Don't wanna be here? Send us removal request.
Text
จังหวัดยโสธร
จังหวัดยโสธร เป็นเมืองเก่าแก่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี ที่สืบย้อนประวัติศาสตร์ไปได้ยาวนานกว่า 200 ปี เดิมชื่อ บ้านสิงห์ท่า กระทั่งสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะบ้านสิงห์ท่าขึ้นเป็นเมืองนามว่า เมืองยศสุนทร ต่อมา ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้เขียน และเรียกชื่อเมืองยศสุนทร ว่า ยศโสธร และสุดท้ายก็เปลี่ยนมาเป็น ยโสธร ในที่สุด แทงหวย

ประเพณีที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากที่สุดของที่นี่ ก็คือ ประเพณีบุญบั้งไฟ ด้วยความเชื่อว่า เทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจะดลบันดาลให้มีฝนตกถูกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ รวมถึงเป็นการแสดงออกถึงความสามัคคีของผู้คนด้วย นอกจากนี้ยังมีประเพณีแห่มาลัยข้าวตอก เทศกาลจุดไฟตูมกา และเทศกาลแห่ดาวบ้านซ่งแย้ ที่เป็นงานประเพณีที่น่าสนใจด้วย
พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก ลืมเมอร์ไลอ้อนสิงคโปร์ไปได้เลย! เพราะวันนี้เมืองไทยเรามีแลนด์มาร์คสุดยิ่งใหญ่ พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำทวนใน จ.ยโสธร เป็นตึกพิพิธภัณฑ์รูปคางคก ความสูง 19 เมตร หรือเท่ากับตึก 5 ชั้น สำหรับชาวอีสาน คางคกเป็นสัตว์ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และเป็นตำนานความเชื่อเกี่ยวกับประเพณีบุญบั้งไฟที่มีมาช้านาน จึงเป็นที่มาของแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ที่ใครไปเที่ยวยโสธรก็ต้องแวะไปเช็คอิน
โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้ ที่เที่ยว Unseen Thailand ของจังหวัดยโสธรที่ห้ามพลาด คือ โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้ หรือชื่อทางการว่า วัดอัครเทวดามิคาแอล ใน ต.คำเตย อ.ไทยเจริญ จ.ยโสธร เป็นโบสถ์ไม้ของคริสต์ศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อายุเกือบ 100 ปี โบสถ์ไม้ขนาดใหญ่นี้สร้างด้วยศิลปะไทย กว้าง 16 เมตร ยาว 57 เมตร ใช้แผ่นมุงหลังคา 80,000 แผ่น และเสาขนาดต่างๆ กันถึง 360 ต้น ส่วนใหญ่เป็นเสาไม้เต็งและปรับปรุงให้มีช่องแสงประดับกระจกสีสวยงาม เป็นที่เที่ยวที่ต้องแวะไปชมให้ได้สักครั้งหนึ่ง

นั่งรถรางชมเมืองยโสธร ย่านเมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า การนั่งรถรางเที่ยวชมเมืองยโสธร เป็นกิจกรรมที่เพลิดเพลินไม่เบา เพราะนอกจากจะได้ไปชมสถานที่เที่ยวสำคัญต่างๆ ของยโสธรแล้ว ยังได้เรียนรู้วัฒนธรรมชุมชน และพบปะกับชาวยโสธรที่น่ารักอีกด้วย ใช้เวลาเพียวชั่วโมงกว่าๆ ก็ได้แวะเที่ยวชมหลายสถานที่ เช่น วัดมหาธาตุ ชุมชนเก่าบ้านสิงห์ท่า บ้านทำบั้งไฟ และกลุ่มผลิตปลาส้มยโสธร
ตักบาตรย้อนยุค ถนนคนเดิน ใครที่พอมีเวลาช่วงเช้า บริเวณหน้าวัดสิงห์ท่า ในชุมชนสิงห์ท่า จะมีการจัดงานตักบาตรย้อนยุคขึ้นทุกๆ วันศุกร์และวันเสาร์ แนะนำให้ตื่นเช้าขึ้นมาทำบุญตักบาตร นอกจากจะได้บุญแล้ว ยังได้สัมผัสบรรยากาศเมืองเก่า และสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าอีกด้วย
หมู่บ้านทำหมอนขิด บ้านศรีฐาน เที่ยวยโสธรทั้งทีจะหาของฝากของที่ระลึก นอกจากข้าวหอมมะลิ แตงโม ปลาส้มแล้ว ก็มีหมอนขิดที่เป็นสินค้า OTOP ขึ้นชื่อ แวะไปเที่ยวยังแหล่งผลิตกันเลยที่บ้านศรีฐาน อ.ป่าติ้ว ที่นี่หลังฤดูทำนา ชาวบ้านเกือบทุกครัวเรือนจะทอผ้าทำหมอนขิดเป็นอาชีพเสริม นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมการทำหมอนขิด ตั้งแต่การเย็บผ้าทำปลอกหมอน การขึ้นโครง ยัดนุ่น และอย่าลืมเลือกซื้อหมอนขิดและผลิตภัณฑ์จากผ้าขิดอีกหลายรูปแบบหลากสี เช่น หมอนอิง หมอนข้าง ที่นอนพับ และที่นอนระนาด

วัดพระพุทธบาทยโสธร วัดพระพุทธบาทยโสธร หรือ วัดพระบาท เป็นสถานที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง และหลวงพ่อนาคปรก วัดนี้จะใช้ศิลปะแบบประยุกต์ จึงมีพระอุโบสถเป็นสีขาวตัดกับหลังคาสีน้ำเงิน ไฮไลท์จะอยู่ตรงที่ เจดีย์มหาชนะชัย ที่ด้านในมีพระประธานที่เจียระไนจากหยกขาว สูงถึง 3.7 เมตร นับเป็นพระพุทธรูปหยกขาวใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วยค่ะ รวมไปถึง หุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อต่างๆ มากมายให้เราได้สักการะกัน
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองยโสธร ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองยโสธร ตั้งอยู่ใน ย่านเมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า ความพิเศษของที่นี่คือมีการผสมผสานศิลปะของ 3 วัฒนธรรมเข้าด้วยกัน ได้แก่ ไทย ลาว และจีน สิ่งพิเศษอีกอย่างคือที่นี่มีศาลหลักเมืองถึง 3 เสาด้วยกัน ภายในจะตกแต่งแบบผสมผสานศิลปะ 3 วัฒนธรรม ไทย จีน ลาว ด้านหน้ามีมังกรคู่ขนาดใหญ่อยู่ตรงทางเข้า ส่วนฝาผนังจะเป็นหินขัดลวดลายจีนที่สวยงามมากนั่นเองค่ะ และในทุกๆ ปียังมีการจัดงานสมโภชเจ้าพ่อหลักเมืองด้วย
ยโสธร ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่น่าท่องเที่ยวทางภาคอีสาน เป็นตัวเลือกที่ดีของการไปเที่ยวพักผ่อนต่างจังหวัดในวันหยุด เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายแบบให้ได้ไปเที่ยวชม ทั้งไหว้พระ ทำบุญ ชมพิพิธภัณฑ์ ถ่ายรูปกับสถานที่สวย ๆ นักท่องเที่ยวไม่แออัด ได้สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนอย่างแท้จริง แทงหวย
0 notes
Text
จังหวัดร้อยเอ็ด
ประวัติจังหวัดร้อยเอ็ด ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในจังหวัดของ ภาคอีสาน แล้ว ก็ต้องมี ประวัติความเป็นมา อย่างยาวนานแน่นอน อย่างจังหวัดที่เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกกันนั้น ก็คือ จังหวัดร้อยเอ็ด เมืองใหญ่ในอดีตที่รุ่งเรืองอย่างมาก จะเจริญรุ่งเรืองอย่างไรนั้น ตามไปเจาะลึกสืบประวัติจังหวัดนี้กันเลย หวยงวดนี้
ประวัติจังหวัดร้อยเอ็ด นั้น เมื่อก่อนเคยเป็นเมืองใหญ่ที่เจริญรุ่งเรืองอย่างมาก มีชื่อเรียกว่า เมืองสาเกตุนคร หรือ อาณาจักรกุลุนฑะนคร ซึ่งมีประตูเข้าเมือง 11 ประตู และมีเมืองขึ้นกว่า 11 เมือง ตามตำนานอุรังคธาตุได้มีการเล่าเอาไว้ว่า มีนครใหญ่แห่งหนึ่งชื่ออาณาจักรกุลุนฑะนคร มีเมืองหลวงชื่อสาเกตุ เจริญรุ่งเรืองเป็นปึกแผ่น เจ้าผู้ครองนครชื่อ พระเจ้ากุลุนฑะ มีกุศโลบายในการปกครองที่ชาญฉลาด โดยให้ขุดคูน้ำ ทำคันดิน เป็นกำแพงสูงรอบเมืองเจาะช่องทางเข้าเมืองจำนวน 11 ประตู ตามจำนวนเมืองขึ้น 11 เมือง

ส่วนการปกครองนั้น ก็มีความร่มเย็นเป็นสุขจนมาถึงใน สมัยพระเจ้าสรุยวงษาธรรมมิกราช ที่ประชาชน��ั้นได้รับความเดือดร้อน เพราะถูกพวกขอมคุกคาม จึงพาไพร่พลอพยพไปอยู่แหล่งใหม่ หัวเมืองขึ้นก็เกิดการกระด้างกระเดื่องจนถึงการวิบ���ติในที่สุดนั่นเองค่ะ จนในปี 2256 พระเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูร เจ้าผู้ครองเมืองจำปาศักดิ์ ก็ได้มอบหมายให้อาจารย์แก้วคุมไพร่พลมาสร้างเมืองชื่อว่า เมืองทุ่ง (อำเภอสุวรรณภูมิ) ให้อาจารย์แก้วเป็นเจ้าเมืองขึ้นตรงต่อนครจำปาศักดิ์
พอมาถึงในยุคของการเปลี่ยนแปลงอำนาจต่างๆ จนก็ได้มีการรวมไพร่พลกลุ่มหนึ่งอพยพมาสร้างเมืองใหม่ ที่บริเวณ บ้านกุมร้าง หรือ เมืองสาเกตุเดิม ซึ่งนั่นก็คือเมืองร้อยเอ็ดในปัจจุบันค่ะ จนมีการตั้ง���้านกุมร้างขึ้นเป็นเมืองร้อยเอ็ด และเมืองร้อยเอ็ดได้ปกครองตนเองมาตลอด จนปี พ.ศ. 2445 ในหลวงรัชกาลที่ 5 ก็ได้ให้จัดการปกครองขึ้นใหม่

โดยแบ่งภาคอีสาน ออกเป็นสองมณฑล คือ มณฑลลาวพวน กับ มณฑลลาวกาว และตั้งเมืองร้อยเอ็ดให้เป็นศูนย์กลางการบริหารภาคอีสานตอนกลางและล่าง และต่อมาในปี พ.ศ. 2453 ก็ได้มีการแยกมณฑลลาวกาวออกเป็นสองมณฑล คือ มณฑลอุบล และ มณฑลร้อยเอ็ด มาจนกระทั่งหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 มณฑลร้อยเอ็ดจึงถูกเปลี่ยนแปลงมาเป็น จังหวัดร้อยเอ็ด
ตราประจำจังหวัดร้อยเอ็ด ตราประจำจังหวัดร้อยเอ็ด นั้นจะประกอบไปด้วยสัญลักษณ์ของ รูปบึงพลาญชัย ศาลหลักเมือง พระมหาเจดีย์ศรีชัยมงคล ตัวเลข 101 และรวงข้าวหอมมะลิ ซึ่งบึงพลาญชัย นั้น หมายถึงได้ว่าเมืองนี้เป็นแหล่งอาหาร ที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีศาลหลักเมือง เป็นที่เคารพสักการะและเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวร้อยเอ็ด มีพระมหาเจดีย์ชัยมงคล เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นเมืองแห่งพระพุทธศาสนาที่เจริญรุ่งเรือง ส่วนเลข 101 นั้นก็คือ ความเป็นเมืองใหญ่ในอดีตที่ชื่อสาเกตนคร และ รวงข้าวหอมมะลิ คือผลิตผลทางการเกษตรชั้นเ��ิศที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกจากทุ่งกุลาร้องไห้จังหวัดร้อยเอ็ด

คำขวัญประจำจังหวัดร้อยเอ็ด “ สิบเอ็ดประตูเมืองงาม เรืองนามพระสูงใหญ่ ผ้าไหมสาเกต บุญผะเหวดประเพณี มหาเจดีย์ชัยมงคล งามน่ายลบึงพลาญชัย เขตกว้างไกลทุ่งกุลา โลกลือชาข้าวหอมมะลิ ”
สถานที่ท่องเที่ยว ใน จังหวัดร้อยเอ็ด ถ้าพูดถึง ที่เที่ยวร้อยเอ็ด ก็จัดได้ว่าเป็นพิกัดที่น่าสนใจมากๆ ของ ภาคอีสาน เพราะมีทั้ง วัดงาม โบราณสถานสวย หอชมวิวเมืองล้ำๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น หอโหวด 101 บึงพลาญชัย วัดประชาคมวนาราม วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม น้ำตกถ้ำโสดา กู่กาสิงห์ วัดบูรพาภิราม เป็นต้น ใครยังไม่เคยไปเที่ยว ต้องไม่พลาด หวยงวดนี้
0 notes
Text
จังหวัดมหาสารคาม

