Tumgik
Text
Operator In Tom Clancy's Rainbow Six Siege
Team Attacker(ฝ่ายบุก)
Glaz
สังกัด: SPETSNAZ
หน้าที่: แนวหลัง,ยิงคุ้มกัน,ตัวเจาะผนัง
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: OTS-03(ปืนไรเฟิลซุ่มยิง)
อาวุธรอง: PMM(ปืนพก)
               GONNE-6(ปืนใหญ่มือ)
อุปกรณ์: ระเบิดควัน
             ระเบิดมือ
ความสามารถพิเศษ: ศูนย์เล็งแบบพับ
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Timur Glazkov
วันเกิด: 2 กรกฏาคม(อายุ 30)
สถานที่เกิด: วลาดีวอสตอค (รัสเซีย)
ชีวประวัติ
"จินตนาการทำให้คุณมีชีวิต มันอยู่ที่ว่าคุณจะหาทางออกจากความมืดอย่างไร ลองใช้ไฟฉายซิ"
ทักษะการซุ่มยิงอันเหนือชั้นของ Timur “Glaz” Glazkov ทำให้เขาเหมาะสมกับสเปซนาซ เขามีพรสวรรค์ด้านการสังเกตและใส่ใจในรายละเอียดอย่างมาก Glazkov เติบโตมาในเมืองท่าที่ชื่อว่า Vladivostok ที่ที่เขาฝึกฝนทักษะด้านศิลปะ ในปี 2004 ผู้ก่อการร้ายเข้าควบคุมโรงเรียนใน Beslan ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย รวมถึงเด็ก ๆ ด้วย เหตุการณ์นี้ส่งแรงกระตุ้นให้ Glaz เข้าร่วมกับกองกำลังภาคพื้นดินของสหพันธรัฐรัสเซีย ช่วงที่เขารับการฝึกฝนในโรงเรียนผู้บัญชาการทหารชั้นสูง Khabarovsk เขาได้พัฒนาทักษะแม่นปืนที่ไม่มีใครทาบติด และถูกเกณฑ์เข้ากรมทหารราบที่ 45 ในทันที เขาได้รับมอบหมายในปฏิบัติการพิเศษและปฏิบัติการคุ้มครองบุคคลสำคัญต่าง ๆ ซึ่งรายงานแสดงให้เห็นอยู่ตลอดว่า Glaz มีวิธีการแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์และไม่เหมือนใคร เขาเป็นสมาชิกในกองพลที่มีทักษะการใช้อาวุธเล็งระยะไกลที่เก่งที่สุด
รายงานทางจิตวิทยา
สิ่งที่โดดเด่นของ ผู้ชำนาญการ Timur “Glaz” Glazkov คือความหลักแหลม มันเป็นเรื่องน่าแปลกใจสำหรับคนที่จดจ่ออยู่กับปฏิบัติการแบบเขา เขาไม่คิดที่จะเล่นมุกตลกเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่น่ายินดีกับผมเพราะเขาบอกว่าประชาชนทั่วไปคงไม่เข้าใจ และเขาก็อาจจะพูดถูก แต่ผมเห็นเขาชอบบทสนทนาของเรานะGlazkov มีทักษะที่นักแม่นปืนมือฉกาจควรมีอย่างครบถ้วน และรายงานภาคสนามแสดงให้เห็นว่าเขามีความสามารถในการด้นสดในสถาการณ์ที่ยากลำบาก ความสามารถในการเข้าใจคอนเซ็ปต์ของสิ่งที่ซับซ้อนของเขาน่าจะมาจากความรู้สึกด้านศิลปะ ผมถามว่าอะไรคือสิ่งที่มีอิทธิพลกับเขาตอนที่กำลังเรียนอยู่ เพราะ Vladivostok ตอนนั้นค่อนข้างที่จะห่างไกลความเจริญ และด้วยความที่ว่าพ่อของ Glazkov ทำงานเกี่ยวกับการขนส่ง ทำให้เขาเข้าถึงเครื่องดนตรีและหนังสือเถื่อนมากมาย รูปวาดของเขาสดใสและมีความหมาย พวกมันเป็นมากกว่าสิ่งที่เขาทำเพื่อหลบหนีจากสิ่งต่าง ๆ แต่มันอาจจะเป็นการชำระล้างจิตวิญญาณหรือมันอาจจะเป็นการพรรณนาถึงความเจ็บปวดของเขา แต่อย่างว่า ผมไม่ใช่นักวิจารณ์ศิลปะซักหน่อยเขาเติบโตในตะวันออกอันไกลโพ้น และการฝึกฝนต่าง ๆ ของเขาที่สถาบันก็รวมถึงการฝึกตามชายแดนกับประเทศจีนด้วย ความรู้ด้านภาษาจีนและวัฒนธรรมจีนของเขาคงมีประโยชน์บ้าง ที่เหลือเขาก็เติบโตมาเหมือนเด็กทั่วไป ก็คือ พาตัวเองไปเจอปัญหา แล้วก็พาตัวเองออกจากปัญหา พวกรายงานการปฏิบัติการล่าสุดของเขาช่าง เอาเป็นว่าบางเฉียบ และเพราะว่าเขาเป็นคนระวังตัว เขาเลยไม่คุยเรื่องนี้กับผมGlazkov เป็นคนที่ได้รับความนับถือจากคนในทีม อารมณ์ขันและทักษะด้านการสังเกตของเขาทำให้เขาต้องปวดหัวจากคนที่มีนิสัยสุดขั้ว และเขาดูเหมือนจะเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ไม่กี่คนที่ทำงานร่วมกับ Vicente “Capitão” Souza ได้ดี เขาหัวเราะตอนที่ Alexsandr “Tachanka” Senav’ev บอกเขา เพราะเขาก็เกือบเสียดวงตาไปเหมือนกัน แผลเป็นที่ดวงตาด้านขวาของเขาเกิดจากการดีดของปืน แม้รอยยิ้มของเขาจะทำให้ผมเชื่อว่านั่นแค่ส่วนเดียวเท่านั้น ผมสังเกตได้ว่าเขามักจะลูบมันตอนที่เขากังวล มันอาจจะไม่มีอะไร หรือมันอาจจะเป็น "ข้อความ" บางอย่างจากเขาถ้ามันเป็นตอนที่เขาเล่นโป๊กเกอร์กับเพื่อน ๆ FBI SWAT อยู่ก็ได้                                                                               ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
Fuze
สังกัด:  SPETSNAZ
หน้าที่: ปิดพื้นที่,หยุดการทำงาน,ตีโอบ
เกราะ: 3 ความเร็ว: 1 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: AK-12(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                6P41(ปืนกลเบา)
                โล่กันกระสุน
อาวุธรอง: PMM(ปืนพก)
               GSH-18(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดพังสิ่งกีดขวาง
             ระเบิดพังสิ่งกีดขวางรุนแรง
ความสามารถพิเศษ: ระเบิดคลัสเตอร์
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Shuhrat Kessikbayev
วันเกิด: 12 ตุลาคม(อายุ 34)
สถานที่เกิด: ซามาร์คันด์ อุซเบกิสสถาน
ชีวประวัติ
"ความโกลาหลจะกลายเป็นศัตรูก็ต่อเมื่อคุณปรับตัวกับมันไม่ได้"                                      เขาเติบโตในครอบครัวทหารในเมืองซามาร์แคนด์ ประเทศอุซเบกิสถาน Shuhrat Kessikbayev ย้ายไปรัสเซียได้ไม่นานก่อนที่สหภาพโซเวียตจะล่มสลาย ตั้งแต่เด็ก Kessikbayev แสดงความสนใจทางด้านวิทยาศาสตร์ ความสนใจในวิศวกรรมเครื่องกลของเขาได้ถูกฝึกปรือตอนที่เขาเป็นทหารและก็ยังถูกฝึกมาให้เป็นช่างเครื่องเช่นกัน Kessikbayev ใช้ทักษะเหล่านี้ในโปรเจกต์ด้านวิศวกรรมมากมาย รวมถึงอาวุธของเขาเองด้วย และความสามารถในการด้นสดกลางสนามรบด้วยการประกอบอุปกรณ์จากเศษขยะนั้นทำให้เขาเป็นตำนานเดินได้ของเพื่อน ๆ เลยทีเดียว นี่คือหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เขาเป็นคนสำคัญในปฏิบัติการต่าง ๆ ของ Rainbow ตอนที่เขาอยู่ในกองปืนไรเฟิล กองพลยานยนต์ 27 นั้น เขาได้แสดงความสามารถในการยิงปืนและมีความรู้ด้านอาวุธมากมาย เราได้รับการยืนยันมาแล้วว่าเขาอยู่กับสเปซนาซ แต่ว่าข้อมูลต่าง ๆ ของปฏิบัติการอื่น ยังคงถูกเก็บเป็นความลับเช่นเดิม Kessikbayev สามารถใช้ภาษาอุซเบกิสถาน รัสเซีย ยูเครน และอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว
รายงานทางจิตวิทยา
การที่จะบอกว่า ผู้ชำนาญการ Shuhrat “Fuze” Kessikbayev เป็นคนชอบเก็บตัวนั้นมันยังอธิบายได้ไม่หมด ผมจำได้ถึงคำพูดของยายว่า "คุยกับเขาเหมือนคุยกับหิน" ตอนที่เจ้าหน้าที่คนอื่นบอกว่าเขาเป็นคนลึกลับนั้น ผมคิดว่าพวกเขาล้อเล่นซะอีก ผมคงไม่บอกว่าเขาเป็นคนเข้าถึงยากหรอก เขาเป็นคนที่ค่อนข้างใจดีและอัธยาศัยดีเลยล่ะ แต่เขาแค่ ไม่แสดงออกต้องใช้ความพยายามมากหน่อยแต่ในที่สุดก็คุยกันอย่างเปิดอกได้Kessikbayev เป็นคนเงียบๆ ยกเว้นตอนที่อยู่กับ ผู้ชำนาญการ Timur “Glaz” Glazkov เมื่อเขาพูด ทุกคนจะหยุดฟังทุกคำ รายงานภาคสนามระบุว่า Kessikbayev มักแสดงความเห็นตอนวางแผนทีม แต่เขามักจะเงียบตอนปฏิบัติการ มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ที่เขาต้องคอยสื่อสารกับทีม ไม่เช่นนั้น อาจจะเกิดการทะเลาะกันขึ้นเหมือนที่เขาทะเลาะกับ ผู้ชำนาญการ Siu “Ying” Mei Lin ต่อการตายของประชาชน และมันยิ่งสำคัญเข้าไปใหญ่เพราะเจ้าหน้าที่ของเราบางคนมากจากหน่วยที่มีกฎว่า "ห้ามมีผู้เสียชีวิต"มันเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องพูดถึงรายงานเก่า ๆ เกี่ยวกับความประมาทของ Kessikbayev ผมเลยขอให้เขาอธิบายถึงปฏิบัติการครั้งนั้นในมุมมองของเขา เขาบอกว่า เป้าหมายนั้นคือการทำลายแนวป้องกันให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แต่เขาก็ยังปฏิเสธว่าเขาไม่ได้ประมาท เห็นได้ชัดว่าทักษะการสร้างสรรค์เกี่ยวกับวิศวกรรมของเขานั้นเป็นสิ่งสำคัญ เขาเป็นคนที่ฉลาดอย่างมากและประเมินสถานการณ์อยู่ตลอด เมื่อต้องเล่นแรง Kessikbayev ยังมีการรับรู้สถานการณ์รอบข้างอย่างดี ผมเลยแนะนำให้เขามุ่งเน้นพัฒนาทักษะนี้ในปฏิบัติการครั้งต่อ ๆ ไปผมไม่สามารถสอบถามอะไรได้เลยเกี่ยวกับน้องชายของเขาที่ถูกกล่าวหาว่าหลบหนีการปฏิบัติหน้าที่ ข้อมูลนั้นยังคงเป็นความลับ แต่ว่าผมสามารถทำให้ Kessikbayev เผยความลับเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวได้นิดหน่อย เขาหมั้นมาเป็นเวลาสองปีก่อนที่จะยกเลิกงานแต่งเพราะเขาตัดสินใจว่านี่มัน "ไม่ใช่เป้าหมายของเขา" Kessikbayev ชายลูกครึ่งอุซเบฯ ครึ่งรัสเซีย บอกว่าตอนเด็ก พ่อแม่ของเขาบอกให้เขาเปิดรับความเป็นรัสเซีย และเขาก็เรียนรู้ที่จะเปิดรับความเป็นอุซเบฯ ตอนวัยรุ่น ผมขอให้เขาอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับประสบการณ์ แต่เขาก็ตอบกลับมาตามแบบที่เขาเป็นว่า "มันก็น่าตื่นเต้นดี"                                                   ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
IQ
สังกัด: GSG9
หน้าที่: หยุดการทำงาน,ตีโอบ,แนวหน้า,ตัวเก็บข้อมูล
เกราะ: 1 ความเร็ว: 3 ระดับความยาก: 3
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: AUG A2(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                552 COMMANDO(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                G8A1(ปืนกลเบา)
อาวุธรอง: P12(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดพังสิ่งกีดขวาง
             CLAYMORE(ระเบิดติดตั้ง)
ความสามารถ: เครื่องตรวจจับอิเล็กตรอนิกส์
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Monika Weiss
วันเกิด: 1 สิงหาคม(อายุ 38)
สถานที่เกิด: ไลพ์ซิก (เยอรมนี)
ชีวประวัติ
