบครัวไปในทิศทางที่สุดโต่งเกินไป
หมายถึงการที่เอาคนที่อยู่คนละชนชั้นมาเทียบกันโต้งๆ มันดูจะฉาบฉวยไปหน่อยน่ะ
พอดูแล้วมันก็รู้สึกถึงความแตกต่างของการใช้ชีวิตจริงๆนั่นแหละ
ครอบครัวคนรวยตอนฝนตก ออกไปตั้งแคมป์ในป่าไม่ได้
ส่วนครอบครัวคนจนตอนฝนตก บ้านใต้ดินโดนน้ำท่วมจนต้องย้ายตัวเองออกไปศูนย์พักพิง..
แต่การใส่คาแรคเตอร์ให้กับคนในครอบครัว รู้สึกว่ามันจะขาวดำเกินไปสักหน่อย
ไม่ใช่คนรวยทุ���คนที่จะไม่มีความคิด หรือหูเบา
ไม่ใช่คนจนทุกคนที่จะเห็นแก่ตัว หรือลวงโลก
สุดท้ายแล้ว มนุษย์ก็คือมนุษย์ ทุกคนไม่ว่าจะชนชั้นไหนมันก็สีเทาๆทะมึนๆกันทั้งนั้น อยู่ที่ตัวบุคคล
0 notes
Text
อ่านอะไร
ซื้อเมื่อวันที่ 25 ธันวา 2562
เริ่มอ่านเมื่อวันที่ 28 ธันวา 2562 - อ่านจบเมื่อวันที่ 29 ธันวา 2562
-
นวนิยายขายดีที่สุดตลอดกาลของเกาหลี
เจจุนตายไปแล้วสองเดือน แต่ยูมียังทำใจกับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของเพื่อนที่รักมากที่สุดคนนี้ไม่ได้
เพื่อนเพียงคนเดียวที่อยู่เคียงข้างยูมีที่แสนแปลกแยกในโรงเรียนใหม่และสังคมใหม่
ข้างในของยูมีที่ดูเหมือนเข้มแข็งจนแข็งกระด้างเสมอมากำลังกรีดร้อง อ้อนวอนให้เจจุนหวนคืนมา แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น
วันหนึ่งแม่ของเจจุนโทรมาขอให้ยูมีช่วยอ่านไดอะรี่ของเจจุนแทนท่าน
หน้าแรกของไออะรี่เล่มนั้นเขียนไว้ว่า
“ถ้าวันหนึ่งฉันตาย ความตายของฉันจะมีความหมายอย่างไรกัน“
เจจุนที่เป็นเด็กดีมาตลอด เจจุนผู้อ่อนโยน เจจุนที่มีรักบริสุทธิ์ กลับมาประสบอุบัติเหตุทางรถมอเตอร์ไซค์ตายก่อนวัยอันควร เพราะอะไร
-
“ แด่วัยรุ่นทั้งหลาย ที่หายไปเหมือนกลีบดอกไม้ปลิดปลิว ในช่วงวัยที่ยังไม่ควรจากลา ”
หนังสือเล่มสุดท้ายของปี 2019 กับการตัดสินใจเลือกซื้อเพียงเพราะเห็นว่า korean best seller ขายไปแล้วกว่าสี่แสนเล่ม และ ชื่อของหนังสือที่สะดุดตาอย่าง “ถ้าวันหนึ่งนั้น ฉันตาย” ทำให้หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านคำโปรยบนปกหลังอย่างไม่ลังเล ใช่ หนังสืออะไรก็แล้วแต่ที่มีคำว่าตาย ฉันอยากจะอ่านมันเพื่อยื้อการมีชีวิตขึ้นมาอีกสัักหน่อย ถึงแม้จะรู้ว่ามันเป็นแค่นวนิยายก็เถอะ
“ การแกล้งตายในขณะที่มีชีวิตอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเป็นเรื่องที่ยากมาก สุดท้ายพอเคยชินกับความตาย ความประทับใจก็ค่อยๆลดลง คนตายจริงๆจะเป็นแบบนี้ไหมนะ ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องซ้ำซาก จำเจ น่าเบื่อ ”
แต่พออ่านเข้าจริงๆ ก็รู้สึคกว่าก็คงจะจริงอย่างที่ผู้เขียนได้เขียนไว้นั่นล่ะ การที่เราเกิดมาเพียงแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ยังไม่ทันได้เห็นโลกที่แท้จริงในมุมมองอื่นๆที่มีอยู่ตั้งอีกมากมาย แต่กลับมาตายไป บางคนก็ตายเพราะอุบัติเหตุ บางคนก็ตายเพราะเป็นความตั้งใจ แต่ก็น่าเสียดายใช่ไหมล่ะ ที่ใครบางคนเหลือแค่เพียงความทรงจำทิ้งไว้ให้คนที่มีชีวิตอยู่จดจำ มันก็เท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคิดอยู่ดี ไม่ใช่ว่าคนที่อายุมากหรอกนะที่สมควรถึงเวลาตาย เป็นคำถามที่ไม่มีใครตอบได้อยู่ดี ว่าคนเราควรตายเมื่อไหร่ แค่รู้ว่าสุดท้ายทุกคนก็ต้องตาย มันเป็นสัจธรรมของการเกิดมาของพวกเราอยู่แล้ว