ประวัติจังหวัด เมืองมหาสารคาม ถือว่าเป็นเมืองแหล่งโบราณคดีที่สำคัญและยาวนานมาหลายร้อยปี เพราะได้พ���หลักฐานทางโบราณคดีที่ได้รับอิทธิพลทางพุทธศาสนา ตั้งแต่สมัยคุปตะตอนปลายและปาละวะของอินเดียผ่านเมืองพุกามมาในรูปแบบของ ศิลปะสมัยทวาราวดี เช่น บริเวณเมืองกันทรวิชัย (โคกพระ) และเมืองนครจำปาศรี โดยพบหลักฐาน เป็นพระยืนกันทรวิชัย พระพิมพ์ดินเผา ตลอดทั้งพระบรมสารีริกธาตุ นอกจากนั้นแล้วยังได้รับอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ ผ่านมาทางชนชาติขอม ในรูปแบบสมัยลพบุรี เช่น กู่สันตรัตน์ กู่บ้านเขวา กู่บ้านแดง และกู่อื่น ๆ รวมไปจนถึงเทวรูปและเครื่องปั้นดินเผาของขอมอยู่ตามผิวดินทั่ว ๆ ไปในจังหวัดมหาสารคาม หวยออนไลน์
มหาสารคามตั้งอยู่ตอนกลางของภาคอีสาน มีชนหลายเผ่า เช่น ชาวไทยพื้นเมืองพูด ภาษาอีสาน ชาวไทยย้อและชาวผู้ไท ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมจารีตประเพณี "ฮีตสิบสอง" ประกอบอาชีพด้านกสิกรรมเป็นส่วนใหญ่ ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายมีการไปมาหาสู่กัน ช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยกันตามแบบของคนอีสานทั่วไป

เมืองมหาสารคามนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ยกบ้านลาดกุดยางใหญ่ขึ้นเป็นเมือง เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2408 โดยแยกพื้นที่และพลเมืองราวสองพันคนมาจากเมืองร้อยเอ็ด และโปรดเกล้าฯ ให้ท้าวมหาชัย (กวด ภวภูตานนท์) เป็นพระเจริญราชเดชเจ้าเมือง มีท้าวบัวทอง เป็นผู้ช่วยขึ้นกับเมืองร้อยเอ็ด ต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้แก่เมืองมหาสารคามขึ้นกับกรุงเทพ ฯ เมื่อ พ.ศ. 2412 และร้อยเอ็ดได้แบ่งพลเมืองให้อีกเจ็ดพันคน พลเมืองเดิมอพยพมาจากเมืองจำปาศักดิ์ ท้าว��หาชัยและท้าวบัวทองนั้น เป็นหลานโดยตรงของพระยาขัติยวงศา(สีลัง) เจ้าเมืองคนที่ 2 ของเมืองร้อยเอ็ด เดิมกองบัญชาการของเมืองมหาสารคามตั้งอยู่ที่เนินสูงแห่งหนึ่งใกล้กุดนางใย ได้สร้างศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และศาลมเหศักดิ์ขึ้นเป็นที่สักการะของชาวเมือง
ต่อมาสร้างวัดดอนเมืองแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นวัดข้าวฮ้าว (วัดธัญญาวาส) และได้ย้ายกองบัญชาการไปอยู่ริมหนองกระทุ่มด้านเหนือของวัดโพธิ์ศรีปัจจุบัน ในปี พ.ศ.2456 หม่อมเจ้านพมาศ นวรัตน์ เป็นปลัดมณฑลประจำจังหวัด โดยความเห็นชอบของพระมหาอำมาตยาธิบดี (เส็ง วิริยะศิริ) ได้ย้ายศาลากลางมาอยู่ ณ ที่ตั้งศาลากลางหลังเดิม (ที่ว่าการอำเภอเมืองปัจจุบัน) และในปี พ.ศ. 2542 ได้ย้ายศาลากลางมาอยู่ ณ ที่ตั้งปัจจุบันมีผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองหรือผู้ว่าราชการจังหวัด รวม 44 คน และผู้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม คนปัจจุบัน คือ นายทองทวี พิมเสน (ตั้งแต่ เดือนมีนาคม พ.ศ.2552 - ปัจจุบัน )

ที่เที่ยวมหาสารคาม พระบรมธาตุนาดูน,สะพานไม้แกดำ,วัดป่าวังน้ำเย็น หรือ วัดพุทธวนาราม,วัดหนองหูลิง,กู่มหาธาตุ ปรางค์กู่บ้านเขวา,กู่สันตรัตน์,วนอุทยานโกสัมพี,พระพุทธมิ่งเมือง วัดสุวรรณาวาส,พระพุทธรูปยืนมงคล วัดพุทธมงคล,แก่งเลิงจาน,ศาลหลักเมืองมหาสารคาม,พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม,พระธาตุอินทร์แปลง,วัดป่าวังเลิง
คำขวัญประจำจังหวัดมหาสารคาม " พุทธมณฑลอีสาน ถิ่นฐานอารยธรรม ผ้าไหมล้ำเลอค่า ตักสิลานคร "
เมื่อไปเที่ยวภาคอีสาน หลาย ๆ คน อาจจะไม่มีลิสต์จังหวัดมหาสารคามอยู่ในใจ เพราะนอกจากจะเป็นจังหวัดที่สงบเงียบ เรียบง่ายแบบชาวอีสานขนานแท้แล้ว ยังเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เราคิดไม่ถึงกันอีกด้วย แต่��ั้งหมดที่เราแนะนำมานี้ ยังเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ถ้าอยากรู้ว่ามันดีขนาดไหน หวยออนไลน์
0 notes
Text
จังหวัดชัยภูมิ

ประวัติจังหวัดชัยภูมิ ที่เที่ยวหน้าฝน ชื่อดัง กับประวัติอันยาวนาน ถ้าพูดถึง ที่เที่ยวหน้าฝน ของ ภาคอีสาน จะต้อง จังหวัดชัยภูมิ แห่งนี้อยู่ในลิสต์ของทุกคนแน่นอน และถ้าเราอยากจะทำความรู้จัก เจาะลึก ประวัติความเป็นมา ของเมืองนี้ กันสักหน่อยล่ะ ว่าเมืองนี้ตั้งเมื่อไหร ในอดีตมีความเป็นมาอย่างไร ก็ต้องตามเรามารู้จักเมืองนี้ไม่พร้อมๆ หวยssslotto
เจาะลึก ประวัติจังหวัดชัยภูมิ ก่อนที่จะมาเป็นที่เที่ยวชื่อดัง จังหวัดชัยภูมิ เป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่บนสันขอบที่ราบสูงอีสาน มีพื้นที่ติดต่อกับภาคกลางและภาคเหนือ และยังเป็นเมืองที่มีทุ่งดอกกระเจียวอันสวยงดงามด้วยค่ะ รวมถึงมีน้ำตกสวยๆ ให้ได้เที่ยวกันในช่วงหน้าฝนด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ป่ามากที่สุดจังหวัดหนึ่งของภาคอีสานเลย และมีเทือกเขาที่สำคัญ ทั้ง ภูพังเหย ภูแลนคา ภูพญาฝ่อ ที่เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำชีนั่นเอง

ประวัติศาสตร์เมืองชัยภูมิ ส่วนในประวัติความเป็นมาด้านประวัติศาสตร์นั้น ชัยภูมิ ถือได้ว่ามีอารยธรรมซ้อนทับกันหลายสมัยด้วยกัน ตั้งแต่ สมัยทวารวดี สมัยขอม มาจนถึงอิทธิพลลาวล้านช้างเลยค่ะ ซึ่งก็ได้มีการค้นพบโบราณสถาน โบราณวัตถุมากมายในพื้นที่ของจังหวัด อีกทั้งยังมีชื่อปรากฏ เป็นเมืองหน้าด่านในสมัยกรุงศรีอยุธยาด้วย และมีชื่อปรากฏอีกครั้งในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ค่ะ โดยมีชาวเวียงจันทน์เข้ามาสร้างบ้านแปงเมือง มีผู้นำชื่อ นายแล ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็น เจ้าเมืองคนแรกของชัยภูมิ
ซึ่งในช่วงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนั้น ชัยภูมิ มีฐานะเป็นเมืองขึ้นของเมืองนครราชสีมาคู่กับเมืองบุรีรัมย์ค่ะ และในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในช่วง พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ ก่อการกบฎยกกองทัพเข้ามาตีเมืองนครราชสีมาและหัวเมืองรายทาง นายแลเจ้าเมืองชัยภูมิ ก็ได้ยกไพร่พลไปสมทบกับกำลังของคุณหญิงโม ตีทัพของเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์แตกพ่ายไปได้ สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายแลนั้นเป็นพระยาภักดีชุมพล เจ้าเมืองชัยภูมิ ซึ่งคนต่อมาที่สืบเชื้อสายมาจากพระยาภักดีชุมพล (แล) นั้น ก็ยังคงใช้ราชทินนามว่า พระยาภักดีชุมพล

ตราประจำจังหวัดชัยภูมิ ตราประจำจังหวัดของชัยภูมินั้น จะเป็น รูปธงสามชาย ที่มีความหมายถึง ธงแห่งชัยชนะสงคราม เมื่อก่อนนั้นผู้ครองนครนี้ ได้เลือกภูมิประเทศเพื่อตั้งเป็นเมือง และก็ได้มีการพบว่าตรงจังหวัดนี้ มีพื้นที่อุดมสมบูรณ์ และมีทำเลเหมาะแก่การสู้รบป้องกันตัวค่ะ เลยเป็นที่มาของธงสามชาย
คำขวัญประจำจังหวัดชัยภูมิ "กำเนิดแม่น้ำชี สดุดีพญาแลผู้กล้า ปรางค์กู่เป็นสง่า ล้ำค่าพระธาตุชัยภูมิ สมบูรณ์ป่าเขาสรรพสัตว์ เด่นชัดลายผ้าไหม ดอกกระเจียวงามลือไกล อารยธรรมไทยทวารวดี"
สถานที่ท่องเที่ยว ใน จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่ง ทุ่งดอกกระเจียว แล้ว ก็ต้องมีพื้นที่ป่ากว้างใหญ่พร้อมกับ ธรรมชาติที่สวยงดงามแน่นอน เป็นพิกัด ที่เที่ยวหน้าฝน ยอดฮิตเลย ซึ่งที่เที่ยวดังๆ นั้น ก็จะมีตั้งแต่ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อุทยานแห่งชาติไทรทอง อุทยานแห่งชาติภูแลนคา มอหินขาว ผาสุดแผ่นดิน ผาหัวนาค ทุ่งกะมัง เขื่อนจุฬาภรณ์ ทุ่งบัวแดง บึงละหาน เป็นต้น หวยssslotto
0 notes
Text
จังหวัดนครราชสีมา
อีก ที่เที่ยวธรรมชาติ ใกล้ๆ กรุงเทพ อย่าง จังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดที่เรารู้จักกันดี และคุ้นเคยกันอย่างมาก แต่ประวัติความเป็นมาลึกๆ จริงๆ แล้วนั้น เป็นอย่างไร อาจจะไม่มีใครรู้ลึกๆ กันเท่าไหร วันนี้ใครอยากรู้ประวัติความเป็นมาแบบแท้จริงๆ ลองตามเรามาดูกัน เล่นหวยออนไลน์

จุดเริ่มต้น ของ จังหวัดนครราชสีมา มาจากไหน? จังหวัดนครราชสีมา เมื่อก่อนนั้นจะเป็นเมืองโบราณ ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอสูงเนิน ห่างจากตัวเมืองในปัจจุบันประมาณ 31 กิโลเมตร เรียกกันว่า "เมืองโคราฆะปุระ" หรือ "โคราช" กับ "เมืองเสมา" นั่นเองค่ะ โดยทั้ง 2 เมืองนี้ ก็เคยเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่ในสมัยขอมแล้ว แต่ต่อมาก็ได้กลายเป็นเมืองร้าง ตั้งอยู่ที่บริเวณริมลำตะคอง
สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้น ยุคของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ระหว่างปี พ.ศ.2199-2231 ก็ได้มีการโปรดฯ ให้สร้างเมืองใหม่ขึ้นมา ในบริเวณพื้นที่ของตัวเมืองปัจจุบัน โดยการเอาชื่อของ "เมืองโคราฆะปุระ" กับ "เมืองเสมา" มาผูกเป็นนามเมืองใหม่ ที่มีชื่อเรียกว่า "เมืองนครราชสีมา" นั่นเองค่ะ แต่คนทั่วไป จะเรียกกันว่า "เมืองโคราช"
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ จนมาในสมัยของรัชกาลที่ 1 ก็มีการโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะขึ้นเป็นเมืองชั้นเอก มีผู้สำเร็จราชการเมืองมียศ เป็นเจ้าพระยา นั่นก็คือ เจ้าพระยานครราชสีมา โดยเจ้าพระยาคนแรกนั้นคือ ปิ่น ณ ราชสีมา ค่ะ ซึ่งในรัชกาลนี้ เมืองนครราชสีมา ก็ได้มีการนำเอาช้างเผือก 2 เชือก ขึ้นน้อมเกล้าถวายอีกด้วย

