Tumgik
healthealthz · 2 years
Text
ถุงยางอนามัยสองชั้น ดีหรือไม่
ถุงยางอนามัย ถือเป็นการป้องกันเอชไอวีที่ปลอดภัยและถูกวิธีที่สุด คือ การสวมถุงยางอนามัย เพียงชั้นเดียวเท่านั้น ไม่แนะนำให้สวมถุงยางอนามัยถึงสองชั้น เพราะอาจจะทำให้เกิดการเสียดสีของถุงยางอนามัยแต่ละชั้นไปมา ขณะที่กำลังมีเพศสัมพันธ์อยู่ กลายเป็นเพิ่มโอกาสทำให้ถุงยางอนามัยแตกหรือรั่วซึมได้ ซึ่งจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีได้มากขึ้น ที่สำคัญวิธีการเหล่านี้ไม่ได้ช่วยป้องกันแต่อย่างใด และถือเป็นความเข้าใจผิดในบางกลุ่มคนเสียด้วยซ้ำ
Tumblr media
วิธีการสวมถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง
ฉีกซอง ถุงยางอนามัย ออกมาแล้วเลือกด้านที่ถูกต้อง โดยเลือกด้านที่มีกระเปาะไว้ด้านนอก
ใช้นิ้วมืออีกข้างบีบบริเวณหัวของถุงยางอนามัยเพื่อไล่อากาศ
ควรแน่ใจก่อนว่าอวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่แล้วก่อนที่จะสวมถุงยางอนามัย
เมื่อสวมแล้วรูดถุงยางอนามัยลงมาจนสุด เพื่อป้องกันการหลุดออกในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์
ก่อนสอดใส่ตรวจดูให้แน่ใจว่าถุงยางอนามัยไม่เสียหาย ปลายถุงยางอนามัยไม่มีรอยรั่วหรือแตกออก บริเวณขอบที่รูดลงมาไม่มีรอยฉีกขาด
เมื่อเสร็จกิจแล้วควรถอดถุงยางอนามัยในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ เพื่อไม่ให้มีการหกเลอะเทอะ โดยใช้มือดึงออกจากส่วนโคนก่อน ดึงออกอย่างระมัดระวัง และอาจจะใช้กระดาษชำระห่อก่อนนำไปทิ้ง ควรใช้ถุงยางอนามัยเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากจะมีเพศสัมพันธ์อีกรอบควรเปลี่ยนอันใหม่ เนื่องจากประสิทธิภาพของการป้องกันโรคจะลดลงหากใช้อันเดิม เก็บถุงยางอนามัยไว้ให้พ้นแสงแดดหรือที่ร้อนชื้น และควรตรวจเช็ควันหมดอายุก่อนนำมาใช้ทุกครั้ง
ข้อดีของการใช้ถุงยางอนามัย
หาซื้อง่าย ไม่จำเป็นต้องมีใบสั่งแพทย์ ถุงยางอนามัย มีแจกจ่ายตามโรงพยาบาลและที่สาธารณะทั่วไปไม่มีผลข้างเคียงในการใช้คุมกำเนิดเหมือนการทานยาคุมกำเนิดของผู้หญิง ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพราะน้ำอสุจิ เชื้อโรค หรือแบคทีเรียต่าง ๆ ไม่สามารถทะลุผ่าน ถุงยางอนามัย ได้ยกเว้น ถุงยางอนามัย ที่ผลิตมาจากลำไส้ของสัตว์เท่านั้น สามารถมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ฝ่ายหญิงมีประจำเดือนหรือที่เรียกกันว่าฝ่าไฟแดงได้ (ไม่แนะนำ) ป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกให้แก่ฝ่ายหญิง ราคาถูกและปลอดภัยกว่าการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นการสวมใส่และใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีลดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ถึง 98% มีหลายรูปทรง หลายกลิ่น หลายสี สามารถเพิ่มพูนความสุขระหว่างร่วมรักได้ง่าย
Tumblr media
ข้อเสียของการใช้ถุงยางอนามัย
อาจเกิดอาการแพ้ คัน และผื่นแดงขึ้น มีอาการแพ้ได้ทั้งชายและหญิงแต่ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด สามารถทานยาแก้แพ้หลังจากเสร็จสิ้นการมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ทางที่ดีควรเปลี่ยนถุงยางอนามัยเป็นชนิดที่ไม่เกิดอาการแก้ดีกว่า อย่างเช่น ถุงยางอนามัย ที่ผลิตมาจากโพลียูรีเทนราคาแพงไปสักนิดแต่ก็ดีกว่ามานั่งทานยาแก้แพ้อยู่เรื่อย ๆ การสวมใส่ ถุงยางอนามัย ผิดวิธีหรือไม่ระวังมีโอกาสทำให้ลื่นหลุดหรือฉีกขาดทำให้การร่วมรักสะดุดกึก ไม่ต่อเนื่อง ดูไม่เป็นธรรมชาติ ยิ่งมือใหม่ใส่ไม่ช่ำชองจะพาลหมดอารมณ์ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง เมื่อหลั่งเชื้ออสุจิเรียบร้อยแล้ว ต้องรีบถอนออกมาถอด ถุงยางอนามัย ด้วยความระมัดระวัง การปลอดแช่ทิ้งไว้ที่อวัยวะเพศหญิงอาจจะทำให้ถุงยางอนามัยหลุดออกคาช่องคลอด
