Tumgik
dizzyinlime · 10 months
Text
on bodily norms,
comme des garçons ss97
เป็นคอลเลคชั่นที่ subvert silhouettes ของเสื้อผ้าและรูปร่างผู้หญิง ด้วยการสร้างเสื้อผ้าที่ทำให้ดูเหมือนคนใส่มีร่างกายที่ปูดนูน มีก้อนบวมที่ “ไม่ธรรมชาติ” และน่าสะพรึง
Tumblr media
ซึ่งเป็นการตั้งคำถามว่าทำไมเสื้อผ้าถึงได้เสริมหรือลดทอนจุดต่าง ๆ ของร่างกายให้เกิดเป็น desireable figure ตามพิมพ์นิยม เช่น ผอมสูง หุ่นนาฬิกาทราย บ่าตั้งตรง etc. โดยใช้ padding ที่เป็น tool ที่ทำหน้าที่เสริมรูปร่างนี้ มาเป็นตัว subvert the ideal body อีกที
จะเห็นได้ว่าแฟชั่นทำหน้าที่กดขี่ตีกรอบคนในแง่ของรูปร่างยังไงบ้าง ทำไมแฟชั่นส่วนใหญ่ถึงนำเสนอแค่ ideal body ที่สวยงามสมมาตร และ exclude ร่างกายรูปแบบอื่น
โดยเฉพาะ pregnant body ที่เป็นร่างกายที่มีก้อนปูดนูนตามธรรมชาติอยู่แล้ว ร่างกายที่มีความพิการที่แตกต่างกันไป หรือร่างกายคนโดยทั่วไปก้มี lumps and bumps ตามจุดต่าง ๆ ได้ ไม่ได้ smooth ไปหมด
Tumblr media
ผ่านมา 20 กว่าปี ในปัจจุบันแม้จะมีการเปิดรับมากขึ้น แต่ค่านิยมสังคมยังคงสร้าง otherness ให้กับร่างกายที่ไม่ใช่ ideal body อยู่ดี คงเพราะการ force ideal body on people มันหาเงินได้เยอะและง่ายกว่า มีจุดให้ capitalize on ได้มาก
และเมื่อมองในมุมกว้าง แฟชั่น(ในโลกทุนนิยม)ยังคงเป็นวงการที่มีอคติทางเพศ(หญิง)ฝังรากลึก enforcing violence ผ่านการจำกัดตีกรอบร่างกายและรูปร่าง ซึ่งมีผลต่อการ express identity ผ่านการสวมใส่เสื้อผ้า
4 notes · View notes
dizzyinlime · 1 year
Text
Jupiter re-enters Aries *scream*
Tumblr media
ในที่สุด Jupiter ก้จะเข้า aries อย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากเดินหน้าเข้าไปแปป ๆ ช่วงกลางปี ซึ่ง aries ก้ถือเป็นราศีที่ jupiter ทำงานได้ดีพอสมควร (triplicity rulership)  เลยเป็นจังหวะที่ดีของการเริ่มต้นใหม่
 jupiter in aries จะนำพาความตื่นเต้น ความสนุกจากการแข่งขัน การทำตามใจเรียกร้อง และสิ่งดี ๆ จากการลงมือทำแบบไม่คิดมาก (แต่ช่วงนี้ mars ยัง retrograde อยู่จนถึง 13 jan  ก้ถือว่าให้ใช้ช่วงนี้ในการหาแรงบันดาลใจ ปลุกความสนุกสนานไปก่อนก้ได้ค่ะ ค่อยลงมือทำหลัง mars มี speed น่าจะราบรื่นขึ้น) 
ใครที่รู้สึก  stuck มานาน พยายามตระเตรียมทุกอย่าง วางแผนในใจ แต่ไม่ลงมือทำสักที  jupiter in aries น่าจะเป็นแรงผลักดันที่ดีมากค่ะ เพราะ jupiter = the greater benefic เป็นดาวที่ใจดี นำพาการเติบโตขยับขยาย ความก้าวหน้า โอกาส mentors และความอุดมสมบูรณ์มาให้เราได้ เพียงแค่เราเปิดโอกาสให้ตัวเอง ลงมือทำและพยายามในระดับหนึ่ง เขาก้จะช่วยส่งเสริมแล้วค่ะ พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นดาวแห่งโชคนี่แหละ แต่ก้ต้องอย่าเหลิงนะคะ!
ซึ่ง jupiter จะอยู่ใน aries ตั้งแต่วันที่ 20 Dec 2022 - 16 May 2023 เวลาประมาณ 6 เดือนค่ะ ไม่นานมากแต่ก็เพียงพอสำหรับการผลักดดันตัวเองไปข้างหน้าแน่นอน!
ลองดู house ของ aries ในช้าทได้ค่ะ ว่า jupiter จะนำพาการขยับขยายในด้านไหนเข้ามาในชีวิต
สำหรับ rising signs ที่จะได้รับอิททธิพลมากเป็นพิเศษ ได้แก่
aries (of course!), cancer, libra, and capricorn
ก็คือ cardinal signs ทั้งหมดนี่เอง เพราะ jupiter จะเข้าสู่ angular houses ถือว่ามีอิทธิพลเป็นพิเศษเลย ลองมาดูกันได้ว่าจะเกี่ยวกับหัวข้อไหนบ้าง
(disclaimer: อันนี้ดูแค่ jupiter นะ แต่ต้องจำไว้เสมอว่า ในทุก ๆ ช่วงเวลา ดาวทุกดวง transit ผ่านแต่ละ houses ในชาร์ท และอิทธิพลก็จะส่งผลต่อกันและกัน ถ้าจะให้ละเอียดและแม่นยำ ต้องลองไปปรึกษา astrologers จ้า)
Aries
your era has come!
เส้นทางชีวิต ความเข้าใจในตัวเอง เป็นช่วงที่จะได้เรียนรู้สิ่งที่มีค่าต่อการเติบโตของตัวเองแน่นอน ทำตามที่ใจเรียกร้องดูนะ when your body says yes but your brain says wait, maybe that's the right time to do it!