ตราประจำจังหวัดนครราชสีมา ตราประจำจังหวัดนครราชสีมา จะเป็นรูปของ ท้าวสุรนารี และ ซุ้มประตูชุมพล ที่เป็นเครื่องหมายแสดงถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของท้าวสุรนารี ที่กอบกู้เมืองนครราชสีมา จากกองทัพของเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ เป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของเมืองโคราช
คำขวัญจังหวัดนครราชสีมา “เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดีหมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน”
เมืองหญิงกล้า หมายถึง ท้าวสุรนารี หรือ ย่าโม วีรสตรีผู้มีส่วนกอบกู้เมืองนครราชสีมา จากกองทัพเจ้าอนุวงศ์ที่เข้ามาตีนั่นเองค่ะ ส่วน ผ้าไหมดี คือ ผ้าไหมโคราช เป็นผ้าไหมคุณภาพดีของที่นี่ และ ปราสาทหิน ของ อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย หนึ่งในอุทยานประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่คงไม่มีใครไม่รู้จัก ส่วน ดินด่านเกวียน นั้น จะเป็นดินที่ใช้ทำเครื่องปั้นดินเผาที่มีชื่อเสียงค่ะ และสุดท้าย หมี่โคราช อาหารขึ้นชื่อของโคราช ที่ถ้าไปแล้วไม่ได้ทานก็คงจะเหมือนมาไม่ถึงโคราชนั่นเอง

สถานที่ท่องเที่ยวใน จังหวัดนครราชสีมา หนึ่งในที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ อย่าง โคราช หรือ นครราชสีมา แห่งนี้ ก็เรียกได้ว่าฮิตสุดๆ เป็นที่เที่ยวประจำเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น เขาใหญ่ วังน้ำเขียว ปราสาทหินพิมาย จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม วัดบ้านไร่ วัดป่าภูหายหลง ผาเก็บตะวัน เขายายเที่ยง ทุ่งดอกไม้ทานตะวัน ตามไร่ต่างๆ เป็นต้น นี่แค่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นนะคะ ถ้าใครอยากเที่ยวภูเขาอากาศดีๆ ใกล้กรุง ก็ต้องนึกถึง โคราช เล่นหวยออนไลน์
0 notes
Text
จังหวัดบุรีรัมย์

จังหวัดบุรีรัมย์ อีกหนึ่งจังหวัดที่มีความเป็นมาย้อนกลับไปได้อย่างยาวนานถึงสมัยทวารวดี โบราณสถานสำคัญแต่ละแห่งก็ล้วนแต่ทำให้เราจินตนาการได้ถึงความยิ่งใหญ่ของที่นี่ในสมัยก่อน ถึงปัจจุบันจังหวัดนี้ก็ยังเป็นที่ตั้งสำคัญของศูนย์กีฬาขนาดใหญ่มากมาย ไม่ว่าจะฟุตบอล รถแข่ง หรือค่ายมวยก็ตาม ตามเรามารู้จัก บุรีรัมย์ ให้ดีกว่าเดิมกัน หวยงวดนี้
ประวัติ จังหวัดบุรีรัมย์ จากการศ���กษาของนักโบราณคดีพบหลักฐานการอยู่อาศัยของมนุษย์ในแถบนี้มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ แต่ที่พบมากที่สุดคือหลักฐานทางวัฒนธรรมของขอมโบราณ ไม่ว่าจะเป็นทั้งปราสาทหิน ปราสาทอิฐต่างๆ หรือชิ้นส่วนโบราณวัตถุประเภทภาชนะ เครื่องปั้นดินเผาต่างๆ ซึ่งหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญจริงๆ ของบุรีรัมย์นั้นจะเริ่มประมาณสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายโดยปรากฏชื่อว่าเป็นเมืองขึ้นของเมืองนครราชสีมา เรียกว่า เมืองแปะ

ความเป็นมานั้นย้อนกลับไปได้ถึงรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กรุงธนบุรี ครั้งนั้นพระยานางรองคบคิดเป็นกบฏร่วมกับเจ้าโอ, เจ้าอิน และอุปฮาด เมืองจำปาศักดิ์ จึงโปรดให้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อยังดำรงตำแหน่งเจ้าพระยาจักรี เป็นแม่ทัพไปปราบ และจับตัวพระยานางรองประหารชีวิต จากนั้นสมทบกับเจ้าพระยาสุรสีห์ (สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท) คุมกองทัพหัวเมืองฝ่ายเหนือยกไปตีเมือง จำปาศักดิ์, เมืองโขง และเมืองอัตตะปือ ได้ทั้ง 3 เมือง ประหารชีวิต เจ้าโอ, เจ้าอิน และอุปฮาด เมืองจำปาศักดิ์ แล้วเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ ใกล้เคียงให้สวามิภักดิ์ ได้แก่ เขมรป่าดง, ตะลุง, สุรินทร์, สังขะ และเมืองขุขันธ์ รวบรวมผู้คนตั้งเมืองขึ้นในเขตขอม และให้บุตรเจ้าเมืองผไทสมันต์แห่งพุทธไธสงขึ้นเป็นเจ้าเมืองคนแรก
ต่อมาประมาณ พ.ศ. 2440 - 2441 เมืองบุรีรัมย์ได้กลับไปขึ้นกับมณฑลนครราชสีมาเรียกว่า "บริเวณนางรอง" ประกอบด้วย เมืองบุรีรัมย์ นางรอง รัตนบุรี ประโคนชัย และพุทไธสง พ.ศ. 2442 มีประกาศเปลี่ยนชื่อ ในคราวนี้เปลี่ยนชื่อ บริเวณนางรองเป็น "เมืองนางรอง" มีฐานะเป็นเมืองจัตวา ตั้งที่ว่าการอยู่ที่เมืองบุรีรัมย์ แต่ตราตำแหน่งเป็นตราผู้ว่าการนางรอง กระทรวงมหาดไทยจึงได้ประกาศเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น "บุรีรัมย์" และเปลี่ยนตราตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการเมืองบุรีรัมย์ ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2444 เป็นต้นมา จนกระทั่งสมัยปี พ.ศ.2476 ได้มีการจัดระเบียบภูมิภาคใหม่ จึงได้ชื่อจังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ข้อมูลสำคัญ จังหวัดบุรีรัมย์ คำขวัญ : เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม เลิศล้ำเมืองกีฬา ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกสุพรรณณิการ์ หรือดอกฝ้ายคำ ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นแป๊ะ
สถานที่ท่องเที่ยวในบุรีรัมย์ บุรีรัมย์นั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ปราสาทหินเมืองต่ำ วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง รวมไปถึงโบราณสถานที่ขึ้นชื่อที่สุดของจังหวัด นั่นคือ อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง นั่นเอง นอกเหนือจากอารยธรรมโบราณแล้ว ปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ สเตเดียม สุดยอดสนามกีฬาที่กว้างใหญ่มาก สามารถจุได้ถึง 32,600 ที่นั่ง เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่ และเหมือนสนามฟุตบอลของเมืองนอกเลยทีเดียว เป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของคนที่นี่ หวยงวดนี้
0 notes
Text
ประวัติจังหวัด สุรินทร์
ขึ้นชื่อได้ว่าเป็น ภาคอีสาน ก็ต้องมีความเป็นมาอย่างยาวนาน งั้นเราเลยจะพาไปดู ประวัติความเป็นมา ของ จังหวัดสุรินทร์ หนึ่งในจังหวัดที่มีความเก่าแก่มาอย่างยาวนาน เห็นได้จากโบราณสถาน ปราสาทต่างๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของที่นี่เลย ตามไปดูที่มาที่ไป ประวัติของจังหวัด แห่งนี้กันเลย หวยออนไลน์

ก่อนจะมาเป็น จังหวัดสุรินทร์ รินทร์ เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานอย่างมาก โดยสันนิษฐานว่าดินแดนในจังหวัดสุรินทร์นี้ น่าจะถูกสร้างขึ้นมาเมื่อประมาณ 2,000 ปีมาแล้ว ในสมัยที่ขอมมีอำนาจค่ะ และเมื่อขอมเสื่อมอำนาจลง เมืองสุรินทร์ก็ได้ถูกทิ้งร้าง เห็นได้จากการที่มี โบราณสถานต่างๆ มากมาย ทั้ง ปราสาทตาเมือนธม ปราสาททนง ปราสาทบ้านไพล ปราสาทบ้านจารย์ ปราสาทหมื่นชัย เป็นต้น
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2306 ก็ได้มีหลักฐานปรากฎว่า หลวงสุรินภักดี (เชียงปุม) ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าหมู่บ้านเมืองทีนั้น ได้ขอให้เจ้าเมืองพิมาย ขอกราบบังคมทูลขอพระกรุณาโปรดเกล้า จากพระเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งสุริยามรินทร์ย้ายหมู่บ้าน จากบ้านเมืองทีมาอยู่ที่บริเวณบ้านคูประทาย ซึ่งก็คือบริเวณที่ตั้ง ของจังหวัดสุรินทร์ในปัจจุบัน

เพราะเห็นว่าบริเวณดังกล่าวเป็นชัยภูมิที่เหมาะสม รวมถึงมีกำแพงล้อมรอบสองชั้น มีน้ำอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ซึ่งต่อมาหลวงสุรินทร์ภักดีเอง ก็ได้กระทำความดีความชอบเป็นที่โปรดปราน จึงได้ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านคูประทายเป็น เมืองประทายสมันต์ และเลื่อนบรรดาศักดิ์หลวงสุรินทร์ภักดีเป็น พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง
จนมาในปีพ.ศ. 2329 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อจาก เมืองประทายสมันต์ เป็น เมืองสุรินทร์ ตามบรรดาศักดิ์ของเจ้าเมืองนั่นเองค่ะ และต่อมาเมืองสุรินทร์เองมีเจ้าเมืองปกครองสืบเชื้อสายรวมกันมา 11 คน มาจนถึงปี พ.ศ. 2451 ได้มีการปรับปรุงระบบบริหารราชการแผ่นดินเป็นแบบเทศาภิบาลส่วนกลาง เลยมีการแต่งตั้ง พระกรุงศรีบุรีรักษ์ (สุม สุมานนท์) มาดำรงตำแหน่งเป็น ข้าหลวงประจำจังหวัด หรือผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นคนแรก

ตราประจำจังหวัดสุรินทร์ ราประจำจังหวัดสุรินทร์นั้น เป็นรูปของ พระอินทร์ประทับนั่งขัดสมาธิบนหลังช้าง หัตถ์ขวาทรงตรี หัตถ์ซ้ายทรงพระแสงขอช้าง และมีภาพปราสาทสลักปรักพังเป็นฉากอยู่ด้านหลัง และมีครุฑพ่าห์อยู่ด้านหน้าภาพ
คำขวัญประจำจังหวัดสุรินทร์ “ สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมดี มากมีปราสาท ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม พร้อมวัฒนธรรม ”
สถานที่ท่องเที่ยว ใน จังหวัดสุรินทร์ ถ้าพูดถึงที่เที่ยว อีสานใต้ ก็ต้องมาเยือนที่นี่เลยค่ะ จังหวัดสุรินทร์ ที่งดงามไปด้วย โบราณสถาน ธรรมชาติสวยๆ มากมาย ทั้ง ทะเลสาบทุ่งกุลา อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง ปราสาทศีขรภูมิ โลกของช้าง หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทบ้านพลวง วนอุทยานพนมสวาย เป็นต้น ถ้าใครได้ไปเยือน จะต้องหลงรักเมืองโบราณนี้แน่นอน หวยออนไลน์
0 notes
Text
ที่เที่ยวศรีสะเกษ
เที่ยวศรีสะเกษ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดศรีสะเกษ ดินแดนปราสาทขอมที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ

จังหวัดศรีสะเกษหรือเมืองขุขันธ์ในสมัยก่อน หนึ่งในจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอย่าง "อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร" อัดแน่นด้วยวัฒนธรรมตั้งแต่สมัยขอม แถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และวัดดังสำหรับกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลจำนวนมาก ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเสมอ วันนี้เราเลยแวะไปคัดเอาสถานที่ท่องเที่ยวเด็ด ๆ ของศรีสะเกษมาเป็นทางเลือกให้นักท่องเที่ยวที่สนใจกัน ส่วนจะมีที่เที่ยวไหนห้ามพลาดกันบ้างไปชมกันเลย แทงหวยออนไลน์
อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อุทยานแห่งชาติลำดับที่ 83 ของไทย ตั้งอยู่บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านภูมิซรอล ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และด้วยเนื้อกว้างใหญ่กว่า 81,250 ไร่ ทำให้อุทยานแห่งนี้มีพื้นที่ครอบคลุมถึง 2 จังหวัด คืออำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และอำเภอน้ำขุ่น อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ภายในอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ
วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อวัดล้านขวด ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านดอน ตำบลโนนสูง อำเภอบุญหาญ ที่มาของชื่อวัดล้านขวดนี้มาจากอาคารต่าง ๆ ภายในวัดตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้า, ลานจอดรถ, โบสถ์, ศาลา, หอระฆัง, กุฏิ รวมไปถึงห้องน้ำภายในวัด ล้วนประดับตกแต่งไปด้วยขวดแก้วหลากหลายสีสันกว่า 1.5 ล้านใบ
วัดมหาพุทธาราม วัดเก่าแก่ที่ก่อตั้งมาก่อนเมืองศรีสะเกษ โดยเดิมเรียกว่า "วัดป่าแดง" ตั้งอยู่ใจกลางเมืองศรีสะเกษ โดดเด่นด้วยวิหารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง คือ "หลวงพ่อโต" เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางมารวิชัย มีความสูงจากฐานถึงยอดเกศ 6.85 เมตร หน้าตักกว้าง 3.50 เมตร เดิมเป็นพระพุทธรูปศิลาจำหลัก สันนิษฐาน��่าเป็นพระพุทธรูปสมัยขอมและมีอายุร่วมกว่าพันปี ซึ่งภายหลังได้ถือเอาพระพุทธรูปโบราณศักดิ์สิทธิ์เป็นสำคัญ จึงได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น "วัดพระโต" ตามลักษณะของพระพุทธรูป
วัดพระธาตุสุพรรณหงส์ วัดพระธาตุสุพรรณหงส์ หรือวัดบ้านหว้าน ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านหว้าน ตำบลน้ำคำ อำเภอเมือง ตั้งอยู่ห่างจาก อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 10 กิโลเมตร อีกหนึ่งวัดสวยที่ห้ามพลาดเมื่อเดินทางไปยังจังหวัดศรีสะเกษ ด้วยความโดดเด่นของพระอุโบสถที่ก่อสร้างบนเรือสุพรรณหงส์จำลอง ลอยอยู่กลางน้ำอย่างสวยงามแปลกตา ตัวพระอุโบสถกว้าง 5 เมตร ยาว 13.60 เมตร หลังคาทรงจัตุรมุข 3 ชั้น มียอดมณฑปกลางอุโบสถ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และด้วยความสวยงามโดดเด่นของวัดแห่งนี้จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม

น้ำตกวังใหญ่ น้ำตกวังใหญ่ ตั้งอยู่เขตหมู่บ้านก่อ หมู่ 7 ตำบลละลาย อำเภอกันทรลักษ์ ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก อีกหนึ่งน้ำตกที่มีความสวยงาม รอบ ๆ บริเวณเต็มไปด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติ ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีลำธารไหลมาจากเทือกเขาพนมดงรัก มีความสูงประมาณ 5 เมตร สามารถลงเล่นน้ำได้ตลอดแนวน้ำตก แถมบริเวณโดยรอบยังเต็มไปด้วยพืชสมุนไพรมากมายให้ผู้สนใจได้ศึกษา ซึ่งมีไม่ต่ำกว่า 1,000 ชนิด ส่วนฤดูท่องเที่ยวที่เหมาะสมคือฤดูฝนและฤดูหนาว
น้ำตกสำโรงเกียรติ น้ำตกสำโรงเกียรติ เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงของจังหวัดศรีสะเกษ ตั้งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 81 กิโลเมตร ภายในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าพนมดงรัก หมู่บ้านสำโรงเกียรติ ตำบลบักดอง อำเภอขุนหาญ ชื่อเดิมของหนึ่งตกแห่งนี้ออกจะน่ากลัวนิด ๆ กับ "น้ำตกปีศาจ" ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งตามหน่วยทหารพรานชื่อ "หน่วยปีศาจ" ที่ได้ใช้บริเวณน้ำตกตั้งเป็นฐานที่ตั้งหน่วยปฏิบัติการ จากนั้นในปี พ.ศ. 2549 ได้มีการปรับปรุงพื้นที่ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวพร้อมเปลี่ยนชื่อน้ำตกตามชื่อหมู่บ้านว่า "น้ำตกสำโรงเกียรติ" ในปัจจุบัน
ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ศรีสะเกษ อควาเรียม ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ศรีสะเกษ อควาเรียม (Sisaket Aquarium) แหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้สำคัญสำหรับเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจ ตั้งอยู่ภายในสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา (เกาะห้วยน้ำคำ) ในท้องที่ตำบลหนองครก อำเภอเมือง อีกทั้งยังเป็นศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำแห่งแรกในภาคอีสานตอนใต้ด้วย
ปราสาทวัดสระกำแพงใหญ่ ตั้งอยู่ภายในวัดสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย มีลักษณะโดดเด่นด้วยปราสาทขอมขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุด สร้างขึ้นในสมัยบาปวน-บายน ในพุทธศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นเทวาลัยถวายพระศิวะตามความเชื่อของศาสนาฮินดู มีลักษณะเป็นพระปรางค์ 3 องค์ ตั้งเรียงกันในแนวทิศเหนือ-ใต้ หันหน้าไปทางด้านทิศตะวันออก ปรางค์ประธานตั้งอยู่ตรงกลางก่อสร้างด้วยหินทราย มีอิฐแซมบางส่วน บริเวณส่วนบนมีทับหลังจำหลักภาพพระอินทร์ทรงช้างบนแท่นเหนือหน้ากาล ส่วนปรางค์อีก 2 องค์ สร้างด้วยอิฐ มีส่วนประกอบตกแต่งที่เป็นหินทราย

ปราสาทบ้านปราสาท (ปราสาทห้วยทับทัน) ปราสาทบ้านปราสาท (ปราสาทห้วยทับทัน หรือปราสาทบ้านโนนธาตุ) ตั้งอยู่ภายในวัดปราสาทพนาราม หมู่บ้านปราสาท ตำบลปราสาท อำเภอห้วยทับทัน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 16 เพื่อใช้เป็นสถานที่ประดิษฐาน "เทพเจ้าตีมูรติ" ตามความชื่อในศาสนาพราหมณ์ มีลักษณะที่โดดเด่นด้วยศิลปะร่วมแบบคลัง-ปาปวน อันประกอบไปด้วยปรางค์อิฐ 3 องค์ ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกัน เรียงตัวในแนวทิศเหนือ-ใต้ ส่วนหน้าหันไปทางทิศตะวันออก บริเวณโดยรอบของปราสาทเต็มไปด้วยศิลาแลงล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน และมีโคปุระ (ซุ้มประตู) อยู่ทางทิศใต้และทิศตะวันออก
หอคอยศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติ หอคอยศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติ หอคอยสูงสำหรับชมวิวสวยของตัว��มืองศรีสะเกษ ตั้งอยู่บริเวณเกาะกลางน้ำซึ่งเป็นที่ตั้งของเทศบาลเมืองศรีสะเกษ ถนนขุขันธ์ ตำบลเมืองใต้ อำเภอเมือง เปิดให้เข้าชมทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-16.00 น. โดยเสียค่าบำรุงสถานที่ ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 20 บาท ส่วนผู้ที่ต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะ กรุณาทำหนังสือส่งถึงนายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษล่วงหน้าก่อนเข้าชม
พระธาตุเรืองรอง พระธาตุเรืองรอง ตั้งอยู่ภายในวัดบ้านสร้างเรือง หมู่บ้านสร้างเรือง ตำบลหญ้าปล้อง อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7.5 กิโลเมตร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2525 โดยหลวงปู่ธัมมา พิทักษา เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ สำหรับให้ชาวพุทธในถิ่นอีสานใต้ได้มาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล มีลักษณะเป็นอาคารที่ผสมผสานศิลปะแบบอีสานใต้จาก 4 เผ่า ได้แก่ ลาว, ส่วย, เขมร และเยอ ตัวพระธาตุเรืองรองมีความสูง 49 เมตร แบ่งออกเป็น 6 ชั้น
บ้านขุนอำไพพานิชย์ ตึกขุนอำไพพาณิชย์ ตั้งอยู่ภายในเขตเทศบาลเมือง บนถนนอุบล ลักษณะเป็นตึกเก่าของขุนอำไพพาณิชย์ (อินทร์ นาคสีหราช) คหบดีชาวศรีสะเกษ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2468 โดยช่างชาวจีนและชาวมอญ ตัวอาคารมีรูปทรงและลวดลายปูนปั้นที่งดงามตามคติความเชื่อของชาวจีน ได้รับการบูรณะและอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนได้รับรางวัลชนะเลิศโครงการดี เด่นการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมในเมืองเมื่อปี พ.ศ. 2530 ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานและเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับนักเรียน นักศึกษา ประชาชน และนักท่องเที่ยวที่สนใจได้เข้าไปเรียนรู้

สวนสมเด็จศรีนครินทร์ เป็นสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี 80 พรรษา แห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ถนนกสิกรรม ตำบลหนองครก อำเภอเมือง มีเนื้อที่ 237 ไร่ ภายในบริเวณสวนโดดเด่นด้วยต้น��ำดวน ต้นไม้ประจำจังหวัดศรีสะเกษ ที่ขึ้นตามธรรมชาติมากกว่า 50,000 ต้น ขึ้นอยู่หนาแน่นเป็นดงใหญ่ แถมยังเป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการมาทัศนศึกษาในเชิงพฤกษศาสตร์ ซึ่งต้นลำดวนถือเป็นพันธุ์ไม้หอม จะผลิดอกหอมอบอวลไปทั่วในราวเดือนมีนาคมของทุกปี และเนื่องจากต้นไม้ชนิดนี้มีความเกี่ยวพันกับชื่อศรีนครลำดวนในอดีต จึงได้นำเอาต้นลำดวนมาเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดในปัจจุบัน
นอกจากนี้ในพื้นที่สวนยังมีสวนสัตว์ซึ่งรวมทั้งสัตว์ป่าของไทยและต่างประเทศ จัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชม และสวนสาธารณะตกแต่งสวยงามร่มรื่น เป็นแหล่งพักผ่อนของประชาชนทั่วไป มีบึงน้ำสำหรับพายเรือเล่นและพักผ่อนหย่อนใจ โดยเปิดให้เข้าชมและพักผ่อนทุกวัน เวลา 06.00-19.00 น. นี่เป็นเพียงที่เที่ยวศรีสะเกษบางส่วนที่เราหยิบมาแนะนำกัน เป็นตัวเลือกให้นักท่องเที่ยวที่กำลังวางแผนไปเที่ยวจังหวัดศรีษะเกษ แทงหวยออนไลน์
0 notes
Text
เที่ยวจังหวัดอำนาจเจริญ
ทำความรู้จักสถานที่เที่ยวจังหวัดอำนาจเจริญ เมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ น่าอยู่ และมีแหล่งท่องเที่ยวน่าไปเยือนเพียบ
เมื่อพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวทางภาคอีสาน หลายคนมักจะนึกถึงจังหวัดใหญ่ที่เป็นหัวเมืองทางการค้าและการคมนาคม จนบางครั้งอาจมองข้ามจังหวัดเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงไป วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเล็ก ๆ ที่น่าอยู่อย่าง "จังหวัดอำนาจเจริญ" ไปดูกันว่าสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดอำนาจเจริญมีอะไรน่าไปเยือนบ้าง เล่นหวยออนไลน์

พระมงคลมิ่งเมืองและพุทธอุทยาน มาเริ่��ต้นกันที่แรกด้วยการเดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดอำนาจเจริญ กับ "พระมงคลมิ่งเมือง" หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "พระใหญ่" ตั้งอยู่ภายในเขตเทศบาลเมืองจังหวัดอำนาจเจริญ ภายในเต็มไปด้วยหินดานและปกคลุมไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด ซึ่งถูกปรับปรุงให้เป็น "พุทธอุทยาน" ส่วน "พระมงคลมิ่งเมือง" เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย องค์พระหน้าตักกว้าง 11 เมตร ความสูงจากระดับพื้นดินถึงยอดเปลวรัศมี 20 เมตร ได้รับอิทธิพลมาจากอินเดียเหนือ (ปาละ) ที่แผ่มายังภาคอีสานของไทยเมื่อพันปีมาแล้ว โดยการกราบขอพรจากองค์พระมงคลมิ่งเมืองนั้น ส่วนมากนิยมขอพรให้คลายความทุกข์โศกร้อนใจ และบนบานให้ประสบความสำเร็จในเรื่องต่าง ๆ
วัดถ้ำแสงเพชร วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนสายอำนาจเจริญ-เขมราฐ เป็นวัดสำคัญในจังหวัด ภายในวัดมีพื้นที่กว้างขวาง มีความโดดเด่นอยู่ที่วิหารที่ตั้งอยู่บนยอดเขาของวัด ทางด้านทิศเหนือของวิหารมีถ้ำขนาดใหญ่ ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงาม นอกจากนี้ในบริเวณวัดแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพระอาจารย์ชา สุภัทโท สาขาที่ 5 ของวัดหนองป่าพง ที่มีความเงียบสงบ และมีบรรยากาศที่เย็นสบายเหมาะสำหรับการนั่งสมาธิเป็นอย่างมาก
พระธาตุนาป่าแซง พระธาตุนาป่าแซง หรือพระธาตุพนมจำลอง ตั้งอยู่ในตำบลนาป่าแซง อำเภอปทุมราชวงศา ก่อสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2520 โดยพระครูสิทธิพัฒนาภรณ์ ศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภายในเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุ 113 องค์ ถูกบรรจุไว้ที่ยอดพระธาตุและกลางพระธาตุ โดยองค์พระธาตุมีความสูงเท่ากับพระธาตุพนมองค์เดิมทุกประการ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าถ้าใครที่ได้มากราบไหว้พระธาตุนาป่าแซงเท่ากับการได้กราบไหว้บูชาพระธาตุพนม ซึ่งจะทำให้ประสบความสำเร็จตามที่ขอ มีอำนาจบารมีสูงส่ง ผู้คนนับหน้าถือตาเป็นผู้นำแก่บุคคลทั่วไป