“ชีวิตคนเราก็เหมือนเครื่องจักร Rube Goldberg ขั้นสุดยอด"                                          แม่ของ Weiss เป็นนักคณิตศาสตร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังและพ่อของเธอเป็นนักประดิษฐ์ที่มีพื้นฐานด้านวิชาการสูง เขาจึงสนับสนุนให้ Weiss และพี่น้องของเธอชนะรางวัลมากมายในสาขาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และดนตรี ในช่วงที่เรียนอยู่ การเป็นหัวกะทิในชั้นเรียนเด็กมีพรสวรรค์ทำให้เธอได้ฝึกงานในบริษัทด้านเทคโนโลยีตั้งแต่อายุ 16 เธอถูกทาบทามให้ไปเข้าเรียนกับ MIT ที่ที่เธอได้จดจ่ออยู่กับวิศวกรรมไฟฟ้า และได้รับเกียรติมากมายในการวิจัยเรื่องไมโครอิเล็กทรอนิกส์ จากนั้น Weiss ได้เข้าร่วมกับ CalTec สำหรับบัณฑิตศึกษาในสาขา วิศวกรรมไฟฟ้าทดลอง Weiss กลับมาที่เยอรมัน เพื่อทำงานในด้านการวิจัยเทคโนโลยีทางทหารก่อนที่จะเข้าร่วมกับ Bundespolizei (BPOL) ในฐานะเจ้าหน้าที่ ความท้าทายทั้งในด้านร่างกายและจิตใจของงานเป็นตัวกระตุ้น Weiss และทำให้เธอพัฒนาอย่างรวดเร็ว หลังจากที่อยู่กับ BPOL เป็นเวลา 2 ปี เธอก็ถูกเกณฑ์โดย GSG 9
รายงานทางจิตวิทยา
ผู้ชำนาญการ Monika “IQ” Weiss เป็นคนที่เป็นฟิตทั้งด้านร่างกายและสมอง ช่วงเวลาว่างจากการ ปีนเขา สำรวจถ้ำ และกิจกรรมเกี่ยวกับกีฬาและอื่น ๆ ในการหาความรู้ของเธอ เธอจะใช้เวลาในการเขียนนิยายแนววิทยาศาสตร์ ตอนที่เราพบกับ Weiss แผ่รัศมีความมีชีวิตชีวาออกมาจนทำให้ฉันรู้สึกหมดแรงเหมือนตอนที่แข่งวิ่งมาราธอนครั้งแรก Weiss บอกว่าเธอและพี่น้องเป็นพวกคนที่ประสบความสำเร็จสูงอยู่แล้ว และพูดตลก ๆ ว่าตัวเธอเองบางครั้งยังรู้สึกตัวเล็กเวลาอยู่กันพร้อมหน้าเลย เป็นที่แน่นอนว่าพวกเขาสำคัญต่อเธอมาก และเธอมั่นใจว่าเธอไม่มีเพื่อนสนิทเลยเพราะมีแต่ครอบครัวเธอเท่านั้นที่เข้าใจเธอจริงๆมันเป็นเรื่องแปลกที่คนฉลาดระดับนั้นจะรู้สึกไม่สบายใจที่จะต้องพูดคุยกับคนอื่น แน่นอนว่าผมคงไม่บังคับให้เธอหาเพื่อนหรอก นั่นไม่ใช่หน้าที่ผม และก็ไม่ใช่หน้าที่เธอด้วย แต่ก็คิดว่ามันน่าจะดีกับตัวเธอถ้าเธอทำความรู้จักกับผู้ชำนาญการคนอื่นไว้บ้างนอกเหนือจากการฝึกทั่ว ๆ ไปและการวิจัยพ่อแม่สนับสนุนให้ Weiss และพี่น้องคิดนอกกรอบให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะจินตนาการได้ เธออธิบายแม่ของเธอว่าเป็น "คนบ้าที่หมกมุ่นอยู่กับการหาแพทเทิร์นของความวุ่นวาย" พ่อของเธอเป็นพวกที่จะทดลองยิงจรวดจากโรงจอดรถ ไม่น่าแปลกใจที่ Weiss ได้รับพรสวรรค์ทั้งสองแบบเข้าด้วยกันWeiss เป็นที่ปรารถนาของบริษัทและมหาวิทยาลัยทั่วโลก แต่เธอเลือกที่จะทำงานเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย นั่นทำให้ผมแปลกใจมาก เธอบอกว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่เธอจะได้ใช้อุปกรณ์ทันสมัยและแสดงความรักต่อประเทศของเธอในเวลาเดียวกัน ผมชี้ให้เห็นถึงเหตุผลข้อที่สามซึ่งคือ งานวิจัยด้านวิชาการเป็นสิ่งท��่คุ้มค่าเมื่อได้มา แต่มันต้องใช้เวลาและขั้นตอนอย่างมาก ทำให้ไม่สามารถใช้จินตนาการที่เป็นพรสวรรค์ของ Weiss ได้มากนัก แต่เราสนับสนุนสิ่งนั้นรายงานภาคสนามรายงานว่า Weiss อาจจะรู้สึกถูกครอบงำเมื่อเจอกับความท้าทายต่าง ๆ เช่นเดียวกับที่เธอทรมานกับโรคนอนไม่หลับ ผมคิดว่ามันเป็นความคิดของ Weiss ที่รู้สึกว่ายังไม่อยาก "ยอมแพ้" ถ้าเธอยังไม่ได้ทำอะไรให้กับ Rainbow เลย มันจะเป็นสิ่งสำคัญมากเมื่อเธอเรียนรู้ว่าเธอควรปล่อยวางตอนไหน                                                                                      ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
BLITZ
สังกัด: GSG9
หน้าที่: ต่อต้านการโรม,ลดความสามารถ,แนวหน้า,โล่
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 3
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: โล่ยุทธวิธี-G52
อาวุธรอง: P12(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดควัน
             ระเบิดพังสิ่งกีดขวาง
ความสามารถพิเศษ: โล่ FLASH
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Elias Kötz
วันเกิด: 2 เมษายน(อายุ 37)
สถานที่เกิด: เบรเมิน (เยอรมนี)
ชีวประวัติ
"ผมไม่ชอบรูปถ่ายของตัวเอง แสงมันดูผิดที่ผิดทางตลอด"                                              Kötz เรียนจบจาก Hermann-Böse-Gymnasium สถาบันการศึกษาชั้นนำที่เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และภาษา ตลอดระยะเวลาที่เขาเรียนอยู่ Kötz เป็นนักเรียนที่เก่งทั้งด้านวิชาการและกีฬา จากบรรดาทักษะมากมายที่เขามี Kötz พูดได้หลายภาษาและมีความสามารถพิเศษในการจับความแตกต่างของภาษาได้อย่างรวดเร็ว ร่างกายที่แข็งแรงและทักษะในการใช้อาวุธของเขาทำให้เขาแกร่งกล้าในการต่อสู้ในพื้นที่แคบ ประสบการณ์ด้านกลยุทธ์การรบเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเป็นหัวกะทิของ Rainbow ความสามารถเหล่านี้ที่ผสมกับความรู้ด้านวิชาการและลักษณะนิสัยที่ดี ทำให้เขาเป็นที่ต้องการตัวอย่างมาก เขาสามารถเปลี่ยนจากการเป็นทหารของหน่วย Schnelle Kräfte ใน Kosovo ไปเป็นสมาชิกของหน่วย GSG 9 ได้อย่างง่ายดาย Kötz เป็นคนสำคัญที่พยายามนำการฝึกฝนต่าง ๆ มาใช้และสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยรักษาความปลอดภัยแห่งอินเดียและ GSG 9
รายงานทางจิตวิทยา
เราเคยได้เห็นการต่อสู้ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจอันยากลำบากของ ผู้ชำนาญการ Elias “Blitz” Kötz มาแล้ว เขาเป็นคนที่อารมณ์ดี สนุกสนาน แม้ว่าทีมจะชอบบอกว่าเขานั้น "ติงต๊อง" ซึ่งลูกผมต้องเห็นด้วยแน่ ๆ Kötz ใช้อารมณ์ขันเพื่อผ่อนคลายเวลาเครียด เพื่อนร่วมทีมก็ชอบในเรื่องนี้ อย่างน้อยก็มากกว่าที่เพื่อนร่วมทีมเก่า ๆ ของเขา ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่จริงจังกับงานนะ จริง ๆ แล้วมันตรงกันข้ามเลยต่างหาก หลาย ครั้งเขาเป็นคนแรกที่พุ่งเข้าชนเครื่องกีดขวางและเป็นห่วงความปลอดภัยของเพื่อนมากกว่าตัวเอง แท้จริงแล้ว Kötz ไม่ได้มองว่าการทำเรื่องกล้าหาญแบบนั้นเป็นนิสัยที่อันตราย แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้ผลงานของเขาแย่ลงเลยผมก็อยากจะคิดนะว่าร่างกายผมฟิตดี แน่ล่ะว่าผู้ชำนาญการพวกนี้เขาเป็นอีกระดับนึง แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น Kötz น่ะแตกต่างโดยสิ้นเชิง เขาชอบล้อเรื่องเกี่ยวกับทีมแพทย์ที่ชอบขอร้องให้เขามาทดสอบร่างกายทุก ๆ ครั้งที่มีเครื่องใหม่เข้ามาตลอด สำหรับคนอื่น ๆ การใส่ใจอาจเป็นเรื่องที่น่าปวดหัว แต่ Kötz ไม่เคยคิดเช่นนั้นแม้ว่าจะเป็นคนตลกและฉลาดเฉลียว แต่ Kötz ก็มีความหลงใหลจริงจังอยู่ ระหว่างที่เขาเล่าว่าตอนเด็กมันช่างสนุกและอิสระเหลือเกิน จู่ ๆ เขาก็หยุด เขาพูดอย่างจริงจังว่า "เรามีหน้าที่ที่ต้องดูแลกันและกัน และผมจริงจังกับมันมาก" ผมไม่แปลกใจเลย ผมสังเกตว่า Blitz มีผู้หญิงที่ไว้ใจอยู่นั่นคือ ผู้ชำนาญการ Lera “Finka” Melnikova ตอนที่ผมถามเขาเรื่องนี้ เขาบอกว่าพวกเขาชอบล้อเล่นกัน เขาบอกว่า เธอประทับใจในตัวเขา มันทำให้ผมคิดว่าเขาปกปิดความผิดอะไรไว้มั้ยเพราะร่างกายเขาปกติสมบูรณ์ดีมากความเฉียบคมของ Kötz ก็น่าประทับใจ แต่เขาก็ชอบลืมใช้เวลาปฏิบัติการจริง ความสัมพันธ์อันดีของเขากับ ผู้ชำนาญการ Gilles “Montagne” Touré อาจเป็นการเพิ่มความสามารถของ Kötz และเป็นวิธีที่เขาจะได้พัฒนาจากการแข่งขันกันเอง                                                                           ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
TWITCH
สังกัด: GIGN
หน้าที่: แนวหลัง,หยุดการทำงาน,แนวหน้า,ตัวเก็บข้อมูล
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 2
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: F2(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                417(ปืนไรเฟิลซุ่มยิง)
                SG-CQB(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: P9(ปืนพก)
               LFP586(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดควัน
             CLAYMORE
ความสามารถพิเศษ: ช็อกโดรน(โดรนยิงไฟฟ้า)
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Emmanuelle Pichon
วันเกิด: 12 ตุลาคม(อายุ 28)
สถานที่เกิด: น็องซี (ฝรั่งเศส)
ชีวประวัติ
"การเรียนรู้เครื่องยนต์และความสามัคคีของทีมมีสิ่งที่คล้ายกันอยู่นั่นคือการเรียนรู้จากตัวอย่าง"
Pichon เติบโตมาในครอบครัวสายวิชาการในเมือง Nancy เมืองแห่งประวัติศาสตร์ในประเทศฝรั่งเศส ที่ที่เด็กทุกคนถูกสนับสนุนให้เอาดีด้าน คณิต วิทย์ และเทคโนโลยี การเข้าร่วมในการแข่งขันเขียนโปรแกรมตั้งแต่เด็กทำให้ภายหลังเธอเข้าร่วมกับกองทัพตั้งแต่อายุสิบหก และพรสวรรค์ของเธอก็เป็นที่จดจำแทบจะทันที โดยเฉพาะในเรื่องหุ่นยนต์ หัวหน้าของ Pichon รีบสนับสนุนให้เธอเรียนเสริมด้านวิศวกรรมขณะที่เธอรับใช้อยู่ในกองทัพ ในตอนแรก หน้าที่ของ Pichon คือการสร้างเทคโนโลยีที่สามารถปรับตัวได้ในการช่วยเหลือทหารในสนามรบ ขณะที่มีเสียงชื่นชมในความสำเร็จด้านเทคโนโลยีของเธอ ความสามารถด้านการวางกลยุทธ์ และทักษะในการแก้ปัญหาที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพของ Pichon นั้นทำให้เธอเป็นบุคลากรในการวางกลยุทธ์ที่สำคัญมากคนหนึ่ง การผสมผสานพรสวรรค์ที่ไม่เหมือนใครของ Pichon ทำให้เธอเหมาะสมกับ GIGN อย่างมาก และภายหลังเธอก็ได้เข้าร่วมกับ Rainbow เธอสามารถใช้ภาษาฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมันได้คล่อง และงานวิจัยที่เธอทำอยู่ในนี้คือด้าน AI
รายงานทางจิตวิทยา
