translated to thai by @HuyutongTh (twitter) please take out with full credits
Don't wanna be here? Send us removal request.
Text
VOGUEplus Interview
胡宇桐、常华森、尚九熙、梁恒溢、平甜甜、丁辉:隔行不隔山
translated by @HuyutongTh (please take out with full credits)
.
.
หลายคนคงเคยมีความฝันที่อัศจรรย์ในวัยเด็ก
ในความฝันพวกเราเคยเป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์ นักบินอวกาศ ซานต้าครอส ได้รับรางวัล เคยบินไปบนฟ้า อีกทั้งยังมีพลังพิเศษ เราจินตนาการว่าเราจะเป็นอย่างไรเมื่อโตขึ้น พกพาความฝันเล็กๆ แต่ละเรื่อง
เมื่อเติบโตขึ้นในตอนที่เราเผชิญความจริงของโลกใบนี้เพียงลำพังทำให้รู้ว่าการเลือกอาชีพที่ทำนั้นไม่สามารถใช้ความชอบเพียงอย่างเดียวได้ การเลือกเส้นทางที่ไม่ว่าจะถูกหรือผิดของแต่ละคนล้วนเปลี่ยนเส้นทางใหม่ข้างหน้าเรา
การเปลี่ยนเส้นทางอาชีพเป็นเรื่องที่ซับซ้อน ยากเหมือนการเดินผ่าภูเขา แต่ปัจจุบันนี้คนหนุ่มสาวที่มีธรรมชาติที่ไม่แน่นอนและชอบความท้าทายทำให้การเปลี่ยนเส้นทางไม่ใช่เรื่องที่แปลกอีกต่อไป
ในสัปดาห์นี้เราได้เชิญวัย��ุ่น 6 คนที่มีประสบการณ์การด้านนี้มา แล้วมองผ่านประสบการณ์การก้าวข้ามพรมแดนของพวกเขา เผยให้เห็นทางลัดที่ซ่อนอยู่ระหว่างภูเขานั้น การเปลี่ยนอาชีพไม่ใช่แค่เรื่องของการเลือกอาชีพอีกครั้ง แต่เป็นการค้นพบและคิดเกี่ยวกับตำแหน่งชีวิตของตัวเองอีกครั้ง
การเปลี่ยนสาขาวิชาชีพตามความหมายทั่วไปคือการย้ายจากสาขาหนึ่งไปสู่อีกสาขาหนึ่ง แต่สำหรับมือกลองอย่างหูอวี่ถงแล้วนั้นมันเหมือน��ับการวิ่งเป็นวงกลม ลองทางที่ผิด เจอทางตัน แต่ก็มุ่งมั่นกลับมาค้นหาเส้นทางของตัวเองได้
หูอวี่ถงเริ่มเรียนตีกลองตอนอายุ 16 เข้าเรียนที่สถาบันศิลปะจี๋หลินสาขาวิชาการแสดงดนตรีตอนอายุ 18 ตอนปีสามเก็บคะแนนหน่วยกิจทั้งหมดล่วงหน้า ไปเรียนต่อต่างประเทศที่โรงเรียนดนตรีสมัยใหม่ MI ที่อเมริกา แต่พอกลับประเทศมาเขากลายไปเป็นพนักงานบริษัท ใช้เวลาหนึ่งปีกับการใช้ชีวิตที่มั่นคงตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงห้าโมงเย็นและเคยคิดว่าการตั้งวงดนตรีเป็นเรื่อง “เพ้อฝัน” แต่ในวันนี้หูอวี่ถงกลับสู่สถานะมือกลอง กำลังวางแผนที่จะนำวง “สมาพันธ์คนโชคดี” ของเขา เริ่มต้นการแสดงทัวร์คอนเสิร์ตครั้งใหม่
“สำหรับกลอง ผมเคยหักหลังมันมาแล้วครั้งหนึ่ง” หูอวี่ถงพูดว่า:
“หลังจากที่ผมวนไปวนมา ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าสิ่งที่มีอยู่นั้นมีค่าและควรค่าแก่การหวงแหนมากแค่ไหน”
Q: แรกเริ่มเลยทำไมถึงเลือกเรียนตีกลอง?
ผมเริ่มตีกลองตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนเป็นเด็กความคิดที่ชอบสิ่งหนึ่งนั่นเรียบง่ายมากเลย คือคิดว่ามันเท่ ในตอนนั้นผมไม่ได้คิดหรอกว่าพอเรียนจบแล้วจะไปทำอะไรต่อ จะมีโอกาสมากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็โดนบังคับให้เรียนไวโอลิน คุณรู้ใช่ไหมถ้าโดนบังคับไปเรียนแล้วมันก็แน่นอนจะเรียนได้ไม่ดีเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นพอมีโอกาสที่จะได้เรียนดนตรีอีกครั้งในภายหลังเลยเลือกที่จะเรียนในสิ่งที่ชอบในตอนแรก
Q: ก่อนหน้าที่คุณจะมีวงสมาพันธ์คนโชคดี คุณเคยเล่นกลองให้กลองหลี่หรงฮ่าวและนักดนตรีชื่อดังอีกมากมาย โอกาสเหล่านี้คุณไปได้มาอย่างไร?
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าการร่วมงานกับคนที่มีชื่อเสียงเหล่านี้ สิ่งที่มองเป็นอย่างแรกไม่ใช่ความสารมารถด้านดนตรี สิ่งที่พวกเขามองหาคือนิสัย และรู้ดีว่าของเขตของการทำงานอยู่ตรงไหน เพราะเมื่อคุณปรากฏตัวอยู่ข้างๆ ของดาราที่มีคนเป็นล้านจับจ้องนั้น สิ่งที่สำคัญคือต้องรู้จักขอบเขต นี่คือด้านแรก ส่วนที่สองคือเล่นดนตรีให้ดีตามเกณฑ์ สุดท้ายถ้ามีความจำเป็นก็เพิ่มความพิเศษของตัวเองเข้าไป
Q: เกี่ยวกับการเปลี่ยนสายอาชีพ คุณคิดว่าการที่รู้จักเพื่อนในแวดวงสายอาชีพนั้นมากหน่อย มีเครือข่าย เป็นส่วนที่สำคัญมากๆ?
พอคุณเปลี่ยนสายเข้ามาแล้ว คุณก็จะค่อยๆ ได้ทำความรู้จักกับเครือข่ายของสายอาชีพนั้นเอง แต่ถ้าเป็นเพราะต้องการจะไปทำความรู้จักกับคนในวงการนั้นเลยเปลี่ยนสายเข้ามา พูดตรงๆเลยว่าทุกคนค่อนข้างยุ่ง ถ้าหากตัวคุณมีประโยชน์แล้วคุณก็จะมีโอกาส มีหนทาง ที่จะไปสานสัมพันธ์กับคนที่คุณอยากจะสานสัมพันธ์ด้วยได้ แต่ถ้าคุณเป็นเพียงแค่ต้นหญ้าต้นหนึ่งในสายอาชีพนี้ คุณอยู่ในทุ่งหญ้าคุณก็ค่อยๆ ก้าวทีละก้าวอย่างมั่นคงเถอะ ผมก็ยังไม่ค่อยชอบเรื่องการใช้เส้นสาย ฉวยโอกาสอะไรพวกนี้อยู่ดี
Q: ในอนาคตอยากที่จะเปลี่ยนสายอาชีพอีกมั้ย? อยากจะลองทำอาชีพไหนอีก?
ผมจะไม่ลองทำอาชีพอะไรที่ผมไม่มีความเข้าใจง่ายๆ อีกแล้วในภายหลัง เช่นการแสดงละคร ผมไม่ถนัดเอาซะเลย แต่ในด้านการทำเพลง ด้านทำการแสดงคอนเสิร์ต ผมคิดว่าในอนาคตผมอาจจะลองทำพวกออกแบบคอนเสิร์ต ออกแบบท่าเต้นพวกนี้ดู เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่ผมถนัดและอยากจะทำ อีกทั้งในช่วงหลายปีมานี้ผมก็สั่งสมประสบการณ์มาไม่น้อย ที่คุณถามผมว่าจะเปลี่ยนอาชีพอีกมั้ย คำตอบของผมคือ: ผมจะทำหลายๆ อย่างในบทบาทที่แตกต่างกันในสาขาอาชีพนี้ นั้นไม่นับเป็นการเปลี่ยนสาขา แต่เมื่อเทียบกับมือกลอง โลกด้านนอกใหญ่ขึ้น สนามก็กว้างขึ้น เรื่องที่ทำได้ก็มีมากขึ้น
.
.
translated by @HuyutongTh (please take out with full credits)
0 notes
Text
MEN’s health Interview
translated by @HuyutongTh (please take out with full credits)
.
ภายใต้แสงไฟ เขาให้สัมภาษณ์มากกว่าแสดงโชว์ซะอีก ขณะที่สัมภาษณ์ไม่เคยมีใครถามเขาเลยว่าหนังกลองใช้เบอร์อะไร ขนาดของกลองคือเท่าไหร่ วันนี้โน้ตวิธีการตีกลองอย่างไร
“ด้วยเรื่องราวเหล่านี้ทำให้ผมรู้ว่าผมอยู่ตรงไหน คุณใช้ตำแหน่งมือกลองของคุณเข้ามาสู่สายตาของประชาชน แต่ว่าคนไม่ค่อยสนใจเรื่องการตีกลอง ผมบอกตัวเองว่านั่นไม่ใช่ปัญหา พวกนี้คือพื้นฐานที่ผมยืน เพียงแค่ไม่มีคนสนใจคุณเลยจะไม่ฝึกฝน ไม่พัฒนาหรอ”
รักษา “ความยาก” เอาไว้
ครบรอบเดบิวต์หนึ่งปีพอดี เราถามหูอวี่ถง “ปีที่ผ่านมาคุณพอใจมั้ย?”
คำตอบของเขาลึกซึ้ง
“ถ้าใช้ความพอใจวัด ผมคิดว่ามันค่อนข้างจะราบเรียบ หม่าเจ๋อปลอบผมด้วยประโยคที่ว่าชีวิตมันไม่สามารถสมบูรณ์แบบเกินไปหรอก ช่วงเดือนเมษายนเป็นครั้งแรกที่วงสมาพันธ์คนโชคดีมีคอนเสิร์ตเป็นของตัว นี่ถือเป็นเรื่องสำคัญของปีนี้ นี่ความฝันของหูอวี่ถง เป็นเขาที่นำเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาและกลายมาเป็นภาพรวมแผนคอนเสิร์ต
ปีที่แล้วเขานัดคุยต่อหน้ากับประธานจ่งที่ร้านกาแฟ คุยไปน้ำหูน้ำตาไหลไป
“ผมบอกประธานจ่งว่าวงสมาพันธ์คนโชคดีต้องมีการวางแผนระยะยาว การมีคอนเสิร์ตจะพิสูจน์ได้หลายอย่าง มันจะรวมพวกเราเข้าด้วยกัน สิ่งนี้จะมีความหมายมาก”
รอมาหลายเดือนก็ได้เริ่มทำ หลังกลับจากการฉลองปีใหม่ 15 วัน สองวันก่อนหน้าพวกเราทุกคนเริ่มประชุมวางแผน กำหนดงาน คิดต้นทุนและผลลัพธ์แล้วทำมันด้วยกัน ตอนนี้ผ่านการแสดงคอนเสิร์ตมาแล้วเดือนนึง หูอวี่ถงคิดย้อนกลับไป “กระบวนการทั้งหมดคือความสุข มีความสุขตั้งแต่เริ่มจนจบ” เป็นความสุขที่อธิบายไม่ได้ “มันไม่มีคำไหนที่จะใช้อธิบายเรื่องนี้ได้ ไม่อยากพูดไม่ครบครับ” เขาเป็นคนที่กังวลที่สุดในช่วงทำการแสดง หนึ่งวันก่อนแสดงเขาจะอธิษฐานให้ทุกคนนอนหลับเพียงพอ เป็นโชคดีที่หัวถึงหมอนก็หลับเลยไม่แม้แต่จะล้างหน้า หลังจบการแสดงคืนนั้นเขาจำไม่ได้ด้วยว่ามีการฉลอง “ผมรู้สึกว่าหลังหมดวันความรู้สึกของผมคือพอใจแล้ว หลังที่ทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ นั่นคือจุดสูงสุดแล้วครับ”
ย้อนดูชีวิตวัยเด็กของหูอวี่ถง เขารู้ดีว่าตัวเขาต้องการอะไรและแสวงหามัน ความโชคดีคือเขาอยู่บนเส้นทางดอกไม้แล้ว “คุณคิดว่าตอนนี้คุณรู้สึกว่าควบคุมชีวิตตัวเองได้แล้วไรือเปล่า?”