อ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน อ่างเก็บน้ำแห่งนี้มีชื่ออีกอย่างว่า อ่างเก็บน้ำห้วยปลาแดก ตั้งอยู่ในเขตการปกครองของบ้านพุทธมงคล ตำบลบุ่ง อำเภอเมือง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ห่างจากตัวเมืองอำนาจเจริญ ไปทางทิศเหนือเพียง 3 กิโลเมตรเท่านั้น โดยเป็นอ่างเก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ของกรมชลประทาน สามารถกักเก็บน้ำได้สูงสุดมากถึง 21.94 ล้านลูกบาศก์เมตร อีกทั้งบริเวณสันเขื่อนที่มีความยาวถึง 1,300 เมตร และความกว้างหน้าสันเขื่อน 6 เมตร ทำให้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์โดยรอบ มีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง เหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างมาก
เขาคีรีวงกตภูมะโรง เป็นพื้นที่ภูเขาขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 2,000 ไร่ และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม เพราะเต็มไปด้วยผืนป่าที่ยังคงความสมบูรณ์ อีกทั้งยังสามารถพบเห็นสัตว์ป่าได้หลายชนิด ซึ่งจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจของที่นี่ ได้แก่ ถ้ำดานหิน โขดหินที่เรียงตัวกันอยู่ หน้าผาสูงและชะง่อนผา ซึ่งเหมาะแก่การใช้เป็นที่พักผ่อนเดินป่าสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยได้เป็นอย่างดี
หมู่บ้านหมอลำหนองปลาค้าว หมู่บ้านต้นแบบตามโครงการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและเชิงอนุรักษ์ในจังหวัดอำนาจเจริญ ตั้งอยู่ที่ตำบลปลาค้าว อำเภอเมือง ภายในหมู่บ้านมีชาวบ้านเชื้อสายภูไท และที่สำคัญคือเป็นหมู่บ้านที่มีคณะหมอลำมากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีการอนุรักษ์ศิลปะการแสดงหมอลำ ด้วยการพัฒนาให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น รวมทั้งมีการฝึกหมอลำน้อย เพื่อฝึกสอนในเรื่องการออกเสียง จับจังหวะ และการฟ้อนรำท่าที่ถูกต้องเพื่อสืบทอดวัฒนธรรมให้คงอยู่ นอกจากนี้ยังเปิดเป็นหมู่บ้านโฮมสเตย์ในรูปแบบเฮือนโบราณบ้านอีสาน เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่สนใจมาสัมผัสวัฒนธรรมและธรรมชาติ พร้อมชมการแสดงและเรียนรู้หมอลำกลอน, หมอลำซิ่ง และเดี่ยวพิณ-แคน พร้อมทั้งเยี่ยมชมวัตถุโบราณภายในพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านได้อีกด้วย สำหรับผู้สนใจสามารถชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก โฮมสเตย์บ้านปลาค้าว อำนาจเจริญ
เที่ยวริมแม่น้ำโขงที่ชานุมาน แหล่งท่องเที่ยวริมโขงสวย ๆ ตั้งอยู่ภายในอำเภอชานุมาน มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำโขงระยะทาง 38 กิโลเมตร ตั้งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 80 กิโลเมตร บริเวณนี้ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมความงาม��องทัศนียภาพ 2 ฝั่งโขงที่งดงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง (กุมภาพันธ์-พฤษภาคม) จะสามารถเห็นเกาะแก่งได้หลายแห่ง เช่น แก่งต่างหล่าง ตั้งอยู่ที่บ้านศรีสมบูรณ์ ห่างจากตัวอำเภอชานุมานประมาณ 1 กิโลเมตร ลักษณะของแก่งต่างหล่างคือเป็นโขดหินขรุขระอยู่ริมแม่น้ำโขง เป็นหินศิลาแลงคล้ายชามหรืออ่าง สามารถชมความสวยงามของแอ่งน้ำได้ในหน้าแล้ง เหมาะเป็นแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจอย่างมาก

อุทยานดงลิงดอนเจ้าปู่ มีลักษณะเป็นป่าเบญจพรรณมีเนื้อที่ประมาณ 16 ไร่ ความโดดเด่นอยู่ที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะเจ้าลิงแสม อีกทั้งยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนให้ความเคารพและศรัทธา เพราะเป็นที่ตั้งของศาลปู่ตาที่สิงสถิตของเจ้าปู่ (พรานที) ซึ่งในช่วงเดือนห้า (บุญสงกรานต์) และเดือนหก (บุญบั้งไฟ) ชาวพนาจะมาร่วมกันจัดงานและนำบั้งไฟมาถวายเจ้าปู่ (พรานที) เป็นประจำทุกปี เพื่อเสริมสิริมงคลแก่พี่น้องชาวพนามาจนถึงปัจจุบัน
สวนเกษตรชิตสกนธ์ ตั้งอยู่ริมอ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน 42 หมู่ 14 อำเภอเมือง สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภายในสวนแห่งนี้ จะได้พบกับไร่ดาวเรืองขนาดใหญ่ กินพื้นที่กว่า 30 ไร่ พร้อมสัมผัสความสวยงามของทุ่งดอกดาวเรืองอเมริกันพันธุ์ Sovereign Gold พืชผัก สมุนไพร และพรรณไม้หายากหลายชนิด และนอกจากจะได้ชมวิวสวย ๆ ของ "สวนเกษตรชิตสกนธ์" แล้ว ที่นี่ยังมีบริการชิตสกนธ์ รีสอร์ท สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมานอนพักผ่อนริมทุ่งดอกไม้สวย ๆ ได้อีกด้วย
วัดพระเหลาเทพนิมิตร ปิดท้ายที่วัดดังตั้งอยู่ในอำเภอพนา ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องเดินทางไปสักการะให้ได้ คือ วัดพระเหลาเทพนิมิตร ซึ่งภายในมี "พระเหลาเทพนิมิตร" พระพุทธรูปปางมารวิชัยประทับนั่งขัดสมาธิราบ ลงรักปิดทองงดงาม สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2263 ซึ่งว่ากันว่ามีลักษณะที่งดงามมาก โดยจัดอยู่ในกลุ่มพระพุทธรูปศิลปะแบบลาวสกุลช่างเวียงจันทน์ ที่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะทางล้านนา เพราะด้วยเค้าพระพักตร์เปลวรัศมีที่ยืดสูงขึ้น สัดส่วนของพระเหลาและพระบาท ซึ่งคล้ายคลึงกับที่ปรากฏอยู่ในกลุ่มพระพุทธรูปไม้และสำริดที่สร้างขึ้นระหว่างปลายพุทธศตวรรษที่ 23 ทั้งนี้ เล่นหวยออนไลน์
0 notes
Text
คุณภาพชีวิตดี

คุณภาพชีวิตดี หมายถึง การมีสุขภาพกายสุขภาพจิตที่ดี มีปัจจัย 4 ได้แก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ที่เหมาะสมและเพียงพอ อยู่ในสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีปลอดภัยมีความเสี่ยงน้อย มีความสามารถเผชิญปัญหาต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถใช้ศักยภาพของตนเองในทางสร้างสรรค์ สามารถพัฒนาตนเองและสังคมให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข รวมทั้งความพึงพอใจในวิถีชีวิตของตนเอง
สถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต
สุขภาพกายสมบูรณ์
ปัญหาด้านสุขภาพจิต
ความขาดแคลนปัจจัย 4
สุขภาพกายสมบูรณ์
ความเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นสิ่งที่เกิดข��้นได้กับคนเรา เพราะการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นกฎธรรมชาติ
คนเราป่วยไข้จากโรคเรื้อรัง ที่เกิดจากการทำงานของอวัยวะและระบบต่างๆ บกพร่อง จากความเสื่อมของร่างกายตามวัย เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันเลือดสูง โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคติดเชื้อ (เช่น ไข้เลือดออก ไข้หวัดใหญ่ โควิด-19) การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุในกิจวัตประจำวัน จากการเดินทาง จากการประกอบอาชีพ หลายคนเป็นโรคพิการทุพพลภาพแต่กำเนิด และหลายคนเป็นโรคที่เกิดจากภูมิแพ้ตนเอง
คุณภาพชีวิตที่ดีในสถานการณ์เจ็บไข้ทางกาย
1.โรคที่รักษาหาย คนที่เจ็บไข้เพียงดูแลตนเองในระหว่างเป็นโรค เพียงรอเวลาให้โรคหายไป ซึ่งบางโรคหายเองได้ แต่บางโรคต้องได้รับการดูแลรักษาพยาบาลอย่างถูกต้อง เพื่อไม่ให้โรคลุกลามและเกิดภาวะแทรกซ้อน คุณภาพชีวิตได้รับผลกระทบเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
โรคที่ไม่หาย แต่ทุเลาได้ สามารถควบคุมอาการกำเริบได้ เพียงปรับความคิด ปรับการดำเนินชีวิตให้อยู่กับโรคนั้นๆ ได้ โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสมกับภาวะของแต่ละโรค หลายคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม เพราะได้กินอาหารสุขภาพ จัดเวลาออกกำลังกายและพักผ่อนอย่างเหมาะสม หลีกเลี่ยงบุหรี่ สุรา สารเสพติด ให้เวลากับตัวเองและครอบครัวมากขึ้น
โรคที่รักษาไม่ได้ โรคที่แม้จะรักษาดีอย่างไร อาการมีแต่ทรงกับทรุด แพทย์และทีมผู้รักษาพยาบาลสามารถธำรงคุณภาพชีวิตของคนไข้ให้ดีที่สุด โดยการวางแผนการดูแลรักษาร่วมกับคนไข้และครอบครัว ตั้งเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการของคนไข้ให้ได้มากที่สุด ลดความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ลดความเศร้าวิตกกังวล ให้ได้ทำสิ่งที่อยากทำ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดจนวาระสุดท้าย
หวยฮานอย
0 notes
Text
จังหวัดอุดรธานี

เปิดประวัติ จังหวัดอุดรธานี เมืองเก่าแก่แดนอีสาน
อุดรธานี ใน สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ประวัติความเป็นมา ของ จังหวัดอุดรธานี นั้น จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่พบนั้น บ่งบอกว่าบริเวณพื้นที่นี้ เคยเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์แล้ว หรือประมาณ 5,000-7,000 ปีที่แล้ว โดยจากหลักฐานการค้นพบที่ บ้านเชียงอำเภอหนองหาน และภาพเขียนสีบนผนังถำที่ อำเภอบ้านผือ นั้น เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนเลย
ซึ่งชุมชนนี้ เป็นที่อยู่ของมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ทั้งยังมีอารยธรรมความเจริญในระดับที่สูง และคาดว่าอาจจะมีการถ่ายทอดความเจริญนี้ไปสู่ประเทศจีนก็อาจจะเป็นไปได้ค่ะ โดยเฉพาะ เครื่องปั้นดินเผาสีลายเส้น ที่อยู่ในบ้านเชียง สันนิฐานว่าอาจเป็นเครื่องปั้นดินเผาสีลายที่เก่าที่สุดของโลกเลยก็ว่าได้

สมัยประวัติศาสตร์ จนในสมัยประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ในสมัยทวาราวดี สมัยลพบุลี และ สมัยสุโขทัย นั้น มีการพบหลักฐานคือ ใบเสมา สมัยทวาราวดีลพบุรี และภาพเขียนปูนบนผนังโบสถ์ที่ปรักหักพังบริเวณเทือกเขาภูพาน ใกล้วัดพระ พุทธบาทบัวบก ในอำเภอบ้านผือ ���ต่ก็ยังไม่มีการปรากฎของหลักฐานชื่อ จังหวัดอุดรธานี ในประวัติศาสตร์แต่อย่างใด
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์นั้น จังหวัดอุดรธานี ได้เกี่ยวข้องกับการศึกสงคราม ในครั้งที่ คุณหญิงโม (ท้าวสุรนารี) กองทัพเจ้าอนุวงศ์ได้ถอยทัพมาตั้งรับที่เมืองหนองบัวลำภู และได้ต่อสู้กับกองทัพไทยและชาวเมืองหนองบัวลำภูจนทัพเจ้าอนุวงส์แตกพ่ายไป และในปี พ.ศ. 2428 นั้น พวกฮ่อได้รวมตัวก่อการร้ายขึ้นในมณฑลลาวพวนฝั่วซ้ายแมน้ำโขง เลยมีการปราบปรามพวกฮ่อขึ้น ในเวลานั้นเมืองอุดรธานี ยังไม่มีปรากฎชื่อเพียงแต่ปรากฎชื่อของ บ้านหมากแข้ง หรือ บ้านเดื่อหมากแข้ง สังกัดเมืองหนองคายขึ้นการปกครองกับมณทลลาวพวน ที่แม่ทัพใหญ่ฝ่ายใต้ได้มีการเดินทัพผ่านไปในขณะไปทำการปราบปรามพวกฮ่อจนสงบนั่นเอง
และในช่วงที่ไทยมีกรณีพิพาทกับฝรั่งเศส มีการสละดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้แก่ฝรั่งเศส หน่วยทหารไทยที่ตั้งประอยู่ที่เมืองหนองคายนั้น ได้มีการย้ายเมืองลึกเข้ามาจนถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งชื่อ บ้านเดื่อหมากแข้ง ซึ่งเป็นที่ตั้งจังหวัดอุดรธานีในปัจจุบันนั่นเอง โดยเห็นว่าเมืองนี้มีชัยภูมิที่เหมาะสมในการตั้งศูนย์มณฑลลาวพวน และตั้งกองทหารขึ้นค่ะ ต่อมาในหลวงรัชกาลที่ 5 ได้มีกระแสพระบรมราชโองการให้จัดตั้งเมืองอุดรธานีขึ้นที่บ้านหมากแข้งแห่งนี้