คำว่าการสร้างสรรค์ทางด้านเทคโนโลยีเป็นศัพท์ผมเพิ่งเคยได้ยินตอนที่ทำงานให้กับ Rainbow ตามที่รายงานภาคสนามของ ผู้ชำนาญการ Emmanuelle “Twitch” Pichon กล่าวไว้ว่ามันคือคำอธิบายตัวตนที่ตรงกับเธอมากที่สุด แน่นอนว่ามันไม่ได้อธิบายความเป็นตัวของเธอทุกอย่าง มันมีเรื่องน่าแปลกใจอื่นๆ ของ Pichon อีกมากมายที่คุณอาจจะไม่รู้Pichon และน้องสาวนักฟิสิกส์ของเธอเป็นคู่แข่งด้านวิชาการกัน แต่เธอบอกว่าไม่ได้ซีเรียสอะไร มันเป็นเรื่องปกติของครอบครัวที่ถูกปลูกฝังเรื่องความสมบูรณ์แบบตั้งแต่ยังเด็ก พ่อของเธอบอกกับเธอว่าให้เธอเติบโตมาเป็นคนที่สุดยอดที่สุดกับเธอทุก ๆ วันทีม Rainbow สรรเสริญเธอทั้งด้านการปฏิบัติการและสภาพแวดล้อมทางสังคม โดยเฉพาะผู้ชำนาญกา��� Gustave “Doc” Kateb ที่ชื่นชมในความปรีชาและความเข้าอกเข้าใจ ขณะที่คนอื่นๆ อย่าง ผู้ชำนาญการ Olivier “Lion” Flament ยกย่องเธอในด้านการใช้เทคโนโลยีฉันอยากจะรู้ว่า Pichon จะแสดงให้เห็นถึงคำว่า การสร้างสรรค์ทางด้านเทคโนโลยีอย่างไร เธอบอกว่ามันคือวิธีมองเรื่องต่างๆ ให้แตกต่างของเธอ แต่ยังคงรับรู้ได้ว่าเธอกำลังมองเรื่องต่างๆ แบบต่างออกไปอยู่ ผมคิดว่าควรเพิ่มคำว่า "นักปรัชญา" ลงในคำอธิบายตัวตนของเธอเธอเป็นนักวิจัยที่เก่ง เธอมีความละเอียดไม่แพ้หุ่นยนต์ เวลาเธอพูดคุยมันเหมือนกับเวลาที่คนพูดคุยกับเด็กหรือสัตว์เลี้ยง ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนที่มีความเห็นอกเห็นใจอยู่ภายใน Pichon กำลังฝึกสอน AI เรื่องความเข้าอกเข้าใจ เพื่อที่มันจะสามารถกลับมาสอนมนุษย์ได้บ้าง ผมอยากจะศึกษาให้มากกว่านี้ และวางแผนไปหาเธอที่ห้องวิจัยเพราะความหลงใหลของ Pichon ที่จะนำเทคโนโลยีมาพัฒนาคุณภาพชีวิต มันจึงเป็นตัวขับเคลื่อนให้เธอทำงานด้านการวิจัยและด้านการทหาร ผมสงสัยว่าบางครั้งเธอคงไม่ได้หลงอยู่ในอุดมคติมากเกินไปใช่มั้ย เธอเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีทักษะหลากหลายมากกว่าแค่เรื่องเทคโนโลยี และผมอยากให้เธอช่วยคิดว่ามนุษย์มีความสำคัญในส่วนไหนมากที่สุดพื้นเพและความสนใจในเรื่อง AI ของเธอทำให้เธอชอบสังเกตพฤติกรรมของคน ไม่ว่าจะเป็นที่ร้านอาหารหรือบนรถประจำทาง เธอจะไปทุกที่ที่มีคนเยอะ และศึกษาพฤติกรรม เธอชอบท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ รายชื่อสถานที่ที่เธอยังไม่เคยไปสั้นกว่าที่ที่เธอเคยไปมาแล้วเยอะนัก                                                                                                                       ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
MONTAGNE
สังกัด: GIGN
หน้าที่: โล่
เกราะ: 3 ความเร็ว: 1 ระดับความยาก: 3
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: โล่ LE-ROC
อาวุธรอง: P9(ปืนพก)
               LFP586(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดพังสิ่งกีดขวางรุนแรง
             ระเบิดขวัน
ความสามารถพิเศษ: โล่ LE-ROC 
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Gilles Touré
วันเกิด: 11 ตุลาคม(อายุ 48)
สถานที่เกิด: บอร์โดซ์ (ฝรั่งเศส)
ชีวประวัติ
"ทุกๆ ความขัดแย้งที่เกิดจะนำไปสู่การสิ้นสุดความขัดแย้ง ทุกๆ บาดแผล คือชัยชนะ"
Touré เริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นตำรวจผดุงความยุติธรรมในหน่วย National Gendarmerie พวกเขาใช้ร่างกายอันโอ่อ่าทุกๆ ครั้งที่ต้องการแสดงความแข็งแกร่งของหน่วย ซึ่งทำให้เขาได้สังกัดหน่วย Mobile Gendarmerie ที่เน้นปฏิบัติการควบคุมฝูงชน เช่นเดียวกับปฏิบัติการทางทหารและภารกิจต่อต้านการก่อการร้ายด้วย Touré มักจะฝึกฝนหนักกว่าคนอื่นและด้วยความที่เขามีทักษะรอบด้าน ทำให้ได้ไปอยู่กับหน่วย GIGN ได้ไม่ยาก แม้ว่าเขาจะเก่งกาจด้านการบุกทะลวง Touré ยังผ่านการฝึกฝนด้านวิศวกรรมการต่อสู้และการลาดตระเวน เมื่อมีเวลาว่างจาก Rainbow นั้น Touré ยังทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนให้กับ GIGN อีกด้วย
รายงานทางจิตวิทยา
ร่างกายอันโอ่อ่าของผู้ชำนาญการ Gilles “Montagne” Touré และสายตาที่แน่วแน่ของเขามันช่างน่าประทับใจและ (ในแง่กลยุทธ์การรบ) ผมรู้แล้วว่าทำไมมันอาจจะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย เขาเป็นคนพูดน้อย แม้แต่ตอนที่อยู่กับเพื่อนๆ ผมเลือกไปหาเขาที่ศูนย์ฝึกของ GIGN เพื่อให้เขารู้สึกผ่อนคลายเวลาคุยกัน  การคอยสังเกต Touré เวลาที่อยู่กับเด็กฝึกทำให้เข้าใจเขามากขึ้นมาบ้าง เขาเป็นคนที่เขาถึงง่าย ยุติธรรม แถมยังชอบอยู่กับคนอื่นเราเริ่มคุยกันเรื่องหน้าที่ของเขาในฐานะผู้ฝึกสอน Touré รู้สึกตื่นเต้นที่ Rainbow เริ่มเติบโตขึ้นและรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมัน เขาบอกว่าเรามีเรื่องที่เรียนรู้ได้มากมายจากเพื่อนร่วมทีมและนั่นเป็นสาเหตุที่เขาเริ่มเดินออกจาก comfort zone เขาเป็นคนริเริ่มนำการฝึกฝนแบบเสมือนจริงเข้ามาใช้ เขายังหวังที่จะได้ร่วมงานกับเจ้าหน้าที่ที่มีทักษะเฉพาะตัวอย่าง ผู้ชำนาญการ Grace “Dokkaebi” Nam ในการฝึกครั้งหน้าTouré มีนิสัยชอบปกป้องติดตัวมาตั้งแต่เกิด การที่เขาเลือกเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมเหนือประวัติของตระกูลที่เป็นทหารมายาวนานนั้นบอกอะไรบางอย่างกับเรา Touré บอกว่าครอบครัวของเขาเลี้ยงดูให้เป็นผู้ปกป้องในทุกๆ ยุคทุกสมัย พ่อแม่จะคอยเล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟังเสมอว่าเหล่าต้นตระกูลเป็นผู้ที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมเขาเชื่อว่าการศึกษาคือวิธีแก้ปัญหาสำหรับปัญหาต่างๆ นานาบนโลก น้องสาวของเขาจบการฝึกอบรมกับตำรวจแต่ก็เลือกที่จะสอนหนังสือเพราะเธอคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เธอจะทำประโยชน์ได้มากที่สุดด้วยความที่ Touré เป็นคนที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจนัก ผมเลยรู้สึกแปลกใจตอนที่เขาสงสัยในหน้าที่ของเขากับ Rainbow เจ้าหน้าที่หลายคนของเราเป็นคนที่มีทักษะเหลือล้นและพูดได้หลายภาษา แต่ไม่ใช่ Touré ไม่มีรายงานฉบับไหนบอกว่ามันคือปัญหา แต่แม้แต่จุดอ่อนที่เล็กที่สุดก็อาจทำให้เกิดช่องโหว่ได้ ผมแนะนำให้เขาเลือกมาหนึ่งภาษา แค่ภาษาเดียวเท่านั้น และขอให้ผู้ชำนาญการคนอื่นพยายามชวนเขาคุยด้วย ถ้ามันเป็นไปด้วยดี เขาจะไม่รู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกทดสอบอยู่ แต่จะเหมือนเขากำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มจริงๆ                                              ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
THERMITE
สังกัด: SWAT
หน้าที่: แนวหลัง,ตัวเจาะเหล็ก
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: M1014(ปืนลูกซอง)
                556XI(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
อาวุธรอง: 5.7 USG(ปืนพก)
               M45 MEUSOC(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดควัน
             ระเบิดสตั้น
ความสามารถพิเศษ: ระเบิดคายความร้อน
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Jordan Trace
วันเกิด: 14 มีนาคม(อายุ 35)
สถานที่เกิด: พลาโน (เท็กซัส)
ชีวประวัติ
"คุณเห็นกำแพง ผมเห็นโอกาส"
Trace เข้าร่วมกับทหารตั้งแต่เรียนจบมัธยม ทำให้เขาเป็นทหารเรือในสงครามยุคที่สี่ หลังจากครั้งแรกไปอิรัก เขาได้รับประสบการณ์มากพอที่จะอาสาเป็นช่างเทคนิคหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด หลังจากไปอิรักครั้งที่สอง Trace กลับมายังสหรัฐ สมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย จบการศึกษาด้วยวิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาเคมี เขานำประสบการณ์และทักษะมาใช้ตอนที่อยู่กับ FBI เขาใช้เวลาหลายปีเป็นเจ้าหน้าที่ภาคสนามภายในหน่วยด้านสารพิษ เขาต้องการค้นหาที่ที่น่าตื่นเต้นมากกว่านี้ Trace ย้ายไปเข้าร่วมกับ FBI SWAT ซึ่งเขาแสดงความสามารถด้านการพัฒนาโปรโตคอลสิ่งกีดขวางใหม่ ๆ จากนั้นก็เข้าร่วมกับ Rainbow ที่เขาได้แสดงความสนใจเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาการอัปเกรดอุปกรณ์ต่าง ๆ Plano บ้านเกิดของ Trace มีชาวจีนอาศัยอยู่แทบจะทุกครัวเรือน Trace จึงพูดคุยภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว
รายงานทางจิตวิทยา
สำหรับคนที่มีระเบียบวินัยอย่างผู้ชำนาญกา�� Jordan “Thermite” Trace เขาก็ยังมีเรื่องที่น่าแปลกใจอยู่เหมือนกัน เขาเป็นคนที่ชอบแกล้งคนอื่น และเขามักมีคำพูดที่ชอบอวดดีอยู่เสมอ แต่ภายใต้ความตลกนั้น เขาได้สูญเสียน้องสาวจากมะเร็งร้าย และการตายของแม่เมื่อไม่กี่ปีก่อนทำให้เขาไม่สามารถแสดงความคิดและพลังออกมาอย่างที่เคยเป็นได้ ผมกังวลว่าเขาจะใช้อารมณ์ขันเพื่อกลบเกลื่อนความเศร้า มันสำคัญมากที่เขาต้องเข้าใจว่าวิธีแก้ไขปัญหาบางอย่างจะทำให้บาดแผลหายยากขึ้น มีของบางอย่างที่สามารถช่วยเขาได้ และผมจะเสนอมันให้เขาไปเรื่อย ๆ Trace แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำทางยุทธวิธีที่เก่งกาจ แต่บางครั้งเขาก็หุนหันพลันแล่นเกินไป ผมไม่เชื่อว่าเขาจะมีปัญหาค้างคากับใครในทีมหรอก เขาเป็นที่ชื่นชอบของคนอื่นและมีความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกับผู้ชำนาญการ Yumiko “Hibana” Imagawa, Mike “Thatcher” Baker และ Emmanuelle “Twitch” Pichon เขาสามารถเป็นคนที่คุยเก่งตอนที่เขารู้สึกดาวน์ได้ด้วยมีบางเรื่องที่ต้องฝึกเพิ่ม เช่น Trace เป็นคนที่สื่อสารได้อย่างยอดเยี่ยม ถ้าเขาเลือกที่จะสื่อสาร เขาเป็นนักวางกลยุทธ์ที่เก่ง แต่บางครั้งเขาก็ "ยึดติด" เกินไป ผมรู้ว่าเขายืดหยุ่นได้มากกว่านี้ ผมเลยให้คำแนะนำเขาว่าทำยังไงถึงจะรู้ตัวว่าเริ่ม...หัวรั้นมีเรื่องมากมายภายใต้รอยยิ้มของเขา ผมอยากให้เขาหาวิธีควบคุมตัวเอง เพื่อหากึ่งกลางระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว Trace ไม่ชอบโชว์สิ่งที่ทำให้เขาเครียด เขาเลือกที่จะปลดปล่อยพลังความเครียดกับบางอย่างที่ส่งผลดีอย่างเช่นในแล็บแผนกวิจัยและพัฒนา มันเป็นเรื่องยากมาแต่ไหนแต่ไรในการโน้มน้าวเขาว่าให้พักจากเรื่องหน้าที่และตัวตนในงานของเขาบ้าง การเบี่ยงเบนความสนใจของเขาให้ไปทำเรื่องยาก ๆ ไม่ใช่คำตอบผมเคยแนะนำการฝึกฝนที่จะช่วยผ่อนคลายความคิดที่ไม่ต้องใช้เวลานานนัก แต่ได้ผลตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Imagawa น่าจะเป็นคนที่เขาฟังมากที่สุด เพราะเธอฝึกฝนเทคนิคด้านจิตใจต่าง ๆ อยู่ตลอดซึ่งช่วยให้ผ่อนคลายและโฟกัส ผมหวังว่าเขาจะฟังคำแนะนำของเธอนะ                                                                                          ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
