Don't wanna be here? Send us removal request.
Text
บล็อกเกอร์ Blogger มือเปล่า เขียนด้วยมือถือ ก็สร้างตัวตนในโลกดิจิทัลได้จริงไหม?
มือถือเครื่องเดียว เปลี่ยนชีวิตได้แค่ไหนกันเชียว?*
เคยคิดไหมครับว่า... ถ้ามีแค่มือถือหนึ่งเครื่อง ไม่มีกล้อง ไม่คอม ไม่มีคอร์สเรียนแพง ๆ ไม่มีโค้ชส่วนตัว ไม่มีทีมงานคอยดูแล SEO ให้ แล้วเราจะสามารถเริ่มต้นอะไรบางอย่างที่ "เปลี่ยนชีวิต" ได้ไหม?
คำตอบที่ผมเจอ... ไม่ได้มาจากหนังสือเล่มไหน ไม่ได้อยู่ในคลิป YouTube หรือบทเรียนออนไลน์ แต่มันมาจาก "การลงมือเขียนบล็อกแบบบ้าน ๆ" ด้วยมือถือเครื่องเก่า ที่ค่อย ๆ ทำให้ผมเข้าใจบางอย่าง
บล็อก... มันไม่ใช่แค่พื้นที่เขียนเรื่องราว แต่มันคือพื้นที่ที่ทำให้คุณได้คุยกับโลก ได้เป็นตัวเอง และได้เชื่อมต่อกับคนที่กำลังมองหาคำตอบบางอย่างเหมือนกัน
และนี่คือเรื่องราวทั้งหมด ที่ผมจะเล่าให้ฟังอย่างตรงไปตรงมา จากคนธรรมดาที่เริ่มจากศูนย์ ด้วยมือถือเพียงเครื่องเดียว
ตอนที่ 1 มือถือเครื่องเดียวกับคำถามว่า “บล็อกยังมีคนอ่านอยู่ไหม?
มีคนถามผมว่า “สมัยนี้ยังมีใครอ่านบล็อกอยู่เหรอ?
ผมไม่โกรธครับ เพราะมันเป็นคำถามที่สะท้อนความรู้สึกของยุคที่คลิปวิดีโอ, TikTok, Reels และคอนเทนต์ไว ๆ กลายเป็นอาหารหลักของการเสพข้อมูลในแต่ละวัน
แต่... ผมก็อยากถามกลับเหมือนกันว่า แล้วคุณเคยเจอบทความยาว ๆ สักบทความที่ทำให้คุณเปลี่ยนความคิด หรือคลายความกังวลบางอย่างได้ไหม?
บล็อกในวันนี้ไม่ใช่แค่ ไดอารี่ออนไลน์ อีกต่อไปแล้ว แต่มันคือเครื่องมือสร้าง Brand ส่วนตัว แหล่งรายได้แบบ Passivev และยังเป็นพื้นที่ที่คุณสามารถแชร์ความรู้ให้คนอีกนับพัน นับหมื่นที่กำลังมองหาคำตอบบางอย่างอยู่ คุณไม่จำเป็นต้องมีแฟนคลับก่อนถึงจะเริ่ม คุณไม่ต้องรอให้รู้ทุกอย่างถึงจะลงมือ คุณแค่ต้องเขียน
ตอนที่ 2 ทำไม “มือถือ” ถึงเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นสร้างบล็อกในยุคนี้?
เพราะมันอยู่กับเราตลอดเวลา คุณไม่ต้องเปิดคอม ไม่ต้องเสียบปลั๊ก ไม่ต้องพกโน้ตบุ๊กให้หนักกระเป๋า แค่มีมือถือและอินเทอร์เน็ตสักหน่อย คุณก็เปิดหน้า Blogger หรือ Medium หรือแม้แต่ Notion ขึ้นมาเขียนได้ทันที และที่สำคัญ... แพลตฟอร์มการเขียนบล็อกในปี 2025 มันออกแบบมาให้ "เขียนบนมือถือได้��่ายกว่าสมัยก่อนเยอะมาก" แล้วครับ
Blogger เองก็สามารถจัดการทุกอย่างผ่านมือถือได้เกือบหมด ตั้งแต่การโพสต์ ตั้งค่าปรับ SEO พื้นฐาน ใส่ลิงก์ ใส่ภาพ สร้างหมวดหมู่ ใส่แท็ก หรือแม้แต่ติดป้ายประกาศเล็ก ๆ ว่า “อ่านตอนต่อไปที่นี่” ทั้งหมดทำผ่านนิ้วโป้งของคุณได้เลย
ผมเขียนบทความทั้งบล็อก LuMooBlog.com ด้วยมือถือเครื่องเดียว ไม่มีคอมเลยสักครั้ง และคุณก็ทำได้เหมือนกัน บางคนอาจคิดว่า แต่พิมพ์ในมือถือมันช้ากว่า... ใช่ครับ มันอาจจะช้ากว่า แต่ในทางกลับกัน มันก็ทำให้เราพิมพ์ด้วยความตั้งใจมากขึ้น พิมพ์แล้วอ่านซ้ำ พิมพ์แล้วคิดก่อนส่งออก ไม่ใช่แค่พิมพ์พร่ำแล้วลบทิ้งเป็นร้อยบรรทัดเหมือนบนคีย์บอร์ด มือถือ ไม่ใช่ข้อจำกัด มันคือ เครื่องมือแห่งความตั้งใจ ถ้าคุณใช้มันอย่างมีเป้าหมาย
ตอนที่ 3 มือถือสร้างรายได้ได้อย่างไร จากบล็อกธรรมดา?
ตอนที่ผมเริ่มต้น ไม่มีรายได้เลยครับ ไม่มีคนคลิก ไม่มีคนแชร์ ไม่มีคนเข้ามาอ่านแม้แต่คนเดียว แต่ผมมีสิ่งหนึ่งที่ยังเหลืออยู่ ความตั้งใจ และความตั้งใจนี่แหละครับที่พาผมมารู้จักกับ "วิธีเปลี่ยนบล็อกธรรมดาให้กลายเป็นรายได้แบบไม่ต้องสต๊อกของ ไม่ต้อง Live ขาย ไม่ต้องมีแฟนคลับ"
มันมีทางเลือกมากมายที่มือถือของคุณทำได้เลย เช่น...
1. สมัคร Shopee Affiliate แล้วเขียนรีวิวสินค้า ถ้าคุณซื้อของจากมือถือ ลองเปลี่ยนจากแค่ "โพสต์รีวิวใน Facebook" มาเป็นเขียนรีวิวจริง ๆ ลงในบล็อก พร้อมใส่ลิงก์ Affiliate ถ้ามีคนคลิกซื้อ คุณก็ได้เงิน
2. เขียนบทความแบบแนะนำแอป พร้อมแนบลิงกเช่น “5 แอปเขียนบล็อกฟรีบนมือถือ” แล้วแนบลิงก์ดาวน์โหลด (หรือ Referral Link)
3. เตรียมเนื้อหาตั้งแต่วันนี้ เพื่อรอสมัคร Google AdSense แม้วันนี้คุณยังไม่มีคนอ่านมากพอ ก็ไม่เป็นไร แค่เขียนบทความให้ดี วางโครงสร้างให้ SEO พร้อม อัปเดตเนื้อหาเสมอ ถึงวันหนึ่งที่ Google เห็นว่าคุณพร้อม คุณก็จะมีรายได้จากโฆษณาแบบไม่ต้องทำอะไรเพิ่มมากนัก
4. เปิดรับรีวิว หรือ Sponsored Pos. เมื่อบล็อกคุณเริ่มมีเนื้อหาแน่น และอยู่ในอันดับ Google แล้ว จะมีคนติดต่อมาเองเพื่อขอลงบทความ หรือฝากลิงก์ ซึ่งตรงนี้สามารถคิดราคาตามความเหมาะสมได้เลย
5. เปิดขายสินค้าดิจิทัลเล็ก ๆ จากมือถือคุณเองไฟล์ PDF, E-book, แม่แบบ Canva, คู่มือ SEO มือใหม่ คุณสามารถสร้างสิ่งเหล่านี้จากมือถือได้ทั้งหมด และแปะลิงก์ขายผ่านบล็อกของคุณเอง
ทั้งหมดนี้ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มเลยสักบาทถ้าคุณมีมือถือและอินเทอร์เน็ต พร้อมเนื้อหาดี ๆ ที่เขียนจากใจ และผมขอย้ำอีกครั้งว่า ทุกอย่างนี้ ผมทำได้จริงผ่านมือถือ คุณเองก็เริ่มได้เลยวันนี้ ไม่ต้องรอให้พร้อม
ตอนที่ 4 บล็อกคือเครื่องมือสร้างตัวตน ไม่ใช่แค่ช่องทางทำเงิน
ถ้าคุณเริ่มทำบล็อกเพราะหวังรายได้อย่างเดียว บางทีคุณอาจเลิกกลางทางเร็วกว่าที่คิด...