“หลายเรื่องในตอนนี้ผมยังไม่มีสิทธ์ในการพูดอะไร ค่อยเป็นค่อยไป ผมแบ่งการควบคุบออกเป็นสองแบบ อันไหนที่ควบคุมได้ก็ทำเรื่องนั้นให้ดี ส่วนเรื่องไหนที่ควบคุมไม่ได้ก็ไม่ต้องรีบ”
เขาบอกว่าตัวเขาเองอยู่ระหว่างความเป็นวิกฤติและความมั่นคง ก็เหมือนกับสัปดาห์นึงกินอาหารสัตว์ (อาหารจำพวกผัก) ห้าวัน อีกสองวันกินของดี ความจริงนี่เป็นวิธีการรับมือกับวิกฤติและเป็นกระบวนการสร้างความรู้สึกมั่นคง
เพราะฉะนั้นเขาถึงคอยศึกษาเรียนรู้วิธีการตีกลองจากวิดิโอของอาจารย์หรือมือกลองคนอื่นๆ เขาจะบอกว่า “ตรงนี้ผมยังตีไม่ดี” อาจารย์บอกเขาว่า “คุณต้องจดจ่อกับจุดที่เขาตีดีกว่าคุณ”
แม้ว่าจะชอบมอเตอร์ไซค์มาก สองวันก่อนเพื่อนชวนเขาไปสนามแข่ง แต่ตัวเขารู้ว่าตัวเองมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำเลนไม่ได้ไป ถ่ายงานเสร็จเขาวางแผนจะเก็บตัวห้าวัน เกี่ยวกับอนาคต “อีกสิบปีข้างหน้าผมจะยังเป็นอิสระและมีความสุข ทำเพื่อตัวเองมากขึ้น พูดคุยกับตัวเองมากขึ้น และสองคำสำหรับสิปปีต่อจากนี้คือความรับผิดชอบครับ”
ที่น่าสนใจคือความรับผิดชอบของเขาไม่ใช่การแต่งงานมีลูก
“มีเรื่องที่พ่อกับแม่ของผมเห็นพ้องต้องกัน แม่ผมพูดว่าไม่ได้หวังว่าลูกจะต้องแต่งงานเร็วเกินไป ลูกสามารถมีความรักได้ แต่สำหรับการแต่งงานมันคือความรับผิดชอบ ลูกต้องเข้าใจตัวเองก่อนถึงจะไปดูแลคนอื่นได้ พ่อผมเสริมว่าอย่าแต่งงานก่อนอายุ 35 ด้วยนิสัยของลูกตอนนี้มันไม่ยั่งยืนหรอก”
ความรับผิดชอบแบบนี้ก็เหมือนที่เขาพูด หวังว่าในอนาคตจะได้เป็นเจ้านาย “อยากจะทำบางสิ่งที่จะช่วยให้คนที่ผมรักให้ได้รับสิ่งที่มีค่ามาก��ึ้น คุณทำอะไรสัก ย่างนึงเพื่อหาเงินหรือเพื่อช่วยเหลือคนอื่นล่ะ? สิ่งที่ผมทำอยู่ตอนนี้ไม่ค่อยได้ทำเพื่อตัวเอง อยากจะทำอะไรที่ดีเพื่อคนอื่น ผมเชื่อว่าในอนาคตเราจะได้สิ่งตอบแทนกลับมา”
มองไปแล้วเขาไม่ได้รับมือยากอะไร แต่บทสัมภาษณ์หลายครั้งก่อนหน้าพูดถึงความรับมือยากของเขา พอพูดถึงตรงนี้เขาก็พูดเสียงดังขึ้นว่า “ผมไม่ได้อยากจะสูญเสียคุณสมบัตินี้ไป ตอนแรกผมคิดว่ามันคือเรื่องไม่ดี แต่ตอนนี้ผมคิดว่ามันคือคำชม อาการต่อต้านมันก็มีบ้าง แต่สิ่งที่คุณต่อต้านไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรู อาจจะเป็นความสบาย แต่ผมไม่อยากที่จะสบายเกินไป ผมชอบที่จะทำในเรื่องที่คนอื่นคิดว่าเป็นไปไม่ได้”
จากมุมมองนี้การเดบิวต์ของเขาก็ถึงว่าเป็นเรื่องที่ยากจะรับมือ โชคดีที่เขาทำสำเร็จ ก่อนเดบิวต์หูอวี่ถงชอบเก็บบันทึกภาพการใช้ชีวิต ตอนขี่รถไปโรงเรียนไม่ว่าระยะทางจะห้าหรือสิบนาทีเขาจะต้องพกกล้องไปด้วย เขาอยากจะเก็บบันทึกสิ่งที่เห็น “พอมองย้อนกลับไป ตอนนั้นผมค่อนข้างที่จะกังวลกับการเปลี่ยนไปของวิถีชีวิต” แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่มีเวลาบันทึกการใช้ชีวิต กล้องก็กลายเป็นฝุ่นไปแล้ว แต่อดีตก็ไม่เคยหายไป “ผมเพิ่ง��้นพบว่าการที่คุณสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้นั้นมันคุ้มค่าที่จะใช้พลังงานของคุณแล้ว” แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปคือ การออกกำลังกายและไลฟ์สไตล์ที่เคร่งครัดที่ติดตัวเขามา
เดินลงบันไดมาจากห้องแต่งตัวท่อนบนของหูอวี่ถงนั่นเปลือยเปล่า วางเสื้อลงบนเก้าอี้ และพูดว่า “อย่าแอบถ่ายผมนะ” จากนั้นเดินมาที่หน้ากล้องพอคิดอะไรได้ก็หันกลับไป ขึ้นบันไดไปด้วยความช่วยเหลือจากสตาฟคว้าจับโครงเหล็กบนหลังคาของสตูดิโอแล้วดึงตัวเองขึ้นไป เงยหน้ามองเขาแม้กล้ามแขนของเขาจะแน่นมากแต่ก็ผอมจนมองเห็นซี่โครง หลังจากทำไปซักพักสตาฟก็ตะโกนถามว่ายังทำได้อีกทีนึงมั้ย “ไม่ไหวแล้วครับ ทรมานเกินไป” เขาตอบกลับมา จากนั้นเขาเดินกลับมาถ่ายภาพใส่แว่นตากันแดดแบบจัดเต็ม หันหลังให้กล้องชูสองแขนที่จับไม้กลองขึ้นทำท่าทางเหมือนตีกลองอยู่ ช่างภาพกดชัตเตอร์ไปตะโกนว่า “หล่อ” ไป การเป็นมือกลองของวงสมาพันธ์คนโชคดี ภาพลักษณ์ของหูอวี่ถงนั้นเข้ากับกระแสนิยม ใบหน้าเนียนใสไร้รูขุมขน ทรงผมที่ทันสมัยและประณีต แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนจดจำได้มากที่สุดคือความมีวินัยในตนเองอย่างเคร่งครัด เขาใช้เวลาหนึ่งเดือนก่อนมาถ่ายแบบในครั้งนี้สร้างกล้ามขึ้น ทุกวันกินแต่ “อาหารสัตว์” —- อาหารเบาๆ ที่มีน้ำมันน้อยเกลือน้อย ก็อย่างที่เขาบอกไปว่าตัวเขาอยู่ระหว่างความวิกฤติและความมั่นคง เขาต้องหาจุดสมดุลเป็นระยะ ไม่ใช่ชายผู้โชคดีที่กลายเป็นคนดังชั่วข้ามคืน ชีวิต 28 ปี ของเขาก็ผ่านประสบการณ์ขึ้นและลง และในปีที่แล้วนี่เองที่หูอวี่ถงได้เดบิวต์เป็นมือกลองของวงสมาพันธ์คนโชคดี ในขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับเป็นจับตามองอยู่นั้น เขาก็กำลังเผชิญกับอีกด้านนึงของเหรียญ “ชีวิตของผมเปลี่ยนไปแล้ว ข้อมูลการเดินทางไม่ว่าจะเป็นรถไฟเครื่องบินถูกนำไปขาย โดนบินตรงโดนเปลี่ยนที่นั่ง พักที่โรงแรมก็ไม่กล้าเปิดไฟในห้องไม่กล้าพูดคุยแบบปกติ โดนขับรถตาม โดนค้นข้อมูลที่อยู่ โดนถ่ายรูปตอนเข้าห้องน้ำ ส่งพัสดุก็ไม่กล้าใส่เบอร์โทร” แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนตัวเขาไปมากนัก
นอกจากจะชอบตีกลองแล้วเขายังชอบขี่มอเตอร์ไซค์เคยขับจากแอลเอไปนิวยอร์ค “ผมชอบความรู้สึกที่โดนลมพัด ชอบความรู้สึกของการที่พื้นคว่ำ พูดตรงๆ ผมชอบความรู้สึกที่เป็นของจริงครับ” ตอนนี้ตัวเขาคือคนที่บิดเบี้ยว การที่จะเป็นศิลปินต้องมีคุณสมบัติของการเป็นที่ต้องการของตลาด แต่ผมนั้นบิดเบี้ยว
ปฏิเสธที่จะอยู่ในความสบาย เพื่อที่จะได้มาซึ่งเนื้อและเลือด (ชีวิต) เหมือนกับที่เขาโพสต์ลงในเว่ยป๋อ
“สำหรับผมที่อายุใกล้จะสามสิบนั้น ผมจะต้องทำอะไรที่ชัดแจ้งมีอารมณ์ความรู้สึกมีความรักต่อไป นี่คือกล้ามเนื้อทุกมัด กระดูกทุกชิ้น อวัยวะทุกส่วนและจิตวิญญานที่สัมผัสไม่ได้ในร่างกายของผมที่ผลักดันให้ผมสู้ต่อไป”
จะมีอะไรที่กระตุ้นอารมณ์ได้มากกว่าความจริงแท้ ผลิตกระสุนจริงเพื่อเอาไปซ้อม การสัมภาษณ์ในระหว่างถ่ายแบบเสร็จลง ให้ความรู้สึกผ่อนคลายหลังการทำงานเสร็จลง หูอวี่ถงใช้น้ำเสียงแสดงความดีใจพูด “อีกสักครู่ผมจะไปกินข้าวล่ะ นี่คือมื้ออาหารที่ผมรอคอยมาหนึ่งเดือน จะไปกินเนื้อย่างที่ว่างจิ่ง วันนี้ผมจะทำตัวเป็นนักกินที่มีความสุข” เดือนที่ผ่านมาผมต้องไดเอตและออกกำลังกาย ขำตัวเองที่หิวจนต้องไปกลิ้งอยู่บนเตียง ล่าสุดเจ็ดวันจาก 66.5 กกลดลงไปเหลือ 62.5 กก บ่ายวันก่อนที่จะมาถ่ายแบบผมทำตามคำแนะนำของโค้ชฟิตเนสผมดื่มน้ำกลั่นไปหลายถัง แล้วไปห้องซาวน่าอบเอาเกลือในร่างกายออกมา ทำแบบนี้เวลาถ่ายภาพจะเห็นลายกล้ามเนื้อสวยๆ แล้วก็ไม่บวมด้วย ตอนที่ออกมาจากห้องซาวน่า มือที่ถือโทรศัพท์นั่นทั้งอ่อนแรงและสั่น แต่ก็ยังไปกินข้าวร้านบุฟเฟต์กับเพื่อน แต่ตัวเองไม่ได้กินอะไรเลยซักคำ มันยากที่จะจินตนาการร่างกายที่ผอมแห้งจะกลายมาแข็งแรงแบบนี้เพราะวินัย ทำอย่างไรที่จะเพาะกล้ามเนื้อ “คนแมนๆ ต้องทำได้” เขาพูดอย่างชัดเจน
หนึ่งเดือนก่อนหน้าที่จะได้รับคำเชิญมาถ่ายนิตยสารจากพวกเราคิดว่าระบบร่างกายตัวเองค่อนข้างดี วันนั้นเลยไม่กินข้าวและคุยว่าขอนัดถ่ายในอีกหนึ่งเดือนได้มั้ย ให้เขาได้ออกกำลังกายสร้างหุ่น เขาไม่ได้คิดว่าจะเป็นการถ่ายแบบสบายๆ เป็นการสร้างกระสุนจริงออาหปซ้อมจริงๆ
ที่จริงการออกกำลังกายสำหรับหูอวี่ถงเขามีพื้นฐาน มันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเขาไปแล้ว ชั้นใต้ดินที่บ้านของเขามีห้องออกกำลังกาย เขาจะต้องขอออกกำลังกายทุกวันแม้ว่าสภาพร่างกายจะไม่เต็มร้อยทำได้แค่สิบนาที เขาพูดล้อๆว่านั้นก็เพราะ “รักษาสภาพ” ไว้ แต่เปรียบเทียบกับหุ่นที่จะขึ้นหน้าปกนิตยาสารนั้น เขาคิดว่าตัวเองยังไม่ดีพอ ต้องมีเป้าหมายต้องออกกำลังกายหนักอย่างมาก เริ่มแรกเขาใช้เวลาในการหาโค้ชที่เหมาะสมไปไม่��้อยเลย “ในสาขาวิชาอาชีพที่เราไม่คุ้นเคย การหาโค้ชออกกำลังดีๆ เป็นเรื่องยากมาก ตลอดเดือนเมษายนผมหาไปทั่ว โค้ชส่วนตัวในฟิตเนสแถวบ้านผมก็ลองหมดแล้ว ท้ายที่สุดผมเลือกคนที่พูดจาปราณีมา พาผมไปออกกำลังกาย แต่ผมไม่มีบัตรไปทีนึงก็จ่ายเป็นครั้งไป”