ASH
สังกัด: SWAT
หน้าที่: หยุดการทำงาน,ตีโอบ,แนวหน้า,ตัวเจาะผนัง
เกราะ: 1 ความเร็ว: 3 ระดับความยาก: 2
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: G36C(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                 R4-C(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
อาวุธรอง: 5.7 USG(ปืนพก)
               M45 MEUSOC(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดพังสิ่งกีดขวาง
             CLAYMORE
ความสามารถพิเศษ: กระสุนพังสิ่งกีดขวาง
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Eliza Cohen
วันเกิด: 24 ธันวาคม (อายุ 33)
สถานที่เกิด: เยรูซาเลม (อิสราเอล)
ชีวประวัติ
"คุณไม่มีทางเข้าใจความขัดแย้งได้จนกว่าคุณจะผ่านมาแล้วทั้งสองด้าน"
จากนั้น Cohen ก็ได้สมัครเข้ากับกองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล (IDF) หลังจากใช้เวลาฝึกอย่างเข้มข้นกว่ายี่สิบสองเดือนให้กับ Shaldag หน่วยกองทัพอากาศชั้นยอด เธอก็ทำหน้าที่อยู่เป็นเวลาห้าปี มีทักษะด้านปฏิบัติการภาคพื้นดินและอากาศ มีความสามารถในการนำทางทุกพื้นที่และทุกสภาพอากาศ และความสามารถด้านการลาดตระเวน เธอเป็นบุคคลสำคัญในปฏิบัติการ Orchard การย้ายมาทำงานให้กับ FBI SWAT ที่สหรัฐนั้น เธอได้ใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมและพรสวรรค์ด้านความต้านทานของโครงสร้างของเธอในการพัฒนาอุปกรณ์และกลยุทธ์การรื้อถอนขั้นสูง Cohen สามารถใช้ภาษาฮีบรู อาราบิก อังกฤษ ฝรั่งเศส และกรีกได้อย่างคล่องแคล่ว
รายงานทางจิตวิทยา
ผมเคยพบกับผู้ชำนาญการ Eliza “Ash” Cohen มาหลายครั้งแล้วก่อนที่ผมจะเลิกให้เธอคิดว่าผมเป็นผู้บังคับบัญชา เธอถามคำถามต่าง ๆ มากมายจนผมเริ่มรู้สึกว่าเธอกำลังประเมินผมอยู่Cohen ไม่อยากที่จะคุยถึงวัยเด็กของเธอ เธอมีความหลังที่ไม่ดีนักกับยายที่ชอบตัดสินของเธอ แต่เธอก็ไม่ได้เป็นโรคอะไรนะ การเข้ามารับใช้กองทัพเป็นเหมือนการออกจากความเครียดของเธอและเหมาะกับนิสัยเจ้าระเบียบและจดจ่อของเธอ Cohen บอกว่าเธอชอบสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูงผลตอบแทนสูง แต่ไม่ได้บอกว่าเสี่ยง��ะดับไหนที่ยังรับได้อยู่อัตลักษณ์ของเธอเกี่ยวข้องกับการฝึกฝนและปฏิบัติการทั้งหลายที่เธอทำ การจะแยกความเป็นส่วนตัวออกจากความยุ่งเหยิงเป็นเรื่องยาก Cohen เป็นคนที่ระวังตัวและไม่ค่อยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเท่าไรนัก ดั้งนั้น ความสัมพันธ์ของเธอกับผู้ชำนาญการ Miles “Castle” Campbell จึงสำคัญกับเธอ และผมต้องบอกว่ามันสำคัญกับทีมเช่นกัน มันเป็นการจับคู่ที่ดีมากๆ นิสัยที่อ่อนโยนของ Campbell ทำให้ Cohen กล้าที่จะออกจากคอมฟอร์ทโซนโดยไม่รู้สึกประหม่าหรือว่าถูกตัดสินCohen ใช้สิ่งที่คนอื่นประเมินเธอเป็นคำอธิบายตัวตนของเธอ เธอบอกกับผมว่า ผู้ชำนาญการ Dominic “Bandit” Brunsmeier และ James “Smoke” Porter บอกว่าเธอ "เครียดเกินเหตุ" ขณะที่คนอื่นบอกว่าเธอ "จริงจัง" และเธอชอบให้เป็นแบบนั้น ผมเลยถามว่าแล้วคำอธิบายพวกนั้นตรงมั้ย เธอบอกกับผมว่า เธอสนแค่ว่าเจ้าหน้าที่คนอื่นให้เกียรติเธอหรือไม่ ผมมั่นใจว่าพวกเขาให้เกียรติเธอแน่ในปฏิบัติการ Cohen เป็นคนที่น่าเอาเป็นแบบอย่าง เธอคิดเร็ว และสไตล์ที่ดุดันของเธอทำให้เธอได้เปรียบอยู่แทบทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในช่วงสรุปสุดท้าย ผมสังเกตเห็นการจดจ่ออีกแบบหนึ่งของเธอ ความเครียดสะสมจากการรบทำให้เธอจมปลักหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง การประเมินตัวเองเป็นสิ่งที่เข้าใจได้สำหรับคนที่มีทักษะสูงแบบเธอ แต่มันก็ส่งผลกระทบกับทีมของเธอ มันสำคัญมากที่จะทำให้เธอรู้ว่าเธอไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอยู่คนเดียว มันเป็นการรับผิดชอบแบบทีม เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ทุกคน Cohen รู้ดีว่ามีบางสถานการณ์ที่เธอไม่สามารถเตรียมรับมือได้ แต่เธอก็ยังปล่อยให้ความเครียดจากสิ่งที่ไม่รู้มาก่อนกัดกินเธอ เราจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่างกับมัน         ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
THATCHER
สังกัด: SAS
หน้าที่: แนวหลัง,หยุดการทำงาน
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: AR33(ปินไรเฟิลจู่โจม)
                L85A2(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                M590A1(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: P226 MK25(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดพังสิ่งกีดขวาง
             CLAYMORE
ความสามารถพิเศษ: ระเบิดEMP
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Mike Baker
วันเกิด: 22 มิถุนายน(อายุ 56)
สถานที่เกิด: บิดีฟอร์ด (อังกฤษ)
ชีวประวัติ
"สิ่งที่รู้สึกได้ สิ่งที่สัมผัสได้ นั่นแหละคือของจริง อย่างอื่นที่ไม่ใช่มันก็เป็นแค่สิ่งรบกวน"
Baker เกิดในตระกูลที่คนส่วนใหญ่เป็นคนงานท่าเรือและทหาร ตอนที่เขาอายุสิบแปด เขาเข้ารับใช้ชาติในกองทัพแม้จะมีแรงกดดันจากครอบครัวที่ต้องการให้เขาทำ��านเป็นคนขนของลงเรือก็ตาม เขาถูกส่งให้ไปทำหน้าที่เกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองครั้งใหญ่ และ Baker ก็ทำผลงานได้อย่างดี เขาได้รับการฝึกฝนและปฏิบัติงานจนได้เหรียญ Distinguished Flying Cross และ Conspicuous Gallantry Cross ทักษะด้านการสังเกตที่เฉียบแหลมและการตัดสินใจที่เด็ดขาด รวมกับเทคนิคการต่อสู้ระยะประชิด ทำให้เขาเป็นที่ต้องการในปฏิบัติการคุ้มครองบุคคลสำคัญด้วยประสบการณ์ที่ล้นเหลือและความช่ำชองในด้านกลยุทธ์ของ SAS เขาเป็นคนสำคัญในทุกปฏิบัติการของ Rainbow เขาฝึกปรือความชำนาญด้านมาตรการป้องกันและมาตรการตอบโต้อิเล็กทรอนิกส์ และบ่อยครั้งที่ทำงานร่วมกับวิศวกรเพื่อที่จะใช้อุปกรณ์ได้อย่างคล่องแคล่ว ในฐานะที่เขาเป็นจ่าสิบเอก (กองร้อยกองทัพบก) Baker เป็นบุคคลที่ได้รับการเคารพนับถือและเป็นผู้ชี้แนะทหารใหม่ที่ยอดเยี่ยม Baker ยังคงฝึกฝนด้านความคล่องตัว ทักษะการโรยตัว และทำลายสถิติการปีนเขามาหลายครั้งแล้ว
รายงานทางจิตวิทยา
การที่ได้รู้ว่า ผู้ชำนาญการ Mike “Thatcher” Baker เกลียดการปกครองระบอบเจ้าขุนมูลนายอย่างมากนั้น ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจอะไรที่เขารู้สึกไม่อยากมาเจอกับผม ผมต้องใช้วิธีการเข้าหาแบบอื่น Baker ใช้ชีวิตอยู่บนเรือในอู่แห้งที่ชื่อว่า Iron Maggie ที่เขาใช้เวลาว่างคอยซ่อมมัน มันเป็น "แผนหลังเกษียณ" ของเขา ผมคิดว่าเขาน่าจะย้ายไปอยู่ที่นั่นเป็นการชั่วคราวหลังจากที่ถูกเมียหย่า แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันไม่ใช่บ้านพลเรือนทั่ว ๆ ไปBaker มีสถิติทางทหารที่เหลือเชื่อ เขาเป็นบุคคลที่ได้รับการเคารพนับถือและหลายคนที่เขาชี้แนะก็ยกเขาเป็นไอดอล ตอนที่เขาพาผมไปที่บ้าน ผมก็รู้ทันทีว่าทำไมผู้คนถึงอธิบายว่าเขาเป็นที่เข้าถึงได้ ผมแค่ต้องใช้ความพยายามนิดหน่อยเขาถึงจะเชื่อใจการที่ถูกเลี้ยงดูในเมืองท่า ทำให้ Baker มีความสัมพันธ์กับน้ำ เราพูดคุยกันบนดาดฟ้าเรือของเขา โดยที่ไม่ได้สนใจทะเลหนาว ๆ เลย การที่ตอนเด็กผมทำได้อย่างมากก็พับเครื่องบินกระดาษนั้นทำให้ผมอยากรู้ว่าอะไรทำให้ Baker ชื่นชอบการต่อเรือและงานประดิษฐ์ เขาบอกผมว่านอกจากเรื่องที่เขาชอบความละเอียดอ่อนของมันแล้ว เขาชอบเหลาไม้ให้เป็นสิ่งที่สามารถนำไปใช้งานบางอย่างได้ ผมแนะนำว่ามันคล้ายกับที่เขาคอยแนะนำทหารใหม่นั่นแหละ เขาตอบกลับว่าเขาไม่สนใจเรื่องที่พวกเราที่เป็น "นักเรียนธรรมดา ๆ" สนใจว่าทำไป "ทำไม" หรอกผู้ชำนาญการ Seamus “Sledge” Cowden เป็นเพื่อนที่เขาสนิทด้วยเพียงไม่กี่คน การที่ Thatcher สามารถทนความบ้าของ ผู้ชำนาญการ Mark “Mute” Chandar ได้นั้นทำให้ผมแปลกใจเพราะ Thatcher เป็นคนที่เกลียดพวกเด็กบ้าพลัง ตอนที่ผมถาม Thatcher ก็ตอบแค่ว่า "Mute เป็นเด็กที่ฉลาด" เสียงเขาดูเหมือนรู้สึกอิจฉาเล็กๆ ผมสงสัยว่า Mute เป็นเหมือนคนที่ Thatcher ใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นรึเปล่าแม้จะไม่ใช่เรื่องความคิดฝังหัว แต่ Baker ไม่ชอบเรื่องเทคโนโลยีเอาซะเลย สำหรับเขา มันก็เป็นเหมือนแค่อุปกรณ์อย่างหนึ่งเท่านั้น เช่นเดียวกับ ค้อนหรือไขควง การที่คนเอาแต่พึ่งเทคโนโลยีแบบนั้นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด ผมเลยบอกให้เขาลองใช้เวลาในแล็บวิศวกรรมกับ ผู้ชำนาญการ Masaru “Echo” Enatsu และ Emmanuelle “Twitch” Pichon ดู พวกคุณคงมีอะไรให้สอนกันเยอะดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
SLEDGE
สังกัด: SAS
หน้าที่: ตีโอบ,ตัวเจาะผนัง
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: L85A2(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                M590A1(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: P226 MK25(ปืนพก)
               SMG-11(ปืนสั้นอัตโนมัติ)
อุปกรณ์: ระเบิดมือ
             ระเบิดสตั้น
ความสามารถพิเศษ: ค้อนพังสิ่งกีดขวาง
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Seamus Cowden
วันเกิด: 2 เมษายน(อายุ 35)
สถานที่เกิด: จอห์นโอ โกรทส์ (สก็อตแลนด์)
ชีวประวัติ
“ทางสะดวก!”