ตราประจำจังหวัดอุดรธานี ตราประจำจังหวัดอุดรธานี นั้น จะเป็นรูปของ ท้าวเวสสุวัน หรือ ท้าวกุเวร ที่หมายถึง เทพยดาผู้คุ้มครองรักษาประจำทิศอุดร อยู่ในท่ายืนและถือกระบองเฝ้ารักษาเมืองเอาไว้นั่นเองค่ะ โดยกรมศิลปากรได้มีการออกแบบเอาไว้ตั้งแต่ในปี พ.ศ. 2483
คำขวัญประจำจังหวัดอุดรธานี “ กรมหลวงประจักษ์สร้างเมือง ลือเลื่องแห่งธรรมะ อารยธรรมห้าพันปี ธานีผ้าหม��่ขิด แดนเนรมิตทะเลบัวแดง ”
สถานที่ท่องเที่ยวใน จังหวัดอุดรธานี ไปเที่ยวอีสาน แล้วไม่ได้แวะมา อุดธานี ไม่ได้ไปเที่ยวชมธรรมชาติสวยๆ ก็คงจะเหมือนกับไปไม่ถึงแดนอีสานแห่งนี้แล้ว โดยสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตก็มีมากมายเลย ไม่ว่าจะเป็น ทะเลบัวแดง คำชะโนด พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท หมู่บ้านคีรีวงกต และ วัดสวย อย่าง วัดป่าภูก้อน เป็นต้น
โดยหลังการเปลื่ยนแปลงการปกครองนั้น ก็ได้มีการปรับปรุงระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน และยกเลิกการปกครองในระบบมณฑลในส่วนภูมิภาค ยังคงเหลือเฉพาะจังหวัดและอำเภอเท่านั้น ทำให้ มณฑลอุดร ถูกยุบไปเหลือเพียง จังหวัดอุดรธานี เท่านั้นเอง หวยงวดนี้

0 notes
Text
จังหวัดอุบลราชธานี
ประวัติ จังหวัดอุบลราชธานี เมืองริมฝั่งโขง ธรรมชาติสวยแปลกตา เราอาจรู้จัก อุบลราชธานี ในฐานะเป็นเมืองท่องเที่ยวริมฝั่งโขงที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติสุด Unseen และ วัดสวย แต่ความจริงแล้วที่นี่เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่ากัน ตามเรามาเปิด ประวัติ จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดแห่งภาคอีสานที่ลงท้ายด้วย "ราชธานี" เพียงแห่งเดียวในประเทศไทยกัน
ประวัติ จังหวัดอุบลราชธานี อุบลราชธานี เป็นจังหวัดที่มีความเป็นมายาวนานหลายร้อยปี ในอดีตเคยอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรขอม แต่หลังจากที่อาณาจักรขอมเสื่อมอำนาจไป ดินแดนแห่งนี้ก็ได้เข้ามาอยู่ภายใต้การปกครองของกรุงศรีอยุธยา ผ่านมาจนกระทั่งสมัยกรุงธนบุรี ท้าวคำผง (พระ��ระทุมวรราชสุริยวงศ์) ท้าวทิศพรหม และท้าวก่้า บุตรพระวอ พระตา หนีภัยสงครามจากเวียงจันทน์ มาที่ เมืองอุบลราชธานี ที่สมัยนั้นยังเป็นเพียงชุมชนที่กลุ่มชนอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานเท่านั้น
จนกระทั่งสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 มีพระราชประสงค์ที่จะรวมพลเมืองเพื่อเป็นกำลังของประเทศ โดยทรงมีพระราชกำหนดว่า หากเจ้าเมืองใดหรือบุคคลใดสามารถรวบรวมไพร่พลและตั้งเมืองได้เป็นปึกแผ่นจะแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองนั้น ท้าวคำผง หรือ พระปทุมสุรราช ในสมัยนั้นก็สามารถยกทัพปราบกบฏจนได้รับชัยชนะ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงโปรดเกล้าแต่งตั้งพระปทุมสุรราชเป็น พระปทุมวรราชสุริยวงศ์ เป็นเจ้าเมืองคนแรกของอุบลราชธานีเมื่อปี พ.ศ. 2335
ที่มาของชื่อ อุบลราชธานี เหตุผลที่อุบลราชธานี มีคำว่า "ราชธานี" ลงท้าย แม้จะไม่เคยเป็นเมืองหลวงของไทยเลยก็ตาม มาจากการที่สมัยช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์เป็นต้นมา อุบลราชธานีเป็นที่ตั้งกองบัญชาการมณฑลอีสานมาโดยตลอด จึงเปรียบเสมือนเป็นราชธานีของแดนอีสานค่ะ แต่ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ก็ได้มีการยกเลิกระบบมณฑลในปี พ.ศ. 2468 อุบลราชธานี ก่อนจะมีการรวบรวมเป็นระบบจังหวัดนับแต่นั้นมา แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น จังหวัดอุบลราชธานี ก็ถือว่าเป็นจังหวัดใหญ่แห่งภาคอีสานที่เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม รวมถึงธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา
คำขวัญจังหวัด อุบลราชธานี "เมืองแห่งดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน ถิ่นไทยนักปราชญ์ ทวยราษฏร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"
คำว่า "เมืองแห่งดอกบัวงาม" หมายถึงการที่อุบลราชธานีเป็นจังหวัดที่นับถือพุทธศาสนาอย่างมั่นคงมาตลอด 200 ปี ซึ่ง ดอกบัว หมายถึงความบริสุทธิ์และความดีงามที่ชาวอุบลราชธานีมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ตำแหน่งของจังหวัดยังเป็นที่บรรจบกันระหว่าง แม่น้ำมูล และ แม่น้ำโขง จึงทำให้เกิดเป็น แม่น้ำสองสี ที่มีพันธุ์ปลานานาชนิดแหวกว่ายอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์
แน่นอนว่าอุบลราชธานีเป็นมีแหล่งธรรมชาติที่เป็นแก่งหินและหาดทรายอยู่หลายแห่ง ได้แก่ แก่งสะพือ แก่งตะนะ หาดศรีภิรมย์ หาดวิจิตรา และอื่นๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังมีแหล่งธรรมชาติที่มีอายุยาวนานมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์อย่าง อุทยานแห่งชาติผาแต้ม อีกด้วย ไม่เพียงเท่านี้ ยังเป็นจังหวัดที่เปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมอันงดงาม และมี ประเพณีแห่เทียนพรรษา สืบทอดกันมาเป็น���วลายาวนาน
ที่เที่ยว อุบลราชธานี ปัจจุบัน อุบลราชธานี เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของทางภาคอีสาน มีนักท่องเที่ยวมากมายเดินทางชมธรรมชาติสวยๆ ที่หาชมได้ยากจากที่อื่น ไฮไลท์ของอุบลราชธานีที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ สามพันโบก แกรนด์แคนยอนเมืองไทยที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 10 กิโลเมตร จะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาอวดโฉมให้นักท่องเที่ยวได้ไปเยี่ยมชมตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-มิถุนายนของทุกปี และจะจมลงสู่ใต้แม่น้ำโขงอีกครั้งเมื่อเข้าฤดูฝน
นอกจากนี้ก็ยังมี อุทยานแห่งชาติผาแต้ม แหล่งธรรมชาติสุด Unseen ที่มีมาตั้งแต่สมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์ อย่าง เสาเฉลียง นี่ก็เรียกว่ามีอายุยาวนานมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์เลย ต้นนึงตั้งแต่สมัยยุคครีเตเซียส มีอายุกว่า 130 ล้านปี ส่วนอีกต้นก็สมัยยุคไดโนเสาร์ อายุกว่า 180 ล้านปีเลยทีเดียว แล้วก็ห้ามพลาดไปชมแสงแรกของประเทศไทยที่ ผาชะนะได จุดที่พระอาทิตย์จะสาดแสงในยามเช้าเป็นที่แรกของประเทศไทย ขอบอกว่าวิวสวยปัง เอกซ์คลูซีฟสุดๆ
อุบลราชธานี ไม่เพียงเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นถิ่นของวัดวาอารามที่ผู้คนมักจะนิยมไปทำบุญกัน เช่น วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว วัดพระธาตุหนองบัว วัดถ้ำเหวสินธุ์ชัย และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีการจัดงาน แห่เทียนพรรษา เป็นประเพณีใหญ่ของจังหวัดในทุกๆ ปีอีกด้วย ถือเป็นจังหวัดที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติ ครบจบให้ที่เดียวจริงๆ แทงหวย




0 notes
Text
จังหวัดขอนแก่น
ประวัติ จังหวัดขอนแก่น ศูนย์กลางความเจริญ ของ ภาคอีสาน ถ้าพูดถึง ที่เที่ยวอีสาน อันดับต้นๆ จะต้องมี ขอนแก่น อยู่ในลิสต์อย่างแน่นอน เพราะเต็มไปด้วยที่เที่ยวมากมาย แต่วันนี้เราจะพาทุกคนมาเจาะลึก ประวัติความเป็นมา ของจังหวัดนี้กันว่า ก่อนจะมาเป็นศูนย์กลางความเจริญของอีสานนี้ เมื่อก่อนนั้นเป็นมาอย่างไรบ้าง
จังหวัดขอนแก่น ใน สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ขอนแก่น จังหวัดที่เป็นศูนย์กลางความเจริญ ของ ภาคอีสาน แห่งนี้ ที่สำคัญคือมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานมากกว่าล้านปีเลยทีเดียวค่ะ ในบริ���วณจังหวัดขอนแก่นก็ยังเคยที่อยู่ของ ไดโนเสาร์ อีกด้วย เพราะมีการค้นพบรอยเท้าและฟอสซิลไดโนเสาร์พันธุ์กินพืชและพันธุ์กินเนื้อ อายุมากกว่า 4,000-2,000 ปีนั่นเองค่ะ อีกทั้งยังเคยเป็นถิ่นอาศัยของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์อีกด้วย
ซึ่งขุดพบค้นเมื่อปี พ.ศ. 2509 มีโครงกระดูกกว่า 200 โครงกระดูก รวมถึงยังพบเครื่องสำริดและเหล็ก แบบแม่พิมพ์ที่ใช้หล่อ กำไลแขนสำริดคล้องอยู่ที่โครงกระดูกท่อนแขน แหวนเหล็กไน และขวานทองแดง อายุ 4,600-4,800 ปี โดยเป็นหัวขวานหัวเดียวที่พบในประเทศไทยและมีอายุเก่าแก่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์เลย
สมัยประวัติศาสตร์ จนมาถึงในสมัยประวัติศาสตร์ จังหวัดขอนแก่น ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมแบบทวารวดีจากภาคกลางเข้ามาสู่ภาคอีสาน มีการพบเสมาหินปักอยู่เป็นระยะ มีรอยสลักกลีบบัว กลีบเดียวหรือสองกลีบ แท่งหินที่สำคัญที่ชาวบ้านเรียกว่าเสาหลักเมือง เป็นรูปทรงกลมมีรอยจารึก เข้าใจกันว่าเป็นตัวอักษรมอญโบราณ ซึ่งก็ได้นำเอามาทำเป็นหลักเมืองขอนแก่นในเมืองโบราณ เพราะมีการสร้างเมืองโบราณ ในลักษณะของการขุดคูน้ำ-คันดิน ล้อมรอบชุมชนโบราณกว่า 26 แห่งด้วยกัน และมีการพบศิลาจารึก ปราสาทหิน ต่างๆ
สมัยรัตนโกสินทร์ และในรัชสมัยรัชกาลที่ 1 นั้นก็ได้มีการย้ายเมืองขอนแก่นไปตั้งอยู่ที่บ้านหนองเหล็ก หรือ จังหวัดมหาสารคามในปัจจุบัน โดยได้ขอขึ้นตรงกับกรุงเทพมหานคร และในปี พ.ศ. 2352 ได้ย้ายเมืองจากบ้านหนองเหล็กไปตั้งเมืองอยู่ที่บ้านดอนพันชาด หลังจากนั้นก็มีการย้ายเมืองอยู่หลายครั้งด้วยกัน และเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ปีพ.ศ. 2459 ได้เปลี่ยนคำว่าเมืองเป็นจังหวัดแทน ตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองจึงกลายเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด และศาลาว่าการเมืองก็เปลี่ยนมาเป็นศาลากลางจังหวัด จนพัฒนามาจนถึงในปัจจุบัน
ตราประจำจังหวัดขอนแก่น ตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัด เป็นรูปเจดีย์เก่าครอบต้นมะขาม เรียกว่า เจดีย์ขามแก่น ซึ่งเป็นปูชนียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัด มีเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่งต้นมะขามใหญ่ถูกตัดโค่นลงไว้หลายปีแต่ก็กลับงอกงามขึ้นอีก เชื่อกันว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เลยสร้างเจดีย์ครอบต้นมะขามนั้นไว้เรียกว่า เจดีย์ขามแก่น ถือได้ว่าเป็นปูชนียสถาน และได้นำมาเป็นตราประจำจังหวัด ต่อมาคำว่า ขามแก่น ก็เพี้ยนเป็น ขอนแก่น
คำขวัญประจำจังหวัดขอนแก่น “ พระธาตุขามแก่น เสียงแคนดอกคูน ศูนย์รวมผ้าไหม ร่วมใจผูกเสี่ยว เที่ยวขอนแก่นนครใหญ่ ไดโนเสาร์สิรินธรเน่ สุดเท่เหรียญทองแรกมวยโอลิมปิก ”
สถานที่ท่องเที่ยวใน จังหวัดขอนแก่น ถ้าพูดถึง ขอนแก่น ก็���้องนึกถึงที่เที่ยวธรรมชาติ และที่เที่ยวทางวัฒนธรรม เพราะมีมากมายนับไม่ถ้วนเลย เที่ยวกันได้หลายวันไม่มีเบื่อ ไม่ว่าจะเป็น พระมหาธาตุแก่นนคร พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง อุทยานแห่งชาติน้ำพอง อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน เขื่อนอุบลรัตน์ วัดทุ่งเศรษฐี วัดป่ากิตติญานุสรณ์ วัดถ้ำผาเกิ้ง ตลาดต้นตาล เป็นต้น แทงหวย