เพราะเงินไม่ได้มาใน 7 วันแรก หรือแม้แต่ 7 เดือนแรก แต่ถ้าคุณเริ่มเขียนเพราะคุณมี “อะไรบางอย่างที่อยากบอกโลก” นั่นแหละครับ คือพลังที่บล็อกให้คุณได้ บล็อกเป็นเครื่องมือที่ทำให้เราคิดทบทวนทุกครั้งที่ลงมือเขียน ทำให้เราหาข้อมูล ทำให้เราเรียบเรียงความคิด และเหนือสิ่งอื่นใด... บล็อกเป็นที่ที่เราสร้าง “ตัวตนในโลกออนไลน์” ได้ โดยไม่ต้องเป็นใครอื่นเลย คุณไม่ต้องแต่งหน้า ไม่ต้องมีเสียงเพราะ ไม่ต้องถ่ายคลิป คุณแค่ต้องเรียบเรียงคำพูดมันจงลงเป็นตัวหนังสือ ใช้ความคิด และใช้หัวใจ ผมเคยเขียนบทความที่ไม่มีใครอ่านเลย 3 เดือนเต็ม แต่บทความนั้น... กลายเป็นบทความที่คนบอกว่า “อ่านแล้วมีกำลังใจมาก” เมื่อเวลาผ่านไป เพราะบล็อกมีเสน่ห์อย่างหนึ่ง มันไม่ใช่ไวรัลชั่วข้ามคืน แต่มันอยู่ได้นาน... ถ้าเนื้อหาคุณดีจริง
ตอนที่ 5 วางโครงสร้างบล็อกยังไงให้มือถือลื่น Google ก็รัก
Google ไม่ได้มองแค่คำในเขียนลงเป็นตัวหนังสือที่คุณใส่ในบทความ แต่มันมอง “โครงสร้าง” ของเว็บและบล็อกด้วยครับ และถ้าคุณใช้มือถือในการสร้างบล็อกตั้งแต่ต้น โครงสร้างที่ลื่นไหลคือหัวใจสำคัญ
นี่คือหลัก 5 ข้อที่ผมใช้จริง และคุณสามารถทำได้ผ่านมือถือทั้งหมด
1. เริ่มจาก H1 ที่ชัดเจนหัวข้อบทความต้องสื่อว่า “เนื้อหานี้เกี่ยวกับอะไร” และควรมีคีย์เวิร์ดที่เราต้องการให้ Google จับ เช่น “วิธีเริ่มเขียนบล็อกด้วยมือถือ” ใช้ H1 แค่ครั้งเดียวในบทความนะครับ
2. แบ่งหัวข้อด้วย H2, H3 อย่างมีชั้นเชิง อย่าเขียนบทความเป็นพรืดยาวเหยียดไม่มีหัวข้อย่อย ลองใช้ H2 เป็นหมวดใหญ่ และ H3 เป็นประเด็นรอง เช่น
- H2: เลือกแพลตฟอร์มให้เหมาะกับมือถือ
- H3: Blogger สำหรับมือใหม่
- H3: Medium สำหรับสายแชร์ประสบการณ์
3. อย่าลืม Meta Description และ URL ให้สั้น บนมือถือ Blogger สามารถเขียนคำอธิบายบทความ (Meta Description) ได้เลยก่อนกดเผยแพร่ ควรใส่คีย์เวิร์ดสำคัญ และอย่าเกิน 150 ตัวอักษร ส่วน URL ก็ควรปรับให้สื่อถึงเนื้อหา เช่น
ไม่ควรใช้: /2025/04/xyz12123aaa.html ควรใช้: /2025/04/start-blogger-mobile.html
4. Internal Link เชื่อมโยงทุกบทความของคุณเข้าด้วยกัน ตัวอย่าง ถ้าคุณพูดถึงการวางโครงสร้างบล็อก แล้วมีบทความอีกชิ้นที่เขียนละเอียดเรื่อง “เขียน Meta Description ยังไงให้คลิก” คุณควรลิงก์ไปเลยครับ เช่น
> อ่านวิธีเขียน Meta Description สำหรับ Blogger Blogspot เพิ่มเติมที่ [LuMooBlog.com]
5. ปิดท้ายด้วย Call to Action (CTA) ที่พา Google รู้ว่าบทความจบแล้ว ในตอนท้ายของบทความ คุณสามารถใส่คำเชิญให้ผู้อ่านทำอะไรบางอย่าง เช่น
> ถ้าคุณชอบบทความนี้ ลองดูซีรีส์เต็มที่ LuMooBlog.com ผมแชร์เทคนิคทุกขั้นตอนการสร้างบล็อกด้วยมือถือไว้ให้แล้วครับ
CTA ไม่ได้ช่วยแค่คนอ่าน แต่ยังช่วย Google จับบริบทของบทความอีกด้วย
การวางโครงสร้างไม่ใช่แค่เรื่อง SEO อย่างเดียวครับ แต่มันคือเรื่องของ “ประสบการณ์ผู้อ่าน” ด้วย
เพราะถ้าโครงสร้างดี คนอ่านเข้าใจง่าย → อยู่ได้นาน → Google ชอบ แค่เริ่มจากโครงสร้างที่เรียบง่าย แต่วางแผนดีจากมือถือของคุณเอง คุณก็มีโอกาสสร้างเว็บบล็อกที่ทั้งอ่านง่าย ติดอันดับง่าย และต่อยอดได้จริง
ตอนที่ 6 จากมือถือเครื่องแรก สู่บล็อกที่คนเริ่มค้นเจอ
“จะมีใครเห็นบล็อกเราไหม?” คือคำถามที่วนอยู่ในหัวผมตอนเขียนบทความแรกด้วยมือถือ
แต่ตอนนี้... ผมเริ่มเห็นสัญญาณเล็ก ๆ จาก Google Search Console ว่ามีคนเสิร์ชมาเจอจริง ๆ แม้จะเป็นแค่วันละไม่กี่คลิก แต่มันทำให้ผมรู้ว่า “Google เริ่มเห็นเราแล้ว”และนี่คือบทเรียน 3 ข้อที่ผมได้เรียนรู้จากมือถือเครื่องเดียว ที่เปลี่ยนจากศูนย์สู่ 1 บทความแรกที่ติดอันดับ Google
1. อย่าดูถูกบทความแรกของคุณ แม้มันจะไม่มีคนอ่านเลย บทความแรกของผมใน [LuMooBlog.com] ใช้เวลานานมากกว่าจะมีคนเข้ามาอ่านสักคน
แต่หลังจากผ่านไป 1 เดือน Google ก็เริ่มแสดงบทความนั้นในผลค้นหา จากอันดับที่ไม่มีอยู่เลย → ขยับมาอยู่อันดับ 46 → แล้วค่อย ๆ ไหลมาหน้า 2 หน้า ทุกบทความมีโอกาสครับ ขอแค่คุณไม่ลบมันทิ้งก่อน
2. มือถือทำให้คุณ “ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง”เพราะคุณพกมือถือไว้กับตัวตลอดเวลา เวลานั่งรถ ว่างตอนพัก เที่ยงก่อนนอน คุณสามารถเปิ��� Blogger หรือ Google Keep มาจดไอเดีย วางโครง หรือเขียนร่างได้เลย คุณไม่ต้องรอให้พร้อม คุณแค่ต้องเริ่ม
3. เครื่องมือสำคัญที่สุด ไม่ใช่แอป... แต่คือ 'นิสัย' ที่คุณสร้างระหว่างทาง ผมไม่ได้ใช้แอป fancy อะไรเลยครับ ใช้แค่ Chrome, Google Docs และแอป Blogger เท่านั้น แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือ “นิสัยการลงมือเขียนแบบไม่หยุดมือ วันไหนที่เหนื่อย ผมเขียนแค่ย่อหน้าเดียว วันไหนที่มีไฟ ผมเขียนได้ 2 บทความ แต่ที่สำคัญคือ ผมเขียนทุกวัน และเมื่อเขียนทุกวัน บล็อกก็เติบโตทุกวัน
จากบทความที่ไม่มีใครรู้จัก → กลายเป็นบทความที่มีคนเสิร์ชมาเจอเอง
จากมือถือเครื่องเก่า → กลายเป็นเครื่องมือที่สร้างตัวตนในโลกออนไลน์
จากความฝันว่าจะมีคนอ่านสัก 10 คน → ตอนนี้บางบทความมีคนอ่านหลักพัน ไม่ใช่เพราะผมเก่งครับ แต่เพราะผมไม่หยุด... และคุณเองก็ทำได้ครับ
ตอนที่ 7 SEO ไม่ใช่เวทมนตร์ แต่มันคือความเข้าใจผู้อ่าน
ตอนผมเริ่มศึกษา SEO ใหม่ ๆ ผมรู้สึกเหมือนมันคือ “กลยุทธ์ลับ” ที่มีแต่กูรูเท่านั้นที่รู้... Keyword ต้องตรง! Backlink ต้องมา! Meta Tag ต้องครบ!