| ตลอดทั้งเดือนเมษายนเขาออกกำลังกายแทบจะทุกวัน แม้ว่าช่วงวันหยุดแรงงานเทศกาลดนตรีที่ฉงชิ่ง ที่โรงแรมไม่มีห้องออกกำลังกาย เขาก็ไปหาที่ออกกำลังกายแถวโรงแรมใกล้ๆเอง ผลก็คือติดพายุฝน ก่อนเข้าโรงแรมไปออกกำลังกายไม่มีลมสงบดีขากลับกับติดฝน
นอกจากออกำลังกายแล้วยังต้องระวังเรื่องกิน โค้ชถามว่าหูอวี่ถงกินอะไร เขาก็เอารายการอาหารเบาๆที่ทำกินที่บ้านให้ดู โค้ชคิดว่าเขาอดอาหาร เลยถามว่าเพิ่งเริ่มกินหรอ หูอวี่ถงบอกเขากินแบบนี้มานานแล้ว เหมือนตอนอยู่ที่บริษัทตอนที่สั่งอาหารเดลิเวอรี่เขาส่งแค่ของเบาๆกับแซนวิช เพื่อนร่วมงานคนอื่นคิดว่าเขาอยากแปลกแยกก็เลยมีสายตาประมาณว่าดูซิว่าจะกินแบบนี้ได้กี่วันส่งมาให้ ผลก็คือตอนนี้ไม่มีใครถามเขาแล้วว่าจะเอาอะไรสั่งสลัดมาให้ก็โอเค
เขาเริ่มกินอาหารเบาๆ แบบนี้ตอนที่เรียนอยู่ที่อเมริกา กลับบ้านมาในปี 2016 หลังเรียนจบ ตอนที่ทำงานบริษัทนั่นเขาก็เริ่มกินสลัด แต่ตอนนั้นเขารู้สึกว่ากินยาก เกินทน เพียงแค่เพราะอยากจะออกกำลังกายเป็นประจำเลยบังคับตัวเองให้กิน
“ตอนหลังผมค้นพบว่าไม่จำเป็นจะต้องกินผักอย่างเดียว ผมค่อยๆคลำหาความรู้สึกของการกินผัก จากการที่ต้องทนกินเป็นการยอมรับ เข้าใจข้อดีของการกินแบบนี้ เอาชนะตัวเองได้ เริ่มติด (การกินแบบนี้) แล้ว”
สำหรับเรื่องการกินเขาเกือบจะ “รักความสะอาดมาก” “ทุกครั้งที่สั่งเดลิเวอรี่หรือไปกินข้าวข้างนอก ผมจะรู้สึกกลัวอย่างไม่รู้สาเหตุ ไม่รู้ว่าอาหารทำมาอย่างไร แต่มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่ไปร้านอหารหรือสั่งเดลิเวอรี่ ดังนั้นทุกครั้งกลับมาบ้านจะทำอาหารเอง เป็นความรู้สึกการชำระร่างกายและจิตใจ อีกทั้งผมใส่น้ำมันน้อยมาก ไขมันที่ร่างกายต้องกายกินข้าวนอกบ้านไม่กี่ครั้งก็เพียงพอแล้ว” สำหรับครัวที่บ้านมีฟังก์ชั่นสองอย่างหนึ่งคือไว้ทำอาหารอร่อยๆ สองคือไว้ทำพวก อาหารเสริม หนึ่งสัปดาห์มีเจ็ดวันทั้งหาวันเขากินแต่พวกอาหาร “สัตว์” สองวันกินของอร่อย ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องล้อเล่นใช่มั้ย ในสายตาของหูอวี่ถงการกินอาหารแบบนั้นห้าวันทำให้เขารับรสชาติอาหารได้อร่อยมากขึ้น
แน่นอนว่าเขาก็กินเนื้อสัตว์เหมือนกัน ในตู้เย็นมีทั้งปลาและพวกเนื้อแดง เช้าวันที่ถ่ายนิตยาสารเขารู้สึกว่ากระเพาะเขานั่นเรียกร้องเนื้อมากเป็นพิเศษ เลยเอาเนื้อใส่ลงไปในกระทะไม่ใส่น้ำมัน สุกแล้วกลับด้านแล้วตัดเป็นชิ้นพอดีคำ “ทำแบบนี้เนื้อด้านในจะสุกเร็วและด้านนอกไม่ไหม้ อีกทั้งยังทำให้กล้ามเนื้อที่คุณกัดฟันฝึกพัฒนาขึ้นอีก”
เขาอยากจะเตือนคนที่ชอบออกกำลังกายหลายๆ คน
“มีหลายคนมากที่ออกกำลังแล้วยังไม่ได้หุ่นที่ดีเลยแต่ออกจนมีกล้ามเนื้อบนใบหน้าก่อน เป็นเพราะว่าทักคนที่ออกแรงคุณมักจะกัดฟันเกร็งหน้า ทริคที่เขาอยากบอกคือตอนออกกำลังกายให้เอาลิ้นไว้ระหว่างฟันบนกับฟันล่างว่ากัดจะได้โดนลิ้นตัวเอง เป็นการเตือนตัวเองไปในตัวว่าอย่ากัด อย่าออกแรงตรงนี้”
แสงสว่างทำให้แสบตา
คนที่เรียกร้องการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงและควบคุมการกินอาหารมาหลายปีเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญมาก เป็นเรื่องที่จินตนาการไม่ออกว่าหูอวี่ถงเป็นคนมีวินัยเคร่งครัด แล้วทำไมตัวเขาถึงมีลักษณะแบบนี้?
“เพราะเมื่อก่อนอยากจะแตกต่างเหลือเกิน แต่หลายครั้งต้องพบกับเรื่องที่ไม่เต็มใจ ความรู้สึกผิดหวัง ตอนอายุ 20 ยังคิดเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ ตอนนั้นเรียกว่าเลือดร้อนผมรู้ว่าคุณหวังดีแต่ผมจะทำในสิ่งที่ผมชอบ หลายคนบอกผมคือชาวราษีเมถุน มีสองบุคลิก ตอนที่มีเวลาควรที่จะคุยกับตัวเองบ้างไม่ใช่สนแต่โลกภายนอก เอาตัวเองหลบออกมา ลองใช้มุมมองที่คนอื่นมองเราเป็นแบบไหน เหมือนการส่องกระจกดูตัวเองถึงจะเข้าใจในตัวเองได้อย่างถ่องแท้”
จากคำพูดเหล่านี้พบว่าขณะหาทางออกจากความืดมิดก่อนที่เขาจะเดบิวต์นั้น มีผลทำให้หูอวี่ถง—-ตื่นรู้ในตัวเอง
เส้นทางการเดบิวต์ของหูอวี่ถงสามารถอธิบายได้ว่าคือจุดผลิกผัน หลังจากกลับจากอเมริการทำงานบริษัทอยู่ช่วงหนึ่งแล้วตัดสินใจที่จะตีกลองต่อไป มีการรายงานอย่างกว้างขวางมาก่อนว่า เหตุจากการที่เขาตั้งใจซ้อมเกินไปทำให้ทุกคนเป็นกังวล
อะไรทำให้รักในการตีกลองและหลงรักการตีกลองได้อย่างไร “ความจริงตอนตีกลองคุณไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากมาย หลังจากนั้นระหว่างเราค่อยๆ มีปฏิกิริยาตอบรับกลับมา ค่อยเข้าใจที่หลังว่าการตีกลองมีความสำคัญต่อเขามากแค่ไหน ผมไม่เชื่อว่ามีใครไม่เคยเล่นกลองบ้าง วินาทีที่จับไม้กลองขึ้นมาผมพูดว่าชั่วชีวิตนี้แต่งกับกลองแล้ว เป็นไปไม่ได้!”
ในความเป็นจริง แรกเริ่มแม้แต่คุณครูยังบอกว่าหูอวี่ถงไม่มีพรสวรรค์ในด้านตีกลอง
การที่เขารักการตีกลองเป็นเรื่องของความชอบของตัวเอง
“อยู่มาวันนึงคุณรู้สึกหมดอาลัยตายยาก พอนึกถึงการตีกลองก็พบว่าผมยังมีสองมือสองเท้านี่ ทำให้ผมเต็มไปด้วยความกล้าหาญ ความชอบของผมนั่นชัดเจนยิ่งขึ้น ปัจจุบันผมแน่ใจว่ารักการตีกลอง ตอนที่ผมจับไม่กลองเลือดมันแล่นไปทั่วร่าง มากกว่าตอนทำ pullup อีก นี่คงเป็นการตอบสนองของร่างกาย”
เขามีฉายาว่า “มือพิสดาร” ท่าทางตอนที่เขาตีกลองโดนกล่าวว่าคือ “การตีด้วยชีวิต” พอริ่มมีชื่อเสียงหูอวี่เริ่มทำดนตรีให้นักร้อง แต่ในใจเรื่องที่เขาอยากจะทำจริงๆคือมีวงดนตรีเป็นของตัวเอง
ปี 2020 หูอวี่ถงในวัยยี่สิ��ปีเข้าร่วมรายการ <The Coming One: SuperBand> เป็นรายการที่สามแล้วที่เข้าร่วมในฐานะวง ก่อนที่เขาจะให้สัมภาษณ์เขาพูดว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ร่วมรายการประกวดแบบนี้แล้ว “นักดนตรีพออายุเยอะแล้วมาประกวดแบบนี้มันค่อนข้างแปลก แล้วการทำแบบนี้บ่อยๆ ก็เกินลิมิตของผมไปแล้ว”
ในท้ายที่สุดเขาทำสำเร็จในการเดบิ้วต์เป็นหัวหน้าและมือกลองของวงสมาพันธ์คนโชคดี ผ่านไปแล้วหนึ่ง รูปที่ตั้งไว้บนสุดของเว่ยป๋อเขายังเป็นวิดิโอตัวเขาที่ใส่ชุดแดงตีกลองในรายการ
สำหรับเขาแล้วนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น “สมมุติว่าจุดนี้ยังไม่ได้เริ่ม งั้นจุดต้องไปก็พับเก็บไปได้เลย แต่เพราะมันเริ่มขึ้นแล้วการดำเนินการในขั้นต่อไปจึงสำเร็จเรียบร้อยดี” ใช้คำพูดที่เขาโพสต์ในเว่ยป๋อที่ว่า
“ตอนนี้วงสมาพันธ์คนโชคดีของผมได้ก่อตั้งขึ้นแล้ว พูดได้ว่าเราเริ่มต้นวิ่งแล้วครับ โดยไม่คาดคิดผมกลายเป็น “ไอดอล” แล้ว”
ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้เขาอธิบายความรู้สึกภายในจิตใจก่อนที่เขาจะเดบิ้วต์ว่า: มันเหมือนกับอยู่ในห้องที่มืดฟอดินไปตามทางเรื่อยๆ คิดว่าคงหาทางออกไม่เจอ ผลลัพธ์คือคลำเจอกุญแจที่ขึ้นสนิมหนึ่งดอก พอเปิดประตูออกมาสายตาก็เจอเข้ากับแสงสว่างตรงหน้า
วันนี้ใช้ชีวิตอยู่ในแสงสว่างมาแล้วหนึ่งปี
“แสงจากภายนอกนี้ทำให้รู้ม่านตาผมหดเล็กลงแล้ว ปรับสภาพแล้วบ้าง ผมรู้ว่าแสงมันจ้า ถ้าตาเราขยายใหญ่วินาทีนั้นก็จะมองเห็นอะไรไม่ชัด พอเป็นแบบนั้นคุณอยากจะเปลี่ยนตัวเอง แต่คุณจะเปลร่ยนตาของคุณได้ยังไงล่ะ? คุณควบคุมมันไม่ไ้ด้ คุณจะพบว่าบางครั้งนั่นคือตัวตนของคุณจริงๆ แต่บางครั้งก็ไม่ไช่ คุณจะบอกว่ามันคือการตอบสนองก็ดี เป็นจิตใต้สำนึกก็ดี สิ่งเหล่านี้ต่างควบคุณตัวคุณเอาไว้”
กล่าวอีกนัยนึง คนเรามีสัญชาตญาณที่แข็งแกร่ง หูอวี่ถงใช้เวลาพักนึงในการปรับตัวกับทั้งหมดนี้ “มีบางครั้งที่โดนแสงสาดใส่ ตาเราก็จะรับรู้ถึงความเจ็บปวด แต่บางครังก็เป็นประสบการณ์ที่ดี สิ่งที่ดีและไม่ดีเหล่านี้ต่างทำให้ผมเดินต่อไปข้างหน้า”
.