เกิดทางตอนเหนือของสกอตแลนด์ พ่อที่เป็นทหารและแม่พยาบาลของ Cowden ย้ายไปอยู่ที่เมือง Inverness พร้อมกับเขาและพี่น้องสามคนเมื่ออายุได้ห้าขวบ ความเป็นนักกีฬาของเขาทำให้ได้รับตำแหน่งกัปตันทีมรักบี้ยูเนียนรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปีของสกอตแลนด์ปี 1998 ตามประเพณีการรับราชการทหารของครอบครัวที่ยาวนาน Cowden ได้เข้าร่วมกองช่างเครื่องที่ 3 ของกองทัพอังกฤษ แรงขับและสรีระของเขาเหมาะสมกับชื่อเล่นในอดีตของแผนก “Iron Sides” งานแรกของ Cowden อยู่ในกองยานเกราะซึ่งเขาเรียนด้านวิศวกรรมและเชี่ยวชาญในการอัปเกรดยานรบทหารราบ จากนั้นเขาได้พัฒนากลวิธีการทะลวงเข้าห้องแบบต่างๆ จากนั้นก็ได้รับคัดเลือกให้เข้าสู่ SAS ซึ่งเขามีประวัติมากมายในด้านความเร็วและความแข็งแกร่ง Cowden ผู้เชี่ยวชาญด้านกลวิธีการทำลายด้วยกลไก, ขีปนาวุธ, ระเบิดและความร้อน Cowden เป็นเจ้าหน้าที่เพื่อการทำลายที่รวดเร็วและไม่อึกทึกมากนัก
รายงานทางจิตวิทยา
มันคือส่วนหนึ่งในหน้าที่ของผมที่ต้องเข้าใจว่าประเทศหล่อหลอมคนๆ หนึ่งอย่างไร และเพราะดูเหมือนผู้ชำนาญการ Seamus “Sledge” Cowden จะถูกหล่อหลอมโดยสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายจากบ้านเกิด มันไม่ใช่แค่ความน่าเกรงขามและร่างกายที่กำยำของเขา มันช่วยไม่ได้จริงๆ แต่รู้สึกว่านิสัยของเขาปลุกสัญชาตญาณสัตว์ป่าในตัวออกมา เขาเป็นคนที่อดทนและภาคภูมิใจ แม้จะยอมรับว่าบางครั้งเขาก็เป็นคนหัวร้อน รายงานภาคสนามระบุว่าเขามีความกล้า ความเป็นผู้นำ และมีประสบการณ์ทางการรบอย่างมากมายเช่นเดียวกับนิสัยที่คาดเดาไม่ได้ เขาดูเหมือน "สุภาพบุรุษร่างยักษ์" ตามที่บางคนบอกเขาเป็นคนที่เล่าเรื่องราวต่างๆ ได้น่าสนใจ และก็แสดงให้เห็นตอนที่เราคุยกัน เขาเล่านิทานที่มีตัวละครนิสัยไม่ดีให้ผมฟังไม่หยุด ตอนเขาอายุสิบสอง เขาสร้างเครื่องร่อนจากเรือและลองใช้ร่อนดู ผลคือข้อเท้าเขาหักทั้งสองข้าง ระหว่างการฝึกฝนทางทหาร เขาทำค่ายนอนทั้งหมดของเขาพังโดยไม่ได้ตั้งใจระหว่างที่ทดสอบเทคนิคการบุกทะลวงใหม่ และอีกครั้งตอนที่เขาทำมอเตอร์ไซค์ของกัปตันจมน้ำโดยที่เขาขี่พุ่งออกจากท่าเรือเพราะต้องการดูว่ามันจะวิ่งเหนือน้ำได้ไกลขนาดไหน เท่าที่รู้ก็ไม่ได้ไกล เรื่องราวของเขาไม่ได้มีไว้แค่เล่าตลก ๆ มันช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่รู้สึกสบายใจ มันเป็นสไตล์ความเป็นผู้นำที่เป็นกันเองCowden เห็นเพื่อนเจ้าหน้าที่ทุกคนเป็นครอบครัว โดยเฉพาะผู้ชำนาญการ Mike “Thatcher” Baker คนที่ให้เครดิตสำหรับการชักชวนให้เขาเปลี่ยนไปใช้ Caber เจ้าหน้าที่ Rainbow หลายคนพูดว่า Sledge เป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ทำงานด้วยง่ายที่สุดโดยรวมแล้ว Cowden เป็นคนง่าย ๆ และไม่ชอบโอ้อวด แต่บางครั้งก็อาจจะน่ากลัวได้ถ้าเป็นเรื่องการเมือง เขาบอกว่าเขาเป็นพวกชอบเสพข่าว เขาชอบการโต้วาที จริงๆ แล้ว มันคือเหตุผลที่เขาเข้ามาเป็นทหารเลย และเป็นเหตุผลว่าทำไมพี่ชายคนหนึ่งของเขาเป็น สส. Cowden เข้าใจดีว่าระหว่างที่ปฏิบัติภารกิจ เจ้าหน้าที่ Rainbow ไม่ควรแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมือง และจนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราควรเชื่อในตัวเขาว่าเขาจะควบคุมตัวเองได้ อย่างน้อยก็ก่อนที่จะเข้าผับ                                                                                             ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
BUCK
สังกัด: JTF2
หน้าที่: ตีโอบ,ตัวเจาะผนัง
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 1
อุปกรณ์
อาวุธหลัก: C8-SFW(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                CAMRS(ปืนไรเฟิลซุ่มยิง)
อาวุธรอง: MK1 9MM(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดพังสิ่งกีดขวางรุนแรง
             ระเบิดสตั้น
ความสามารถพิเศษ: SKELETON KEY
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Sebastien Côté
วันเกิด: 20 สิงหาคม(อายุ 36)
สถานที่เกิด: มอนทรีออล (ควิเบก)
ชีวประวัติ
"ตามมา ฉันรู้ทางลัดแถวนี้ดี"
Côté เกิดมาในครอบครัวทหารและอยู่ในกองกำลังสำรองของแคนาดาตลอดทั้งช่วงชีวิต ในรั้วมหาวิทยาลัย หลังจากจบการศึกษาในสาขาอาชญาวิทยา เขาสมัครเข้ากองทัพแคนาดาและได้รับมอบหมายตำแหน่งสารวัตรทหาร เขาเชี่ยวชาญการฝึกซ้อมในสถานการณ์ความเสี่ยงสูง ถนัดทั้งการต่อสู้ระยะประชิดและระยะไกล การช่วยเหลือทางน้ำ และการเดินเรือติดอาวุธ ซึ่งทั้งหลายทั้งมวลทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่แข็งแกร่งสำหรับทีมรับมือเหตุฉุกเฉิน RCMPแม้ว่าจะได้รับเลือกเข้าร่วมกับหน่วยจู่โจมชื่อดังระดับโลกอย่าง JTF2 แต่ Côté ก็ยังคงพัฒนาทักษะเฉพาะตัวของเขา ประกอบไปด้วย ทักษะการขับยานพาหนะความเร็วสูงทั้งบนบกและในน้ำ การจัดการวัตถุดิบอันตรายร้ายแรง และช่วยเหลือตัวประกัน เมื่ออยู่ภายใต้ความกดดัน เขาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความคิดที่ยืดหยุ่น ความเป็นมิตรและการเป็นผู้นำแบบหยั่งรู้ทำให้เขาเป็นคนที่ยืดหยุ่นมากที่สุดคนหนึ่งในทีม Côté พูดได้ทั้งภาษาฝรั่งเศส อังกฤษ และภาษาปาทานได้อย่างคล่องแคล่ว และปัจจุบันเขาก็ได้ลงเรียนภาษาอินเดียนแดงตามความสนใจของเขา
รายงานทางจิตวิทยา
ผู้ชำนาญการ Sebastien “Buck” Côté เป็นคนที่มีนิสัยง่ายๆ คนหนึ่งที่ใครก็รู้สึกสบายใจเวลาพูดคุยด้วย ผมชอบการฝึกฝนที่เราทำด้วยกัน ในตอนแรกที่เราพบกัน เขาวางตัวแบบเป็นทางการแต่ก็ไม่ปิดกั้นจนเกินไป ผมพอจะรู้ว่าทำไม เขาถูกหลายคนมองว่าเป็นคนสบาย ๆ บนสนามรบ เขามักจะทำหน้าที่เข้ากับคนได้ในหลาย ๆ ตำแหน่ง โดยคนที่ทำหน้าที่พร้อมกับเขาต่างก็ชอบเขาCôté เป็นคนชอบการผจญภัย และกระตืนรือร้นมาก สำหรับทหารรุ่นเก๋าแบบเขา เขาเติบโตมาด้วยเรื่องเล่าการเดินทางของบรรพบุรุษที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปทั่วทั้งแคนาดา ทำงานเป็นคนวางกับดักสัตว์ และช่วยเหลือด้านแผนที่แก่การสร้างรางรถไฟและอุตสาหกรรมขุดเหมืองแร่ เขาบอกว่า เขาเพิ่งรู้ว่าปู่ทวดของเขาเกือบจะจมน้ำตาย แต่เพื่อนชนเผ่าอินเดียนแดงได้ช่วยเหลือไว้ ถ้าไม่ได้เพื่อนคนนั้นล่ะก็ ป่านนี้พ่อของ Côté ก็คงไม่ได้เกิดมาแล้ว และเพื่อเป็นการขอบคุณ เขาตั้งใจว่าจะเรียนภาษาอินเดียนแดงนี่เป็นการแสดงให้เห็นว่าตัวตนของ Côté เป็นเช่นไร เขามีความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงโลก และสิ่งที่เขาทำนั้นมันจับต้องได้และไม่เกินจริง เขาเป็นคนที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่แท้จริงโดยไม่สนว่าจะต้องแลกด้วยอะไรเขาเติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่น เป็นลูกคนกลาง ครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวที่แข็งแรงมาก และ Côté บอกว่ากิจกรรมวัยเด็กของเขาคือการออกไปผจญภัยนอกบ้าน เขากระตือรือร้นที่จะเล่าถึงความหลงใหลในกลไกเครื่องจักร มันคือเขาวงกตที่ซับซ้อนของเศษเหล็กที่มาประกอบเข้าด้วยกัน และความท้าทายคือการนำเศษเหล็กพวกนั้นมารวมกันอีกครั้ง Côté บอกกับผมว่าลุงของเขาเป็นคนสอนเขาทำ และเขาก็ทำมันต่อมาเรื่อย ๆ จนถึงตอนนี้ ชิ้นที่เขาเอามาให้ดูมันไม่ใช่แค่เป็นการออกแบบของเขา แต่ Côté เป็นคนกลึงเศษเหล็กพวกนั้นเองด้วย การที่เขาสามารถออกแบบและสร้างชิ้นส่วนที่มีความซับซ้อนขนาดนี้ได้แสดงให้เห็นว่า Côté เป็นคนที่มีความคิดเชิงวิเคราะห์ และมีหัวศิลป์เช่นกัน แค่หวังว่าเขาจะไม่ทิ้งมันไว้กับผม มันคงทำให้ผมอายไม่เบาถ้าต้องไขกลไกยาก ๆ แบบนี้                                                       ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
BLACKBEARD
สังกัด: Bellevue Washington
หน้าที่: แนวหลัง,ยิงคุ้มกัน,โล่
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: MK17 CQB(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                SR-25(ปืนไรเฟิลซุ่มยิง)
อาวุธรอง: D-50(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดพังสิ่งกีดขวาง
             ระเบิดสตั้น
ความสามารถพิเศษ: โล่ติดไรเฟิล
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Craig Jenson
วันเกิด: 12 มีนาคม(อายุ 32)
สถานที่เกิด: เบลเลอวู (วอชิงตัน)
ชีวประวัติ
"ผมเป็นนักดำน้ำ เราเคยเห็นสิ่งอันตรายผ่านชั้นของเลนส์"
แทนที่จะเดินรอยตามประเพณีของครอบครัวในด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ Jenson เข้าร่วมกับกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา การที่เขาได้เข้ากับองค์การลูกเสือแห่งชาติและและองค์กรบริการทางทหารทางทะเลแห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ (บลู แองเจิลส์) ทำให้ความต้องการในการรับใช้ชาติและเห็นโลกภายนอกแข็งแกร่งขึ้นไปอีก การเข้าร่วมกับกองทัพทำให้เขาได้รับโอกาสที่ดีที่สุดในการทำตามความฝันในด้านการศึกษา และได้เรียนรู้ทักษะด้านต่าง ๆ มากมายที่เป็นสิ่งเต็มเติมจิตวิญญาณของเขา หลังจากที่จบช่วงแรก Jenson มุ่งมั่นที่จะเข้าร่วมกับเนวีซีลให้ได้ ความมุ่งมั่นเพื่อที่จะประสบความสำเร็จทั้งด้านอาชีพและชีวิตส่วนตัวของเขา ทำให้ได้ทำสิ่งต่าง ๆ มากมาย เช่น ปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ เข้าร่วมแข่งขันพายเรือของสหรัฐฯ และได้พายเรือรอบโลกมาแล้วหลายครั้ง
รายงานทางจิตวิทยา