มีเรื่องดีในด้านสุขภาพร่างกาย บางรายอาจจะมีน้ำมีนวลขึ้นนะ มีโอกาสได้เดินทาง ได้ตอบคำถามชีวิตของตัวเอง
Taurus
เป็นช่วงที่ถ้าลองใช้เวลาอยู่กับตัวเองคนเดียว อาจจะมีผลดีกว่าได้ ลองหาความสงบให้ตัวเองดูก่อนนะ ทำสมาธิสวดมนต์ ground ตัวเองไปก่อน ถ้าใครประสบปัญหาแย่ ๆ ในชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วย ปัญหาเกี่ยวคน ให้คิดไว้ว่ามันใกล้จะดีขึ้น
Gemini
ความคาดหวัง ความฝัน ความสำเร็จ
jupiter จะไปส่งเสริมด้านนี้ในชีวิตของคุณแน่ ใครกำลังอยากจะทำอะไร ให้ลองหา mentor หรือเพื่อนฝูง คอนเน็คชั่นที่เกี่ยวข้อง พาตัวเองไปอยู่ในวงสังคมนั้น ๆ น่าจะได้รับความช่วยเหลือหรือแรงผลักดันแน่นอน
ถ้ามีโอกาสการแข่งขันอะไรเข้ามา ก็ทำให้เต็มที่นะ
Cancer
it's your time to shine! (career-wise!!)
นี่คือช่วงเวลาที่เป็นเหมือนยุคทองของการงานของคุณเลย! คงจะมีโอกาสดี ๆ เข้ามา ได้เลื่อนขั้นได้มีโอกาสทำโปรเจ็คที่น่าสนใจ และจะมีผลดีต่อ career ในระยะยาวแน่ อาจจะต้องแข่งขันหน่อย ต้องระวังจุดบอดที่เราคาดไม่ถึง แต่รับรองว่าถ้าสู้ก็จะมีผลดีแน่นอน แล้วอย่าลืมฉลองให้ทุก ๆ achievements ของตัวเองนะ มันจะช่วยปลุกกำลังใจให้เราได้ดีมาก
Leo
✈️🌎🌍
jupiter จะเข้าไปช่วยด้านการเดินทาง การเรียนรู้และการหาประสบการณ์ อาจจะมีโอกาสได้เดินทาง ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ผ่านการท่องเที่ยว หรือได้ไปเรียนต่อใครทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับ law/justice ก็อาจจะมีเรื่องดีทางนั้น
ให้พยายามมองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ในทุก ๆ วัน อาจจะเป็น achievements เล็ก ๆ ก็ได้ ลองททำสิ่งใหม่ ๆ ที่เราอยากทำมานานแต่ไม่กล้าดูนะ มันจะปลดล็อคสิ่งที่ติดขัดในใจได้
ถ้าใครเป็นสายศาสนา/spiritual นี่ก็เป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะได้ก้าวหน้าในด้านนี้ หรือใครอยากเรียนอะไรด้านนี้ก็จะดีมากเลย
Virgo
อิทธิพลอาจจะไม่ชัดมาก แต่ก็น่าจะมีเรื่องที่ดีในด้านการเงิน หนี้ ภาษี การลงทุน ร่วมททุนกับผู้อื่น บางคนอาจจะได้เงินคืนหรือได้มรดกอะไรบางอย่างก็ได้ แต่ก็ต้องระวังเหมือนกันว่าจะมีการใช้จ่ายออกไปเป็นจำนวนมาก พยายาม *breathe in breathe out* ทำใจให้สงบก่อนจะตัดสินใจทำอะไร สติมาปัญญาเกิดจ้า
Libra
คู่ - partner
ไม่ว่าจะด้านความรัก คู่ชีวิต คู่ธุรกิจ คู่แข่ง ช่วงนี้เรื่องคู่จะเป็นเรื่องที่สำคัญในชีวิตเลย แต่คุณก็คงรู้สึกตื่นเต้นแน่ บางรายอาจจะได้แต่งงานหรือได้เริ่มต้นธุรกิจใหม่ก็ได้ (หรือไม่แน่ อาจจะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นกับคู่ของเราแทน 😂)
Scorpio
สุขภาพร่างกายน่าจะดีขึ้น ใครที่มีปัญหาเรื้อรังอาจจะได้มีโอกาสการรักษาใหม่ ๆ มีความคืบหน้าทางนี้ บางคนอาจจะรับสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงเพิ่ม และถ้าใครมีลูกน้อง ช่วงนี้ก็คงได้เจอคนที่เข้าที ถึงจะเหนื่อยแต่ก็ไม่ปวดหัวมาก
ใครที่ทำงานสายสุขภาพน่าจะมีความก้าวหน้านะ
Sagittarius
fun time!
เป็นช่วงที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก let's just have fun 5555
ความสุขสนุกสนาน ความผ่อนคลายใจจะมาหาเราเองขอแค่ไปตามที่ใจเรียกร้อง เป็นช่วงเวลาที่น่าจะมี activities ต่าง ๆ ในชีวิตเข้ามาให้เรารู้สึกว่า damn life is good?? เพราะฉะนั้น ไปจ้า ไปหาอะไรททำ ไปลงเรียนคอร์สนั่นนี่ ไปเดินมิวเซียม อีเว้นท์ต่าง ๆ สร้างสรรค์งานคราฟท์งานศิลป์ ให้มันเกิดความสุนทรียะทางใจสักหน่อย ใครที่ชีวิตโฟกัสที่ arts/creatvity นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีมากกก
นอกจากนี้ก็ใครเล็งมีลูกช่วงนี้น่าจะมีข่าวดีนะ! ส่วนเรื่องความรักก็ถือว่ามีโอกาสเลยล่ะ แต่ต้องพยายามสื่อสารกันให้เข้าใจนะจ้ะ
Capricorn
jupiter จะไปส่งเสริมเรื่องบ้าน ครอบครัว น่าจะมีเรื่องดี ๆ ทางนี้นะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับชาร์ทด้วย บางคนอาจจะรู้สึกว่าชีวิตมีความเป็นหลักเป็นแหล่งมากขึ้น แต่สำหรับบางคนก็คือได้มีโอกาสซื้อบ้านสร้างบ้าน สร้างครอบครัวใหม่ก็ได้
Aquarius
อาจจะมีโอกาสได้เดินทางสั้น ๆ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ที่อาจจะทำให้เราอยากเรียนรู้มากขึ้น ญาติพี่น้องอาจจะให้โอกาสเราในการททำอะไรใหม่ ๆ ก็ได้ ช่วงนี้โอกาสและการขยับขยายจะมาจากสิ่งใกล้ตัวไม่ต้องมองไกล แต่ให้มองสิ่งรอบตัวเรา เพื่อนบ้าน ชุมชน คนในละแวกใกล้เคียง
ถ้าอยากเปลี่ยนอะไรแนะนำให้เปลี่ยนรูทีนชีวิตดูนะ อะไรที่เราทำเป็นประจำแล้วเราคิดว่ามันสามารถพัฒนาได้
อาจจะมีโอกาสได้ทำกิจกรรมทางศาสนาหรือ spiritual มากขึ้น
Pisces
$$$$$$
Tumblr media
abundance is here!! เงินมาแน่นอน ใครมีปัญหาการเงินก็จะดีขึ้น ใครไม่มีปัญหาก็จะมีโอกาสได้สั่งสมเงินให้มีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น
ใครที่ชอบสะสมของ ช่วงนี้อาจจะเจอของที่ทำให้ตาลุกวาวได้ เพราะงั้นก็ *breathe in breathe out* คิดก่อนจ่ายหน่อยนะ เงินที่ได้มาง่ายก็อาจจะทำให้เราจ่ายออกไปง่ายเช่นกัน อยากแนะนำให้มองในระยะยาวมากกว่า เพราะ saturn กำลังจะเข้า 1H แล้วจ้า เราต้องคิดเผื่อถึง sustainability ของสิ่งต่าง ๆ ทุกสิ่งที่เราทำแล้ว
แต่ยังไงก้ตาม การให้รางวัลตัวเองก็เป็นเรื่องที่ดี เราสนับสนุนให้ใช้จ่ายเพื่อสร้างความสุขให้ตัวเองจ้า
21 notes · View notes
dizzyinlime · 1 year
Text
Y2K?? What exactly is Y2K?