“ ความตายของนายมีความหมายว่า.. ไม่รู้สิ ฉันคงต้องมีชีวิตอยู่เพื่อขบคิดเรื่องนี้ไปตลอดชีวิต ไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่อีกนานแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วทุกคนที่เกิดมาล้วนต้องตาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ ตอนนี้นายได้สอนฉันแล้วว่า ความตายคือความว่างเปล่าแต่น่าตกตะลึง ”
อ่านจบแล้วก็ทำได้เพียงแค่ทำใจ ไม่ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ ก็ขอบคุณตัวเองแล้วที่ได้เกิดมาใช้ชีวิตแบบไร้แก่นสารไปวันๆ อย่างน้อยการมีชีวิตอยู่ของเรา ก็ได้สร้างความสุขให้กับใครบางคนจากมุมเล็กๆตรงนี้แล้วล่ะนะ
0 notes
Text
say goodbye to twenty nineteen

เริ่มต้นปีด้วยความรู้สึกที่เครียดนิดหน่อยล่ะ เพราะใกล้จบเทอม นั่นหมายถึงการเรียนทุกอย่างที่ค่อนข้างคาดหวัง มันก็ควรจะดำเนินไปได้ด้วยดี
เอาจริงๆความทรงจำตอนต้นปีมันค่อนข้างเลือนลางมาก คงเป็นเพราะไม่ได้สุขที่สุด หรือเศร้าที่สุดรึเปล่านะ จำไม่ได้เลย
แต่ที่เด่นชัดที่สุดก็คงเป็นช่วงกลางปี เหมือนเดิม ในทุกๆปี
ที่จะเกิดความรู้สึกแบบนั้น แบบนั้นตลอด ความรู้สึกพัง ใจพัง ความรักในความเป็นตัวของตัวเองพัง
แต่ปีนี้มันหนักจริงๆ หนักจนมองไม่เห็นชีวิตตัวเองในวันต่อๆไปเลย รวดร้าวมากๆ เคยคิดว่าสงสัยจะศูนย์เสียความเป็นตัวของตัวเองไป
และพอมาลองคิดดีๆจริงๆ เราอาจจะวาดฝันความเป็นตัวเองในลักษณะที่ไม่ตรงกับไลฟ์สไตล์จริงๆล่ะมั้ง หรือจะแค่เข้าข้างตัวเอง เออ ก็ไม่รู้เหมือนกัน
การที่ใครซักคนทำให้เราผิดหวังในตัวเอง จนไม่สามารถมองเห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์ในตัวเอง มันหนักหนาขนาดไหนกันนะ
ไม่รู้ว่าเราที่คาดหวังกับความสัมพันธ์มากเกินไป หรือเป็นเพราะเราไม่ตรงไทป์ของเขาเองก็ไม่รู้ ไม่มีทางรู้จริงๆอยู่ดี
ไม่อยากรักใครแล้วต้องเจ็บช้ำอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ในรูปแบบไหนก็ตาม
การค้นหาตัวเองมันยาก ยากพอๆกับการที่นักปรัชญาซักคนจะต้องนิยามการมีชีวิตอยู่ของมนุษย์อย่างเป็นทางการได้แล้ว
ส่วนตัวเราเอง ก็คงนิยามชีวิตว่า ชีวิตคือการค้นหาตัวเองแหละ
เพราะจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่เจอสิ่งๆนั้นจริงๆเลยซักที
คิดว่าคงจะเจอจริงๆ ก่อนที่จะไม่มีลมหายใจและเรื่องราวของตัวเราเองกลายเป็นความทรงจำจางๆของคนอื่นไปซะน่ะนะ
ขอให้มีวันที่ดีในวันต่อๆไปแล้วกัน
ยังไม่ได้รักตัวของตัวเองขนาดนั้น เพราะยังไม่เจอ
0 notes
Text
no take back
สำหรับปีสองพันสิบเก้า กับวัยยี่สิบสี่ปี
ยากจัง ยากจัง ชีวิตยากจัง
การมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ยากพอๆกับการตัดสินใจที่อยากจะตายเลยเหรอเนี่ย