0 notes
Text
จังหวัดตาก
ประวัติ จังหวัดตาก จังหวัดสวยๆ ของ ภาคตะวันตก ที่ต้องห้ามพลาดเลย เป็นหนึ่งในที่เที่ยวยอดฮิตของช่วงหน้าฝนและหน้าหนาวก็ว่าได้ กับ จังหวัดตาก นั่นเองค่ะ ซึ่งประวัติความเป็นมาของที่นี่ก็นับว่าไม่ธรรมดาเลยนะคะ เพราะมีมาอย่างยาวนานกว่าพันๆ ปีได้ ไปดูกันเลยดีกว่า กว่าจะมาเป็น ตาก ในปัจจุบันนี้ จังหวัดแห่งนี้เคยผ่านอะไรกันมาบ้าง
ส่องประวัติ จังหวัดตาก ในอดีต เมืองเก่ากว่าพันปี เมืองตาก ในอดีต จังหวัดตาก แห่งนี้ ต้นกำเนิดจริงๆ มาจาก เมืองตาก ในอดีตเป็นเมืองที่มีชาวมอญอาศัยอยู่มาก่อน เพราะมีหลักฐานศิลปมอญปรากฏอยู่ที่ อำเภอบ้านตาก นั่นเองค่ะ ถือได้ว่ามีประวัติความเป็นมาเก่าแก่มากกว่าสองพันปีขึ้นไปเลย แต่ต่อมาก็ได้มีการอพยพของชนชาติไทยจากลุ่มน้ำแยงซีเกียงตอนใต้ ลงมาตามแนวลำน้ำดง (ลำน้ำสาละวิน) ผ่านลุ่มน้ำเมยหรือแม่น้ำต่องยินเข้ามาทางช่องเขาด้านใน อำเภอแม่สอด และมาถึงบริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่า เมืองตาก
ผู้นำกลุ่มคนไทย ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่เมืองตากในยุคนั้น ได้ตั้งตนเป็นกษัตริย์ปกครองมาจนถึงปี พ.ศ. 560 รัชสมัยพระเจ้าสักดำ ซึ่งเป็นกษัตริย์เมืองตากที่ยิ่งใหญ่มาก มีอาณาเขตแผ่ไปจนจรดทะเลอันดามันเลยด้วยค่ะ เพราะมีบันทึกในพงศาวดารเหนือว่าในรัชสมัยพระเจ้าสักดำนั้น เมืองตาก มีการค้าขายกับเมืองอินเดียด้วยนั่นเอง
และ เมืองตาก ก็น่าจะเสื่อมลงในช่วงพุทธศตวรรษที่ 10 เป็นต้นมา เพราะพระยากาฬวรรณดิส กษัตริย์เมืองตากที่อพยพมาจากตอนใต้ของลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียงนั้น ได้ย้ายไปสร้างราชธานีขึ้นใหม่ที่ เมืองละโว้ ทางตอนใต้ของเมืองตากค่ะ มีประวัติอีกว่าบางยุค��มัยนั้น เมืองตาก ถูกทอดทิ้งไป กลายเป็นเมืองร้าง จากพงศาวดารเหนือบอกเอาไว้ เมื่อครั้งเสด็จทางชลมารคของพระนางจามเทวีนั่นเอง
จังหวัดตาก ในสมัยกรุงสุโขทัย จนมาถึงสมัยกรุงสุโขทัย ปี พ.ศ. 1805 ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดได้ยกทัพมาประชิดเมืองตาก ซึ่งเป็นเมืองชายแดนของกรุงสุโขทัยสมัยนั้น ที่เกิดเหตุการณ์สู้รบขึ้นระหว่าง ราชโอรสองค์เล็กของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ที่ทรงชนช้างกับขุนสามชนกระทำยุทธหัตถีกัน ขุนสามชนสู้ไม่ได้เลยแตกพ่ายไป ซึ่งภายหลังทรงพระนามว่า “พ่อขุนรามคำแหงมหาราช”
และได้มีการโปรดสร้างเจดีย์ขึ้น เพื่อเป็นการระลึกถึงชัยชนะในการทำยุทธหัตถีครั้งนั้น โดยเจดีย์นี้ จะตั้งอยู่ใน วัดพระบรมธาตุ อำเภอบ้านตาก นี่เองค่ะ จนมาในสมัยแผ่นดินมหาธรรมราชา ได้ย้าย เมืองตาก ลงมาทางตอนใต้ตามลำน้ำปิง ไปตั้งอยู่ที่ป่ามะม่วง ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง ซึ่งอยู่ในเขตตำบลป่ามะม่วง อำเภอเมืองตากในปัจจุบัน
หลังจากยุคนั้นเมืองตาก ก็ไม่ใช่แค่เพียงเมืองหน้าด่านในการป้องกันกองทัพพม่าเท่านั้น แต่ยังเป็นเมืองที่กองทัพไทยใช้เป็นที่ชุมนุมพลในเวลาที่จะยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่อีกด้วย ซึ่งก็มีมหากษัตริย์มากมายหลายพระองค์ด้วยกัน ที่เคยเสด็จมาเมืองนี้
ตราประจำจังหวัดตาก ส่วนตราประจำจังหวัดนั้น จะเป็นรูปของพระนเรศวรมหาราชทรงช้างเหนือครุฑหลั่งน้ำทักษิโณฑก ที่มีหมายถึง ในเหตุการณ์สำคัญที่สมเด็จพระนเรศวรทรงช้าง ยกกองทัพกลับเข้ามาถึงราชอาณาจักรไทย หลังจากประกาศอิสระภาพไม่ยอมขึ้นกับเมืองอังวะอีกต่อไป ซึ่งจังหวัดตากเป็นด่านแรกที่เดินทางผ่านไปนั่นเอง
คำขวัญจังหวัดตาก “ธรรมชาติน่ายล ภูมิพลเขื่อนใหญ่ พระเจ้าตากเกรียงไกร เมืองไม้และป่างาม”
สถานที่ท่องเที่ยวใน จังหวัดตาก จังหวัดตาก ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นเมืองแห่งธรรมชาติ และเสน่ห์ของศิลปะวัฒนธรรมจากมาจากคนหลายเชื้อชาติ เลยทำให้เกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำตกเปรโต๊ะลอซู น้ำตกทีลอซู เขื่อนภูมิพล วัดพระบรมธาตุ และยังมีที่เที่ยวอันซีนอย่าง เลอกวาเดาะ ถ้ำสีฟ้า เป็นต้น ซึ่งนอกจากนี้ก็ยังจะมีที่เที่ยวชมวิวสวยๆ อย่าง ดอย และม่อน มากมายให้ได้เลือกชมกันอีกด้วย แทงหวย




0 notes
Text
จังหวัดเลย
ประวัติจังหวัดเลย พิกัด เที่ยวหน้าหนาว ยอดฮิตของเมืองไทย ช่วงหน้าหนาวแบบนี้ ก็ได้เวลาออกเดินทางไปเที่ยวที่สูงๆ หนาวๆ กันแล้วค่า ซึ่งที่นี่น่าจะเป็นพิกัดที่หลายคนอยากจะมาแน่นอน นั่นก็คือ จังหวัดเลย แต่ๆ ก่อนจะไปเที่ยวกันนั้นเรามาดู ประวัติจังหวัดเลย กันก่อนดีกว่า ว่าก่อนจะมาเป็นที่เที่ยวยอดฮิตนั้น เมื่อก่อนครั้งโบราณมีความเป็นมาอย่างไร
จังหวัดเลย เมื่อครั้งในอดีต จังหวัดเลย ที่ตั้งในปัจจุบันนี้ ถือได้ว่าเป็นชุมชนมาตั้งแต่โบราณ โดยมีหลักฐานทางโบราณคดี อย่างมากมาย ทั้งเครื่องมือหิน โบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์และสมัยประวัติศาสตร์ อีกทั้ง ขวานหินขัด กำไลหินขัด แถบอำเภอเชียงคาน โดยเชื่อกันว่ากลุ่มชนแถบนี้ดำรงชีวิตภายใต้สังคมเกษตรกรรมนั่นเองค่ะ น่าจะมีอายุประมาณ 9,000 ปี รวมถึงมีการพบหลักฐานที่คาดว่าจะมีการขุดแร่เหล็กและทองแดง ในบริเวณอำเภอปากชมและอำเภอเมืองเลยขึ้นมาใช้ด้วย
ซึ่งมีหลักฐานเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาว่า ก่อตั้งโดยชนเผ่าไทยที่สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษที่ก่อตั้ง อาณาจักรโยนกเชียงแสนค่ะ โดย พ่อขุนบางกลางหาว และ พ่อขุนผาเมือง ได้มีผู้คนอพยพจากอาณาจักรโยนกเชียงแสนที่ล่มสลายแล้ว ผ่านดินแดนล้านช้างข้ามลำน้ำเหืองขึ้นไปทางฝั่งขวาของลำน้ำหมัน จนมาถึงบริเวณที่ราบ พ่อขุนผาเมืองได้ตั้งบ้านด่านขวา ส่วนพ่อขุนบางกลางหาวได้แบ่งไพร่พลข้ามลำน้ำหมันไปทางฝั่งซ้าย สร้างบ้านด่านซ้าย โดยต่อมาได้อพยพเลื่อนขึ้นไปตามลำน้ำไปสร้างบ้านหนองคู และได้นำนามหมู่บ้านด่านซ้าย มาขนานนามหมู่บ้านหนองคูใหม่ เป็น เมืองด่านซ้าย
รวมถึงมีการพบหลักฐานใบเสมา ในพื้นที่อำเภอวังสะพุง อายุประมาณ 1,000-1,200 ปี ซึ่งเป็นโบราณวัตถุในยุคทวารวดี และมีแหล่งโบราณคดีในพื้นที่อำเภอภูหลวงอีกด้วยค่ะ และในส่วนของเมืองเลยได้มีการยกฐานะจากชุมชนบ้านแฮ่ ซึ่งก็ได้มีการตั้งชื่อเมืองตามแม่น้ำใหญ่ว่า “เมืองเลย” ในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยให้ขึ้นกับเมืองหล่มสัก พร้อมทั้งแต่งตั้งหลวงศรีสงครามเป็นเจ้าเมืองคนแรก (ท้าวคำแสน)
ตราประจำจังหวัดเลย ตราประจำจังหวัดเลย นั้น จะเป็นภาพพระธาตุศรีสองรัก ลักษณะอุเทสิกเจดีย์ ที่สร้างเป็นอนุสรณ์การปักปันเขตแดนในรัชสมัยของสมเด็จพระมหาจักรพรรดินั่นเองค่ะ และมีฉากหลังเป็นภูเขาสีเขียว รวมถึงมีก้อนเมฆสีขาวลอยอยู่เหนือพระธาตุ
คำขวัญประจำจังหวัดเลย " เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม ดอกไม้งามสามฤดู ถิ่นที่อยู่อริยสงฆ์ มั่นคงความสะอาด "
สถานที่ท่องเที่ยว ใน จังหวัดเลย ถ้าพูดถึง ที่เที่ยวหน้าหนาว สวยๆ ของเมืองไทย จะต้องมี จังหวัดเลย ติดอยู่ในลิสต์อันดับต้นๆ อย่างแน่นอนค่ะ เพราะมีทั้งธรรมชาติสวยๆ ทะเลหมอกงามๆ วัดดัง อย่าง เชียงคาน ภูเรือ ภูกระดึง พระธาตุศรีสองรัก ภูลมโล อ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง ภูป่าเปาะ วัดศรีคุณเมือง แก่งคุดคู้ ใครชอบเที่ยวแบบเน้นธรรมชาติ ต้องมาเยือนจังหวัดนี้เลย แทงหวย