.
.
translated by@HuyutongTh (please take out with full credits)
1 note
·
View note
Text
STYLE Interview
气运联盟-胡宇桐 :鼓也在鼓励着我
translated by @HuyutongTh (please take out with full credits)
เขากล่าว การประสบสำเร็จด้วยกันระหว่างคนกับกลองคือเหตุผลที่เขายืนกรานที่จะเป็นมือกลอง ↓
ครบรอบวันเกิดอีกหนึ่งปี หูอวี่ถงเริ่มต้นจากการเป็นมือกลอง เขาหวังว่าเขาจะยังเป็นมือกลองอยู่จนแก่เฒ่า "จนถึงตอนนี้เรื่องราวที่ผมเขียนขึ้นนั้นก็น่าตื่นเต้นเพียงพอแล้ว" คราวนี้ให้เราฟังเสียงหัวใจของเขาจากทุกๆ จังหวะของกลอง และสิ่งที่เขาคิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ทั้งหมดในอนาคตจากการเดินทางอันยาวนานที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ปฏิเสธเรื่องจำเจ เขาพร้อมเสมอที่จะเผชิญกับโลกใบใหม่
ในวันที่สามของคอนเสิร์ตรอบพรีเมียร์ที่แสนวุ่นวายของสมาพันธ์คนโชคดี เราได้พบกับหูอวี่ถงที่เต็มไปด้วยฝุ่นในปักกิ่งในปลายฤดูใบไม้ผลิ “ล่าสุดผมน้ำหนักลดไปเกือบ 10 ปอนด์เพราะว่าผมกำลังเตรียมการรอบพรีเมียร์ของคอนเสิร์ต ก่อนหน้านั้นหนัก 134 ปอนด์ และตอนนี้ก็เหลืออยู่ประมาณ 120 ปอนด์” หูอวี่ถงนั่งพิงโซฟาอย่างผ่อนคลายและนึกถึงร่างกายในช่วงเวลานี้ “ร่างกายอาจจะต้องเหนื่อย แต่ความคลั่งไคล้ทำให้ผมยังยึดมั่น”
เขาจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายคือเมื่อไหร่ที่ได้นอนหลับเต็มอิ่ม ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ว่างอยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็สนุกกับสิ่งที่เขาทำอยู่ “ความเจ็บปวด” ที่แสนโกลาหลนี้ในคอนเสิร์ตรอบพรีเมียร์ของ 《超!满速》 คอนเสิร์ตครั้งแรกจะเต็มไปด้วยความสนุกสนาน “ผมคิดว่าดนตรีของพวกผมนั้นดีมากและอิสระมากในตอนนี้” นอกจากการหาจุดตำแหน่งในการเล่นกลองแล้ว หูอวี่ถงก่อนขึ้นคอนเสิร์ตครั้งแรกนั้นเค้าฟังเพลงของวง QUEEN เพื่อเป็นการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา และค้นหาสไตล์เสียงของเขาด้วย
หลังคอนเสิร์ตครั้งแรกจบลงเขายังคงรู้สึกตึงเครียด "หากคุณให้เวลาและพลังงานไปกับบางสิ่งอย่างยาวนาน หลังจากที่มันจบลงกระทันหัน เราไม่สามารถรู้สึกผ่อนคลายได้ในทันที" เขาใช้การวิ่ง 100 เมตรและมาราธอนมาเปรียบเพื่อบรรยายประสบการณ์นี้ "คุณไม่สามารถหยุดวิ่งได้ทันทีหลังจากที่คุณถึงจุดเส้นชัยแล้ว" ดังนั้นเขาจึงยังคงจัดเตรียมสิ่งต่างๆ มากมายสำหรับตัวของเขาเอง และลดภาวะด้านจิตใจให้จังหวะของหัวใจค่อยๆ ช้าลง
ตอนหูอวี่ถงยังเป็นเด็ก เขาไม่ได้คิดที่จะเป็นนักดนตรีเมื่อโตขึ้น เน้นการเรียนรู้แบบเป็นขั้นเป็นตอน ต่อสู้กับทะเลแห่งคำถามอย่างดื้อรั้น เมื่อเติบโตขึ้นมาก็มีเป้าหมายชัดเจน เขาเลือกดนตรี "ทุบมัน" "ไม่ว่าจะเป็นความเข้าใจในดนตรี หรือเรื่องเทคโนโลยี สำคัญมากสำหรับมือกลอง และตอนนี้ผมก็กำลังเรียนรู้ที่จะร้องเพลงขณะตีกลอง การร้องเพลงยังเป็นความรู้ใหม่"
การขับรถด้วยตัวของเขาเองในระยะทางที่แสนไกลเป็นวิธีที่ดีที่สุดทำให้หูอวี่ถงได้ผ่อนคลายและค้นพบตัวเอง บางครั้งเขาจะบันทึกประสบการณ์เหล่านี้บนแพลตฟอร์มโซเชียล ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ระยะการขับขี่ทั้งรถสองล้อและสี่ล้อมีระยะทางมากกว่า 40,000 กิโลเมตร ถ้าพูดถึงการขับเองที่น่าประทับใจที่สุด เขาตอบแบบไม่ลังเลเลย: "ช่วงเวลาที่ขับรอบอเมริกาเหนือ" เขาขี่มอเตอร์ไซค์จากชายฝั่งตะวันตกไปยังชายฝั่งตะวันออก เจอสภาพอากาศเลวร้ายมากมาย แต่อารมณ์ของเขาสงบอย่างน่าประหลาด ในใจของเขามีเพียงคนสองคนที่คุยกับเขา คนนึงบอกเลิก อีกคนบอกต่อ
"การใช้ความคิด 1 ชั่วโมงไม่เหมือนกับคิด 10 ชั่วโมง จริงมะ" หูอวี่ถงเพลิดเพลินกับช่วงเวลาที่ไม่ถูกรบกวนจากโลกภายนอกขณะขับรถ เล่นโทรศัพท์ไม่ได้ และไม่สามารถทำสิ่งที่เสียสมาธิได้ ที่ต้องทำคือใช้ความคิดตรึกตรองให้นานที่สุด: "ตอนนั้นสิ่งที่คิด ผมคิดว่าจะทำอะไรในอนาคตนั่นคือสิ่งที่มีความหมายที่สุดสำหรับสมาพันธ์คนโชคดีของเรา"
คอนเสปของคอนเสิร์ตของหูอวี่ถงถูกสร้างขึ้นและสมบูรณ์แบบทีละขั้นตอนเขาพูดแผนของเขาอย่างจริงใจ: "นอกจากสโลแกน คอนเสิร์ตและทัวร์ครั้งแรกที่ผมจินตนาการไว้ ต้องมีรถบรรทุกขนาดใหญ่อยู่บนเวที จากนั้นมีรถเพื่อพาสมาชิกวงดนตรีของเราเพื่อสร้างความรู้สึกของสนามขนาดใหญ่"
หูอวี่ถงเข้าใจว่าทุกสิ่งไม่สามารถประสบความสำเร็จในชั่วข้ามคืน หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เขาได้เสนอแนวคิดที่จะจัดคอนเสิร์ตให้กับบริษัท และได้รับการอนุมัติในเบื้องต้น ในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวของปีที่แล้ว เขาได้สื่อสารกับผู้บริหารของบริษัทอีกครั้งอย่างหนักแน่นทั้งน้ำตาถึงความฝันและความหลงใหลของตัวเขา ถึงเทศกาลโคมไฟของปีนี้ ในที่สุดบริษัทจึงตัดสินใจนำโครงการนี้เข้าสู่วาระการประชุม พวกเขามีเวลาเดือนกว่าๆเท่านั้นในการทำ "ตั้งแต่เริ่มต้น" อย่างท้าทาย “มันอาจจะไม่สามารถเข้าใจความคิดทั้งหมดได้อย่างเต็มที่ แต่เราจะเลือกรูปแบบการแสดงที่ดีที่สุดภายใต้เงื่อนไขที่จำกัด ตราบใดที่เราทำงานหนัก เราก็ทำได้เสมอใช่มั๊ย?” หูอวี่ถง ยิ้มอย่างมั่นใจ
หลังคอนเสิร์ตครั้งแรก หูอวี่ถงจะได้รับผลตอบรับและความคิดเห็นมากมายจากแฟนแฟนอย่างแข็งขันหรือเฉยชา การยกย่องและการยืนยันทำให้เขามีแรงจูงใจมากมาย: สิ่งนี้ติดเชื้อเพลิงเต็มที่เมื่อเขาแสดงบนเวที และหูอวี่ก็ไม่ต่อต้านความคิดเห็นเชิงลบ "อันที่จริง เมื่อวงดนตรีของเราก่อตั้งขึ้นครั้งแรก มีคำว่า 'ไม่พอใจ' ในการค้นหาร้อนแรง ไม่มีอะไรต้องหลบหนี ไม่ว่าการค้นหาที่ร้อนแรงนี้จะเป็นอันตรายหรือไม่ สิ่งที่เราเห็นจากมันและได้มาคือพื้นที่การเติบโตของเรา''
หนึ่งมือกลอง, หนึ่งนักร้องนำ, หนึ่งแร็ปเปอร์, หนึ่งมือกีตาร์, หนึ่งมือคีย์บอร์ด, ในฐานะวงดนตรีใหม่ สมาพันธ์คนโชคดีต้องการเวลาในการต่อสู้กับเรื่องราวของการเติบโตของตัวเอง หูอวี่ถงกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าความกังวลก็เป็นหนึ่งของแรงกระตุ้นของวงดนตรีด้วย: “พวกเราทั้งห้าคนได้ก่อตั้งวงดนตรี ผ่านไปแล้วกว่า 200 วันตั้งแต่เดือนสิงหาคมทุกคนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้วงดนตรีนี้พัฒนาขึ้น หลังจากคอนเสิร์ตครั้งแรกนี้ พวกเราไม่ควรกลัวกังวลสิ่งเหล่านั้นอีกต่อไป จะฝ่าฝันและทำลายอุปสรรคทั้งหมดไปด้วยกัน”
Q: ครั้งนีงเคยโพสต์บน Weibo ว่า "ผมเริ่มต้นเป็นมือกลอง ผมหวังว่าผมจะยังสามารถเป็นมือกลองในจะรู้เรื่องราวอยู่ในช่วงกลาง?" ถึงตอนนี้ คุณคิดว่าเรื่องราวที่คุณเขียนนั้นน่าตื่นเต้นพอมั๊ย?
A: น่าตื่นเต้นมาก สิ่งที่ผมไม่ชอบคือทำตัวธรรมดา บางครั้งผมเลือกทำสิ่งที่ดูเหมือนทำไม่ได้ เอาชนะความยากลำบากในกระบวนการ และในที่สุดก็สำเร็จลุล่วง สามารถนำความรู้สึกเป็นเกียรติมาให้ผม จริงๆ แล้วเกี่ยวกับคอนเสิร์ตครั้งแรกนี้ ผมคิดว่ามันเป็นจังหวะที่น่าตื่นเต้นมาก แม้ว่าจะมีความเสียใจอยู่บ้าง ผมคิดว่าสเตเดียมของเราจะใหญ่ขึ้นอีกนิดและมีคนมากกว่านี้ แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกจำกัด เราได้ทำดีที่สุดแล้ว ผมกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรในภายหลัง และที่จริงแล้วผมรู้อยู่แล้วว่าผมต้องการทำอะไร
Q: คุณรู้สึกว่าตอนนี้คุณอิ่มตัวแล้วหรือยัง?
A: ตอนนี้ผมได้อะไรมามากมายและได้ตระหนักถึงความทะเยอทะยานทางดนตรี ผมยังสูญเสียหลายสิ่งหลายอย่างในเวลาเดียวกัน เช่น สูญเสียเพื่อนบางคนในอดีตไป เพราะผมไม่ใช่คนที่ชอบเข้าสังคมเท่าไหร่ เวลาที่ผมพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆ หายไป เพราะถูกบีบรัดด้วยงาน บางครั้งผมก็คิดในแง่ลบว่า คิดว่าไม่มีใครที่จะสามารถไว้ใจได้ จะมีความรู้สึกเช่นนั้นอยู่เสมอ แต่จริงๆ แล้วผมมีเพื่อนสนิทไม่มากนัก มีเพียงคนนึงหรือสองคนที่สามารถพบกันได้ก็เพียงพอแล้ว
Q: ในปีที่ผ่านมา มีใครหรืออะไรที่คุณอยากจะขอบคุณบ้าง?