แต่พอผมลองผิดลองถูกมาสักพัก ผมค้นพบว่าจริง ๆ แล้ว SEO ที่ดี ไม่ใช่การไล่ตามอัลกอริทึม แต่มันคือ “การเข้าใจคนที่กำลังหาคำตอบบางอย่างอยู่”
คนเสิร์ชหาอะไรบางอย่าง เพราะเขากำลังต้องการอะไรบางอย่าง และหน้าที่ของเราคือ “ตอบเขาให้ดีที่สุด”
ลองดูตัวอย่างนี้ครับ
ถ้าคนค้นว่า “สร้างบล็อกด้วยมือถือ” เขาอาจไม่ได้อยากรู้ว่า Blogger คืออะไรแบบลึกสุดโต่งหรอกครับ แต่เขาอยากรู้ว่า...
ใช้แอปไหนเริ่มได้?
มีขั้นตอนอะไร?
ทำผ่านมือถือได้จริงไหม?
ต้องเตรียมอะไรบ้าง? ถ้าคุณตอบให้เขาได้ครบ คำว่า “SEO” ก็เกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องยัดเยียด
3 หลักคิดของผมที่ใช้ SEO
1. Keyword เป็นแค่เข็มทิศ ไม่ใช่แผนที่ เวลาผมเริ่มเขียนบทความใหม่ ผมใช้ Google Suggest, Keyword Surfer หรือแค่ดูสิ่งที่คนถามใน Pantip หรือ Facebook Group มาช่วยวางโครงเรื่อง
แต่ผมไม่ยัดคีย์เวิร์ดทุกย่อหน้า ผมเอาคำเหล่านั้นมาวาง “หัวเรื่อง” แล้วถามตัวเองว่า... “ถ้าเราเป็นคนค้นคำนี้ เราอยากรู้เนื้อหาแบบไหน?”
2. เขียนให้คนอ่านรู้เรื่อง ไม่ใช่แค่ให้ Google ชอบ ผมเคยเขียนบทความแบบเต็มคีย์เวิร์ด 20 คำซ้ำซ้อนจนอ่านแล้วเวียนหัว ผลคือ... ไม่มีคนอ่านจนจบ Google ก็ไม่จัดอันดับให้
แต่บทความที่เขียนด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย มีจังหวะ มีเสียงคนเล่าเรื่อง ปรากฏว่าอยู่นาน และมี CTR สูงกว่าแบบยัดคีย์เวิร์ด
3. Internal Link = สะพานแห่งความเข้าใจ ทุกบทความของผมจะเชื่อมโยงกันหมด เช่น บทความที่สอนเริ่มต้นเขียนบล็อก ผมก็จะใส่ลิงก์ไปบทความเรื่อง “วางโครงสร้าง SEO บนมือถือ” หรือ “หาไอเดียคอนเทนต์จากมือถือยังไง”
การเชื่อมโยงนี้ช่วยให้คนอ่านอยู่ในบล็อกนานขึ้น อ่านต่อเรื่องที่เกี่ยวข้อง และ Google ก็เห็นว่าเว็บเรามีความเชื่อมโยงภายในจริง ไม่ใช่บทความลอย ๆ แยกกันอยู่
SEO ไม่ใช่เวทมนตร์ครับ มันไม่ใช่สูตรตายตัว ไม่ใช่การกดปุ่มครั้งเดียวแล้วติดอันดับหน้าแรกตลอดกาล แต่มันคือ “ความใส่ใจ” ในการเขียนให้คนอ่านรู้สึกว่า... “เฮ้ย บทความนี้แหละ ที่เราตามหาอยู่”
และถ้าคุณทำแบบนั้นได้ SEO ก็จะกลายเป็นของคุณเองโดยธรรมชาติ ไม่ต้องจ้างใคร ไม่ต้องมูฟวูด ไม่ต้องเล่นแผนลับ คุณทำได้เลยจากมือถือ... เริ่มวันนี้... เขียนด้วยใจจริง ๆ ครับ
ตอนที่ 8 เมื่อบทความแรกเริ่มมีคนอ่าน แล้วเราควรทำอะไรต่อ?
ยินดีด้วยครับ! ถ้าคุณเริ่มเห็นตัวเลขคลิกใน Google Search Console แปลว่าคุณ “เริ่มมีตัวตนในโลกดิจิทัล” แล้วจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น 1 คลิก 3 คลิก หรือ 10 คลิกต่อวัน อย่าเพิ่งมองว่า “น้อย” เพราะนั่นแหละ คือสัญญาณที่บอกว่า...“มีคนค้นมาเจอคุณแล้ว” คำถามคือ... แล้วคุณควรทำอะไรต่อ? ผมขอแบ่งเป็น 5 อย่างที่ผมทำจริง ๆ หลังจากบทความแรกเริ่มมีคนอ่าน
1. ปรับบทความเดิมให้ดีขึ้น (แต่ยังเป็นธรรมชาติ) เมื่อเริ่มมีคนค้นเจอแล้ว ลองกลับไปดูบทความนั้นอีกครั้ง คุณอาจพบว่า:
มีบางจุดที่อธิบายยากไป
ย่อหน้าแรกไม่ชวนอ่าน
ขาดภาพประกอบ
ยังไม่มีลิงก์ภายใน
แค่เพิ่มย่อหน้าชี้แจง, วางหัวข้อให้ชัด, เติมลิงก์ไปบทความอื่นในบล็อก เช่น“หากคุณยังไม่เคยเขียนบล็อกด้วยมือถือมาก่อน ลองดูบทความแนะนำที่ LuMooBlog.com ได้เลยครับ”
สิ่งเล็ก ๆ พวกนี้ทำให้ Google และผู้อ่านรักบทความเดิมมากขึ้นโดยไม่ต้องเขียนใหม่ทั้งหมด
2. เขียนบทความต่อยอดจากเรื่องเดิมทันที คนที่อ่านเรื่อง “เริ่มเขียนบล็อก” ก็มักจะอยากรู้เรื่องต่อ ๆ ไป เช่น
เขียนบล็อกแล้วทำเงินยังไง?
ตั้งค่า SEO ยังไง?
วางเมนูเว็บให้มือถือง่าย ๆ ทำยังไง?