ผู้ชำนาญการ Craig “Blackbeard” Jenson มีความเป็นผู้นำอยู่ในตัว รวมกับมีนิสัยตลกและเสียงหัวเราะที่ดังสนั่น นอกเหนือจากบทบาทหน้าที่แล้ว Jenson ดูเหมือนจะไม่ค่อยจริงจังกับอะไรเท่าไร ตอนที่เราคุยกันเขาดูผ่อนคลาย และเปิดรับกับทุกอย่าง เขาอธิบายตัวเองว่าเป็นพวก “กระเหี้ยนกระหือรือและทุ่มสุดตัว" ผมยอมรับเลยว่าไม่ค่อยได้ยินคำว่า "กระเหี้ยนกระหือรือ" บ่อยซักเท่าไรแข็งแรง บึกบึน นักปีนเขา และนักพายเรือมืออาชีพ Jenson บอกว่าเขารู้สึกเป็นตัวเองมากที่สุดเวลาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เขาบอกว่าธรรมชาติช่วยในการปรับตัวและสร้างกำลังใจ ความอดทน และการยอมรับ ดูเหมือนว่านี่คือสิ่งที่เขาพัฒนาตั้งแต่ยังเด็ก ผมถามเขาว่ามีอะไรอีกมั้ยที่เขาอยากทำถ้าไม่ได้มาเป็นทหาร เขาบอกว่า เคยคิดถึงการเป็นนักสมุทรศาสตร์ แต่ตอนนี้ "ยังมีอีกหลายอย่างให้ทำในการเป็นสมาชิกของซีล"ผมถามเขาว่ารู้สึกตัวตอนไหนว่าเป็นคนชอบผจญภัย ตอนเขาอายุได้ห้าปี เขาหนีออกจากบ้านแล้วแบกของตั้งแคมป์ เข้าป่าหลังบ้านไปคนเดียว เขาตั้งแคมป์อยู่ในนั้นสองวัน แล้วจึงกลับออกมาเพื่อไม่ให้พ่อแม่ต้องเป็นห่วง เขามารู้ทีหลังว่าพวกท่านรู้อยู่แล้วว่าเขาหายไปไหน และคอยจับตาดูอยู่ตลอด เขาเสียดายที่ไม่อยู่ให้นานกว่านั้นเขาบอกว่า วันหนึ่งปู่ของเขาลาออกจากงาน ทิ้งภรรยาและลูกไว้ และเดินทางไปภาคเหนือเพื่อเป็นนักขุดทอง Jenson บอกว่าเขาได้เรื่องนี้มาจากปู่เต็ม ๆ แต่เขาไม่คิดจะทิ้งภรรยาและลูกของเขาไปแน่นอนตอนนี้โจรสลัดเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากสำหรับกองทัพเรือ และ Jenson ก็ได้เข้าร่วมในภารกิจต่อต้านโจรสลัดมาหลายครั้งแล้ว ถึงจะเป็นแบบนั้น ตอนที่เขาอยู่บ้านเขาชอบเล่นเป็นโจรสลัดกับลูก ๆ Jenson บอกว่า โจรสลัดเป็นพวกให้ความสำคัญกับความเสมอภาค และมันก็คล้ายกับสิ่งที่ทีม Rainbow ทำตอนปฏิบัติภารกิจเขาเป็นเจ้าหน้าที่ที่แข็งแกร่ง และเข้าใจหน้าที่ของตัวเอง เขาทำได้ดีอย่างมากและทีมก็ชอบเขามาก ถ้าเขาอยากจะเล่นเป็นโจรสลัดในเวลาว่าง ผมคิดว่ามันก็น่าสนุกดี                        ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
Capitão
สังกัด: BOPE
หน้าที่: ปิดพื้นที่,ตีโอบ,แนวหน้า
เกราะ: 1 ความเร็ว: 3 ระดับความยาก: 2
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: PARA-308(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                M249(ปืนกลเบา)
อาวุธรอง: PRB92(ปืนพก)
อุปกรณ์: CLAYMORE
             ระเบิดพังสิ่งกีดขวางรุนแรง
ความสามารถพิเศษ: หน้าไม้ยุทธวิธี
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Vicente Souza
วันเกิด: 17 พฤศจิกายน(อายุ 49)
สถานที่เกิด: โนวาอิกัวซู (บราซิล)
ชีวประวัติ
“โฟกัสแต่เรื่องแย่ ๆ ในชีวิตจะทำให้คุณมองไม่เห็นเรื่องดี ๆ"
Souza เป็นลูกคนเล็กสุดจากพี่น้องทั้งสามคน เขาถูกเลี้ยงดูม��ในเมืองโนวา อิกัวซูแถบชานเมืองของ รีโอเดจาเนโร การตายของพี่ชายโดยคนค้ายาเป็นแรงกระตุ้นให้ Souza เข้าร่วมกับหน่วยตำรวจทหาร ที่ที่เขาได้ฝึกฝนอาวุธหลากหลายชนิด และกลยุทธ์การบุกทะลวง ระหว่างที่จู่โจมผู้ก่อการร้าย Souza ถูกซุ่มโจมตีและจับเป็นตัวประกัน แม้ว่าจะสูญเสียดวงตาไปหนึ่งข้าง และโดนซ้อมอย่างโหดเหี้ยม เขายังอดทนจนมีชีวิตรอดอยู่ได้นานถึงสองเดือน จนในที่สุดเขาก็ถูกช่วยเหลือออกมา Souza เป็นตัวแทนคติที่ว่า ชัยชนะเหนือความตาย ของพวกเขาได้อย่างดี และด้วยประสบการณ์ด้านการรบในเมือง ทำให้หน่วยยุทธวิธีของตำรวจทหาร (BOPE) ได้เกณฑ์เข้ามาในหน่วยหลังจากที่หายจากอาการบาดเจ็บ เขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านองค์กรและพฤติกรรมทางจิตวิทยาของผู้ก่อการร้าย และการต่อสู้เพื่อกำจัดยาเสพติดทำให้เขาถูกตั้งค่าหัวไว้ไม่น้อย
รายงานทางจิตวิทยา
จากทุกคำบอกเล่าว่าอะไรทำให้ ผู้ชำนาญการ Vicente “Capitão” Souza เป็นเจ้าหน้าที่ที่เยี่ยมยอด ไม่ว่าจะเป็น ความทุ่มเท สมาธิ การวิเคราะห์ แต่หัวใจของเขาคือคนที่รักครอบครัว ทุกๆ ขั้นตอนในการตัดสินใจเขาทำเพื่อปกป้องครอบครัว และทำให้โลกปลอดภัยมากขึ้นการถูกเลี้ยงดูมาในชุมชนที่รักใคร่กันดี ทำให้เขาส่งต่อความรักให้ลูกๆ ทั้งสาม ไม่แปลกที่เขาไม่เคยเอาชนะความโศกเศร้าที่เสียพี่ชายไปได้เลย เขาตั้งชื่อลูกชายคนโตตามพี่ชายเพื่อเป็นเกียรติ และพวกเขามักจะเล่าเรื่องราวต่างๆ เพื่อไม่ให้เรื่องราวของพี่ถูกลืม ช่วงเวลาที่ Souza ชอบมากที่สุดคือตอนที่ทุกคนอยู่พร้อมหน้ากัน และพื้นที่เงียบๆ ปลอดภัย ที่เขาสร้างไว้ในบ้านก็เพื่อผ่อนคลาย และรู้ได้ว่าครอบครัวจะปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้ๆเขายอมรับว่า ไม่เชื่อใจเพื่อนของลูกๆ แต่เขาก็กังวลว่าเขาคิดมากเกินไปรึเปล่า ฟังดูเหมือนว่าเขาเลี้ยงดูลูกๆ ให้ฉลาดในการใช้ชีวิต ผมสังเกตเห็นความกลัวที่จะสูญเสียลูกๆ ของเขามากกว่าพ่อแม่คนอื่นๆ เยอะเลยแม้ว่าจะมีการคุยกันว่าจะเอาเขาออกจากสนามรบหลังจากที่เขาเคยโดนจับตัว และพิการ ผมว่าเราควรคุยกันว่าเขารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น ที่ผ่านมานานแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่ผมอยากยกขึ้นมาคุยในครั้งแรกที่เจอกันเท่าไร ผมเลยเก็บเอาไว้ค่อยคุยภายหลัง แต่ที่แน่นอนเลยมันเปลี่ยนแปลงเขา Souza นั้นยึดมั่นในความยุติธรรมและปกป้องผู้ที่ป้องกันตัวเองไม่ได้ มันทำให้เขาไม่ย่อท้อ เขาจะคอยอ่านความคิดของผู้ก่อการร้ายอยู่ตลอดเวลา เพื่อหาจุดอ่อน มันคืองานที่ผู้บังคับใช้กฎหมายไม่สามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียวความคิดและประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ทำให้เขาเป็นบุคคลที่ทุกทีมต้องการ แต่สิ่งสำคัญคือเขาต้องแยกระหว่างหน้าที่และความคิดของตัวเองให้ดี เราทุกคนต้องการให้คนเข้าใจ แต่เราต้องมั่นใจว่าเราก็ต้องทำให้คนอื่นเข้าใจเราเช่นกัน                                                                                                                  ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
HIBANA
สังกัด: S.A.T.
หน้าที่: แนวหลัง,แนวหน้า,ตัวเจาะเหล็ก
เกราะ: 1 ความเร็ว: 3 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: TYPE-89(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                 SUPERNOVA(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: P229(ปืนพก)
               BEARING 9(ปืนสั้นอัตโนมัติ)
อุปกรณ์: ระเบิดสตั้น
             ระเบิดพังสิ่งกีดขวาง
ความสามารถพิเศษ: X-KAIROS
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Yumiko Imagawa
วันเกิด: 12 กรกฎาคม(อายุ 34)
สถานที่เกิด: นาโกยา (ญี่ปุ่น)
ชีวประวัติ
"คิวโดะคือการทำสมาธิ และระเบิดคือหนึ่งในวิธีทำสมาธิ"
Imagawa เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการทหารและการแทรกแซงพื้นที่อันตราย และมีทักษะความเป็นผู้นำ เธอได้การสนับสนุนจากครอบครัวในการฝึกฝนคิวโดะตั้งแต่ยังเด็ก และมีความสามารถในการประเมินสิ่งต่างๆ ได้ในเวลาเดียวกัน ทั้งการเล็ง การควบคุม และท่าทางที่ลื่นไหล เธอได้รับจากการฝึกอบรมกับ CTUs ต่างๆ ทั่วโลกเช่น SAS, FBI SWAT และ GIGN Hibana มีความสามารถทางยุทธวิธีหลายด้านอย่างหาตัวจับยาก ซึ่งรวมถึงความช่ำชองในการโจมตีในที่แคบ (รถบัส รถไฟ และเครื่องบิน) ระหว่างที่เธอเรียนที่โรงเรียนตำรวจแห่งชาติเธอได้รับฉายา Hibana เนื่องจากอุปกรณ์ระเบิดแสวงเครื่องของเธอ เธอพูดได้หลายภาษาและใช้อาวุธได้ทุกชนิด Imagawa ได้รับคัดเลือกจากหน่วยพิเศษของกรมตำรวจจังหวัดไอจิ ซึ่งเทคนิคและความสามารถพิเศษหลากหลายทำให้เธอสามารถก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
รายงานทางจิตวิทยา
ผู้ชำนาญการ Yumiko “Hibana” Imagawa เป็นคนที่มีความสามารถอย่างมาก มีเจ้าหน้าที่แค่ไม่กี่คนที่ได้รับคำชมมากเท่าเธอ เธอมีกลยุทธ์ที่หลากหลายที่ได้มาจากพื้นหลัง และการที่ทำให้คนในทีมไม่กดดัน และเธอยังงดงามมากอีกต่างหากการสนทนาของเราสนุกมาก Imagawa มีวิธีเล่าประสบการณ์ของเธอได้ลื่นไหลมาก สำหรับคนที่เดินทางมาทั่วโลก ได้เจอกับวัฒนธรรมหลากหลาย แต่เรื่องที่เธอชอบที่สุดคือบ้านเกิดวัยเด็กของเธอ เช่น ตอนที่พ่อของเธอกลับถึง���้านจากการทำงานเป็นคนขายเนื้อ และแม่ของ Imagawa ไม่ยอมให้เขาเข้าบ้านจนกว่าจะได้ฉีดน้ำล้างตัวพ่อของเขาที่สวน ภาพพ่อของเธอที่เปียกปอน เต้นเท้าเปล่าอยู่ท่ามกลางน้ำนั่นคือสิ่งที่ครอบครัวของเธอชอบมาก ๆ ผมชอบเรื่องนี้มากความทรงจำแบบนี้จะช่วยทำให้เราไม่ลืมอดีต และผมสงสัยว่าการที่เธอซ้อมคิวโดะช่วยเธอเรื่องนี้ด้วยรึเปล่า ตอนที่ผมบอกว่าเธอมีออร่าของความสงบเงียบจากภายใน เธอหัวเราะและเรียกผมว่า "ฮิปปี้"  ผมอยากเห็นว่าเธอจะสามารถโน้มน้าวคนอื่นๆ ให้มีความสงบแบบเธอได้มั้ย การฝึกฝนกับ CTUs ต่างๆ มากมายทำให้เธอทำหน้าที่ได้อย่างเหมาะสม และ Imagawa ก็ได้รับความเคารพอย่างมากเมื่ออยู่กับ Rainbowผมรู้สึกได้ว่าแรงกระตุ้นของ Imagawa นั้นมาจากภายใน แต่ก็ยังได้มาจากการแข่งขันกับเจ้าหน้าที่คนอื่นอีกเช่นกัน อย่างน้อยในรายงานก็บอกไว้เช่นนั้น Imagawa ดูเหมือนมักจะไม่ค่อยมีความอดทนกับผู้ชำนาญการ Grace “Dokkaebi” Nam แม้ว่าพวกเขาจะใช้เวลาในแล็บด้วยกันบ่อยครั้งเรื่องนี้ทำให้ผมแปลกใจเพราะยังทำความเข้าใจกับมันไม่ได้ เมื่อผมถาม Imagawa ก็บอกว่าผมเข้าใจผิด และ Dokkaebi ก็ดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตหรือไม่ได้สนใจ ผมได้อ่านรายงานและลางสังหรณ์ของผมก็เกิดขึ้นจากการฝึกฝนร่วมกันกับ GIGN เป็นไปได้ว่า Imagawa อาจจะอิจฉาความง่าย ๆ ของ Nam ซึ่งตรงกับบันทึกเกี่ยวกับน้องสาวของ Imagawa แต่ผมก็ยังอยากจะสืบเรื่องนี้ต่อ พวกเขาอาจจะไม่ได้ผิดใจอะไรกัน แต่มันอาจจะส่งผลกับปฏิบัติการในอนาคต และเราจะไม่สามารถคาดเดาได้ ถ้าผมยังไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่สั่นคลอนความสงบเงียบของ Imagawa                                                                  ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
JACKAL
สังกัด: G.E.O.