ในช่วงปีที่ผ่านมานี้เทรนด์แฟชั่น Y2K มาแรงมากกก มองไปทางไหนก็เห็นความ Y2K เต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นดาราอินฟลู หรือไอดอลก็พากันแต่งตัวด้วยมินิสเกิร์ต กางเกงยีนส์เอวต่ำ เสื้อครอปไซส์มินิ เสื้อสายเดี่ยวตัวจิ๋ว โทนสีก็ต้องชมพูบลิ้งค์ลายผีเสื้อ โทรศัพท์รุ่นโบราณก็กลับมาฮิต ทั้งหมดนี้คือการกลับมาของแฟชั่นยุคปีค.ศ. 2000 นั่นเอง!
แต่วันนี้หัวข้อที่เราจะมาพูดถึงไม่ใช่เทรนด์ Y2K ซะทีเดียว แต่เป็นการตั้งคำถามเกี่ยวกับเทรนด์นี้ เทรนด์ที่อ้างอิงยุคใดยุคหนึ่ง รวมไปถึงแฟชั่นกระแสหลักของแต่ละยุค (mainstream fashion)
คนที่ทันช่วงปี 2000-2005 อาจจะสงสัย ว่าทำไมภาพจำของแฟชั่นในยุคนั้นที่เขาประสบด้วยตัวเอง กับแฟชั่น Y2K ที่กลับมาใหม่ มันดูไม่คล้ายกันเท่าไหร่เลยนะ ก็เลยนำไปสู่การตั้งคำถามว่า
Y2K ที่แต่งกันอยู่ตอนนี้ ใช่ Y2K เดียวกับแฟชั่นยุค 2000 หรือ? และ Y2K คืออะไรกันแน่??
คำตอบสั้น ๆ คงจะให้ไม่ได้ มาลองอ่านคำตอบยาว ๆ ดูละกัน
Y2K คืออะไร
Y2K มาจาก Y2K Bug หรือคอมพิวเตอร์บั๊คที่อาจจะทำให้ระบบคอมพิวเตอร์มีปัญหาจากการเปลี่ยนจากปี 1999 เข้าสู่ปีค.ศ. 2000
Y2K ก็ไม่ใช่ Y2K ซะทีเดียว
สไตล์ Y2K ที่แต่งกันอยู่ตอนนี้ เป็นการรวมสไตล์ตั้งแต่ปลายยุค 90s จนถึงประมาณปี 2008 และคัดเลือกเอาสไตล์เด่น ๆ มาแปลงเป็นดีไซน์ที่เข้ากับยุค 2022 นี้ เพราะฉะนั้น inspirations ของ #เสื้อผ้าY2K ก็คือ aesthetics ในยุค 00s ไม่ว่าจะ Y2K, McBling, Surf Crush มายำรวมกันนั่นเอง 
Elite vs. Mainstream fashion
การแต่งตัวของดารา vs. การแต่งตัวของคนทั่วไป ดาราคนดังคือกลุ่มคนที่ทันทุกกระแสและสามารถเข้าถึงเสื้อผ้าที่สวยและฮอตฮิตที่สุด ซึ่งความคลาดเคลื่อนระหว่างแฟชั่นที่คนมีชื่อเสียงใส่แ��ะแฟชั่นของคนทั่วไปเป็นสาเหตุที่ทำให้ภาพจำของ Y2K ของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไป
และพอในปี 2022 เวลาคนเสิร์ชเกี่ยวกับ Y2K ภาพที่ขึ้นมาก็มีแต่ภาพคนดังที่ส่วนใหญ่แต่งตัวได้ดูดีมากแม้แต่ในยุคนั้นเอง (ก็แน่ล่ะ จะมีรูปของตาสีตาสาในยุคนั้นที่อินเทอร์เน็ตยังไม่แพร่หลาย social media ยังไม่เกิดได้ยังไงใช่มั้ยล่ะ) กลายเป็นว่าเกิดเป็น selection bias ขึ้นมา ซึ่งเสื้อผ้าที่เป็นไปตามแฟชั่นกระแสหลักสมัยนั้นอาจจะแตกต่างออกไปอยู่บ้าง
"Fashionable"
นอกจากความคลาดเคลื่อนระหว่าง elite vs. mainstream fashion แล้ว aesthetics ของ Y2K ยังถูกดัดแปลงเพื่อให้เข้ากับความ “fashionable” ของยุคสมัยนี้ด้วย อะไรที่คนหมู่มากมองว่าสวยก็จะถูกนำกลับมา ส่วนอะไรที่แปลก เฉิ่ม เชย ก็คัดมันทิ้งมันไว้ในอดีตนั่นแหละ 
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ลองดูภาพข้างล่างซึ่งถือว่าเป็นสไตล์ในช่วงต้นของยุค 00s ทั้งคู่ เชื่อว่าเราทั้งหลายจะ collectively agree ว่าภาพซ้ายสวยกว่า และภาพขวา ซึ่งก็คือ Y2K เช่นกันกลายเป็น risk-taking option แทน เพราะ 1. มันไม่ได้ดูดีในยุค 2022 และ 2. หลาย ๆ คนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสไตล์นี้ก็ Y2K เหมือนกัน เพราะถูก "คัดทิ้ง" ไปแล้ว ถึงแต่งไปก็ไม่ได้ดู "อินเทรนด์"
Tumblr media Tumblr media
Oh that's so Y2K (no it's not)
เมื่อสไตล์ Y2K กลับมาเป็นแฟชั่นกระแสหลัก หลาย ๆ คนก็อาจจะเสพข้อมูล style inspo จากดาราอินฟลูและแต่งตามนั้น ทำให้ความ Y2K-2022 edition ก็ถูกตีความใหม่ตามทุกรูปที่ถูกโพสต์ เพราะแฟชั่นเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอด มีการจับเอานั่นนี่มาผสมกันเรื่อย ๆ แถมยังมีประเด็นของ algorithm ของ social media ที่อาจจะทำให้เห็นรูปของเสื้อผ้าสไตล์ใดสไตล์หนึ่งมากขึ้น ทำให้ทุกคนค่อย ๆ สร้างความเข้าใจต่อเทรนด์นั้น ๆ ในแบบของตัวเอง
แฟชั่น Y2K-2022 edition เลยมีความหมายที่ต่างกันไปตามแต่ละ niche แต่ละ social media และตามแต่คนจะเลือกเอาองค์ประกอบใดองคืประกอบหนึ่งมา mix & match
ส่วนอะไรคือ Y2K ที่แท้จริง?? ทำไมต้องไปสนด้วยล่ะ แค่สนุกกับการแต่งตัวก็พอแล้ว จริงมั้ย? (ไม่ได้ประชดนะ อิอิ)
3 notes · View notes
dizzyinlime · 2 years
Text
A dive into LDR's birth chart and her music career
ปีนี้ฟังเพลง Lana Del Rey ไป 6,xxx นาที คิด ๆ ดูแล้วก็ชอบเพลงของเขามากเลยนะ และด้วยความที่เป็นผู้ศึกษา astrology ก็เลยอดใจไม่ไหว ต้องขอลองทำความเข้าใจศิลปินคนโปรดคนนี้ผ่าน astrology ดูหน่อย ไปเริ่มกันเลย!
Tumblr media