การเขียนบทความต่อยอดเหล่านี้จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ และเป็นระบบให้บล็อกของคุณเติบโตอย่างยั่งยืน
3. เพิ่มช่องทางโปรโมตแบบธรรมชาติ คุณอาจเริ่มลองแชร์บทความนั้นในกลุ่ม Facebook ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้คำพูดธรรมดา ๆ เช่น
“ผมเพิ่งเริ่มเขียนบล็อกด้วยมือถือครับ เลยรวมวิธีตั้งค่า SEO แบบง่าย ๆ มาให้เพื่อน ๆ มือใหม่ ลองเข้าไปอ่านดูได้ครับ เผื่อมีประโยชน์ครับ”
หรือจะทำ รูป แชร์ใน Pinterest, สรุป 3 บรรทัดใน Twitter หรือเขียนโพสต์ย่อยใน Tumblr ก็ได้ครับ ไม่ต้องไปหวังยอดไวรัล แต่ให้หวังคุณค่าระยะยาว
4. สังเกตว่า “คนค้นมาด้วยคำว่าอะไร” แล้วนำไปต่อยอด ใน Google Search Console คุณจะเห็นคำค้นหาที่พาคนมาถึงบล็อก เช่น
เขียนบล็อกมือถือ 2025
ทำ SEO Blogger
หาเงินจากเว็บฟรี
คำพวกนี้คือ “ขุมทอง” ครับ คุณเอาไปใช้ตั้งหัวข้อบทความใหม่ได้เลย เพราะมันคือสิ่งที่คนค้นหาจริง
5. ตอบสนองคนอ่าน เหมือนคุณเปิดร้านแล้วมีคนเดินเข้ามา ถ้ามีคนเมนต์ ถาม คอมเมนต์ หรือแชร์บทความของคุณ อย่าปล่อยผ่านครับ ลองเข้าไปขอบคุณ ตอบคำถาม หรือทำโพสต์แนะนำเนื้อหาที่เกี่ยวข้องต่อ
เพราะการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่าน จะทำให้เขากลับมาอีกครั้ง และเชื่อมต่อกับคุณในระยะยาวได้จริง
อย่าหยุดนะครับ เมื่อบทความแรกเริ่มมีคนอ่าน เพราะนั่นไม่ใช่จุดจบ แต่มันคือ “สัญญาณเริ่มต้น” ว่าเส้นทางนี้ของคุณ... ไปต่อได้ไกลแน่นอน
และถ้าคุณเขียนต่อเรื่อย ๆ ด้วยความเข้าใจ SEO แบบมนุษย์ ๆ พร้อมเชื่อมโยงกับสิ่งที่คนอยากรู้จริง ๆ มือถือเครื่องเดียวก็เปลี่ยนชีวิตในโลกดิจิทัลได้
เหมือนที่ผมเริ่มมาจากศูนย์... แล้วก้าวมาถึงตรงนี้ได้ด้วย LuMooBlog.com
ตอนที่ 9 วันไหนหมดไฟ... เขียนบล็อกยังไงให้ยังไปต่อได้
ผมจะไม่โกหกครับ มีวันที่ผมนั่งจ้องหน้าจอมือถือ แล้วรู้สึกว่า... “วันนี้ไม่มีอะไรจะเขียนเลย”
ทั้งที่ตั้งใจจะอัปบทความสัปดาห์ละ 2 ชิ้น แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ความเหนื่อยล้า ความเบื่อ ความรู้สึกว่า “ไม่มีใครอ่าน” มันก็เริ่มสะสมเข้ามา
วันแบบนั้นแหละ... ที่ผมเริ่มเข้าใจว่า “นักเขียนบล็อกที่ไปต่อได้” ไม่ใช่คนที่เขียนเก่งที่สุด หรือมีไอเดียเยอะที่สุด แต่คือ “คนที่มีวิธีเยียวยาตัวเองเวลาหมดไฟ”นี่คือสิ่งที่ผมทำเวลาหมดไฟ...
1. อ่านบทความเก่าของตัวเอง แล้วถามว่า… ตอนนั้นเรารู้สึกยังไง
ผมจะเปิดบทความแรก ๆ ที่ผมเขียนใน [LuMooBlog.com] แล้วนั่งอ่านมันด้วยตาตัวเอง ไม่ใช่ในฐานะนักเขียน แต่ในฐานะ “คนอ่านที่หลงเข้ามา”ผมพบว่า... ความตั้งใจตอนเขียนมันยังอยู่ และนั่นแหละครับ คือไฟที่เราเคยมี มันไม่เคยหาย มันแค่ “ถูกฝุ่นคลุมไว้” เท่านั้นเอง
2. เ���ียนสั้น ๆ ก็ได้ ไม่ต้องเพอร์เฟกต์เสมอไปวันไหนที่หมดแรง ผมจะไม่พยายามเขียนบทความ 3,000 ตัวอักษร ผมอาจแค่เปิดมือถือแล้วพิมพ์บันทึกสั้น ๆ เช่น
> “วันนี้เหนื่อยมาก แต่คิดหัวข้อบทความได้ 1 หัวข้อ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเขียน”มันเหมือนคุณยังยื่นนิ้วแตะเปลวไฟไว้ แม้จะไม่ได้โยนฟืนเข้าเตา แต่มันก็ยังไม่ดับ
3. กลับไปหาผู้อ่าน... แม้จะมีแค่ 1 คน ผมเคยได้รับคอมเมนต์จากคนแปลกหน้าว่า
> “ขอบคุณที่เขียนนะครับ อ่านแล้วรู้สึกว่าผมก็เริ่มได้เหมือนกัน”
คำพูดเดียว เปลี่ยนทั้งสัปดาห์นั้นของผมไปเลยและผมใช้มันเป็นแรงผลักดันเสมอในวันที่คิดจะหยุดเขียน
4. อ่านบล็อกของคนอื่น แล้วดูว่า... เขาเริ่มยังไงคุณไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับใครเลย แต่คุณสามารถ “เรียนรู้พลังงาน” จากคนอื่นได้ อ่านบทความของบล็อกเกอร์มือใหม่เหมือนกัน แล้วคุณจะรู้ว่า...“ทุกคนมีจุดที่���หนื่อยเหมือนกันหมด”แต่วิธีที่เขายังอยู่ คือเขา “เขียนต่อแม้ไม่ได้รู้สึกสมบูรณ์แบบ”
5. บอกตัวเองว่า... เราไม่ได้เขียนเพื่อแข่งกับใครเราไม่ได้ต้องติดอันดับทุกบทความ เราไม่ได้ต้องมีคนแชร์เยอะทุกครั้ง เราเขียน... เพราะมันคือสิ่งที่เราอยากพูด อยากเล่า และอยากให้ใครบางคนได้รู้ ถ้าคุณยึดมั่นในจุดนั้นได้แม้ในวันที่ไฟริบหรี่เชื่อเถอะครับ... วันรุ่งขึ้นคุณจะ “กลับมาเขียนได้อีกครั้ง”สุดท้ายนี้ ผมอยากบอกว่า...การเขียนบล็อก ไม่ใช่การแข่งขันแบบวิ่งเร็ว มันคือการเดินระยะไกล และการเดินระยะไกลที่ดีที่สุดคือ “คุณแค่ไม่หยุดเดิน” แม้วันนี้จะไม่มีอะไรให้เขียน แต่แค่คุณยังเปิดมือถือมาดูหน้า Blogger ยังเปิดลิงก์เก่า ๆ มานั่งอ่าน คุณยังอยู่บนเส้นทางนี้เสมอครับ
และถ้าวันหนึ่งคุณอยากเริ่มใหม่ หรือเติมไฟกลับมาอีกครั้ง ลองแวะมาที่ [LuMooBlog.com] ผมเขียนไว้หมดแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่ไม่มีไฟ จนถึงวันที่เขียนต่อไปได้
ตอนที่ 10 มือใหม่แบบเรา เขียนบล็อกแนวไหนดีถึงจะยั่งยืน?
ถ้าคุณเพิ่งเริ่มเขียนบล็อก แล้วกำลังถามตัวเองว่า...
> “เราควรเขียนเรื่องอะไรดี?”
ขอให้รู้ไว้เลยครับว่า คุณไม่ได้ถามอยู่คนเดียวเพราะนักเขียนบล็อกแทบทุกคนก็เคยเริ่มจากคำถามนี้เหมือนกันและนี่คือสิ่งที่ผมค้นพบจากประสบการณ์ตรงกับ [LuMooBlog.com] คำตอบที่ใช่... ไม่ใช่คำตอบที่หรู แต่คือคำตอบที่ ‘คุณอยู่ได้นาน’
1. เขียนเรื่องที่คุณ “อิน” มากกว่า “เทรนด์”หลายคนเริ่มต้นด้วยการตามเทรนด์ เช่น
- เขียนรีวิวของใช้
- เขียน How-To SEO
- หรือแชร์เรื่องราวไวรัล
ซึ่งไม่ผิดครับ แต่มันอาจทำให้คุณหมดแรงกลางทาง ถ้าเรื่องนั้น “ไม่ใช่คุณจริง ๆ”แต่ถ้าคุณเลือกเขียนเรื่องที่คุณอิน เช่น
- คนชอบทดลองแอป → เขียนรีวิวแอปจากมุมมองคนใช้จริง
- คนชอบทำอะไรด้วยมือถือ → เขียนเทคนิค Productivity ด้วยมือถือ
- คนชอบจด → เขียนเรื่อง Bullet Journal, GoodNotes, Notion
มันจะทำให้คุณ “เขียนได้โดยไม่ต้องฝืน” และคนอ่านก็จะรู้สึกถึงพลังนั้นได้จริง ๆ
2. เลือกแนวที่สร้างได้ต่อเนื่อง ไม่ตันเร็ว**บางแนวอาจดูดีในตอนแรก แต่พอเขียนไป 5 บทความแล้วไม่รู้จะเขียนอะไรต่อ เช่น
- รีวิวสิ่งของเฉพาะเจาะจงมาก ๆ
- ประสบการณ์เฉพาะทางมากเกินไป
ทางที่ดีคือให้คุณเลือกหมวดที่ “แตกได้หลายหัวข้อ” เช่น
> “สอนสร้างบล็อกด้วยมือถือ”** → เขียนได้ทั้ง
> - ตั้งค่า Blogger
> - SEO มือใหม่
> - จัดหน้าเว็บ
> - โปรโมตบทความ
> - วางโครงสร้างเนื้อหา
หรือ
> “หาเงินออนไลน์จากบล็อก”→ เขียนได้ทั้ง:
> - Shopee Affiliate
> - AdSense
> - เขียนรีวิวแบบไม่ขาย
> - รับเขียนบทความแบบฟรีแลนซ์
ถ้าแนวที่คุณเลือก สามารถแตกต่อเป็นซีรีส์ได้แบบนี้ แปลว่า “ไปได้ไกล” แน่นอนครับ
3. มองบล็อกเหมือน “บ้าน” ที่คุณอยากอยู่ให้นาน ๆ ลองถามตัวเองว่า...