หน้าที่: ต่อต้านการโรม,ตัวเก็บข้อมูล
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 3
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: C7E(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                PDW9(ปืนกลมือ)                
                ITA12L(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: USP40(ปืนพก)
               ITA12S(ปืนลูกซอง)
อุปกรณ์: CLAYMORE
             ระเบิดควัน
ความสามารถพิเศษ(EYENOX MODEL III)
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Ryad Ramírez Al-Hassar 
วันเกิด: 29 กุมภาพันธ์(อายุ 49)
สถานที่เกิด: เซวตา (สเปน)
ชีวประวัติ
"คุณหนีผมไปไม่ได้หรอกแต่จะลองดูก็ได้นะ"
ชีวิตในวัยเด็กของAl-Hassar ค่อนข้างจะคลุมเครือเนื่องจากมีประวัติการเลี้ยงดูไม่ครบถ้วน แต่สุดท้ายแล้วก็ถูกดูแลโดยพี่ชายของเขาที่ชื่อ Faisal พวกเขาทั้งสองคนหายไปจากการบันทึกอยู่หลายปีจนกระทั่งการฆาตกรรมที่ยังไม่คลี่คลายของ Faisal และทิ้งให้ Al-Hassar อยู่อย่างไร้บ้านอีกครั้ง Al-Hassar ต้องการที่จะหาตัวผู้ที่ฆ่าพี่ชายของเขาและเข้าร่วมกับกองกำลังตำรวจแห่งชาติในวันที่เขาอายุได้สิบแปดปี Al-Hassar ได้รับการช่วยเหลือจากคนดูแลและเติบโตอย่างรวดเร็วในกองกำลัง เขาเป็นคนที่เรียนรู้ไวและมีการคิดวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม ความมุ่งมั่นของเขาช่วยปิดคดีอาชญากรรมอย่างมากมาย แต่โชคไม่ดีที่เคสของพี่เขายังไม่ถูกปิด เขาได้เข้าร่วมกับหน่วยยุทธวิธีของตำรวจแห่งชาติสเปนเพื่อการฝึกฝน และ Al-Hassar ยังเชี่ยวชาญในการขับรถ ไต่เชือก ซุ่มยิง และความรู้ในเรื่องกลุ่มผู้ก่อการร้าย เขาถูกเชิญให้ไปพูดและเป็นผู้ฝึกสอนที่สถานศึกษา CNP อยู่บ่อยครั้ง
รายงานทางจิตวิทยา
ตั้งแต่ที่เขาจำความได้ ผู้ชำนาญการ Ryad “Jackal” Ramírez Al-Hassar เป็นคนที่ทำงานกลางคืนอยู่เสมอมา ส่วนหนึ่งก็เพราะอาชีพของเขาด้วย จนมันทำให้เขามีอาการนอนไม่หลับ ณ จุดนี้ Al-Hassar จำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ได้นอนอย่างเต็มอิ่มคือตอนไหนเรื่องการตายของพี่ชายไม่เคยหายไปจากความคิด ยิ่งเวลาผ่านไปนาน โดยที่ยังหาตัวคนทำผิดไม่ได้ทำให้เขายิ่งโกรธแค้น ผมรู้สึกได้ว่าเขารู้สึกผิดจากคำพูดบางอย่าง แต่พอผมพูดไปเขาก็ไม่เห็นด้วย แต่เขาก็เห็นด้วยที่จะลองสำรวจเพิ่มเติมดู ยิ่งเพราะความรู้สึกผิดเกิดขึ้นหลังจากที่เขาออกจากการทำงานเป็นผู้ตรวจสอบทางอาญา มันฝังลงไปลึก และผมไม่คิดว่ามันจะส่งผลกับงานของเขา แต่ระวังไว้ก็ดีกว่าAl-Hassar มีความสัมพันธ์ที่แน้นแฟ้นกับเพื่อนร่วมทีมหลายคน เช่น ผู้ชำนาญการ Mike “Thatcher” Baker, Emmanuelle “Twitch” Pichon และ Olivier “Lion” Flament เขาทำงานอย่างใกล้ชิดกับ ผู้ชำนาญการ Elena María “Mira” Álvarez ผมสามารถสังเกตได้จากที่พวกเขาเคารพซึ่งกันและกันอย่างมากประสบการณ์ในอดีตทำให้ Al-Hassar เป็นคนระมัดระวัง และมีความยุติธรรมอันแรงกล้า เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่าไร แต่ก็สามารถตรวจสอบตัวเองได้ก่อนที่จะทำงานอันตรายๆ เขาบอกกับผมว่าก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติการ เขานึกภาพปุ่มด้านจิตใจถูกกด และ "ปุ่ม" พวกนี้ก็ทำให้เขามีสมาธิกับงานได้ ยังไงก็แล้วแต่ ผมอยากจะศึกษาเรื่องนี้ให้ลึกขึ้น เพื่อที่เราจะสามารถช่วยอะไรเขาได้บ้าง ผมต้องมั่นใจว่าเขาจะไม่ต้องกดปุ่มอะไรนอกเหนือจากเรื่องงานอีกผมได้บอกเขาว่าให้ลองใช้ชีวิตเพื่อตัวเองบ้าง เขาได้ลองทำตามโดยไปเป็นผู้ฝึกสอนที่สถานศึกษา นี่ช่วยบอกได้ว่าไม่ใช่แค่ทักษะของเขาเท่านั้นที่มีค่ากับตำรวจรุ่นใหม่ ๆ แต่มันช่วยสร้างความผูกพันที่เขาไม่เคยมีขึ้นมาด้วย ผมเพิ่งได้รู้ว่าการสนทนาของเราทำให้ Al-Hassar อาสาที่จะช่วยเยาวชนที่มีความเสี่ยง การช่วยเหลือผู้อื่นให้มีความปลอดภัยในชีวิตช่วยให้จิตใจของเขามั่นคงขึ้นด้วยเช่นกัน                                  ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
YING
สังกัด: S.D.U
หน้าที่: ลดความสามารถ,แนวหน้า
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 2
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: T-95 LSW(ปืนกลเบา)
                 SIX12(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: Q-929(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดพังสิ่งกีดขวางรุนแรง
             ระเบิดควัน
ความสามารถพิเศษ: แคนเดล่า
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Siu Mei Lin
วันเกิด: 12 พฤษภาคม(อายุ 33)
สถานที่เกิด: ฮ่องกง (เซ็นทรัล)
ชีวประวัติ
"การปกป้องคนอื่นเป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้าคุณไม่ชอบ ก็อย่าฝืนทำ"
เติบโตมาในย่านเซ็นทรัลของฮ่องกง Siu กลายเป็นเจ้าหน้าที่คุ้มกันทันทีตั้งแต่เรียนจบมัธยม เธอได้พัฒนาระเบิดระยะประชิดและทักษะการต่อสู้ด้วยการเรียนแบบส่วนตัว เธอเข้าร่วมกับทีมรักษาความปลอดภัยระดับสูงด้วยเป้าหมายเพื่อที่จะเป็นเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญทุกรูปแบบ เธอเดินทางไปที่เทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เพื่อฝึกซ้อมและทำงานให้กับกองพันทหารราบอยู่สองปี จนได้พัฒนาทักษะด้านการใช้อาวุธปืนและการขับขี่เชิงต่อสู้ เธอกลับมาที่ฮ่องกง และได้เข้าร่วมกับกองกำลังตำรวจ จากนั้นจึงเข้ากับทีม SDU: Flying Tigers การฝึกฝนร่วมกันระหว่าง S.A.S และความคิดสร้างสรรค์ในการใช้ระเบิดแสงของเธอทำให้เธอได้รับโค้ดเนมว่า Ying (หิ่งห้อย) เธอถูกเรียกตัวไปป���ิบัติหน้าที่อยู่บ่อย ๆ เพราะประสบการณ์ในการคุ้มครองคนสำคัญ และปฏิบัติการความเสี่ยงสูง Siu คือหนึ่งในผู้ชำนาญการที่ดีที่สุดสำหรับปฏิบัติการที่มีประชาชนของฮ่องกงข้องเกี่ยวเยอะ ๆ
รายงานทางจิตวิทยา
เหล่าผู้บัญชาการมีแนวโน้มจะมองผู้ชำนาญการ Siu “Ying” Mei Lin ว่าเป็นพวกหัวโบราณ แม้ว่าเธอจะมีวิธีวางกลยุทธ์ที่ดูโบราณ แต่เธอก็สามารถปรับเปลี่ยนแผนได้รวดเร็วอย่างน่าตกใจ เราสามารถเห็นมันได้จากทักษะการขับรถเชิงต่อสู้ของเธอ การปรับเปลี่ยนเส้นทางในเสี้ยววินาที มันน่าประทับใจอย่างมากแม้ว่าเธอจะเป็นคนที่จริงจังและจู้จี้ไปบ้าง แต่ลูกค้าและเพื่อนร่วมทีมของเธอต่างก็รู้สึกปลอดภัยเมื่อมีเธออยู่ใกล้ เธอมีการวางตัวที่ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลาย แม้ว่าเธอจะกำลังตรวจสอบพื้นที่รอบ ๆ เพื่อเช็คสิ่งอันตรายอยู่ก็ตาม ผมสงสัยว่าความจู้จี้จุกจิกนั้นมาจากขั้นตอนการฝึกฝนของเธอหรือว่านิสัยของเธอ เธอตอบกลับมาว่า "ข้อหนึ่ง ข้อสอง"เธอมีวัยเด็กที่แสนสบาย แต่เธอบอกว่ามัน "น่าเบื่อ" แม่ของเธอเป็นข้าราชการของฮ่องกงและเธอเติบโตมาโดยที่มีแต่ผู้ใหญ่ที่เคร่งเครียด พูดแต่เรื่องเคร่งเครียด พออายุได้ประมาณสิบปี Siu ก็หลุดพ้นจาก "บทสนทนาน่าเบื่อ" และออกไปใช้ชีวิตอยู่ในเมือง ความทรงจำที่เธอชอบที่สุดคือการได้นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน และลงที่สถานีอะไรก็ได้ตามใจ และเธอบอกว่าทุกครั้งที่เธอไปเที่ยว เธอก็จะทำแบบนี้ทุกครั้ง เธอบอกว่าวิธีที่จะทำให้รู้จักสถานที่ได้ดีที่สุดคือคุณต้องให้สถานที่พาคุณไปน่าเสียดายที่นิสัยการผจญภัยของเธอไม่ได้ปรากฏในไฟล์ของเธอ หลังจากเราคุยกันเสร็จ มันชัดเจนว่า Siu มีสัญชาติญาณการผจญภัยและไม่เกรงตัวต่อประสบการณ์ใหม่ ๆ เธอแสดงให้เห็นว่าเธอตื่นเต้นกับปฏิบัติการร่วมและเป็นคนแรก ๆ ที่อาสาเสมอพูดถึงเรื่องอาชีพของเธอ เธอไม่เคยลังเลเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของเธอเลยซึ่งทำให้ผู้บัญชาการของเธอต้องบังคับให้เธอไปพักบ้าง ความจริงจังของเธออาจจะทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดได้ ผมคิดว่าเธอเป็นคนที่คำนึงถึงความเสี่ยงอยู่เสมอ เธอรู้วิธีทำลายและปั่นป่วนฝ่ายตรงข้าม ทีมเห็นว่าเธอเป็นคนที่ทรงคุณค่า แต่เธอต้องการให้มีผู้นำเชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจน และผมคงต้องเตือนเหล่าผู้บัญชาการไว้ว่าอย่าประมาทเธอเด็ดขาด                                                                                      ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
ZOFIA
สังกัด: G.R.O.M
หน้าที่: ต่อต้านการโรม,ลดความสามารถ,หยุดการทำงาน,ตีโอบ,
           ตัวเจาะผนัง
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: LMG-E(ปืนกลเบา)
                M762(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
อาวุธรอง: RG-15(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดพังสิ่งกีดขวาง
             CLAYMORE
ความสามารถ: KS79 LIFELINE
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Zofia Bosak
วันเกิด: 28 มกราคม(อายุ 36)
สถานที่เกิด: วรอตสวัฟ (โปแลนด์)
ชีวประวัติ
"มันไม่ใช่ว่าจะจบลงที่ไหน แต่มันเกี่ยวกับคุณกลับไปได้อย่างไร"                                    Zofia Bosak คือลูกสาวคนโตของ Jan Bosak อดีตผู้บัญชาการกองกำลังพิเศษ GROM เธอชำนาญการฝึกฝนด้านต่างๆ จากการฝึกซ้อมโดยพ่อของเธอ เธอเรียนรู้เทคนิคมากมาย รวมถึงสิ่งที่ปกติทั่วไปไม่มีใครเรียนกัน ทัศนคติอันเยี่ยมยอดของ Zofia ทำให้เธอผ่านการทดสอบของ GROM ด้วยคะแนนสูงสุด เธอพัฒนาทักษะต่าง ๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากการต่อสู้ระยะประชิด และการซุ่มยิง การเอาชีวิตรอด การก่อวินาศกรรม การล่อลวงเป้าหมาย และแพทย์สนาม เป้าหมายในการเป็นทหารที่สุดยอดที่สุดในทุกหน่วยที่เธออยู่ Zofia มีสมาธิในการปฏิบัติหน้าที่ของเธออย่างมาก และมันช่วยให้เธอสามารถช่วยอพยพผู้คนนับร้อย รวมถึงเด็ก ๆ ในภารกิจช่วยเหลือในกัวเตมาลาได้ด้วยตัวคนเดียว หลังจากนั้นเธอก็ได้รับรางวัลมากมายและได้รับการเคารพจากเหล่าผู้บัญชาการและเพื่อน ๆ ของเธอ Zofia เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีการตัดสินใจที่ดีมาก มีประสบการณ์ในการปฏิบัติภารกิจด้วยความดุดัน และยังมีสถิติประวัติผลงานทั้งนอกและในสนามรบที่ไม่มีใครทำลายได้อีกด้วย