ใช้ชีวิตกับความรู้สึกที่ว่างเปล่านี่มันทรมานจัง เหมือนไม่รู้จักอะไรในตัวเองเลยซักอย่าง
กว่าคนเราจะเห็นคุณค่าของตัวเองน่ะ มันนานมากเลยสินะ
พอถึงวันที่หมดการมองเห็นตรงนั้นแล้ว เลยรู้สึกแย่ขนาดนี้
เคยคิดว่าที่ผ่านมา เราเอาชีวิตไปผูกพันกับใครบ้าง ก็รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย
บางทีเราแค่อยากจะรู้สึกอินกับมนุษย์บ้าง อยากจริงใจกับใครหลายๆคนบ้าง
แต่หลายๆครั้ง ที่มนุษย์พวกนั้น หักล้างความจริงใจที่อยากจะมอบให้พวกเขาจนหมด
ทำไมกันนะ ทำไมเจ็บปวดขนาดนี้
หากเลือกได้จริงๆ ก็ไม่อยากมอบสิ่งที่บริสุทธ์ใจขนาดนั้นให้กับใครอีกต่อไปแล้ว
กว่าจะฟื้นฟูตัวตนของตัวเอง ก็คงใช้เวลาอีกนานเลย
ได้แต่รักษา และภาวนา ให้จิตใจและความรู้สึก ของตัวเอง
ได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง และกลับมารักตัวตนของตัวเองได้จริงๆซักที
0 notes
Text

ภาพยนตร์ลำดับที่เท่าไหร่ไม่รู้ของนวพล จริงๆเนื้อเรื่องก็ค่อนข้างเป็นเรื่องที่เราคุ้นเคยกันดีก่อนวันปีใหม่ หรืออาจจะซักวันใดวันหนึ่งของช่วงชีวิต ที่เกิดความรู้สึกว่าบ้านเราทำไมรกจังวะ คงต้องลุกมาเก็บของให้มันเข้าที่เข้ามาบ้างละ ซึ่งเป็นอะไรที่ธรรมดามากๆ จนคิดว่าพี่เต๋อแม่งสามารถทำให้เส้นเรื่องที่โคตรจะธรรมดาตรงนี้ให้กลายมาเป็นภาพยนตร์ขนาดยาวเป็นชั่วโมงสองชั่วโมงได้ยังไง หลังจากดูจบก็เลยรู้ว่าสิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้โคตรทรงพลังจนได้ทำออกมาเป็นหนังในโรงที่แมสสัดๆอีกอย่างนึงก็คงหนีไม่พ้นกับคาแรคเตอร์ตัวดำเนินเรื่องหลักอย่างจีน ที่โคตรจะhuman nature มีความคิด ความรู้สึกที่เรากล้าพูดได้ว่า คนทุกคนมันก็จะต้องมีความรู้สึกเหล่านี้บ้างล่ะ แต่มันกลับทำให้เรามูฟออนจากสิ่งที่ตัวคาแรคเตอร์นี้ไม่ได้ ถึงแม้จะแอบคิดว่าตัวเองเข้าใจในความหมายของความรู้สึกไปจนถึงการกระทำของมนุษย์มากยิ่งขึ้นจากการเห็นจีน แต่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าสิ่งที่เราเจอมา เราก็ยังไม่พร้อมที่จะเข้าใจอยู่ดี ซึ่งมันยากมากกับการที่จะยอมรับว่า เออ คนเรามันก็ต้องมีโมเมนต์แบบนี้แหละ แต่พอเจอกับตัว แม่ง ผ่านช่วงเวลานี้โคตรยากเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์กับผู้คนที่ผ่านมาเจอกันในช่วงเวลานึง ซึ่งพอเวลาพัดผ่านไปกับบางคนก็ยังติดต่อกัน แต่อีกหลายคนก็กลายเป็นคนแปลกหน้าไม่รู้จักไม่สนิทกันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรใดใดก็ตาม หรือแม้แต่การพยายามแก้ไขอะไรซักอย่างที่เราสงสัยว่าหรือมันจะไม่ถูกต้อง ให้กลายเป็นความถูกต้อง ซึ่งอาจทำให้ระหว่างทางเจอกับคำถามจนคิดว่าหรือสิ่งที่กูทำจะไม่ถูกต้องวะมากมาย
แต่สุดท้ายก็ นั่นแหละ.. ชีวิตก็คือชีวิต ต่อให้เจอเรื่องอะไรมาก็ตาม ถ้าตื่นขึ้นมาลืมตาแล้วยังหายใจ ก็ต้องใช้ชีวิตต่อไปอยู่ดี
No emo. No problem.
Don’t waver. Don’t have a heart.
0 notes