> ถ้าบล็อกนี้คือบ้าน คุณอยากตกแต่งบ้านหลังนี้ให้เป็นแบบไหน?
> อยากให้คนที่เข้ามารู้สึกยังไง?
> อยากให้เขากลับมาอ่านอีกไหม?
การเขียนในแนวที่คุณอยากอยู่กับมันไปนาน ๆ คือหัวใจสำคัญของความยั่งยืน
เพราะสุดท้ายแล้ว SEO, รายได้, แบคลิงก์ หรือการติดอันดับจะไม่มีค่าเลย ถ้าคุณ “เบื่อบ้านของตัวเอง” แล้วไม่อยากเปิดประตูให้ใครเข้ามาอีก
4. อย่ากลัวที่จะเริ่มจากเล็ก และค่อย ๆ ขยายไปหาเรื่องใหญ่ ผมเริ่มจากแค่ “แนะนำวิธีตั้งค่า Blogger บนมือถือ” บทความเดียวเท่านั้น
แล้วพอมีคนอ่าน → ผมเขียนต่อว่า “แล้วเราจะสร้างรายได้จากมันยังไง?”
พอมีคนเสิร์ชเจอ → ผมเขียนเพิ่มว่า “จะโปรโมตบล็อกยังไงให้คนเห็นเยอะขึ้น?”
มันเหมือนปลูกต้นไม้ครับคุณไม่จำเป็นต้องเริ่มจากต้นไม้ใหญ่ แต่แค่ปลูกต้นกล้า แล้วรดน้ำทุกวัน สุดท้ายมันก็โตเองได้
5. บล็อกแนวไหนก็ยั่งยืนได้ ถ้าคุณใส่หัวใจลงไปในทุกบทความ
ไม่มีแนวไหน “ดีที่สุด” มีแค่แนวที่คุณ “อยู่กับมันได้นานที่สุด” คุณอาจเขียนบล็อกรีวิวสินค้าแบบจริงใจ → คนอ่านก็จะเชื่อ คุณอาจเล่าเรื่องชีวิตแบบไม่มีสูตร → คนอ่านก็จะรู้สึกเหมือนเพื่อน
คุณอาจสอน SEO มือใหม่แบบง่าย ๆ ด้วยมือถือเครื่องเดียว → และคนนับพันอาจเจอคุณบน Google วันหนึ่งแบบที่ผมเคยเป็น บทความที่คุณกำลังเขียนในตอนนี้ อาจยังไม่มีคนอ่านมาก แต่ถ้าคุณยังไม่หยุดเขียน ยังเขียนด้วยความเข้าใจและหัวใจที่แท้จริง ผมเชื่อว่า... บล็อกของคุณจะเติบโตอย่างยั่งยืนแน่นอนครับ
และถ้าอยากดูตัวอย่างบล็อกที่เริ่มจากศูนย์แบบที่เล่าไว้ทั้งหมดนี้ ลองแวะไปดูที่ [LuMooBlog.com]ได้เลยครับ
ตอนที่ 11 บล็อกสายไหนสร้างรายได้ง่ายสุดในปี 2025?
คำถามนี้เป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเขียนบล็อกเลยด้วยซ้ำ“จะเขียนเรื่องอะไรดีถึงจะได้เงินไว?” “สายไหนที่คนทำแล้วได้เงินจริง?”
แต่ก่อนจะตอบตรง ๆ ผมขอเล่าก่อนว่า... “คำว่า ‘ง่าย’ ไม่ได้แปลว่า ‘ไม่ต้องพยายาม’” มันหมายถึง “มีแนวโน้มทำเงินได้ ถ้าคุณลงมือทำต่อเนื่องและถูกวิธี”
มาดูกันครับว่าในปี 2025 นี้ มี “สายบล็อก” ไหนบ้างที่มีโอกาสสร้างรายได้ไว และมือใหม่ก็เริ่มต้นได้จากมือถือเครื่องเดียว
1. บล็อกแนวรีวิวสินค้า (Affiliate Review Blog)บล็อกรีวิวสินค้าเป็นแนวที่สร้างรายได้ไวที่สุดแบบหนึ่ง เพราะคุณสามารถใส่ลิงก์ Affiliate ได้เลยตั้งแต่บทความแรก
ตัวอย่าง
รีวิวหูฟังไร้สาย Shopee
รีวิวกระเป๋าสะพายที่ใช้เองจริงจาก Lazada
เปรียบเทียบเครื่องฟอกอากาศ 3 รุ่นที่เหมาะกับห้องนอน ถ้าคุณเขียนอย่างจริงใจ ใส่ภาพจากแคตตาล็อกหรือวิเคราะห์จากรีวิวในร้านค้า แทรกลิงก์ Shopee หรือ Lazada Affiliate แบบแนบเนียน แค่มีคนคลิกแล้วซื้อ คุณก็ได้ค่าคอมทันที
ข้อดี ทำรายได้ตั้งแต่บทความแรก ไม่ต้องรอ AdSense
ข้อควรระวัง อย่าก็อปบทความร้านค้า ต้องเขียนใหม่ทั้งหมดให้มีความเห็นของคุณเอง
2. บล็อกสายสอนความรู้ (How-To Blog) บล็อกแนวนี้มาแรงแบบไม่มีตก เพราะคนเสิร์ชหาวิธีทำสิ่งต่าง ๆ ทุกวัน เช่น วิธีทำเว็บไซต์ด้วยมือถือ
วิธีสมัครบัตรเครดิต วิธีแก้ปัญหา Facebook ถูกแฮก คุณไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ แค่เล่า “วิธีที่คุณทำได้เองจริง” แบบทีละขั้นตอน คนก็อยากอ่านแล้วครับ บล็อกสายนี้เหมาะกับการติดโฆษณา Google AdSense เมื่อเว็บเริ่มมีทราฟฟิก เพราะคนอยู่หน้าเว็บนาน อ่านทุกคำ ทำตามจริง
ข้อดี สร้างความน่าเชื่อถือระยะยาว เว็บดูมีประโยชน์
ข้อควรระวัง ต้องอัปเดตเนื้อหาเสมอ เพราะวิธีใช้งานแอปหรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ เปลี่ยนบ่อย
3. บล็อกแนวไลฟ์สไตล์ + ประสบการณ์จริงเนื้อหาที่มาจากชีวิตจริงยังคงเป็นสิ่งที่ “มีคุณค่า” เสมอ ถ้าคุณเล่าได้อย่างจริงใจ เช่น ใช้มือถือเดือนละ 1,000 ยังไงให้คุ้มที่สุด?