A: ขอบคุณทุกคน นอกจากเพื่อนร่วมวงและแฟนคลับแล้ว ยังมีพี่น้องอีกสามคน พวกเขาเป็นคนที่เฮฮาและน่าเชื่อถือที่สุดที่ผมมี ไม่เพียงพอที่จะอธิบายว่าพวกเขาเป็นเพื่อน พวกเขาติดตามผมไปตลอดคอนเสิร์ตครั้งแรกนี้ ช่วยจัดการในเรื่องที่ผมไม่มีเวลาดูแล เมื่อผมนอนดึกพวกเขาก็อยู่กับผมตลอด หลายๆ อย่างถ้าไม่มีพวกเขาผมคงทำไม่ได้จริงๆ ดังนั้นผมจึงหวงแหนมิตรภาพกับพวกเขามาก อีกสองวันผมจะไปงานแต่งของรุ่นพี่ ผมขอลากับบริษัทล่วงหน้าสองเดือน เรื่องนี้มีความจำเป็นมากต่อให้งานจะยุ่งแค่ไหน ผมยังต้องการที่จะรักษาพื้นส่วนตัวของตัวผมไว้
อันที่จริงผมรู้สึกประทับใจคอนเสิร์ตครั้งแรก คอนเสิร์ตสำหรับผมมันไม่ใช่แค่การจบงานแล้วเสร็จลุล่วงแต่มันต้องมีมากกว่าเดิม ในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว หลังจากเทศกาลดนตรีปักกิ่ง ผมมีเวลาพักเป็นครั้งแรกในรอบสองสามเดือน ดังนั้นเมื่อผมจะกลับบ้าน ผมจึงเริ่มขับรถทางไกลกว่า 2,000 กิโลเมตรด้วยตัวของผมเอง ผมคิดอยู่ตลอดทางที่ขับรถ คิดว่าถ้าผมเป็นแค่มือกลอง ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเวที มันต้องมีการเปลี่ยนแปลงและสร้างสรรค์รวมถึงกำลังสร้างเวทีสำหรับคอนเสิร์ตครั้งแรกนี้
Q: สุดท้ายละขอพรวันเกิดหน่อย!
A: หวังว่าหลายๆ อย่างจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีได้นะ บางทีอาจไม่มีใครรู้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไร แต่ยิ่งเรื่องราวตรงกลางน่าตื่นเต้นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น
.
.
.
translated by @HuyutongTh (please take out with full credits)
0 notes
Text
METAL CHINA | Interview
นิวสตาร์ เจเนอเรชั่น | สมาพันธ์คนโชคดี · หูอวี่ถง ความใฝ่ฝันในฤดูร้อน
新星代 | 气运联盟•胡宇桐 夏日梦想家
translated by @HuyutongTh (please take out with full credits)
เขียนเพลงในฤดูหนาวและทัวร์คอนเสิร์ตในฤดูร้อน
สมาพันธ์คนโชคดี · Hu Yutong ใช้จังหวะของการตีกลอง
นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิตที่สงบสุข
ฤดูร้อนนี้จะเป็นความโรแมนติกไม่รู้จบ
วงสมาพันธ์คนโชคดีจากรายการเซอร์ไวเวิลที่ค้นหาวงดนตรียุคใหม่ The Coming One Superband กลายเป็นวงดนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดและเปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วย ในฐานะมือกลองและหัวหน้าวง หูอวี่ถงแบกรับภาระทั้งความฝันและความรักมากมายอยู่บนบ่าของเขา การตีกลองของหูอวี่ถงนั้นทรงพลังมาก และไม้กลองในมือของเขาก็แสดงออกทางอารมณ์เพลงได้เป็นอย่างดี ไม้ตีกลองในมือของเขาดูเหมือนจะเป็นโลกทั้งใบของเขา
“ผมเป็นมือกลอง ผมนั่งอยู่ด้านหลังของเวที ลองมองดูด้านหลังเวทีจะเห็นผมอยู่ตรงนั้น”
“ผมคิดว่าวงดนตรีต้องการรถสองคัน คันแรกเป็นรถบรรทุก คันที่สองเป็นรถยนต์ รถบรรทุกคันใหญ่มีไว้สำหรับเครื่องดนตรี รถยนต์มีไว้สำหรับนักดนตรี เขียนเพลงในฤดูหนาว ทัวร์คอนเสิร์ตในฤดูร้อน และได้แสดงคอนเสิร์ตในทุกเมือง”
Q&A
Q. เพิ่งผ่านวันเกิดปีที่ 28 ของคุณไป คุณคิดว่าคุณเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้าง? อะไรยังไม่เปลี่ยน?
🐯 ตอนอายุ 25 ผมคิดว่าผมสามารถจะทำอะไรให้ตัวเองได้บ้าง และพอผมอายุ 28 ผมคิดว่าจะทำเพื่อคนอื่นได้ในอนาคต ผมจะทำอะไรให้คนอื่นมากขึ้น สิ่งที่ไม่เปลี่ยน แปลงไปจะไม่ทิ้งไลฟ์สไตล์ของผม จะไม่ทิ้งการแสดงบนเวทีและดนตรี
Q. พรวันเกิดของคุณปีที่แล้วเป็นจริงในปีนี้มั๊ย?
🐯 พรวันเกิดปีที่แล้วก็เป็นจริง, แต่ผมก็ขอพรสำหรับคนอื่นด้วย,แต่ความต้องการดังกล่าวก็เป็นการอวยพรเหมือนกัน ส่วนวันเกิดปีนี้ของผมขอพรไว้ว่า ผมหวังว่าปีที่จะถึงจะมีตารางที่ยุ่งสุดๆ งานที่กลัววิตกกังวลใจว่าจะมีความสุขราบรื่น ผมกลัวว่าปีหน้าผมจะไม่ยุ่งน่ะสิ
Q. ถ้าย้อนเวลากลับไปตอนอายุ 23 ปี คุณจะยังขี่มอเตอร์ไซค์ไปทั่วสหรัฐอเมริกามั๊ย? ความศรัทธาอะไรสนับสนุนให้คุณท้าทายขีดจำกัดของคุณ
🐯 ส่วนที่น่าจดจำที่สุดของการเดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซค์คือบนถนนที่มองไม่เห็นอะไรเลยเพราะสภาพอากาศที่ปกคลุมไป��้วยฝนที่ตกหนัก ถนนบนภูเขาที่ขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ และมอเตอร์ไซค์น้ำมันใกล้หมด ผมให้กำลังใจตัวเองภายใต้หมวกกันน็อค ฟังเพลงที่ชอบที่จะทำให้คุณสบายใจ พยายามเก็บความกลัวเอาไว้ ที่จริงผมคิดว่าถ้าผมมีโอกาสกลับไปอีกครั้ง ผมหวังว่าการเดินทางทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 กิโลเมตร ไม่จำเป็นต้องมีระยะทางไกลสุดเกือบ 10,000 กิโลเมตร เพราะตอนนี้ผมมีความคิดมากขึ้นแล้ว ผมไม่สามารถใช้เวลาทั้งหมดกับมันได้ แต่ผมก็ยังเต็มใจที่จะทำสิ่งที่ท้าทายด้วยความพยายาม จะยังคงมุ่งมั่นที่จะรักการผจญภัยและรักการเดินทาง ชอบเส้นทาง ชอบมอเตอร์ไซค์
Q. คุณคิดว่าอายุให้อะไรกับคุณบ้าง? คุณรู้สึกกังวลเกี่ยวกับอายุเมื่อเวลาผ่านไปหรือไม่?
🐯 ผมไม่รู้ว่าทำไม ความกังวลเรื่องอายุมีไม่ได้มากนักในตัวของผมนะ แต่พูดอย่างกลางๆละกันนะ เมื่ออายุและเวลาเปลี่ยนไป ร่างกายและรูปลักษณ์ของเราต้องเปลี่ยนไป แน่นอนว่าความคิดก็เปลี่ยนไปเช่นกัน การพูดและท่าทาง หากคุณต้องการ "อ่อนเยาว์ตลอด" คุณต้องมีวินัยในตนเองอย่างเคร่งครัดและจัดแจงนิสัยที่ดี ผมคิดว่าการนอนดึกของผมเท่านั้นที่ทำให้ผมกระวนกระวายใจเล็กน้อย แต่ตอนนี้ผมไม่สามารถเปลี่ยนมันได้ ผมต้องการทำงานให้เสร็จ ส่วนในแง่ของการคิด ผมคิดว่า เป็นการคิดที่กว้างมากขึ้นเรื่อยๆ คิดให้มากขึ้นและเป็นคนมองการณ์ไกล มองการณ์ไกลให้มากพอ
Q. ดนตรีมีความหมายต่อคุณยังไง? คุณจะคิดเรื่องการตีกลองและร้องเพลงด้วยในอนาคตมั๊ย?
🐯 นอกจากเล่นกลองแล้ว หลายคนบอกผมให้ทำอย่างอื่นด้วย ผมไม่เคยคิดว่าวันนึงคนมากมายจะพูดกับมือกลองว่า คุณสามารถร้องเองเล่นเองได้ ที่เค้าเรียกว่า Solo ? ผมคิดว่าสิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้นตอนที่ผมยังเป็นหัวหน้าวงของชี่เหลียน หรือถ้ามันต้องมีจริงๆมันควรจะมีนิดหน่อย เพราะผมต้องการให้พวกเราทั้งวงทำทุกสิ่งร่วมกันมันจะมีความหมายสำหรับเราห้ามากกว่าสำคัญกับผมคนเดียว แต่วันนึงเมื่อผมต้องยืนด้วยตัวเองเพียงลำพัง ผมเชื่อว่าเพื่อนร่วมทีมหรืออดีตเพื่อนร่วมทีมจะคอยสนับสนุนผม พวกเขาก็จะจำไว้ว่าในเมื่อผมสามารถทำอะไรหลายๆ อย่างเพื่อตัวเองได้ พลังงาน ความสามารถและความแข็งแกร่งของผมก็จะถูกส่งไปยังสมาชิกทุกคนของชี่เหลียน มันก็จะช่วยบรรเทาความวิตกกังวลตรงหน้าพวกเขาได้ในทันที
Q. ธีมเปิดตัวฉบับจีนของ METAL คือ "การเกิดใหม่" (Rebirth) คุณมีแนวคิดเกี่ยวกับ"การเกิดใหม่" ยังไง? ตอนนี้ ช่วง(เหตุการณ์)ใดคือ "การเกิดใหม่" สำหรับคุณ?
🐯 การเกิดใหม่คือการบอกลาสิ่งเลวร้ายหรือเหตุการณ์ที่ไม่ดีไม่พอใจที่จะเก็บไว้ในบางช่วงของชีวิต แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่และปรับตัวใหม่ให้ตามต้องการ แต่ตอนนี้นี้ ไม่มีอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามีความต้องการเกิดใหม่
ปัจจุบันจุดยืนของหูอวี่ถง ทำให้รู้สึกว่าเขาเหมือนวัยรุ่นในวัยยี่สิบต้นๆมากกว่า แต่จริงๆภายใต้นั้นเขาคือคนที่มีประสบการณ์ที่มากมาย อาจเป็นเพราะด้วยความมีชีวิตชีวาและความร่าเริงตามธรรมชาติของราศีเมถุน หูอวี่ถงมีความกระหายในทุกสิ่ง ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่รู้จักและการเปลี่ยนแปลงซึ่งสามารถกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเขาได้ ปีนี้ยาวนานและฤดูร้อนกำลังมาถึงใกล้ๆ ชายหนุ่มคนนี้กำลังเดินตามความฝันภายใต้การสนับสนุน ไปสู่เวทีที่ยิ่งใหญ่กว่า
translated by @HuyutongTh (please take out with full credits)
0 notes
Text
THEICON装偶像 X 胡宇桐 | “我想冲在前面了”
translated by @HuyutongTh (please take out with full credits)
THEICON装偶像 X 胡宇桐 | “我想冲在前面了”
หูอวี่ถงเป็นมือกลองคนหนึ่ง มือกลองมักมองหาแรงจูงใจ��ี่แท้จริงจากที่อยู่เบื้องหลังของดนตรี เขามีคำถามเรื่อยๆว่า: จังหวะของมันขึ้น ๆ ลง ๆ ธีมของการแสดงออก ทิศทางสุดท้ายที่เป็นไปได้ในที่สุด และที่สำคัญที่สุดคือทั้งหมดออกมาจากหัวใจ และยังคงจริงใจตลอดเวลา
ในความเห็นของหูอวี่ถงไม่มีการสุ่มสี่สุ่มห้าในถนนสายนี้ ไม่มีความพยายามที่สูญเปล่าขอเพียงรักมันและสนุกกับมันอยู่ตลอดเวลา และไม่เคยเบื่อที่จะเป็น “ผู้ไล่ตามความฝัน”
อาจจะไม่มีทางออก แต่ก็ไม่เคยเสียใจเลย


THEICON : กลองสำหรับคุณแล้วมีความหมายแค่ไหน?