0 notes
Text
ประวัติจังหวัดน่าน
สำหรับ จังหวัดน่าน ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกครั้งที่นึกถึงที่นี่ วิวสวยๆ ของทุ่งนาสีเขียว บรรยากาศดีๆ ที่สงบเงียบลอยเข้าในความคิดทุกครั้ง ยิ่งช่วงหน้าฝนแบบนี้ความคิดถึง “น่าน” ก็ยิ่งทำให้เราอยากออกเดินทางไปพบปะ นอกจากธรรมชาติสวยๆ แล้ว เรื่องราวทางวัฒนธรรม ศิลปกรรมล้านนาต่างๆ ของน่าน ก็น่าสนใจไม่น้อยไปกว่ากันเลยค่ะ เราจึงจะพาทุกคนไปรู้จัก ที่มาจังหวัดน่าน ประวัติจังหวัดน่าน ที่มีมากว่าหลายร้อยปี น่านในสมัยก่อน กับ น่านในสมัยนี้ แตกต่างกันขนาดไหน มารู้เรื่องราวของที่นี่ไปพร้อมกันเลย
ประวัติ จังหวัดน่าน ที่เที่ยวสวย วิวทุ่งนา ก่อนที่จะเป็น จังหวัดน่าน เหมือนในปัจจุบัน เมืองน่าน นั้นในสมัยอดีต เคยเป็นเมืองเล็กๆ ที่ก่อตัวขึ้นในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 18 บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำน่านค่ะ โดยแต่เดิมนั้นมีการเรียกชื่อใหม่ว่า นันทบุรี แต่ก็มีหลายพยางค์และเรียกยาก ชาวบ้านจึงกลับมานิยมเรียกตามเดิมว่า "เมืองน่าน" มาจนถึงทุกวันนี้
ที่มาของชื่อเมืองน่าน ที่มาของชื่อ "เมืองน่าน" มาจากชื่อ แม่น้ำน่าน อันเป็นที่ตั้งของเมืองที่อยู่บนสองฟากฝั่งแม่น้ำน่าน ชื่อของเมืองน่าน ได้ปรากฏในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง เรียกว่า เมืองน่าน คือ ตั้งแต่แรกตั้งเมืองใหม่ ณ ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่านนั่นเอง โดยประวัติศาสตร์เมืองน่านเริ่มปรากฏขึ้นในช่วงปี พ.ศ.1825 เป็นตำนานเกี่ยวกับกษัตริย์น่าน คือ พระยาภูคา ซึ่งมีศูนย์การปกครองอยู่ที่ เมืองย่าง คือบริเวณริมฝั่งด้านใต้ ของแม่น้ำย่าง ใกล้เทือกเขาดอยภูคาในเขตบ้านเสี้ยว ตำบลยม
เมืองปัว นครโบราณที่สำคัญของน่าน ตามพงศาวดารเมืองน่านกล่าวว่า เมืองน่านได้มีกําเนิดเป็นหลักฐานครั้งแรกที่ เมืองวรนคร หรือ เมืองปัว โดยพระยาภูคา เจ้าเมืองย่าง มีราชบุตร 2 องค์ คือ ขุนนุ่น และ ขุนฟอง เมื่อเจริญวัยขึ้น พระมหาเถรแตงได้สร้างเมืองทางฝั่งตะวันออกแม่นํ้าโขงชื่อว่า จันทบุรี (หลวงพระบาง) ให้แก่ขุนนุ่นผู้พี่ แล้วสร้างเมืองริมฝั่งแม่นํ้าน่านชื่อว่า วรนคร (เมืองปัว) ให้แก่ขุนฟองผู้น้อง
คำขวัญจังหวัดน่าน แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง
ภายหลังขุนฟองถึงแ��่พิราลัย เจ้าเก้าเถื่อน ราชบุตรจึงได้ขึ้นครองเมืองปัวแทน ด้านพญาภูคาครองเมืองย่างมานาน และมีอายุมากขึ้น มีความประสงค์จะให้เจ้าเก้าเถื่อนผู้เป็นหลานมาครองเมืองย่างแทน จึงให้เสนาอำมาตย์ไปเชิญ เจ้าเก้าเถื่อนเกรงใจปู่จึงยอมไปเมืองย่าง และมอบให้ชายา คือ นางพญาแม่ท้าวคำปิน ดูแลรักษาเมืองปัวแทน บริเวณเมืองปัวในปัจจุบัน ยังพบร่องรอยของ คูน้ำคันดิน อันเป็นหลักฐานแสดงถึงความเป็นชุมชน หรือเมืองโบราณ โดยพบว่ามีการขยายของเมืองปัวหลายครั้ง ทำให้เมืองปัว ถือว่าเป็นเมืองใหญ่และสำคัญของน่านอย่างมาก
ที่มา พระธาตุแช่แห้ง แห่งเมืองน่าน ยุคสุโขทัย ในสมัยของ พญาการเมือง (กรานเมือง) เมืองปัว ได้มีการขยายตัวมากขึ้น และมีความสัมพันธ์กับ เมืองสุโขทัย อย่างใกล้ชิด พงศาวดารเมืองน่านได้กล่าวถึงพญาการเมืองว่า ได้รับเชิญจากเจ้าเมืองสุโขทัย พระมหาธรรมราชาลิไท ไปร่วมสร้างวัดหลวงอภัย (วัดอัมพวนาราม) แล้วเจ้าเมืองสุโขทัย ได้พระราชทานพระธาตุ 7 องค์ พระพิมพ์ทองคำ 20 องค์ พระพิมพ์เงิน 20 องค์ ให้กับพญาการเมืองมาบูชา ณ เมืองปัวอีกด้วย
น่านในยุคอาณาจักรล้านนา มาถึงในยุคที่ อาณาจักรล้านนา รุ่งเรือง โดยมี เชียงใหม่ เป็นราชธานีในช่วงราวๆ ปี พ.ศ.2004 เมืองน่านก็ขึ้นต่อเชียงใหม่ และได้รวมเป็น 1 ในอาณาจักรล้านนาเป็นระยะเวลาเกือบ 100 ปี ทำให้วัฒนธรรมของล้านนา มีอิทธิพลในวิถีชีวิตของชาวน่าน เช่น ศิลปกรรมต่างๆ ทางด้านศาสนา ปรากฏเป็นศิลปกรรมแบบล้านนาเข้ามาแทนที่ศิลปกรรมแบบสุโขทัยอย่างชัดเจน อย่างที่ เจดีย์วัดพระธาตุแช่แห้ง เจดีย์วัดสวนตาล เจดีย์วัดพระธาตุช้างค้ำ แม้จะเหลือส่วนฐานที่มีช้างล้อมรอบ ซึ่งเป็นลักษณะศิลปะแบบสุโขทัยอยู่ แต่ส่วนองค์เจดีย์ขึ้นไปถึงส่วนยอดก็เปลี่ยนเป็นศิลปกรรมแบบล้านนา
น่านในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี ได้สถาปนา กรุงรัตนโกสินทร์ เป็นราชธานี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ เจ้าฟ้าอัทธวรปัญโญ เป็นเจ้าผู้ครองนครน่านองค์ที่ 57 และพระราชทานพระบรมราชานุญา��ให้ซ่อมสร้างเมืองน่านหลังจากที่ถูกทิ้งร้างยาวนานถึง 23 ปีทำให้เมืองน่านหลังจากนั้นมาจึงมีฐานะเป็นเมืองประเทศราชของกรุงรัตนโกสินทร์
แต่สำหรับ สายชิล อยากมาสโลว์ไลฟ์ ใกล้ชิดธรรมชาติ ลองแวะมาเช็คอินที่ สะปัน หรือ ปัว กันดู เพราะที่นี่จะเต็มไปด้วย ทุ่งนา สีเขียวที่วิวสวยงามสุดๆ อีกทั้งยังมีโฮมสเตย์ต่างๆ ไว้ให้บริการอีกด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังมีที่เที่ยวธรรมชาติที่น่าสนใจอีกมากมายทั้ง จุดชมวิว 1715 วังศิลาแลง เสาดินนาน้อย ดอยภูแว ดอยเสมอดาว สวนยาหลวง และอื่นๆ อีกมากมาย แทงหวย





0 notes
Text
ประวัติแม่ฮ่องสอน
แม่ฮ่องสอน ถือว่าเป็นจังหวัดที่ห่างไกล นอกจากไกลจากกรุงเทพฯแล้ว ยังไกลจากเชียงใหม่จังหวัดที่อยู่ติดกัน เพราะต่างก็เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่กว้างขวาง มีเทือกเขาสูงมากมาย กล่าวขานกันเสมอมาว่า การเดินทางจากเชียงใหม่ไปแม่ฮ่องสอนจะต้องลัดเลาะภูเขาไปในระยะทาง ๓๔๘ กม.ถึง ๑,๘๖๔ โค้ง ส่วนเส้นทางใหม่ที่ผ่านไปทางอำเภอปาย ระยะทางใกล้กว่าแค่ ๒๔๕ กม. แต่มีถึง ๒,๒๒๔ โค้ง กระนั้นก็ยังมีคนจำนวนมากอยากจะไปเยือนแม่ฮ่องสอนสักครั้ง
ถ้าพูดถึง จังหวัดแม่ฮ่องสอน หลายๆ คนต้องนึกถึงภาพความสวยงามของ ทุ่งดอกบัวตอง ที่บานสวยให้ชมปีละครั้งในช่วงหน้าหนาว นึกถึง เมืองปาย และ บ้านรักไทย ที่เที่ยวยอดนิยมที่เต็มไปด้วยวิถีชีวิต และวัฒนธรรมของคนในพื้นที่แต่เก่าก่อนส่งต่อมาจนถึงปัจจุบันที่มีความน่าสนใจมากๆ ตามเรามาทำความรู้จัก ประวัติจังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดใหญ่อันดับ 8 ของประเทศ แต่มีประชากรเบาบาง และมีความหลากหลายของประชากรจากหลายกลุ่มชาติพันธุ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยกัน
ประวัติจังหวัดแม่ฮ่องสอน เมืองสามหมอก แม่ฮ่องสอน เป็นจังหวัดในภาคเหนือของไทย ที่มีความโดดเด่นทางสภาพภูมิประเทศอย่างมากค่ะ อีกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็น เมืองสามหมอก เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศเต็มไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน สภาพอากาศจึงมีหมอกปกคลุมตลอดเวลา อีกทั้งยังเป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายด้านวัฒนธรรม และประชากรจากหลายกลุ่มชาติพันธุ์อีกด้วย
แม่ฮ่องสอนในสมัยอาณาจักรล้านนา แม่ฮ่องสอน เคยเป็นที่อยู่ของมนุษย์มาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ โดยนักโบราณคดีได้ศึกษาว่าเป็นมนุษย์ยุคหิน คือประมาณ 7,000-4,500 ปี จากหลักฐานทางโบราณคดีที่ขุดค้นได้ในถ้ำแถบอำเภอปางมะผ้านั่นเอง แต่หากพูดถึงการเริ่มต้นจริงๆ ของแม่ฮ่องสอนนั้นน่าจะเป็นในช่วงของ อาณาจักรล้านนา โดยมีการก่อตั้ง เมืองปาย ขึ้นประมาณปี พ.ศ.1800 โดยแต่เดิมเรียกว่า บ้านดอน และตรงกับสมัยอาณาจักรล้านนา โดยชาวไทใหญ่ชื่อ พะก่าซอ ได้รวบรวมคนจากเมืองต่างๆ ในประเทศพม่า เข้ามาสำรวจและก่อตั้งหมู่บ้านจนเป็นชุมชนขนาดใหญ่นั่นเอง
แม่ฮ่องสอนในสมัยรัตนโกสินทร์ ในปี พ.ศ. 2443 สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีการจัดระบบการปกครองใหม่โดยรวมเมืองแม่ฮ่องสอน เมืองขุนยวม เมืองยวม (แม่สะเรียง) และเมืองปาย เป็นหน่วยเดียวกัน เรียกว่า “บริเวณเชียงใหม่-ตะวันตก” และในปีเดียวกันนี้ทางเมืองเชียงใหม่ ได้แต่งตั้งนายขุนหลู่ บุตรของพญาพิทักษ์สยามเขต เป็น พญาพิศาลฮ่องสอนบุรี และต่อมาปี พ.ศ. 2446 ได้มีการย้ายที่ว่าการแขวงจากเมืองขุนยวม ไปตั้งที่เมืองยวมแล้วเปลี่ยนชื่อเป็น “บริเวณพายัพเหนือ”
คำขวัญจังหวัดแม่ฮ่องสอน หมอกสามฤดู กองมูเสียดฟ้า ป่าเขียวขจี ผู้คนดี ประเพณีงาม ลือนามถิ่นบัวตอง
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญจังหวัดแม่ฮ่องสอน แม่ฮ่องสอน เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมายโดยเฉพาะที่เที่ยวธรรมชาติ และด้วยความหลากหลายชาติพันธุ์ของคนในพื้นที่ ทำให้มีที่เที่ยวทางวัฒนธรรมมากมายที่มีเสน่ห์ของความดั้งเดิมดึงดูดใจ
สำหรับสายเที่ยวธรรมชาติ ตามเรามาเช็คอินกันได้ที่ โป่งน้ำร้อนท่าปาย ไปแช่ออนเซ็น ชมธรรมชาติ ท่ามกลางขุนเขาชิลๆ กันได้ ที่และพลาดไม่ได้เลยก็คือ ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ บ��พื้นที่กว่า 500 ไร่ที่พร้อมใจกันบานช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
นอกจากนี้ยังมีที่เที่ยวสวยๆ ทางธรรมชาติอีกมากมายทั้ง ทะเลสาบสายหมอก ปางอุ๋ง กองแลน แคนยอนเมืองปาย จุดชมทะเลหมอกหยุนไหล น้ำพุร้อนไทรงาม หรือจะไปชมทะเลหมอกสวยที่ ดอยพุ่ยโค ดอยปุยหลวง ดอยธง ก็เป็นอะไรที่น่าประทับใจมากๆ แทงหวย




0 notes