วิธีตั้งงบรายเดือนด้วย Google Sheets รีวิวการใช้แอปออกกำลังกายฟรี คนอ่านไม่ได้อยากได้แค่ความรู้แห้ง ๆ แต่เขาอยากได้ “เพื่อนร่วมทาง” ที่ช่วยบอกว่า “เราทำแบบนี้แล้วมันเวิร์คนะ ลองดูสิ”
แนวนี้เหมาะกับการทำคอนเทนต์ยาว ผูกโยงกับหลายบทความ และพาไปสู่การขายไฟล์ดิจิทัลหรือคอร์สเล็ก ๆ ได้ในอนาคต
ข้อดี ทำได้จากชีวิตจริง ไม่ต้องเสริมแต่ง
ข้อควรระวัง อาจใช้เวลาในการเติบโต ต้องเขียนอย่างสม่ำเสมอ
4. บล็อกแนวจัดอันดับ / แนะนำตัวเลือก (Listicle Blog) บทความแนว “10 อันดับ...” ยังได้รับความนิยมต่อเนื่อง เพราะคนอยากได้ข้อมูลเปรียบเทียบไว ๆ
เช่น
5 แอปทำบล็อกบนมือถือปี 2025
7 คีย์เวิร์ดทองคำที่มือใหม่ควรใช้
10 เครื่องมือฟรีช่วยวิเคราะห์ SEO
แนวนี้แทรกลิงก์ Affiliate ได้ง่าย และช่วยให้คนคลิกไปยังบทความอื่นต่อได้ดีมาก
ข้อดี อ่านง่าย แชร์ง่าย คนค้นหาเยอะ
ข้อควรระวัง หัวข้อควรมีข้อมูลลึก ไม่ใช่แค่ลอกอันดับจากเว็บอื่นมารวมกัน
สรุป จะสายไหนก็ทำเงินได้ ถ้าคุณ…เลือกเขียนเรื่องที่ตัวเองอินจริง วางโครงสร้าง SEO ตั้งแต่ต้น โปรโมตบทความอย่างต่อเนื่อง
และเขียนด้วยภาษาที่เป็น “มนุษย์จริง ๆ”และอย่าลืมว่า…รายได้จากบล็อกไม่จำเป็นต้องมาเร็ว แต่ถ้าคุณสร้างเนื้อหาดี �� ไปเรื่อย ๆ มันจะ “ไม่หายไปไหนเลย”ทุกบทความคือ “สินทรัพย์ดิจิทัล” ที่มีค่าในระยะยาว
ตอนที่ 12 บล็อกไม่ใช่แค่การเขียน แต่คือการออกแบบประสบการณ์ผู้อื่น
ผมเคยเข้าใจว่า “การเขียนบล็อกที่ดี” คือการใช้คำสวย ๆ อธิบายละเอียด ๆ ใส่คีย์เวิร์ดครบ ๆแต่หลังจากเขียนมาเรื่อย ๆ และลองอ่านของตัวเองแบบที่คนแปลกหน้าจะอ่าน ผมเริ่มรู้ว่า...
> บล็อกที่ดีจริง ๆ ไม่ใช่แค่ “เขียนดี”
> แต่คือ “อ่านแล้วเข้าใจง่าย สบายตา และอยากอยู่ต่อ”
พูดง่าย ๆ เลยครับ บล็อกก็คือประสบการณ์เหมือนคุณเดินเข้าไปร้านกาแฟ... ต่อให้เมนูดีแค่ไหน ถ้าโต๊ะรก เสียงดัง เก้าอี้แข็ง คุณก็ไม่อยากนั่ง เว็บไซต์ก็เหมือนกันครับ
1. จัดระเบียบเนื้อหาให้สบายตา ไม่ใช่เรียงยาวแบบยัดเยียด
เวลาผมเขียนบล็อกด้วยมือถือ ผมมักจะใช้โครงสร้างที่ชัดเจนแบบนี้
- ย่อหน้าเปิด = สั้น กระชับ ดึงดูด
- หัวข้อย่อย (H2) = บอกให้รู้ว่าแต่ละช่วงพูดถึงอะไร
- ย่อหน้าต่อ ๆ ไป = มีจังหวะเว้น มีประโยคสั้นบ้างยาวบ้าง
การจัดระเบียบให้คนอ่าน “พักสายตา” ได้สำคัญมาก โดยเฉพาะเวลาอ่านในมือถือ
2. ภาพคือเครื่องมือช่วยให้ผู้อ่าน ‘เข้าใจ’ มากกว่าแค่ ‘ดูสวย’
ผมมักใช้ภาพประกอบทุกบทความใน [LuMooBlog.com] ไม่ใช่แค่เพื่อให้ Google ชอบ แต่เพราะภาพช่วยให้คนเห็นภาพ
> เช่น บทความเกี่ยวกับ SEO ผมใส่ภาพแผนผังโครงสร้างคำค้น → ผู้อ่านเข้าใจทันทีว่าเนื้อหาจะจัดอย่างไร
อย่าลืมตั้งชื่อไฟล์ภาพให้ตรงคีย์เวิร์ด เช่น `blogger-seo-mobile-2025.png` และใส่คำอธิบาย Alt Text ให้ชัดเจน
3. ลิงก์ภายในที่ไม่ใช่แค่การเชื่อมบทความ แต่คือการพาผู้อ่านไป “ต่อยอด สมมุติคุณเขียนเรื่อง “เริ่มต้นใช้ Blogger” แล้วคุณมีอีกบทความหนึ่งที่พูดถึง “การตั้งค่า SEO พื้นฐาน”
อย่าเพียงใส่ลิงก์แบบนี้:
> [คลิกที่นี่เพื่ออ่านเพิ่มเติม]
ให้ใช้ภาษาที่เหมือนเล่าให้เพื่อนฟัง
> “หากคุณยังไม่เคยตั้งค่า SEO ใน blogger เลย ลองดูวิธีง่าย ๆ ที่ผมทำใน [LuMooBlog.com] ได้ครับ ผมอธิบายไว้แบบคนไม่มีพื้นฐานเลย” ลิงก์แบบนี้จะไม่ขัดจังหวะผู้อ่าน แต่จะพาเขา “เดินต่อ” ไปอีกบทความอย่างเนียน ๆ
4. อย่าลืม “เสียงของคุณ” ที่ทำให้บล็อกแตกต่างจาก AI หรือเว็บสำเร็จรูป สิ่งหนึ่งที่ผมพยายามใส่ทุกบทความคือ “เสียงของตัวเอง” ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องผิดพลาดครั้งแรก ประสบการณ์เขียนบทความที่ไม่มีคนคลิก หรือความรู้สึกดีใจตอนมีคนแรกที่แชร์ลิงก์ไป สิ่งเหล่านี้ทำให้บล็อกไม่ใช่แค่บทความ แต่มันกลายเป็น “พื้นที่ที่คนรู้สึกได้ว่า มีคนเขียนอยู่จริง”
5. การออกแบบประสบการณ์ = การใส่ใจตั้งแต่ก่อนเขียนจนกดเผยแพร่**
- คุณคิดไหมว่าคนอ่านกำลังหาอะไร?
- คุณเขียนแล้วเขาจะได้คำตอบหรือยัง?
- คุณวางปุ่ม แชร์ / แสดงความคิดเห็น ไว้ง่ายพอไหม?
แม้จะเขียนด้วยมือถือ แต่ผมก็พยายามดูบทความที่เขียนผ่านมือถือด้วยสายตาของคนอ่าน → ถ้ามันยังดูรก อ่านยาก หรือไม่มีช่องทางต่อ ผมจะกลับไปแก้
สรุปการเขียนบล็อกที่ดีในปี 2025 ไม่ใช่แค่เรื่องของคีย์เวิร์ด หรือความยาวบทความแต่มันคือการ “ออกแบบประสบการณ์” ให้ผู้อ่านรู้สึกว่า...
> “บทความนี้ทำให้เราเข้าใจจริง ๆ”
> “เราอยากแชร์มันต่อ”
> “เราจะกลับมาอ่านที่เว็บนี้อีก”
และทั้งหมดนั้นเริ่มต้นได้ด้วยมือถือเครื่องเดียวครับ ถ้าคุณใส่ใจในทุกการกดพิมพ์เหมือนที่ผมทำอยู่ใน [LuMooBlog.com]
ตอนที่ 13 จากบล็อกธรรมดา สู่ ‘แบรนด์’ ที่มีคนจำได้
ผมเชื่อว่า...บล็อกทุกบล็อกมีสิทธิ์จะเป็น “แบรนด์” ได้ แม้จะเริ่มจากมือถือ แม้จะไม่มีทีมงาน แม้จะไม่มีคนอ่านในช่วงแรก คำว่า “แบรนด์” ไม่ได้หมายถึงโลโก้สวย ๆ หรือธีมแพง ๆ แต่หมายถึง “ความรู้สึกบางอย่าง” ที่คนจำได้เมื่อเห็นคุณ หรือบทความของคุณและสิ่งนั้น... สร้างได้จากการเขียนบล็อกธรรมดานี่แหละ
1. แบรนด์ = เสียงเฉพาะตัว ลองนึกถึงเพจหรือนักเขียนที่คุณติดตามอยู่บ่อย ๆ คุณอาจจำชื่อไม่ได้แม่น แต่คุณจำได้ว่าเขา...