และนี่คือ birth chart ตามเวลาเกิดที่เจ้าตัวมาคอนเฟิร์มเอง (but we will never know if it's accurate or not lol. she's known to always keep changing things and doing the most unhinged stuff on the internet for a reason. )
Tumblr media
Sharing something deep and intense
scorpio rising
คือมีความ intense สามารถโฟกัสกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สุดๆ ได้  ต้องการ go to the bottom of everything และ lana มี water dominant ทำให้สามารถสื่อสารอารมณ์ที่ตัวเองรู้สึกออกมาได้ดี ให้คนอื่น relate ได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีความ intense มาก ๆ ด้วย จะเห็นได้จากในเพลงต่าง ๆ ที่มีมุมมองที่มีสื่อสารถึงความ toxic หรือด้านที่ไม่สวยงามนักของความสัมพันธ์ด้วย
scorpio - ruled by mars และ asc ruler in 9H 
9H = experience, publishing 
lana เลยมีมุมที่ค่อนข้างต้องการ experience new things และอยากจะเผยแพร่มุมมองของตัวเองให้คนอื่น 
Songwriter of the decade
mercury in cancer and in phasis (heliacal rising)
mercury เกี่ยวกับการสื่อสาร และในราศี cancer คือราศีธาตุน้ำ และจะเห็นได้ว่า lana สามารถสื่อสารและใช้ภาษาในการสื่ออารมณ์ได้ดีมาก เนื้อเพลงต่าง ๆ เต็มไปด้วยภาษาที่มีลูกเล่นชั้นเชิง สื่อสารเปรียบเปรยและมีการกล่าวถึงบุคคลหรือเหตุการ์อื่น ๆ เพื่อสร้างเรื่อวราวออกมาเป็นเพลงที่สมบูรณ์
และเพราะ mercury in phasis ทำให้พลังงานของกาวนี้เข้มข้นในชีวิต จะเห็นว่าในชีวิต ธีมการสื่อสารจะมีขึ้นมาเรื่อย ๆ ซึ่ง lana ไม่ได้ร้องแค่เพลง ยังมี poetry ต่าง ๆ ด้วย 
An old soul
saturn in 1H
saturn คือ control, fear, structure, time, isolation อยู่ใน 1H คือหมายถึงเส้นทางชีวิตจะมีเรื่องเหล่านี้เข้ามาเกี่ยวด้วย หรือมันสำคัญต่อชีวิตมากๆ เพราะ 1H คือ self สิ่งที่เห็นชัดคือความรู้สึกแปลกแยกที่ lana รู้สึก ในวัยเด็กเหมือนจะมีปัญหา making friends ด้วย 
saturn = old ด้วย ซึ่ง lana มี vibes 60s, 70s เยอะมาก ชอบมองย้อนไปในอดีต มองว่าตัวเองเปน an old soul
Personas
sun-neptune 
ในแง่หนึ่งนี่หมายถึงการสร้าง illusion ของตัวเองขึ้นมา สร้างภาพลักษณ์ในจินตนาการ คือการสร้าง stage name Lana del rey เป็นชื่อที่ reminded us of “the glamour of the seaside” 
ในอีกด้านคือ tendency to escape from self นี่ก็อาจจะหมายถึงช่วงที่ lana มี drinking problem ในช่วงวัยรุ่น แต่โดยรวมก็ถือว่า lana มีการแยกตัวเองออกจาก persona ที่สร้างขึ้น มีการบิดเบือนความจริงบางอย่าง  สร้างมายาคติขึ้นมา 
นอกจากนี้ neptune ยังหมายถึงการหลอก หลายๆ เพลงก้มีธีมการปลอบใจตัวเองซึ่งมันก้กึ่งๆ การหลอกตัวเองนั่นแหละ
Obsession with death
8H chiron, sun trine pluto, pluto 1H
มีอะไรหลายๆ อย่างที่บ่งบอกถึง death อย่าง 8H ตรงๆ ความหมายหลักคือ death, loss ซึ่ง chiron 8H ที่ gemini อาจจะหมายถึงการที่ lana ค่อนข้างจะ preoccupied with death เหมือนคิดมันอยู่ตลอด  discuss กับตัวเอง เปนแนว philosophical ด้วยตามที่ lana ว่าเลย
sun-pluto ยังหมายถึงการที่ lana เข้าใจใน dark, deep, taboo sides ได้อย่างง่ายดาย และสามารถ tolerate มันได้ มีหลายเพลงมากที่พูดถึง เช่น ใน ultraviolence 
Deep interest in god and science
“I was interested in God and how technology could bring us closer to finding out where we came from and why’
asc square jupiter, moon opposite jupiter
Jupiter = belief, god
moon = nurturing 
opposition คือความรู้สึกแบบ see saw เพราะ planets อยุ่ทั้งสองขั้ว ซึ่งพอเกิดใน leo-aqua axis ที่เปน fixed signs และพูดถึง self vs. group แล้ว lana อาจจะพยายามหาตรงกลางระหว่าง sense of security ของตัวเองกับความเชื่อที่กลั่นกรองมาจากสังคม หรือคนอื่น
lana โตมาแบบ religious พอสมควร และตัว lana ก้ให้ความสำคัญมากๆ มีการพยายามหาแนวคิดความเชื่อที่ตัวเองศรัทธาด้วยจริงๆ หลายๆ เพลงคือพูดถึง god หรือความเชื่อตลอด และยังเป็น 9H sun/mercury/mars คือหลายๆ อย่างในชีวิตจะรีเลทกับ belief system 
9H = religion, belief 
Accommodating to the other person in the relationship
t-square moon-venus-jupiter
ความจริงในหลายๆ เพลงของ lana จะมีธีมของการปรับตัวเองเพื่ออีกฝ่าย ละทิ้งบางส่วนของตัวเองเพื่อความสัมพันธ์ eg. video games, without you, chemtrails. 