หูอวี่ถง: หลังจากผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมาย ผมก็ได้พบว่าผมไม่ต้องคิดถึงความสัมพันธ์กับมันอีกต่อไป
เนื่องจากความสัมพันธ์ที่คุ้นเคยเกินไป ไม่จำเป็นต้องทดสอบและยืนยันความสัมพันธ์ ในทางตรงกันข้าม หูอวี่ถงยินดีที่จะแบ่งปันเรื่องราวการพบกันครั้งแรกระหว่างพวกเขามากกว่า ตอนที่ผมเรียนอยู่ที่ MI School of Modern Music หูอวี่ถงมีกลอง 3 ชุดในชีวิตของเขา เขาไม่สามารถคาดเดาได้ในเวลานั้น ว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันมีประสบการณ์การผจญภัยในชีวิตมากมายกี่ครั้ง แต่เรื่องราวได้คลี่คลายไปแล้วอย่างเงียบ ๆ ...


“กลองชุดรุ่นนั้นหายากและไม่ค่อยมีใครผลิต ผมเห็นมันขายทางออนไลน์ ผมส่งอีเมลถึงผู้รับทันที ผมถามว่าอยู่ในแคลิฟอร์เนียหรือเปล่า? เขาบอกว่าใช่ ผมถามว่าอยู่ใกล้ลอสแองเจลิสมั๊ย? เขาบอกว่าจะใช้เวลาขับรถประมาณสองชั่วโมง ผมพูดว่าตกลง ผมซื้อมัน ผมจะนำเงินสดและรีบเร่งไปทันทีและอย่าขายให้ผู้อื่น ที่น่าสนใจที่สุดคือเขาบอกกับผมว่าให้มาถึงก่อน 2 ทุ่�� ไม่งั้นก็ปล่อย”
ก่อนสองทุ่ม หูอวี่ถงมีสองสิ่งที่ต้องทำ: หนึ่งคือขอให้เพื่อนขับรถไปรับกลอง แต่ผมกลัวว่าจะไม่ทัน เลยต้องขี่มอเตอร์ไซค์ไปก่อนด้วยตัวของเขาเอง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นซึ่งกันและกันในครั้งแรก อย่างที่สองคือการถอนเงิน เขาไม่ได้มีเงินสดติดตัวมากมาย และธนาคารก็จะปิดในเร็ว ๆ นี้
“กลองชุดนั้นมีความสำคัญและแพงมาก การถอนเงินสดจำนวนมากในครั้งเดียวต้องอธิบายเหตุผลให้ทางธนาคารฟัง และก็อธิบายอยู่นานมาก สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือการลงจากทางด่วนและไปถึงจุดหมายทันที แบตเตอรี่โทรศัพท์เหลือเพียง 1% เป็นไปได้ที่จะขาดการติดต่อได้ตลอดเวลา ผมไม่เคยเห็น 1% ที่อยู่ได้นานขนาดนี้จนกว่าผมจะพบคนที่ขายกลองและ 1% ยังคงอยู่ที่นั่น”
ถามหูอวี่ถงว่าทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือน “รักแรกพบ” สำหรับกลองชุดนี้?
“เพราะโทนเสียงของมัน สีไม้ของมัน และชื่อรุ่นของมัน ชื่อของมันคือฟีนิกซ์”
ต่อมา หูอวี่ถงก็นำนกฟีนิกซ์ของเขามาแสดงใน “The Coming one Super Band” พบกลุ่มเพื่อน ๆ ทางดนตรีที่โรแมนติกและน่าหลงใหล และเป็นเจ้าของวงดนตรีวัยรุ่นวงนี้ชื่อว่า สมาพันธ์คนโชคดี 气运联盟
THEICON: คุณเคยบอกว่าในฐานะ F-MAN คุณเป็นเหมือน “ผู้จัดการชีวิต” มากกว่า คุณจะคิดใหม่กับ F-MAN นั่นคือบทบาทของกัปตันหรือไม่?
หูอวี่ถง: ตอนนี้ได้กลับไปที่สิ่งที่กัปตันควรทำแล้ว


การเปลี่ยนแปลงเริ่มมาจากการร้องเพลงบนเวที Starlight Awards 《活于我》 จนถึงตอนนี้หูอวี่ถงยังคงคิดเช่นนี้ตั้งแต่เขาเดบิวต์ การแสดง��ี่ทำให้เขาตื่นเต้นมากที่สุด
“เพราะตอนนั้นฉันไม่ใช่ ‘ผู้จัดการชีวิต’ อีกต่อไป แต่ก็ตระหนักได้ว่ามีบางสิ่งที่ทำให้ผมต้องรับผิดชอบในหน้าที่กัปตันและกลายเป็นกำลังหลักของทีมทั้งหมด”
“แล้วคุณคิดว่าอะไรคือความรับผิดชอบของหัวหน้าวง”
“พุ่งไปข้างหน้าแล้วหาทางออก!”
“ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันสมาชิกวงสมาพันธ์คนโชคดีมีความหมายที่แตกต่างกันสำหรับเรามันอาจจะเป็นความท้าทายในตอนแรก แต่ตอนนี้มันกลายเป็นความสัมพันธ์แบบใกล้ชิด”
เมื่อผู้คนต่างสงสัยเกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาในระยะยาวของวงดนตรีทั้งหมดและวิธีที่ควรสร้างสไตล์และจุดยืนของตัวเอง หูอวี่ถงตอบว่า: “เช่นเดียวกับการเขียนเพลงคุณไม่มีทางรู้ว่าเพลงต่อไปของคุณจะเป็นอย่างไรความชัดเจนเพียงอย่างเดียว คือถ้าทุกคนถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันเราจะไม่แยกจากกัน”
THEICON: คุณกังวลกับคำถามที่ว่าคุณจะ “ดังนานแค่ไหน” ไหม?
หูอวี่ถง: ดังนานแค่ไหน? ในชีวิตประจำวันของผม ผมยังคงดื่มน้ำตอนตื่นนอนในตอนเช้าและผมมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง
“ผมจะหยุดหายใจหลังจากประสบความสำเร็จ แต่ผมจะไม่จมปลักอยู่กับความสำเร็จไม่รู้จบ ผมอาจคิดว่าในวันรุ่งขึ้นผมจะทำอะไรต่อไปดังนั้นผมจึงเป็นคนที่เต็มใจที่จะเสี่ยงและสนุกไปกับมัน”


เมื่อเทียบกับความนิยม บางทีสิ่งที่หูอวี่ถงต้องการมากกว่านั้นคือความรู้สึกไว้วางใจระหว่างผู้คน ระหว่างการสัมภาษณ์หูอวี่ถงกล่าวว่าตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาเขาอยู่ในสถานะ ‘ปิดกั้นตัวเอง’ มาเป็นเวลานาน แต่เขากลัวว่าทุกคนจะกังวล เขาจึงพูดซ้ำ ๆ อยู่เสมอว่านั่นเป็นเพียง ‘การปิดกั้นตัวเอง’ ก็เท่านั้น
“ทุกนาทีและทุกวินาทีตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงกันยายนผมไม่รู้ว่าผมควรจะเชื่อหรือไม่ ผมไม่เชื่อใจใครเลยผมจึงไม่กล้าที่จะออกไปข้างนอกเท่าไหร่ ผมสื่อสารกับคนที่ไว้ใจได้มากที่สุดเท่านั้น สภาพของคนทั้งช่วงเวลานั้น งานหรือชีวิตที่จริงต้องปรับตัว โชคดีที่ปรับได้ในปีนี้ อยากเริ่มเปิดปมนี้ด้วยตัวเองและกล้าที่จะเชื่อการมีส่วนร่วมของคนอื่น”
ตอนนี้ หูอวี่ถงยุ่งอยู่กับงานในบริษัทกับสมาชิกวงของเขา “งานสำคัญ”
งานจะใหญ่แค่ไหน? เขายังคงเก็บเป็นความลับตลอดเวลา
แต่เมื่อถูกถามว่าในที่สุดสมาพันธ์คนโชคดีบรรลุความสำเร็จประเภทใดและบรรลุเป้าหมายอะไร หลังจากบรรลุเป้าหมายแล้วมันก็คุ้มค่าที่จะเสียเลือดเหล่านี้และอยู่กับทุกคนที่เดินทางผ่านทั้งไฟและน้ำ หูอวี่ถงกล่าวว่าคำตอบอาจเป็นเหตุการณ์สำคัญนี้
สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวันสามารถนำความสุขมาให้หูอวี่ถงได้
“ตัวอย่างเช่นการขี่รถจักรยานยนต์ Mercedes-Benz บนถนนในตอนเย็น มันต้องเป็นตอนเย็นเท่านั้น เพราะกลางวันและกลางคืนเหมือนโลกคนละใบ ในตอนเย็นคือช่วงเวลาจากโลกหนึ่งไปสู่อีกโลกหนึ่ง”
“มันเหมือนกับการล้างจานในเครื่องล้างจานที่ใช้น้ำร้อนปริมาณมาก แมวจรจัดที่หลงทางมาหน้าบ้านได้เห็นอีกครั้งในคืนนี้ เพราะไม่ใช่ทุกคืนที่มันจะกลับมา ถ้าฤดูใบไม้ผลิมาในตอนเย็นข้างนอกจะไม่หนาวจัดมันจะออกไปข้างนอกและไม่กลับบ้านอีกด้วย”
“งั้นคุณมีลูกแมวเป็นเพื่อนคุณรู้จักมันมั้ย?”
“อืม ผมมีแมวกึ่งสัตว์ป่ามันชื่อว่าเสี่ยวเหย”
หูอวี่ถงอ่อนโยนมากเมื่อเขาพูดถึงเรื่องนี้เขาซื้ออาหารแมวกระป๋องให้มัน ป้อนมันด้วยอาหารบำรุง และวางเก้าอี้ตัวเล็กไว้ที่ประตูและวางเบาะเล็ก ๆ ให้มัน “แต่คุณไม่สามารถเข้าใกล้มันได้มันจะวิ่งหนีอย่างเร็ว”
นอกเหนือจากชีวิตประจำวันแล้วการโต้เถียงรอบตัวของหูอวี่ถง อาจเป็นได้ว่าเขาเป็นมือกลองและเป็นไอดอลที่ปรากฏตัวผ่านรายการแสดงความสามารถ บนดินหรือใต้ดิน นักดนตรีหรือไอดอล เมื่อมีข้อขัดแย้งกันเกี่ยวกับสถานะเหล่านี้ หูอวี่ถงเลยต้องการถามว่า: “คุณเคยจินตนาการไหมว่าทำไมคนเราต้องเดินบนบกทำไมเขาถึงไม่เกิดในน้ำ ทำไมล่ะ? ทำไมถึงไม่พัฒนาให้เติบโตขึ้น?”
“ผมมักจะคิดว่าทำไมผมถึงบินไม่ได้ ผมมักคิดว่าผมจะว่ายน้ำได้นานแค่ไหน ผมมักคิดว่าถ้าผมไม่กินอาหารเป็นเวลาสองวันผมจะทำอย่างไรถ้าผมพยายามลองทำ ดังนั้นผมจึงไม่ชอบกฎระเบียบ ผมไม่ชอบสิ่งที่เรียกว่า ‘การเรียนรู้จากอดีต’”
บางทีนี่อาจเป็นความหมายของไอดอล เขาสร้างรูปแบบใหม่ของพฤติกรรม เขาบอกพวกเราว่าสามารถเข้าถึงถนนเส้นนี้ได้เช่นกัน แต่มีคนใช้ถนนสายนี้ผ่านจริง ๆ หลังจากนั้นผู้คนจำนวนมากขึ้นจะพยายามค้นหาเส้นทางที่มีคนเดินทางไม่กี่คน
.
.