ใช้ภาษายังไง?
เล่าเรื่องแบบไหน?
มีมุมมองยังไง?
นั่นแหละคือเสียงเฉพาะตัวครับ
ผมเลือกใช้สไตล์ พูดแบบเป็นกันเอง เพราะมันคือภาษาที่ผมพูดจริง ๆ กับเพื่อน มันไม่เวิ่นเกิน ไม่วิชาการเกิน และที่สำคัญ... ผมเขียนมันได้เรื่อย ๆ
พอเขียนไปเรื่อย ๆ คนอ่านจะเริ่มจำเสียงของคุณได้ แล้วเขาก็จะรู้ว่า “นี่คือบทความจากคุณ” โดยไม่ต้องเห็นชื่อเว็บเลยด้วยซ้ำ
2. แบรนด์ = ความสม่ำเสมอ (มากกว่าความสมบูรณ์แบบ) คุณไม่ต้องเขียนบทความดีที่สุดทุกครั้ง แต่ถ้าคุณเขียน “ด้วยมาตรฐานเดียวกัน” ทุกครั้ง คนอ่านจะรู้สึกว่า...“ที่นี่มีของจริง” ใน LuMooBlog.com ผมใช้โครงสร้างแบบเดิม:
บทนำชัดเจน หัวข้อย่อยเรียงตามการเล่า
สรุปตอนท้าย (ไม่ยัดเยียด) คนที่เข้ามาอ่านรอบที่สอง สาม สี่ จะรู้สึกสบายใจ และไว้ใจบล็อกมากขึ้น เพราะมัน “เป็นระบบ” และ “ไม่หลอกให้คลิก”
3. แบรนด์ = ความต่อเนื่องของเนื้อหา ถ้าคุณเขียนเรื่อง SEO วันนี้ พรุ่งนี้เขียนเรื่องผี วันถัดไปรีวิวมือถือ แล้ววนไปจบที่ท่องเที่ยว...
คนอ่านจะงงครับ เขาจะไม่รู้ว่าคุณคือใคร และเขาควรติดตามคุณเพราะอะไร แต่ถ้าคุณมี “แกนหลัก” เช่น เขียนบล็อกด้วยมือถือ / สร้างรายได้จากเว็บ / SEO มือใหม่ คุณสามารถแตกหัวข้อย่อยได้มากมาย แต่ยังอยู่ในแนวทางเดียวกัน คนจะเริ่มมองว่าคุณ “เชี่ยวชาญ” ในเรื่องนั้น
4. แบรนด์ = ความรู้สึกที่คนได้หลังจากอ่านบทความคุณ ถามตัวเองว่า...
คุณอยากให้คนรู้สึกยังไงหลังจากอ่านบล็อกคุณจบ?.บางคนเลือกให้คนรู้สึกสนุก บางคนเลือกให้คนได้ความรู้ล้วน ๆ บางคนเลือกให้คนรู้สึก “อบอุ่น เหมือนคุยกับเพื่อน”สำหรับผม... ผมอยากให้คนรู้สึกว่า “เขาเข้าใจเรื่องยากได้ โดยไม่ต้องเรียนรู้แบบยาก” และผมพยายามทำแบบนั้นในทุกบทความ ไม่ว่าจะเป็น SEO หรือวิธีตั้งค่า Blogger ด้วยมือถือธรรมดา ๆ
5. แบรนด์ = ความ��ล้าที่จะไม่เหมือนใคร อย่ากลัวถ้าคุณไม่ได้เขียนบทความเหมือนคนอื่น อย่ากลัวถ้าสำนวนคุณยังไม่ดูเป็น ‘มืออาชีพ’
เพราะสิ่งที่ดูไม่เหมือนใคร นั่นแหละ... ที่ทำให้คุณกลายเป็นแบรนด์ในที่สุด คนอาจจะเริ่มจาก “งง ๆ” แต่ถ้าคุณเขียนต่อ สื่อสารต่อ มั่นคงต่อ วันหนึ่งสิ่งนั้นจะกลายเป็น “ลายเซ็นของคุณ”
สรุป แบรนด์ไม่ใช่สิ่งที่คุณซื้อ แบรนด์ไม่ใช่สิ่งที่คุณสร้างเสร็จภายในวันเดียว แบรนด์ = สิ่งที่คุณใส่ลงไปในทุกบทความ ทุกการตอบคอมเมนต์ และทุกลิงก์ที่คุณแชร์อย่างตั้งใจ ผมเริ่มจากแค่ Blogger ฟรี + มือถือเครื่องเดียว + ความคิดว่า “อยากช่วยคนที่เหมือนตัวเองในตอนเริ่มต้น” วันนี้ LuMoo เริ่มกลายเป็นสิ่งที่คนบางคนจำได้ และผมก็เชื่อว่า... บล็อกของคุณก็กลายเป็นแบบนั้นได้เช่นกันครับ
ตอนที่ 14 ลิงก์ย้อนกลับ (Backlink) คืออะไร? จำเป็นไหมสำหรับมือใหม่?
ถ้าคุณเพิ่งเริ่มต้นเขียนบล็อก แล้วได้ยินคำว่า “Backlink” บ่อย ๆ จากบทความ SEO หรือคลิปยูทูบสายทำเว็บ คุณอาจจะสงสัยว่า...
> “มันคืออะไร?”
> “จำเป็นไหม?”
> “ต้องไปขอลิงก์จากเว็บดัง ๆ ให้ได้ก่อนใช่ไหม?”
คำตอบคือ... Backlink สำคัญครับแต่ไม่ใช่สิ่งที่ต้องรีบแบบกดดันและคุณไม่จำเป็นต้องจ้างใคร หรือไปขอใครให้วุ่นวายด้วยซ้ำ
1. Backlink คืออะไรในภาษาง่ายที่สุด? Backlink = ลิงก์ที่เว็บไซต์อื่น “ลิงก์กลับ” มายังเว็บไซต์ของคุณ
ยกตัวอย่างเช่น > ถ้าคุณเขียนบทความเรื่อง “วิธีสร้างบล็อกด้วยมือถือ” แล้วมีเว็บไซต์อื่นแนบลิงก์ว่า “อ่านวิธีทำแบบละเอียดได้ที่ LuMooBlog.com” → นี่แหละครับคือ Backlink Google จะมองว่า เว็บอื่นลิงก์มาหาคุณ = เว็บคุณมีค่า และน่าเชื่อถือมากขึ้น
2. ทำไม Backlink ถึงสำคัญกับ SEO? ลองนึกภาพว่าคุณเปิดร้านกาแฟในซอยลึก ๆ แล้วจู่ ๆ มีบล็อกดัง ๆ มารีวิวร้านคุณ พร้อมใส่ลิงก์นำทางมาให้คนคลิกเข้าเว็บคุณง่าย ๆ > โอกาสที่คนจะรู้จักร้านคุณจะเพิ่มขึ้นทันที ในโลกของ SEO ก็เช่นกัน
Backlink ช่วยให้ Google รู้ว่า “มีคนพูดถึงเว็บคุณนะ” ยิ่งได้ Backlink จากเว็บที่มีคุณภาพสูง เช่น เว็บข่าว บล็อกที่มีผู้อ่านเยอะ หรือแพลตฟอร์มใหญ่อย่าง Medium, WordPress, Tumblr ก็ยิ่งส่งผลดีต่ออันดับเว็บของคุณ
3. แล้วมือใหม่ควรเริ่มยังไง? ไม่รู้จักใครเลย! คำตอบคือ... คุณไม่ต้องรู้จักใครก็สร้าง Backlink ได้ ผมเริ่มจากวิธีเหล่านี้ เขียนบทความที่มีประโยชน์มีคุณค่าต่อผู้อ่านลงเว็บฟรีอย่าง Medium แล้วแทรกลิงก์กลับมา [LuMooBlog.com] ไปตอบคำถามใน Pantip, Reddit, หรือ Quora แบบมีคุณค่า แล้วแนะนำบทความตัวเองแบบเนียน ๆ
แชร์บทความผ่าน Facebook Group หรือเว็บไซต์คอมมูนิตี้ พร้อมแทรกลิงก์ไว้ในลายเซ็น หรือเนื้อหา Backlink ที่คุณสร้างได้เองเหล่านี้เรียกว่า Backlink แบบธรรมชาติ (Natural Link) ซึ่ง Google ชอบมากกว่าแบบจ้างเสียอีก
4. Backlink ดีกับอันดับ Google แต่ต้อง “ไม่รีบเร่ง”สิ่งที่หลายคนพลาดคือรีบเกินไป
บางคนจ้างบริการสร้าง Backlink จำนวนมากในเวลาอันสั้น ซึ่ง Google เริ่มรู้แล้วครับ และมองว่า “ไม่น่าเป็นธรรมชาติ”
> คุณไม่ต้องรีบเอา 100 ลิงก์ภายใน 1 สัปดาห์
> เอาแค่ 1 ลิงก์/สัปดาห์ ที่มาจากบทความมีคุณค่า ก็เพียงพอ
5. Backlink ต้องมาจากเว็บคุณภาพ ไม่ใช่แค่จำนวนเยอะ
คุณภาพ > ปริมาณ Backlink จากเว็บไซต์ที่ไม่มีคุณภาพ เช่น เว็บรวมลิงก์ เว็บปั่นบทความ หรือเว็บที่มีแต่โฆษณา อาจทำให้เว็บคุณโดนลดอันดับแทนได้ เพราะงั้น เลือกเว็บไซต์ที่จะใส่ลิงก์กลับให้ดี ๆ
> เช่น Medium, Tumblr, Blogger, WordPress, Pantip เหล่านี้มีค่าทาง SEO
6. แล้วถ้าผมยังไม่มีใครลิงก์มาเลยล่ะ? จะเริ่มยังไงดี? เริ่มจาก “ลิงก์ข้ามบทความ” ภายในเว็บไซต์ตัวเองก่อนเลยครับ เรียกว่า Internal Link เช่น
> เขียนบทความใหม่ แล้วลิงก์ไปหาบทความเก่า
> หรือเขียนบทความรีวิว แล้วลิงก์ไปหาบทความวิธีใช้งาน Google จะมองว่าเว็บคุณมีโครงสร้างดี และช่วยให้ Bot เดินง่ายขึ้น พอเวลาผ่านไป เว็บคุณเริ่มมีประโยชน์จริง คนอื่นจะเริ่มลิงก์มาหาเอง โดยที่คุณไม่ต้องขอเลยด้วยซ้ำ!