ซึ่ง aspects ที่ทำให้มีลักษณะประมาณนี้คือ moon-venus  มันคือการที่ความสบายใจของเราผูกอยู่กับ others ถ้ามีอะไรมากระตุ้นหรือต้องเลือก ก็พร้อมจะอ่อนให้เขา แต่เพราะ lana ก้มี venus-jupiter เลยมีด้านที่ต้องการอิสระ  pleasure ความสุขต่างๆ ต้องการความรักในทุกแง่มุมของชีวิต 
ท้ายที่สุดแล้ว t-square นี้ใน taurus-leo-aquarius มันคือการตามหาความสบายใจ sense pf security ของชีวิตผ่านความรักหรือความเชื่อนั่นเอง
Money, Power, Glory
venus-saturn
saturn = power, control
venus opposite saturn เป็นการที่มองว่าความรักต้องมี structure หรือมาพร้อมกับ control บางอย่าง มีมมุมมองความรักที่ค่อนข้างจริงจัง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการหลักฐานอะไรบางอย่างจากความรักด้วย  venus-saturn เลยมีด้านที่โฟกัสกับ materialism ด้วย และ venus-jupiter ยังหมายถึงการยึดติดกับ wealth ทำให้หลายๆ เพลงมีธีมของ อำนาจ/status อย่าง money, power, glory คือตรงๆ เลย
นอกจากนี้ saturn = time ซึ่งหมายถึงการชอบคนมีอายุ หรือการชอบสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตด้วย อันนี้ก็ชัดเจนในหลายๆ เพลง
Concept of love
taurus venus 7H conjunct north node
ความรักแบบ taurus คือการรู้สึกถึงรักจาก surrounding รักในตัวเอง รักในชีวิต รักในความสบาย 
NN เป็นตัวที่ intensify ทำให้เกิดการหมกมุ่น เพิ่มพูนเอเนอจี้ให้ชัดยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่ง venus in taurus เป้นเอเนอจี้ที่ดีเพราะ domicile จะเห็นได้ว่า lana ก้มีมุมที่ค่อนข้าง self-love การหาความสุข มองเห็นความสวยงามของรักผ่านสิ่งรอบตัว ไม่จำเป็นต้องเป็นรักที่มีให้คนอื่นอย่างเดียว แต่เพราะมันเป็น 7H หลายๆ ครั้งก็อดไม่ได้ที่จะเอาตัว love ไปโยงกับ others 
ถ้ามองถึง south node ก้จะเหนว่า asc-SN ซึ่งก้คือ sense of self ของ lana อาจจะไม่ค่อยชัด เลือกเอาคนอื่���มา define ตัวเอง อีก aspect คือ sun square juno การได้เป็นหนึ่งเดียวกับคนอื่น
โดยรวมแล้วเ lana มี high expectation กับความสัมพันธ์ เลยมีการอ่อนให้คนอื่น accomodate เพื่อรักษาความสัมพันธ์ แต่ก้มีด้านที่พยายามจะ self-love ด้วย
Timing technique: zodiacal releasing
2011-2013 breakthrough = ช่วง peak period ที่มี sub-period เปน Aquarius ที่มี sect benefic jupiter อยู่ ถือเป็นช่วงที่ดีมากๆ หลายๆ อย่างบ่งบอกว่าน่าจะประสบความสำเร็จ ซึ่งก็ตรงกับช่วงที่ปล่อย video games ที่ได้รับกระแสดีมาก จนสุดท้ายมาเปนบั้ม Born to die กับ paradise edition 
Paradise edition คือได้ grammy nomination ด้วย ตรงกับ LB ในช่วง sub-period aquarius ซึ่งเปนการเปลี่ยนที่บ่งบอกว่าน่าจะมีอะไร positive พอสมควร แต่ไม่สุด เพราะยังไงก็เป็นแค่ sub-period ไม่ได้มาแบบเต็มรูปแบบ
3 notes · View notes
dizzyinlime · 2 years
Text
Aspects in Hellenistic astrology
Ptolemic aspects ได้แก่
0 = conjunction
60 = sextile
90 = square
120 = trine
180 = opposition
แต่ใน hellenistic astrology มีคอนเซ็ปท์ของ sign based aspects คือการที่พอดาวเคลื่อนเข้าสู่ราศีใดราศีหนึ่ง มันก็จะทำมุมกับดาวที่มันสามารถ configure ถึงได้ทันที โดยไม่ต้องมีองศาการทำมุมที่ค่อนข้างเป้ะ 
ซึ่งถ้าเรามาย่อยดู จะเห็นได้ว่า 
conjunction/copresent = aspect ที่อยู่ในราศีเดียวกัน
sextile = aspect ที่ห่างกัน 3 ราศี 
square = aspect ที่ห่างกัน 4 ราศี 
trine = ห่างกัน 5 ราศี 
opposition = ห่างกัน 7 
ที่มีแค่นี้เพราะคอนเซ็ปท์ของ aspects มาจากการมองเห็น ซึ่งดาวจะ “เห็น” กันได้นั้นก็จะต้องมีความคล้ายกันบางอย่าง ซึ่ง sextile & trine จะนับเป็น soft aspects ส่วน square & opposition จะเป็น hard aspects 
ใน conjunction คือชัดเจนว่า sign เหมือนกัน บางทีถ้าใน sign-based ก็จะใช้คำว่า copresent มากกว่า เพื่อบ่งบอกว่าความจริง orb คือความห่างของมุมมันยังห่างกันมากๆ อยู่ โดยรวม conjunction คือความหมายและคุณลักษณะของ planets ก็จะผสมๆ กัน 