Tumblr media
ใครที่เหมาะที่จะใช้ถุงยางอนามัย
ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นที่มิใช่สามีภรรยาของตน ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ชั่วครั้งชั่วคราวไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือมิตั้งใจก็ตาม ผู้หญิงและผู้ชายที่ต้องการคุมกำเนิด การใช้ ถุงยาง เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ปลอดภัย รวดเร็ว และมีราคาถูกที่สุด ถุงยางอนามัย สามารถใช้ได้ไม่จำกัดเพศจำกัดวัย โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นที่เป็นวัยคึกคะนองควรใช้ ถุงยางอนามัย ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
Bestbuycondom ถุงยางอนามัย เจลหล่อลื่น แบบอึดชะลอหลั่ง แบบเจลหล่อลื่น หลายยี่ห้อเหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ จึงมั่นใจได้ในคุณภาพจากของไทยและนำเข้าจากญี่ปุ่น
0 notes
healthealthz · 2 years
Text
ถุงยางกับความปลอดภัย
ถุงยางอนามัย มาจากภาษาละติน แปลว่า ภาชนะที่รองรับ ทำด้วยวัสดุจากยางพารา หรือโพลียูรีเทน โดยฝ่ายชายเป็นฝ่ายใช้สวมครอบอวัยวะเพศของตนเอง สามารถช่วยป้องกันการตั้งครรภ์และช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส หนองใน และเอดส์ได้
Tumblr media
ประวัติถุงยางอนามัย
มีหลักฐานการใช้ถุงยางอนามัยครั้งแรกในประวัติศาสตร์อย่างน้อยเมื่อ 400 ปีที่แล้ว โดยปรากฏหลักฐานว่าเริ่มมีการใช้ถุงยางอนามัยในแถบยุโรป ปี ค.ศ. 1861 ได้มีโฆษณาเกี่ยวกับถุงยางอนามัยเกิดขึ้นครั้งแรกทางหนังสือพิมพ์ The New York Time ในสหรัฐอเมริกา และได้มีการต่อสู้เพื่อยกเลิกข้อห้ามการใช้ถุงยางอนามัยในปี ค.ศ.1900 เนื่องจากสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารในสหรัฐอเมริกามากกว่า 70% ติดเชื้อจากโรคทางเพศสัมพันธ์ที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจึงเริ่มรณรงค์ให้มีการใช้ถุงยางอนามัยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
แต่เมื่อถึงปี ค.ศ.1960 กลับพบเยาวชนนิยมมีเพศสัมพันธ์กันโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย จนกระทั่งอีก 20 ปีต่อมา พบการระบาดของเชื้อ HIV หรือเรียกกันว่าโรค AIDS ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์จึงเริ่มตระหนัก และหันมานิยมใช้ถุงยางอนามัยอีกครั้งหนึ่ง จวบจนถึงปัจจุบัน มีการผลิตและพัฒนาถุงยางอนามัยออกสู่ตลาดจำนวนมาก ในหลากหลายแบบให้เลือก ทั้งที่มีสีสัน ผิวเรียบ ผิวไม่เรียบ มีกลิ่นและรสผลไม้ รวมทั้งมีรูปทรงที่แปลกตามากขึ้น ซึ่งแต่ละแบบเน้นวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกัน
การใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกวิธี
ผู้ที่ใช้ต้องใส่และถอดให้ถูกวิธี โดยให้ใส่เมื่ออวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่เท่านั้น บีบปลายกะเปาะไล่ลม แล้วสวมลงบนอวัยวะเพศรูดลงมาจนสุดเมื่อเสร็จการร่วมเพศ ต้องรีบดึงอวัยวะเพศออกขณะยังแข็งตัวอยู่ มิฉะนั้นถุงยางอาจจะหลุดอยู่ในช่องคลอดได้ และต้องดึงออกโดยไม่ให้น้ำอสุจิไหลออกมาอยู่บริเวณอวัยวะเพศหญิง เรามักพบปัญหาที่พบเกี่ยวกับการใช้ถุงยางอนามัยที่ไม่ถูกต้อง เช่น ใช้สารหล่อลื่นไม่ถูกต้อง ทำให้ถุงยางแตกหรือลื่นหลุด ไม่ใช้ถุงยางอนามัยใหม่แกะกล่อง ตัดสินใจถอดถุงยางทิ้งกลางคัน และใส่ถุงยางผิดด้านแล้วนำกลับมาใช้ใหม่
Tumblr media
ชนิดของถุงยางอนามัย
ถุงยางอนามัยที่มีการผลิตจำหน่ายในโลกมี 3 ชนิด โดยแบ่งตามวัสดุที่ใช้
3.1 - ชนิดที่ทำจากลำไส้สัตว์ วัสดุที่ใช้ผลิตเป็นส่วนของลำไส้ส่วนล่างของแกะ ที่เรียกว่า caecum มีความหนา 0.15 มิลลิเมตร มีขนาดความกว้างตั้งแต่ 62 - 80 มิลลิเมตร สวมใส่ไม่รัดรูปแต่ไม่สามารถยืดตัวได้ ให้ความรู้สึกสัมผัสที่ดีในขณะมีเพศสัมพันธ์ เพราะเชื่อว่าวัสดุจากลำไส้สัตว์ สามารถสื่อผ่านความอบอุ่นของร่างกายสู่กันได้ แต่ในเมืองไทยไม่มีการผลิตจำหน่าย เนื่องจากมีราคาสูง
3.2 - ชนิดที่ทำจากน้ำยางธรรมชาติ ถุงยางอนามัยที่ทำจากยางธรรมชาติมีราคาถูก มีความบางและยืดหยุ่นได้ดีกว่าแบบทำจากลำไส้สัตว์ ขนาดความกว้างน้อยจึงน้อยกว่า เวลาสวมใส่ให้ความรู้สึกกระชับรัดแนบเนื้อ
3.3 - ชนิดที่ทำจากถุงยางพลาสติก ปัจจุบันมีการนำวัสดุอื่นมาผลิตเป็นถุงยางอนามัยด้วย เช่น สาร Polyurethane ถุงยางชนิดนี้ให้ความรู้สึกที่ดีและคงทนกว่าแบบที่ทำจากน้ำยางธรรมชาติ สามารถใช้สารหล่อลื่นที่ทำจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีได้เท่าที่มีจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา
ขนาดของถุงยางอนามัย
ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขปี 2535 คือ ขนาดความกว้างตั้งแต่ขนาด 44 มิลลิเมตร จนถึงขนาด 56 มิลลิเมตร และความยาววัดจากปลายเปิดจนถึงปลายปิดไม่รวมส่วนที่เป็นติ่งหรือกระเปาะ ต้องไม่น้อยกว่า 160 มิลลิเมตร ซึ่งกำหนดตามมาตรฐานขององค์การมาตรฐานระหว่างประเทศ (ISO) ปี ค.ศ. 1990
สำหรับตลาดในเมืองไทยมีอยู่ 2 ขนาด ได้แก่
4.1 - ขนาดใหญ่ คือ มีขนาดความกว้าง 49 มิลลิเมตร และมีขนาดความยาวไม่น้อยกว่า 160 มิลลิเมตร ขนาดนี้เหมาะกับคนไทยมากที่สุด
4.2 - ขนาดยักษ์ หรือขนาด 52 มิลลิเมตร เช่น มีขนาดความกว้าง 52 มิลลิเมตร และมีขนาดความยาวเท่ากับ 180 มิลลิเมตร เป็นต้น
Tumblr media
ประสิทธิภาพของถุงยางอนามัย
5.1 - ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คือ ป้องกันโรคเอดส์ ไวรัสตับอักเสบบี หูดหงอนไก่ หนองในเทียม หนองในแท้ พยาธิในช่องคลอด ซิฟิลิส โรคเริม แผลริมอ่อน เป็นต้น
5.2 - ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด การใช้ถุงยางอนามัยเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ดี เพราะมีประสิทธิภาพ เชื่อถือได้ หากเลือกใช้ถุงยางอนามัยที่ได้มาตรฐาน ไม่เสื่อม ไม่รั่ว ไม่ซึม ใช้อย่างถูกวิธีฉะนั้น เพื่อช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ และช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ให้มีประสิทธิภาพ ควรสวมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งขณะมีกิจกรรมรักนะคะ
Bestbuycondom ถุงยางอนามัย เจลหล่อลื่น แบบอึดชะลอหลั่ง แบบเจลหล่อลื่น หลายยี่ห้อเหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ จึงมั่นใจได้ในคุณภาพจากของไทยและนำเข้าจากญี่ปุ่น
1 note · View note