สรุป Backlink คือเครื่องมือสำคัญในการทำ SEO แต่ต้องใช้ด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่ความรีบร้อน คุณสามารถเริ่มสร้างได้เองวันนี้ จากมือถือเครื่องเดิม ด้วยวิธีธรรมชาติ และค่อย ๆ สะสมไปจน Google มองว่า “เว็บนี้น่าเชื่อถือจริง”
ใน[LuMooBlog.com] ผมก็ใช้วิธีเดียวกันนี้แหละครับค่อย ๆ วางลิงก์จากบทความของตัวเอง แล้วเขียนเนื้อหาที่ดีพอ จนคนเริ่มนำไปอ้างอิงต่อแบบฟรี ๆ
ตอนที่ 15 บทสรุป สร้างบล็อกเกอร์ blogger จากศูนย์ สู่เว็บไซต์ที่มีคนอ่าน ด้วยมือถือเครื่องเดียว
จากบทแรกจนถึงตอนนี้ เราเดินท��งมาด้วยกันไกลมากนะครับ เริ่มตั้งแต่คำถามธรรมดา ๆ ว่า “ทำบล็อกด้วยมือถือมันจะไปรอดเหรอ?” จนถึงการวางโครงสร้าง SEO การสร้างเนื้อหาคุณภาพ และการโปรโมตอย่างจริงใจ และนี่คือสิ่งที่ผมอยากสรุปให้คุณอีกครั้ง... ไม่ใช่เพื่อย้ำเนื้อหาเก่า แต่เพื่อให้คุณเห็นภาพว่า“คุณทำได้จริง” และมันไม่ได้ยากอย่างที่คิด
1. มือถือธรรมดา = เครื่องมือที่ทรงพลังที่สุด ถ้าคุณเริ่มลงมือ คุณไม่จำเป็นต้องมีคอมพิวเตอร์แรง ๆ ไม่ต้องมีคอร์สแพง ๆ หรือโปรแกรมตัดต่อมืออาชีพ แค่มีมือถือ กับใจที่อยากเล่าเรื่องจริง ๆ คุณก็เริ่มได้ทันที ผมสร้าง LuMooBlog.com ทั้งหมดผ่านมือถือ ตั้งแต่สมัคร Blogger → ตั้งค่า SEO → เขียนบทความ → ทำภาพปก มันใช้เวลา แต่ทุกอย่างเป็นไปได้
2. หัวข้อบล็อกที่ดี = ต้องเริ่มจากสิ่งที่คุณรู้ + คนอยากรู้ การเขียนบล็อกจะเหนื่อยน้อยลง ถ้าคุณเริ่มจากสิ่งที่คุณรู้ หรือกำลังเรียนรู้อยู่ ไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญ 100% แต่ต้อง “กล้าถ่ายทอด” สิ่งที่คุณเข้าใจออกมาในแบบของคุณ แล้วใช้เครื่องมืออย่าง Google Trends หรือ Keyword Surfer มาช่วยเช็กว่า สิ่งที่คุณกำลังจะเขียน... มีคนอยากรู้หรือเปล่า?
3. SEO คือเครื่องมือ ไม่ใช่ภาระ คุณไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO แต่คุณควรเข้าใจสิ่งพื้นฐาน เช่น การตั้งชื่อบทความให้ค้นเจอ การใช้หัวข้อย่อย H1–H6 ให้ Google เข้าใจ.การใส่คีย์เวิร์ดในตำแหน่งที่เป็นธรรมชาติ เขียนเพื่อให้คนอ่านเข้าใจง่าย = SEO ก็มักจะดีตามมาด้วย
4. ลิงก์ภายใน + Backlink = โครงสร้างที่แข็งแรงของบล็อก อย่าปล่อยให้บทความของคุณโดดเดี่ยว เชื่อมโยงกันให้เป็นเครือข่ายภายในบล็อก แล้วค่อย ๆ ปล่อยบทความคุณไปโพสต์ในที่ต่าง ๆ เพื่อให้ได้ Backlink ธรรมชาติกลับมา คุณจะไม่เห็นผลใน 3 วัน แต่คุณจะเห็นชัดใน 3 เดือนขึ้นไป
5. สำนวนของคุณ = แบรนด์ของคุณ ไม่ต้องพยายามทำให้เหมือนใคร ใช้ภาษาแบบที่คุณเป็นเขียนไปเรื่อย ๆ เสียงของคุณจะเริ่มชัดเจนขึ้นในทุกบทความ คนอ่านจะรู้ว่า... “นี่คือคุณ” และนั่นคือจุดเริ่มต้นของแบรนด์ที่น่าจดจำ
6. รายได้ = ผลลัพธ์ของความสม่ำเสมอ ไม่ใช่ปลายทางเดียว คุณอาจยังไม่ได้เปิดโฆษณา AdSense คุณอาจยังไม่มีรายได้จาก Affiliate
แต่ถ้าคุณเขียนต่อไปเรื่อย ๆ เรียนรู้และปรับให้ดีขึ้นทุกบท วันหนึ่งบล็อกของคุณจะเริ่มสร้างรายได้ให้เอง ผมเองก็เพิ่งเริ่มต้นเช่นกัน แต่ผมเห็นผลลัพธ์เล็ก ๆ แล้ว และมันชัดพอจะบอกว่า
“เส้นทางนี้เดินได้จริง”
7. ทุกบทความที่คุณเขียน = ต้นทุนระยะยาวที่ไม่มีวันหาย ไม่เหมือนโพสต์โซเชียลที่หายไปในไม่กี่วัน บทความบล็อกจะยังอยู่… และคนยังค้นเจอได้อีกหลายปี บทความที่เขียนวันนี้ อาจกลายเป็นบทความหลักที่พาคนเข้ามาในเว็บไซต์คุณอีกเป็นพันครั้งในปีหน้า
สรุปสุดท้ายจากใจผู้เขียน ผมไม่ได้เก่ง ผมไม่ได้มีทีม ผมแค่เริ่มต้นก่อน และไม่หยุด
และผมเชื่อว่าคุณก็ทำได้เหมือนกันครับ
ไม่ต้องรอให้พร้อม เพราะ “การเขียนด้วยใจ” ไม่ต้องใช้ทุนอะไรเลย แค่มีมือถือ + ความตั้งใจ คุณก็เริ่มสร้าง ‘ตัวตนออนไลน์’ ที่มีคุณภาพได้แล้ววันนี้
ขอให้คุณโชคดีกับการเขียนบล็อกครับ แล้วเจอกันที่ LuMooBlog.com
LuMoo
1 note
·
View note