sextile จะมี polarity ก็คือมีด้าน yin/yang เหมือนกัน ทำให้สามารถเข้าใจกันได้อยู่ ว่าต่างฝ่ายมีมุมที่ active หรือว่า receptive มากกว่า แต่ก็จะต้องใช้ความพยายามในการดึงทั้งสองออกมาใช้ร่วมกันแบบ constructively เพราะมันค่อนข้าง weak
square จะมี modality เหมือนกัน ได้แก่ cardinal/ fixed/ mutable แต่เพราะไม่ได้มี polarity หรือธาตุเดียวกัน ก็เลยแสดงออกมาในรูปแบบความขัดแย้ง 
trine จะมี element หรือธาตุเหมือนกัน ได้แก่ fire/air/water/earth และยังมี polarity yin/yang เดียวกัน ทำให้สามารถเข้าใจกันและกันได้ดีมาก aspect นี้เลย harmonious ที่สุด แสดงถึง potential ที่สามารถทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ
opposition คืออยู่คนละมุมของ axis ถึงจะมี polarity และ modality เหมือนกัน แต่เพราะต่างฝ่ายอยู่ตรงกันข้ามเลยมีแนวโน้มว่าจะแสดงออกด้านใดด้านหนึ่งมากกว่า opposition เลยเหมือนเป็นกระดานหกที่จะต้องบาลานซ์ให้ดี 
นอกจาก sign-based แน่นอนว่าก็มี degree-based aspects ด้วยอยู่แล้ว ถ้ามุมเป้ะมาก เช่น 23 degree taurus sextile 23 degree cancer แบบนี้เรียกว่า partile คืออยู่องศาเดียวกันเลย นอกจากนี้ก็จะมีที่ orb ไม่ห่างเกินไป เช่น 23 degree taurus sextile 25 degree cancer อันนี้มุมที่เป้ะๆ จะห่างกัน 2 องศา  
orb ของ planets ต่างๆ ก็จะไม่เท่ากัน และ aspects ก็ไม่เท่ากันด้วย แต่อันนี้แล้วแต่คนใช้ แต่ส่วนใหญ่จะให้ 
sun = 15 degree (ทั้งสองฝั่ง รวมเป็น 30 องศาที่มี sun อยู่ตรงกลาง แต่บางคนก็นับแค่รวม 15 เลยเป้น 7.5 degree จากทั้งสองฝั่ง)
moon = 13 degree เพราะเคลื่อนที่เร็ว
ดาวอื่นๆ จะประมาณ 6-7 degree
(แต่มีรายละเอียดเพิ่มเติมตรงนี้จะบอกทีหลัง)
ซึ่งถ้าดูตามนี้ จะเห็นได้ว่าบางทีมุมบางมุมอาจจะตีความได้สองแบบ ตามตัวอย่างในรูป ถ้าตาม orb จะยังถือว่า moon square jupiter เพราะห่างกัน 7 องศา ก็จะ square กันเป้ะๆ แล้ว แต่พอดูแบบ sign-based แสดงว่าสองดาวนี้ trine กัน ซึ่ง square vs. trine มันคนละอย่างกันเลย การตีความตรงนี้เลยเป็นไปได้ทั้งสองแบบ ไม่ได้ harmonious ที่สุด แต่ก็ไม่ได้ขัดแย้งเกินไปเช่นกัน 
Bonification & Maltreatment
เป็นการใช้การทำมุมในการดูว่า planets จะมีคุณภาพ หรือมีความสามารถในการทำหน้าที่ของมันมากน้อยแค่ไหน อย่างที่เคยบอกไปแล้ว traditional astrology เน้นที่คุณภาพของสิ่งต่างๆ ในชีวิต 
0 notes
dizzyinlime · 2 years
Text
Annual profection
ใครที่พอเข้าใจ astrology ก็คงเคยได้ยินคำนี้ profection คือการที่ธีมของชีวิตเราจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในแต่ละปีตาม 12 houses เริ่มจาก rising sign ที่ 1 house ตอนอายุ 0-1 ปี และไปเรื่อยๆ จนครบรอบตอนอายุ 11 ปี ที่ 12H ถือเป็น predictive technique ที่จะช่วยให้รู้ว่าเราสามารถ expect อะไรได้บ้างในปีนั้นๆ
เริ่มจาก rising sign ที่ 1 house ตอนอายุ 0-1 ปี และไปเรื่อยๆ จนครบรอบตอนอายุ 11 ปี ที่ 12H
เทคนิคนี้มีมาตั้งแต่ยุคแรกๆ ของ astrology เลย เพราะฉะนั้นก็ค่อนข้างจะ powerful ทีเดียวเพราะผ่านการเก็บสถิติแพทเทิร์นมานานขนาดนี้แล้ว 
Profection มีหลักสำคัญก็คือต้องดูคือ
ในปีนั้น house ไหนของเราถูกแอคทิเวท 
Time lord คือดาวไหน��
ในปีนั้น time lord มี transit ยังไง มี aspects กับดาวไหน
มีดาวไหนจะ transit ผ่าน profection house/ time lord
อธิบายเพิ่ม 
profection house ก็ตามอายุเลย ดูในรูปในทวีตแรกได้ นับรอบ cycle ที่ 0-11 ปี อย่าเข้าใจผิดเป็น 1-12 ปีนะ เช่น อายุ 23 ก็คือ 12H profection ดูความหมายความของ houses ได้ตามนี้
Time lord อันนี้ดูตาม ruler of the sign ว่า house ที่ว่าอยุ่ใน sign ไหน อันนั้นก็แล้วแต่ใครใช้ house system ไหนนะ ของเรา whole sign ก็คือนับตามราศีไปได้เลย ไม่ต้องดู cusp เช่น Leo rising ตอนอายุ 23 ก็คือ cancer 12H ตามนี้ time lord ก็คือ moon เพราะ moon rules cancer
condition ของ time lord ตาม natal chart จะส่งผลต่อแนวโน้มบวกหรือลบของปีนั้นๆ อันนี้ก็คร่าวๆ ตาม essential & accidental dignity คือ
อยู่ใน positions ที่ดีมั้ย (domicile, exaltation, triplicity rulership, terms, decans, etc.) 