.
translated by @HuyutongTh (please take out with full credits)
2 notes
·
View notes
Text
VOUGE Interview
translated by @HuyutongTh (please take out with full credits)
气运联盟:原来乐团是这样呀
หูอวี่ถง : ทุกอย่างคือพรหมลิขิต
จ้าวเคอมักจะเห็นใบหน้าดื้อรั้นบนใบหน้าของเขา เขาอยู่ในวรรณกรรมฝรั่งเศสของเสี่ยวหลี "ไฟที่อบอุ่นในโลกที่หนาวเหน็บ" เสี่ยวสงอธิบายว่าเขาแข็งเหมือนเหล็กกล้า หม่าเจ๋อเรียกเขาว่า "พี่ชายของผม" เขาเป็น F-man ของ Qiyunlianmeng หูอวี่ถง ประสบการณ์ในช่วงฤดูร้อน เป็นความกรุณาอันสูงสุดของโลกใบนี้
ติดอันดับยอดนิยมของนักเรียน หูอวี่ถงตกอยู่ในความตะลึง เขาไม่เคยอยู่ในสายงานนี้มาก่อน วันหนึ่งผมไม่คาดคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง แต่นั่นคือทั้งหมด ไม่ว่าจะถูกจับตามอง ถูกพูดถึงหรือวิพากษ์วิจารณ์ เป็นที่รัก เขาบอกตัวเองเสมอว่าต้องปฏิบัติเรื่องนี้เป็นพิเศษ ความทุ่มเทของแฟนๆ ตลอดทั้งวันทั้งคืนไม่เพียงทำให้เขากดดัน แต่��ังทำให้เขาเต็มไปด้วยแรงจูงใจอีกด้วย เขายอมรับทั้งสองอย่างนี้อย่างเต็มกำลังว่า "มันเป็นสิ่งดีๆทั้งหมด"
หูอวี่ถงอายุ 27 ปี มีอายุมากกว่าหม่าเจ๋อสมา��ิกวงซีเหลียนซึ่งอายุมากเป็นอันดับที่สองมากกว่า 4 ปี เขาเป็นพี่ใหญ่ เขาคือเหล่าหู ในการแสดง เหล่าหูไม่เพียงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังแสดงทัศนคติที่ถูกต้องในฐานะผู้จัดการ หนังสือ 《如何领导天才团队》"How to Lead a Genius Team" ใต้หมอน ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้คนยิ้มได้ แต่ยังเห็นถึงความมุ่งมั่นของเขาที่จะจัดการวง ในความคิดของเขา ทุกๆวัยสามารถรวมวงกันเพื่อเล่นกันเป็นทีม เด็ก 6 ขวบสามารถทำวงดนตรีได้คล่องแคล่วมากและผู้สูงอายุส่วนใหญ่ยังสามารถเล่นร๊อคได้ในวัย 80 ซีเหลียนล้วนเป็นคนที่รักดนตรี เพียงแค่ว่าเมื่อทุกคนจัดการกับดนตรีก็จะมีช่องว่างบางอย่างเนื่องจากประสบการณ์และความชอบทางดนตรีที่แตกต่างกัน แต่ทั้งหมดก็ยังมีความคล้ายคลึงกัน
“ผมหวังว่าวงดนตรีก้าวไปข้างหน้าพัฒนาขึ้น ไม่ว่าผมจะอยู่หรือไม่ก็ตาม โดยไม่คำนึงถึงการคงบทบาทตามลำดับ อย่าจำกัดอายุหรือสิ่งต่างๆเช่นประสบการณ์และความแตกต่างของความชอบในดนตรี เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาไม่ว่าจะวงไหนๆ"
เหล่าหูเป็นคนที่มีความรู้สึกเชื่อมั่นในเรื่องพรหมลิขิต ในสายตาของเขารายการ 《明日之子乐团季》TheComingone Superband คือพรหมลิขิต สมาชิกทั้งห้าคนสามารถมารวมวงกันได้คือพรหมลิขิต การทำเพลงคือพรหมลิขิต แก่นแท้ของพรหมลิขิตคือสิ่งที่ผมตามหามันมากที่สุดโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการทำเพลงให้ดี
คำถาม : มาคุยกันว่าแต่ละคนเข้าสู่วงการดนตรีได้อย่างไร
หูอวี่ถง : ผมตีลังกาแล้วหกล้ม เลยได้เข้ามา
คำถาม : อธิบายการทำงานเพลงครั้งแรกของคุณ
หูอวี่ถง : เห็นจากภาพยนตร์สารคดี
คำถาม : โดยปกติอะไรคือที่มาของแรงบันดาลใจ?
หูอวี่ถง : ผมไม่สามารถบอกได้เรื่องนี้
คำถาม : การสร้างสรรค์ความหมายกับคุณ? หากคุณใช้ความฝัน คำศัพท์หรือสิ่งที่อธิบายว่ารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ คุณจะอธิบายมันอย่างไร?
หูอวี่ถง : ไม่มีความรู้สึก
ในอัลบั้ม EP 《超!满速》"Full Speed" มีเพลงที่เป็นงานที่ทำกันเองล้วนๆ คุณชอบเพลงที่แต่งกันเองทั้งหมดไหม?
หูอวี่ถง : นิยามของความคิดริเริ่มสร้างสรรค์คือความคิดริเริ่มที่จะทำที่บริสุทธิ์ เป็นส่วนหนึ่งของทำเพลงด้วยตัวเอง ส่วนหนึ่งของการทำเพลงเองคือเนื้อเพลงของเพลงนี้เขียนขึ้นโดยตัวเราเอง หรือคำพูดเป็นของเราเอง.เมื่อเรามีการประชุมวางแผน แต่เดิมเนื้อเพลงทั้งสามไม่ได้เป็นของเราเอง แต่เราตกลงกันว่า ต้องมีบางอย่างที่เป็นงานเพลงทำเองของวง ดังนั้นด้วยสิ่งนี้เพลงที่ทำขึ้นเอง 100% คือ 《请允许我的平凡》“Qǐng yǔnxǔ wǒ de píngfán”.(โปรดให้ผมเป็นแค่คนธรรมดา)
คำถาม : ดนตรีมีความหมายกับคุณอย่างไร? คุณต้องการแสดงอะไรมากที่สุดในดนตรี?
หูอวี่ถง : เพลงในวันนี้หมายถึงเพลงที่คุณฟังเมื่อมีรถติดบนท้องถนน ซึ่งหมายถึงการคั่นเวลาของคุณ
คำถาม : จากสามเพลงใน อัลบั้มนี้คุณชอบเพลงไหน?
หูอวี่ถง : 《翡翠》“Fěicuì”
Translated by @HuyutongTh
! please take out with full credits !
0 notes
Text
TZ interview
translated by @HuyutongTh (please take out with full credits)
Hu Yutong
เมื่อหูอวี่ถงเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับขวดเบียร์ในมือ เขาก็ถามอย่างสุภาพว่าเขาสามารถดื่มและพูดคุยได้หรือไม่ ดังนั้นเราจึงเริ่มการสนทนาครั้งนี้ในบรรยากาศที่ผ่อนคลายมาก ก่อนจะคุยกันเราขอให้เหล่าหูดูวิดีโอรีวิว เมื่อผ่านไปครึ่งทางเขาก็หยุดและถามว่า : จะนำไปเผยแพร่ออนไลน์มั๊ย? ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกกังวลเล็กน้อย หลังจากรู้ว่ามีเพียงห้าคนเท่านั้นที่สามารถดูวิดีโอได้เขาก็โล่งใจที่จะดูต่อไป เมื่อเทียบกับพลังของความรู้สึก และจังหวะของการตีกลอง คำพูดของ หูอวี่ถงมีความโรแมนติกและมีศิลปะในการพูดอีกแบบหนึ่ง ความรู้สึกนี้รู้สึกได้จากวิธีที่เขาพูดและอธิบายสิ่งต่างๆด้วยรายละเอียดพิเศษ ตัวอย่างเช่นเมื่อเขาบอกว่าเขาหลับไปบนโซฟาตอนที่เขากำลังเตรียมตัวเมื่อคืนก่อน เขาจะบอกคุณว่าโซฟาตัวนี้สูงเพียงครึ่งเมตร คนต้องนอนขดตัวและต้องดันเท้าสองข้างเข้าไปในร่องของโซฟาเพื่อกอดเอาไว้ เขาเพิ่งนอนจนถึงสี่ทุ่มของวันรุ่งขึ้น

การสัมภาษณ์กับ Hu Yutong
Q: คุณรู้สึกอย่างไรกับความคิดเห็นของผู้คนที่เพิ่งดูเพลงใหม่ ?
HYT: ขอบคุณที่ทำในสิ่งที่อยากทำเพื่อผม ผมอยากได้ยินว่าคนอื่นคิดอย่างไรกับเพลงใหม่นี้ ผมคิดว่ามันเป็นเพราะแบบเกณฑ์ของดนตรี ตอนนี้ผมไม่ได้คาดหวังว่าทุกคนจะเข้าใจดนตรี ระดับความเข้าใจดนตรีสูงขึ้นเรื่อยๆ ในความเป็นจริงผู้คนจากทุกเพศทุกวัยสามารถได้ยินส่วนที่ดีและไม่ดีของดนตรี ผมคิดว่าพวกเขามีความชอบส่วนบุคคล และผมก็ยอมรับมุมมองส่วนใหญ่ได้
Q: เพลงใหม่ของคุณ 《活于我》“Huó yú wǒ” เป็นยังไงบ้าง?
HYT: ผมคิดว่าเพลงนี้บรรลุเป้าหมายส่วนตัวอย่างหนึ่ง แต่สำหรับตัวเพลงและตัวเอ็มวีเอง ผมคิดว่ามีช่องว่างอยู่ยังต้องการลงรายละเอียดมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ก็ดีแล้ว เช่นเดียวกับโรงงานสามารถผลิตสินค้าได้อย่างไม่มีที่ติ แต่บางคนชอบงานฝีมือแฮนด์เมด ผมคิดว่าวงดนตรีแตกต่างจากไอดอลที่เป็นที่นิยมตรงที่การมีอยู่ของวงดนตรีต้องมีสิ่งที่แฮนด์เมดอยู่ในนั้น
Q: คุณจะติดตามความคิดเห็นออนไลน์ของคุณหลังการแสดงหรือไม่?
HYT: วงได้รับความคิดเห็นเชิงลบหลังจากการแสดงก่อนหน้านี้ ผมก็โอเคนะ หลังจากนั้นผมมีประสบการณ์มากมายและผิวของผมก็เริ่มหนาขึ้นแล้ว ผมกังวลว่าเพื่อนร่วมทีมของผมจะได้รับผลกระทบมากกว่า จริงๆแล้วเราทำได้ดี เพียงแต่ว่าเราไม่เคยพบวิธีทางที่ถูกต้องมาก่อน
Q: ลักษณะเพลงของวงดนตรีในอุดมคติของคุณเป็นอย่างไร?
HYT: ผมคิดว่าเราห้าคนต้องอยู่ด้วยกัน ทำเพลงด้วยความช่วยเหลือจากโปรดิวเซอร์ที่ดีที่เข้าใจเรา เหมือนเรากำลังคุยกัน ว่าทำนองนี้ได้รับการแก้ไขที่ระดับ 4 หรือระดับ 5? มาพูดคุยกัน จริงๆแล้วในแง่ของดนตรีรายละเอียดเล็กน้อยก็ทำให้เพลงดีขึ้น วันนี้เสียงร้องดีขึ้น เสียงเครื่องดนตรีที่นั่นก็ดีกว่า การมิกซ์เสียงก็ดีขึ้น และสถานที่ก็ดีขึ้น เพลงก็จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
Q: เราได้ยินมาว่าวันนี้เป็นครั้งแรกที่พวกคุณรวมตัวกันทำเพลงเมื่อเร็ว ๆ นี้?
HYT: ผมมีช่วงเวลาก่อนหน้านี้ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของทุกคน ผมยอมทิ้งวงโดยสิ้นเชิง เพื่อดูว่าทุกคนมีความสุขแค่ไหน แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นไปได้ ผมคิดว่ายังมีความจำเป็นที่จะต้องมีใครสักคนเป็นผู้นำในการทำอะไรบางอย่าง ตอนนั้นทุกคนกำลังกบฏและผมก็กบฏด้วย ดูวงดนตรีที่ผมสร้างเอง ผมไม่สนใจมัน ผมปล่อยให้ทุกคนเล่นอะไรก็ได้ที่พวกเขาต้องการ ความยากของวง คือการหาสิ่งที่คน 5 คนชอบสิ่งเดียวในเวลาเดียวกันเป็นเรื่องที่ยากและยังยากที่จะหาแนวเพลงที่เหมาะกับพวกเรา แต่ผมคิดว่าความขัดแย้งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหากคุณแสวงหาสิ่งต่างๆอยู่เสมอก็จะพบความจริงของปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ถ้าความแตกต่างมากเกินไปก็อาจไม่มีโอกาสที่จะแสวงหาจุดร่วมได้ ดังนั้นจึงมีสถานะนี้อยู่เสมอระหว่างความก้าวหน้าและการล่าถอย ระยะไกลและระยะใกล้ ผมคิดว่ามันดีมากมันเป็นความผูกพันและช่วยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
Q: ตั้งแต่การแข่งขันจนถึงปัจจุบันคุณได้ปรับวิสัยทัศน์สำหรับวงดนตรีแล้วหรือยัง?