มี harmonious aspects กับ benefics มั้ย
อยู่ใน good houses มั้ย
Direct? increasing in speed?
ตาม transit ก้ดู
ดาวไหนจะเคลื่อนผ่าน timelord / profection house ตามโพสิชั่น natal chart
ดาวไหนจะทำมุมกับ transiting timelord ในรอบปีนั้น
มี hard aspects (square, opposition) หรือ harmonious aspects (sextile, trine, conjunction in some cases)
ตาม traditional astrology จะเริ่มนับ effect ตาม sign-based aspect เลย 
ตัวอย่างของเราตอน 9H profection คือเกี่ยวกับการเรียนมหาลัย เป็นปีที่ตัดสินใจ academic leave ซึ่ง time lord ในปีนั้นคือ mars เป็น out-of-sect malefic ของเรา เป็นปีที่แบบแย่มาก หดหู่สุดๆ ในเรื่องการเรียน พราะอยากย้ายสาย แล้วช่วงที่ mars transit เข้ามาใน 9H sign-based opposite natal saturn คือเราไม่ไหว ตัดสินใจเลยว่าจะ LOA 
0 notes
dizzyinlime · 2 years
Text
Horary Chart 
ช่วงนี้ใช้ horary chart บ่อยมาก เลยขอมาพูดถึงหน่อย ปกติถ้าจะใช้ astrology ถามอะไรที่มัน specific ก้จะใช้ horary เช่น จะได้คบกับคนที่คุยอยู่มั้ย จะได้งานมั้ย จะสอบติดมั้ย 
เพราะ natal, transit, secondary progressions chart etc. มันบอกดวงแบบรวม ๆ ไม่มีอันไหนที่ pinpoint คำถามแบบนี้ได้จริง ๆ  
อธิบายง่าย ๆ natal chart บอกพื้นดวง transit chart บอกแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงหรือเอเนอจี้ในขณะนั้นๆ เป็นภาพดวงรวมๆ ซึ่งก้ขึ้นอยุ่กับพื้นดวงตาม natal chart ส่วน progressed chart ก้คือการเปลี่ยนแปลงตามการเติบโตของเรา 
horary chart จะใช้เวลาที่ผู้ถามถามคำถามมาดู เพราะมีแนวคิดว่าเวลาของการเริ่มต้นของอะไรบางอย่างสามารถบอกถึงผลลัพธ์ของสิ่งนั้นได้ (เช่น การดูฤกษ์) งั้นเวลาที่ถามคำถามก้จะสามารถบอกถึงผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องกับคำถามนั้นได้ และถ้าจะให้ดี astrologers ควรพยายามทำความเข้าใจคำถามนั้นจริงๆ อย่าให้มัน vague เกินไป
อย่างหนึ่งที่อยากพูดถึงคือ house system ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการอ่าน horary เลย เพราะการแบ่ง houses ก็มีผลต่อการตีความมาก ส่วนตัวเราใช้ whole sign house อยู่แล้ว แต่หลาย ๆ คนก็อาจจะเห็น house system ที่ชื่อว่า regimontanus ใน horary บ่อย ๆ เหตุผลก็คือ astrologer William Lily ซึ่งเป็นผู้ที่โด่งดังและวางรากฐานหลายอย่างให้ horary astrology เลือกใช้ regimontanus
พอถามแล้วก็มาดูว่าการเคลื่อนที่ของดวงดาว ณ ขณะนั้นเป็นยังไง (สามารถเสิร์ช chart of the moment ได้เลย)
พอได้ชาร์ตมาแล้วสิ่งที่ดูก็คือ significator(s) ซึ่งก็คือดาวที่จะบ่งบอกถึงคำตอบได้ ซึ่งต้องแม่นความหมายของ houses มาก ๆ เลย เพราะ significators จะมาจากดาวที่ปกครองราศีที่อยู่ใน houses ต่าง ๆ
เช่น ถ้าถามว่า “จะได้คบกับคนคุยมั้ย” ก็ดู 1H ruler (self) กับ 7H ruler (other, partner) ตามชาร์ทตัวอย่างก็จะเป็น mercury (gemini) กับ jupiter (sag) ตามลำดับ
Tumblr media
ถ้าเป็น “จะได้งานมั้ย” ก็ดู 1H ruler (self) กับ 10H ruler (career) และ 7H ruler (enemy/competitor) คือ mercury กับ jupiter
ดาวอีกดวงที่สำคัญมากคือ ดวงจันทร์ (moon) เพราะดวงจันทร์เคลื่อนที่เร็วมาก ในบริบทนี้เลยหมายถึง การเปลี่ยนแปลงต่างๆ activity ที่จะเกิดขึ้น vitality ความเป็นไปของสิ่งที่ถาม ซึ่งบางทีการเคลื่อนที่ aspects (การทำมุม) condition (dignified or debilitated) ของพระจันทร์สำคัญกว่า significators อีก
แนวโน้มจะออกมาดีถ้า significators และ moon อยู่ใน conditions ที่ดี และ moon มี aspects กับ significators มั้ย
conditions ที่ดี คืออยู่ใน domicile ราศีที่ดาวนั้นครอง exaltation ราศีที่ถูกยกย่อง หรือ ทำมุมที่ดีกับ benefics (e.g. conjunction, sextile, trine to venus and jupiter) ถ้า signicators อยุ่ในคอนดิชั่นที่ไม่ดีก็มีแนวโน้มผลลัพธ์แย่มากกว่าดี แล้วก็ดูที่ moon ต่อ
ตรงกันข้ามถ้า moon อยู่ใน conditions ที่ไม่ดี แนวโน้มคือแทบจะฟันธงได้เลยว่าไม่สำเร็จ 
conditions ที่ไม่ดี คือ moon in capricorn (detriment), moon in scorpio (fall), moon void of course (modern definition คือ การที่ moon ไม่ได้เคลื่อนที่เข้าหาเพื่อทำมุมกับดาวดวงไหนเลยจนกว่าจะเปลี่ยนเข้าราศีถัดไป) 
มาลองดูตัวอย่าง สมมุติคำถามคือจะได้งานมั้ย
ตามชาร์ตนี้ mercury แทนตัวผู้ถาม jupiter แทนงาน ซึ่ง mercury อยู่ในคอนดิชั่นที่แย่ (detriment) หมายถึงผู้ถามไม่ได้มีอะไรที่ได้เปรียบในการสมัคร และอาจจะเสียเปรียบผู้แข่งขันอื่น ๆ ด้วยซ้ำ jupiter in domicile in pisces คืองานนี้เป็นงานที่ค่อนข้างดี มีโอกาสได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย ได้สร้างสรรค์หรือได้คอนเน็คชั่น (pisces)
0 notes
dizzyinlime · 2 years
Text
lot/part in astrology
อยากลองพูดถึง lot/part ดูบ้างเพราะเห็นหลาย ๆ คนเริ่มสนใจกันมากขึ้น
หลายคนอาจจะเคยได้ยินคนเรียก lot/part ว่า arabic parts แต่ความจริงก็เริ่มใช้มาตั้งแต่ยุค hellenistic แล้ว ซึ่งก็เก่าแก่กว่ายุค arabic หลายร้อยปีเลย
lot หรือ part คือเทคนิกการคำนวนจุดสมมุติโดยใช้ตำแหน่งของดาวหรือมุมต่าง ๆ เพื่อหาจุดที่จะสามารถบอกถึงประเด็นหรือหัวข้อของชีวิตที่เกี่ยวข้องกับดาวนั้น ๆ ได้ วิธีการคำนวนก็เหมือนสมการทางคณิตศาสตร์เลย คือจะเป็นรูปแบบนี้
Lot = Personal Point + Significator - Trigger
ซึ่ง Personal Point, Significator, Trigger อาจจะหมายถึงจุดหรือดาวดวงไหนใน birth chart ของเราก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น ascendant, sun, venus และอื่น ๆ ก็คือทุกจุดทุกดาวเลย ซึ่งการวางตำแหน่งว่าจุดไหนเป็นอะไรระหว่าง Personal Point, Significator, Trigger ก็เป็นหัวข้อี่ลึกลงไปอีก ยังไม่ต้องสนใจก็ได้ ลองดู formula ที่มีอยู่ตอนนี้ได้ที่ หน้านี้
ตามที่บอกไป lot ที่เราคำนวนได้ จะมีความหมายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราใช้ในสมการ เช่น ถ้าเราใช้ดาวศุกร์ในการคำนวน lot ที่เราคำนวนได้ ก็น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับความรัก ความสัมพันธ์ ความสวยงาม การเงิน ศิลปะหรือความสุขสบาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับดาวศุกร์
lot ที่ใช้กันมาก ๆ ก้มี lot of fortune, lot of spirit, eros และ marriage
สำหรับ lot of fortune โปรแกรมส่วนใหญ่คำนวนให้อยู่แล้วเวลาเราคำนวน birth chart จุดนี้คำนวนจากระยะทางของ sun และ moon (ชาร์ทกลางวัน sun to moon กลางคืน moon to sun) สูตรการคำนวนจะเป็นตามนี้
Lot of Fortune = ASC + Moon - Sun (day chart)
Tumblr media
lot of fortune (LoF) บอกถึงร่างกายของเรา การงาน life direction ชื่อเสียง และ possessions รวมไปถึงโชคลาภตามชื่อเลย
lot of spirit (LoS) คำนวนตรงข้ามกับ fortune ความหมายก็เป็นคู่ตรงข้าม คือ อารมณ์ soul, mind
ซึ่ง LoF กับ LoS เป็นสองจุดสำคัญที่เอาไว้ใช้ในเคนิก zodiacal releasing ไว้ดูช่วงเวลาว่าอยู่ในพีเรียดไหน พีคไม่พีค ดีไม่ดี ในด้าน life direction สิ่งที่เราลงมือทำและจังหวะชีวิตหรือโชคที่จะมาส่งเสริมเรา
Lot of eros ก็คือเกี่ยวกับ desire, love, friendship 
Lot of marriage ก็ตรงตัวเลย การแต่งงานนั่นแหละ
Lot of necessity เกี่ยวกับ constraints หรือปัญหา อุปสรรคในชีวิต เป็นจุดที่ยากในการดำเนินชีวิต
ยังมีอื่นๆ เช่น lot of sudden luck, lot of nemesis, lot of father, mother, siblings, children etc. ซึ่งเป็นตัวช่วยในการพื้นดวงในเรื่องต่างๆ โดยดูจาก sign และ ruler ว่าอยู่ในจุดที่ดีหรือไม่ดี มี aspects ที่ดีหรือแย่ เพื่อจะบอกว่าเรามีโชคในด้านนั้น ๆ มากน้อยแค่ไหน 
แต่ยังไงก็ตาม lot ต่างๆ เป็นแค่ตัวช่วยในการอ่าน astrology ซึ่งถ้าจะดูหัวข้ออะไรก็ตาม เราก็ยังต้องดู indicators หลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะ sign/house/ruler จะดูแค่ lot อย่างเดียวก็ไม่แน่ว่าจะแม่น แต่การเติม lot เข้ามา ก็ช่วยให้เห็นถึงความซับซ้อนของการตีความหัวข้อต่าง ๆ ในชีวิต และยังสามารถใช้ต่อยอดไปในเทคนิกอื่น ๆ เช่น zodiacal releasing ได้ด้วย
(repost from my archive)
0 notes
dizzyinlime · 2 years
Text
dizzy
life was great for a moment.
and now i'm here trying to chase that "moment" again.
it seems like i can't really remember how it felt? and it was just 5 hours ago.
life is werid, i mean weird. (always spell it wrong. sigh.) i can find meaning i anything but at the same time i can't remember it. i can't memorize my past, and i don't appreciate my present. i'm always hoping for the best future while living in an escapism, not really acknowledging the good, the bad, or the so-so of anything. only chasing that instant gratification, doom scrolling my minutes away.
i attach myself to everything in passing, "like omg that's so me."
and i detach my presence, my emotion, my joy. i barely feel, and most of the time im feeling dizzy.
in my own head, i can be anything. so why get out of it, right?
to every iota of sensory that comes crashing my way, i'm grateful, i guess? please feed my greedy consciousness, at least until tonight. for i'll go to sleep, feeling melancholic and ashamed, and wake up to either repeating yesterday, or guilting myself to go on a short spree of false productivity.
sigh. i hereby declare myself alive.
1 note · View note