HYT: เมื่อไม่นานมานี้ผมคิดว่ามันคงจะดีถ้าวงสามารถไปต่อได้ เราไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบกับคนอื่นตราบใดที่เราสามารถหาแก่นแท้ของ Qilian ได้เราก็ไม่กลัวความยากลำบากมากมาย ตัวอย่างเช่นวันหนึ่งในอนาคตคุณจะพบกับความยากลำบากอย่างกะทันหันและคุณไม่สามารถทำสิ่งใดได้ ทันใดนั้นวันหนึ่งการเข้าชมของแฟนๆ ของคุณก็ลดลงและหายไป แต่คุณไม่ต้องทำสิ่งใดก็สามารถอดทนและผ่านไปได้นั่นหมายความว่าเรามีแกนหลักที่มั่นคงมาก"
Q: ครั้งต่อไปหากคุณถูก Hot Search คุณต้องการให้คีย์เวิร์ดกลุ่มของคุณเป็นอะไร?
HYT: ผมคิดว่าถ้าคุณทำสิ่งต่างๆไปเรื่อยๆอย่างสม่ำเสมอ ในวันนี้คุณคงไม่อยากค้นหาอะไรอีกแล้ว ผมได้ถูก Hot Search มาหลายครั้ง ผมไม่อยากอยู่ในที่นั้น หากผมต้องการทำธุรกิจบางอย่างผมคิดว่าผมอาจดูไม่ค่อยดี
Q: คุณจะแก้ไขชื่อด้านบนของ Weibo ใหม่หรือไม่?
HYT: ผมคิดว่าการตีกลองเป็นความสามารถที่แท้จริงของผม ตอนนี้ผมกำลังเปลี่ยนชั้นล่างสุดของบ้านให้เป็นห้องตีกลองไม่ว่าผมจะยุ่งแค่ไหนผมหวังว่าตราบใดที่ผมกลับไปปักกิ่งผมจะได้ฝึกฝนสักพักทุกๆเช้า
Q: ทำไมคุณต้องเขียนข้อความเล็ก ๆ น้อย ๆ หลังพิธีมอบรางวัลแต่ละครั้ง?"
HYT: ข้อความแรกเป็นคำพูดส่วนตัวของผมก่อน และข้อความที่สองเป็นความรู้สึกสำหรับวงของเรา สิ่งนี้ที่คุณมีความรู้สึกแรกของคุณมันเป็นความรู้สึกปัจจุบันของผม ผมแค่อยากจะแสดงออก เมื่อคนอื่นกำลังดูวานิตี้แฟร์เหล่านั้น ผมจัดระเบียบภาษา ผมคิดว่าผมควรจะพูดอะไรสักอย่าง
Q: วิธีดูแลภาพลักษณ์ของไอดอล? คุณคิดว่าคุณมีภาพลักษณ์ของไอดอลหรือไม่?
HYT: บางครั้งผมรู้สึกว่าตัวเองแตกต่างจากคนทั่วไปเล็กน้อยเพราะได้รับความสนใจมากกว่า แต่บางครั้งผมรู้สึกว่าผมเป็นคนธรรมดาคนนึงและผมก็ไม่ได้โดดเด่นเมื่อเทียบกับหลายๆคน อย่าริดว่าตัวเองเด่นเกินไปนี่คือระดับที่คุณต้องยอมรับตัวเอง คุณมีสถานที่ธรรมดาและสถานที่ที่เปล่งประกายถ้าคุณคิดว่าเปล่งประกายนั่นเป็นสิ่งที่ดีก็จงรักษามันไว้

Q: คุณคิดว่าคุณเป็นคนแบบไหน?
HYT: ผมก่อนอายุ 25 ปี ผมคิดว่าผมค่อนข้างแตกแยก ผมอาจจะไม่เหมือนเดิม เช้านี้อาจแตกต่างจากเย็นนี้ และพรุ่งนี้อาจแตกต่างจากเมื่อวาน ผมเองก็รู้สึกหนักใจเช่นกัน แต่หลังจากอายุ 25 ปี ผมเริ่มคิดไตร่ตรองถึงเรื่องนี้ นี่คือหนึ่งในทรัพย์สมบัติของผม เพราะมีความรู้สึกมากมายที่เปลี่ยนแปลงในใจผมไ ตกลงว่าผมมีหลายบุคลิคเหรอ?
Q: ลักษณะหลายเหลี่ยมของเพชรพลอยเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการสร้างสรรค์งานศิลปะ
HYT: แต่มันอาจจะไม่ดีสำหรับบอส (หัวเราะ) วันนี้ผมไปรับพวกเขาสองสามคนไปที่สตูดิโอเพื่อบันทึกเสียง เมื่อมองไปที่อาคารสูงริมถนน ผมคิดว่าผ่านมาหลายปีแล้วสำหรับผู้คนในตอนนั้นทุกอย่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อ เช่นเดียวกับที่ผมคิดว่ารถจะบินบนท้องฟ้าในวันหนึ่งในอนาคต แต่ก่อนหน้านั้นคนส่วนใหญ่จะตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ของแนวคิดนี้ก่อน ผมคิดว่าตัวตนของผมมันมีความเป็นเหตุเป็นผลที่จำเป็นต้องมีอยู่แล้วจะมีปัญหามากมายที่ไหน หลายคนถามผมว่า คุณเป็นคนแบบไหน? ผมบอกว่าผมก็ไม่รู้ทำไมผมต้องรู้ว่าผมเป็นคนแบบไหนผมบอกได้แค่ว่าผมไม่ได้ทำสิ่งที่ทำร้ายคนอื่น ในโลกนี้มีทั้งคนที่เปลี่ยนโลก คนที่ช่วยคนอื่นเปลี่ยนโลก และคนที่ไม่อยากเปลี่ยนโลกเพราะมันก็ดีอยู่แล้วที่หลายๆ คนจะอยู่ในเขตสบายๆของเขา ผมหวังว่าพวกเขาจะยึดติดกับสิ่งที่เขาต้องการ แต่ผมต้องการการเปลี่ยนแปลง
Q: คุณอยากบอกเรามั๊ยว่าทำไมถึงร้องไห้ระหว่างเล่นกลองบนเวทีทั��ร์ที่ฉางชา?
HYT: การมีน้ำตาไม่จำเป็นต้องเสียใจ ฉางชาเป็นฐานที่มั่นหลักของบริษัทของเรา และมีพนักงานจำนวนมากมาที่นั่น ผมเห็นพวกเขาอยู่หลังเวที พวกเขาหลายคนอยู่กับเราตั้งแต่การสัมภาษณ์จนถึงวันนี้ ผมจำได้ว่าผมเข็นรถใส่กลองสองคันด้วยตัวเอง ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด มันคงจะหนักหลายร้อยจิน(1จิน=500g) และต้องใช้เงินหลายพันหยวนในการจัดส่ง . หลังจากลงจากเครื่องบิน กระเป๋าที่ใช้ใส่กลองเหล่านี้ก็แบกไปเองทั้งหมด เมื่อนึกย้อนไปถึงฉากเหล่านี้ในตอนนั้นผมรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย
Q: คุณต้องการขับรถ Qilian คันนี้อย่างไร? มันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่หรือไม่?
HYT: ตอนนี้ผมแค่ต้องการตั้งเป้าหมายระยะสั้น และทำการแสดงในครั้งต่อไปของเราให้ดี นอกจากนี้ผมและสมาชิกในทีมกำลังพยายามวางแผนบางอย่างในตอนนี้ เพื่อสร้างรถบ็อกซ์คาร์ขนาดใหญ่ที่สามารถใช้แสดงได้จริงๆ
Q: ตั้งแต่ก่อตั้งวงจนถึงปัจจุบัน มีสิ่งใดบ้างที่คุณเคยตั้งมั่น แต่ตอนนี้กำลังประนีประนอม?
HYT: สิ่งนึงที่น่าขันผมคิดเสมอว่ามือกลองและมือเบสต้องเข้ากันได้ดี แต่ไม่มีเบสในวงของผมเมื่อเร็ว ๆ นี้เพื่อนๆโปรดิวเซอร์ของผม และผมได้คิดวิธีแก้ปัญหาโดยเพิ่มคอมพิวเตอร์เพื่อทำเสียงเบสเข้าไปในการจัดเรียงของเรา เราไม่มีเบสก็ให้คอมทำเบส เสียงเบสนี้อาจไม่มีอารมณ์ใดๆ แต่สามารถทำให้ผู้ฟังของเรามีความสุขได้มากเพราะความถี่ต่ำของเรามีความหนักแน่นเพียงพอนี่คือหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาหรือการประนีประนอมของผม
Q: ตอนนี้วงดนตรีโดยรวมสถานะคึกคักมากขึ้น?
HYT: ผมคิดว่ามันกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ดี ก่อนหน้านี้ผมกับจ้าวเคอมีความเห็นไม่ตรงกันเล็กน้อย แต่จุดเริ่มต้นของเราคือหวังว่าวงดนตรีจะดีขึ้น หลังจากคิดถึงเรื่องนี้ผมจึงเขียนข้อความสั้นๆให้เขา หลังจากที่ได้ประสบปัญหามากมายผมหวังว่าสิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้จะไม่ส่งผลต่อความคิดของเรา ส่งผลต่อสิ่งสำคัญที่เราต้องการทำให้สำเร็จ ไม่นานเราก็กลับมาคืนดีกัน ผมเชื่อว่าตราบใดที่ทุกคนมองว่า Qilian เป็นหัวใจหลักของพวกเขา และค่อยๆค้นหาจุดแข็งหลัก ไม่ว่าโลกภายนอกจะเป็นอย่างไรพวกเราทั้งห้าคนก็จะสามารถทำได้ดี
Q: มีความสุขและความเสียใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับทัวร์ล่าสุดหรือไม่?
HYT: น่าเสียดายที่หลายทัวร์ถูกยกเลิก นอกจากนี้ยังมีสถานที่เซี่ยงไฮ้ พ่อของผมอยู่ที่ทางเข้าของสถานที่จัดการแสดง จากนั้นเขาก็บอกว่ามีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อยู่ข้างในมากเกินไปและมันเป็นการเบียดเสียดเมื่อทุกคนจะเข้าไป พ่อของผมจึงไม่มา ส่วนที่มีความสุขคือทุกคนเริ่มก้าวเดิน
Q: คุณคิดอย่างไรกับความสัมพันธ์ของคุณกับแฟนๆ ?
HYT: สิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้คือแฟน ๆ ของเรามีคุณลักษณะมากมาย ในฐานะทีมผมไม่คาดหวังว่าพวกเราแต่ละคนจะถูกใจแฟนๆทุกคน เราเป็นวงที่หนึ่ง เราอยู่ในระดับแนวหน้า เราไม่มีประสบการณ์ใด ๆ เนื่องจากเป็นสิ่งใหม่ ทุกคนควรค่อยๆปรับตัวเข้าหากัน และแค่ไปหาจุดสมดุลร่วมกัน
Q: คุณอยากจะบอกอะไรเกี่ยวกับQilianในปี 2020 และ 2021
HYT: Qilian ในปี 2020 ผมอยากจะบอกว่าคุณได้สร้างแบบอย่างไว้ ไม่มีใครบอกได้ว่าแม่น้ำลึกและตื้นแค่ไหน หากคุณจะบอกว่าคุณได้รับความนิยมมากที่สุดในรายการ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเรื่องบังเอิญและโชคดี อาจเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ ในฐานะคนกลุ่มแรกที่ขึ้นแม่น้ำสายนี้เราจะดูว่าเราจะไปอีกฝั่งของแม่น้ำได้หรือไม่อย่าทำให้คนเหล่านี้ผิดหวัง
เริ่มต้นลงสู่แม่น้ำแห่งนี้ในปี 2020 และเราจะอยู่ในแม่น้ำในปี 2021 ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นโคลนหรือไม่ก็ตาม เป็นร่มเงาทีดี ไม่ว่าอะไรก็ตามเดินไปข้างหน้า เรามาดูกันดีกว่าทำไมไม่มีใครเดินข้ามแม่น้ำสายนี้มาก่อน มันเป็นเพราะแม่น้ำสายนี้ต้องเดินทางลำบาก ใช้เวลานานกว่าจะถึงก็ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นกลับไปอีกฝั่งถ้าหากเราไปถึงอีกฝั่งของแม่น้ำได้ภายในหนึ่งปี จะทำให้รู้สึกว่าไม่เกิดความท้าทาย ยังไงซะผมก็ว่ายน้ำได้

Translated by @HuyutongTh
! please take out with full credits !
2 notes
·
View notes