รายงานทางจิตวิทยา
เรื่องราวของผู้ชำนาญการ Zofia “Zofia” Bosak นั้นมีความลึกมากกว่าที่เห็น และผมก็ยังคงไม่รู้อะไรอยู่ดีแม้ว่าจะพบกันมาหลายครั้งแล้ว เพราะงั้นเราจะไม่รีบร้อน ผมได้อ่านไฟล์ข้อมูลของเธอแล้ว และเพราะว่าพ่อของเธอเป็นคนดังและมีอิทธิพลมันหมายความว่าอาจจะมีการแก้ไขข้อมูลบางอย่างแม้จะเป็นเรื่องชีวิตส่วนตัวของเธอก็ตาม เธอไม่ได้แสดงท่าทีป้องกันตัวเองในการพูดคุยของเรา แต่เธอถูก... ทำให้ไขว้เขวด้วยหน้าที่ของผม เธอไม่อยากถูก "วิเคราะห์" ซึ่งมันคือสิ่งที่ผมได้รับมาแบบเดียวกันกับผู้ชำนาญการ Elżbieta “Ela” Bosak น้องสาวของเธอเลยZofia ไม่ชอบพูดถึงและไม่ชอบถูกพูดถึงชีวิตของเธอ โดยเฉพาะเกี่ยวกับสามีที่เป็นทหารและลูก ๆ ของพวกเขา เธอไม่ใช่คนที่จะ "คุย" จุกจิก ซึ่งมันทำให้ยี่สิบนาทีแรกของเราเงียบมาก หลังจากที่เล่าเรื่องครอบครัวของผมให้เธอฟัง เธอก็ได้เล่าถึงเรื่องตลก ๆ ที่ลูกของเธอชอบทำในทุกๆเช้าผมจะไม่เล่าให้ฟังเพราะผมอยากจะให้เธอไว้ใจ และผมเคารพในเรื่องส่วนตัวของเธอเธอรู้สึกขัดแย้งกันระหว่างความภาคภูมิใจในความสำเร็จและความรู้สึกที่เหมือนกับถูกริดรอนตัวเลือก เมื่อผมบอกว่า รายงานบอกว่าเธอเป็นคนที่สุดยอดนั้น เธอหัวเราะออกมา เธอบอกผมว่า บ่อยครั้งเธอรู้สึกเหมือนหุ่นยนต์ เหมือนกับว่ามีคนเขียนโปรแกรมและตอนนี้เธออยู่ในโหมดบินอัตโนมัติ มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่เราจะต้องกำจัดความรู้สึกแบบนั้นออกไปZofia เสียใจมากกับการจากไปของพ่อ เธอไม่เชื่อว่ามันคือการฆ่าตัวตายและถามผมว่าจะสามารถกู้ผลการชันสูตรศพของเขาได้หรือไม่ ผมไม่แน่ใจว่าผมจะมีใครที่ช่วยเรื่องนี้ได้ หรือคิดว่ามันจะเป็นความคิดที่ดีเลย เรื่องการจากไปของพ่อเธอมันฟุ้งอยู่ในสมอ��ของเธอและผมไม่เชื่อว่าการได้คำตอบจะทำให้เธอได้ในสิ่งที่เธอต้องการ ผมได้สนับสนุนให้เธอพยายามสานความสัมพันธ์กับน้องของเธอแทนที่จะเป็นเรื่องนั้น และให้เธอรักษาความสัมพันธ์อันดีที่เธอมีกับเพื่อนร่วมทีมและครอบครัวของเธอสิ่งที่ผมตะลึงมากที่สุดคือการที่ Zofia เผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้ได้ด้วยความใจเย็น ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะการฝึกฝนหรือการเลี้ยงดู แต่แน่นอนว่ามันเป็นทักษะที่มีคุณค่ามากๆ แต่ถ้ายังไม่สิ่งที่ต้องทำนั่นก็แปลว่ายังฉลองกันไม่ได้ และผมคาดหวังจากเธอมากกว่านั้น    ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
DOKKIEBI
สังกัด: 707TH SMB
หน้าที่: ต่อต้านการโรม,ตีโอบ,ตัวขัดขวางการเก็บข้อมูล,ตัวเก็บข้อมูล
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 2
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: MK14 EBR(ปืนไรเฟิลซุ่มย��ง)
                BOSG.12.2(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: GONNE-6(ปืนใหญ่มือ)
               SMG-12(ปืนสั้นอัตโนมัติ)
อุปกรณ์: ระเบิดควัน
             ระเบิดสตั้น
ความสามารถพิเศษ: LOGIC BOMB
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Grace Nam 
วันเกิด: 2 กุมภาพันธ์(อายุ 29)
สถานที่เกิด: โซล (เกาหลีใต้)
ชีวประวัติ
"คุณบอกว่าอุปกรณ์แย่ แต่ฉันทำให้มันเป็นบ็อทเน็ทได้"                                                ด้านคณิตศาสตร์และเทคโนโลยีของ Nam ทำให้เธอได้ทุนการศึกษา National Academic Excellence ที่ KAIST (สถาบันพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งเกาหลี) เธอปฏิบัติหน้าที่อยู่ในกองทัพบกเกาหลีใต้ (ROK) ที่ซึ่งความชำนาญด้านเทคโนโลยีของเธอทำให้เธอเข้าร่วมกับกองกำลัง 5163 ได้ เธอพยายามหาโอกาสใหม่ ๆ จากที่เป็นพนักงานออฟฟิศ Nam ได้รับตำแหน่งในกองกำลังพิเศษที่ 9 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Ghost ที่ที่เธอได้ฝึกฝนทักษะการปีนเขา การเอาชีวิตรอด และการรบแบบกองโจร Nam สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ใช้ประโยชน์จากความคิดสร้างสรรค์ ใช้วิธีคิดนอกกรอบเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ทักษะนี้ทำให้ USFK หรือกลุ่มภารกิจพิเศษที่ 707 สนใจในตัวเธอ เธอได้รับการสนับสนุนให้เน้นในเรื่องการบุกทะลวงการป้องกัน และการหาจุดอ่อนของเครือข่าย Nam ได้เข้าร่วมกับกลุ่ม 707 อย่างรวดเร็ว และได้ทำภารกิจร่วมกับผู้ชำนาญการ Chul Kyung Hwa โค้ดเนม "Vigil" จนทั้งคู่ได้เข้าร่วมกับ Rainbow ในเวลาต่อมา Nam ทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ชำนาญการ Masaru “Echo” Enatsu ในห้องแล็บของแผนกวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างเทคโนโลยีตอบโต้ใหม่ ๆ ขึ้นมา
รายงานทางจิตวิทยา
Grace Nam เป็นคนขี้เล่น ฉลาด จริงจัง และบ้าบิ่น เหมือนกับโค้ดเนมของเธอ Dokkaebi และเธอยังเป็นคนที่ซนมากอีกต่างหาก ไม่นานมานี้ รายงานระบุว่าเธอพยายามผลักดันให้เกินขีดจำกัดของตัวเอง และทีมของเธอก็รู้สึกเป็นห่วงว่าเธอมีความมั่นใจมากเกินไป เพิ่มเติมในส่วนนี้ รายงานด้านระเบียบวินัยหลายฉบับกล่าวไว้ว่าการกระทำของเธอมีความ "นอกรีต" ซึ่งผมก็เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น ผมอยู่ที่นั่นตอนที่เธอแฮกระบบ ผมเห็นถึงโอกาสขณะที่คนอื่นอยากให้เธอได้รับโทษNam เป็นเจ้าหน้าที่ที่มีพรสวรรค์ แต่ก็อย่าลืมว่าเธอคือหนึ่งในทหารหน้าใหม่ของ Rainbow และยังมีประสบการณ์การต่อสู้น้อยอยู่ งานที่นี่มันกดดัน และมีความเสี่ยงสูง บางวันผมก็รู้สึกได้ว่าเธออยากแค่อยู่หลังหน้าจอคอม ควบคุมสิ่งต่าง ๆ จากที่ที่ไม่มีใครสัมผัสตัวเธอได้ แต่เธอต้องการจะพัฒนา ต้องการเปลี่ยนตัวเอง และถ้าจะทำแบบนั้นให้ได้ เธอต้องท้าทายตัวเองผมมั่นใจว่าที่เธอมีความมั่นใจเกินไปก็เพราะเธอกลัว เธอกลัวว่าเธอจะไม่สมควรอยู่ที่นี่ เธอยังดีไม่พอ สำหรับเรื่องระเบียบวินัยนั้น ข้อบกพร่องนั้นจริง ๆ แล้วมาจากผู้บังคับบัญชา ไม่ได้มาจากตัว Nam แฮกเกอร์ที่มีพรสวรรค์นั้นไม่ใช่แค่คนที่เขียนโค้ดเก่ง พวกเขาเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีความสามารถในการมองเห็นการเชื่อมโยงต่าง ๆ ที่เรามองไม่เห็น ใช่ มันบ้าบิ่น ใช่ มันมีเรื่องที่เกี่ยวกับความเย่อหยิ่ง แต่ไม่ว่าพวกเขาจะมองแบบไหน พวกเขาต้องยอมรับว่ามันมีเหตุผลสำหรับความบ้าคลั่งของ Namตอนที่ผมถามเธอเกี่ยวกับวัยเด็ก เธอโม้ให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องทะเลาะวิวาท และเล่าถึงเรื่องแรงกดดันด้านการเรียนที่เธอต้องเจอ โรงเรียนจะทำให้พ่อแม่ต้องอับอายโดยเปรียบเทียบลูกๆ ของพวกเขาอย่างโจ่งแจ้ง เธอต้องแบกรับความคาดหวังมาตลอดทั้งชีวิต เพราะแบบนั้นการที่ให้ผู้ชำนาญการ hul Kyung “Vigil” Hwa มาตำหนิเธอ มันได้สร้างความเครียดที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลของ Namเธอบอกผมว่าปู่ย่าของเธอเป็นคนแนะนำให้เธอรู้จักกับพุทธศาสนา ตั้งแต่ตอนเด็ก และนั่นทำให้ตอนนี้เธอเริ่มเข้าวัดอีกครั้งนึงแล้ว ผมรู้สึกโล่งใจ นี่คือวิธีที่เธอใช้เพื่อทำให้จิตใจสงบ การฝึกทำสมาธิจะช่วยให้ Nam สามารถดึงศักยภาพของเธอออกมาได้อย่างเต็มที่ เสียงตะโกนของเธออาจจะทำให้เจ้าหน้าที่อย่างผู้ชำนาญการ Yumiko “Hibana” Imagawa รู้สึกรำคาญได้ แต่ก็ปล่อยเธอไปแบบนั้นแหละ                                                                                                          ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
FINKA
สังกัด: SPETSNAZ
หน้าที่: แนวหลัง,เพิ่มความแข็งแกร่ง
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: SPEAR.308(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                 6P41(ปืนกลเบา)
                 SASG-12(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: PMM(ปืนพก)
               GONNE-6(ปืนใหญ่มือ)
อุปกรณ์: ระเบิดพังสิ่งกีดขวางรุนแรง
             ระเบิดสตั๊น
ความสามารถพิเศษ: ฉีดอะดรีนาลิน
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Lera Melnikova
วันเกิด: 7 มิถุนายน(อายุ 27)
สถานที่เกิด: กอเมล (เบลารุส)
ชีวประวัติ
"สิ่งที่คุณได้รับ ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องเก็บไว้"                                                                       เกิดทางตอนเหนือของเชียร์โนบีลเมืองกอเมล ประเทศเบลารุส Melnikova เติบโตมาโดยที่ถูกรายล้อมด้วยคนที่มีความพิการตั้งแต่แรกเกิด แรงผลักดันจากอาการป่วยในวัยเด็กของเธอและผู้คนรอบตัว ทำให้ Melnikova มีความมุ่งมั่นที่จะหาทางรักษา เธอเรียนเกี่ยวกับเซลล์วิทยาและพันธุศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย Novosibirsk State จบปริญญาเอกในสาขาอณูชีววิทยา เธอยังคงอยู่ที่ NSU ต่อเพื่อทำงานวิจัยในห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีชีวภาพและไวรัสวิทยาหลังจากเรียนจบ โดยร่วมมือกับสถาบันการวิจัยสาธารณะและห้องปฏิบัติการภูมิคุ้มกันวิทยาเพื่อวิจัยหาการรักษาโรคด้านจุลชีพก่อโรคและโรคระบบประสาท รวมถึงโรคที่เธอเป็น งานวิจัยเปลี่ยนโลกของ Melnikova ที่กลายเป็นเครื่องกระตุ้นมอเตอร์โมโนเมอร์ ที่ผลักดันให้เธอพัฒนาในด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ชั้นสูงและเทคโนโลยีทางทหาร งานวิจัยของเธอได้ช่วยชีวิตเจ้าหน้าที่จาก Spetsnaz หลายรายจากวัสดุอันตราย ซึ่งทำให้เธอได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์ที่ช่วยเปิดโลกของเธอให้พบกับความเป็นไปได้ใหม่ ๆ เธอเข้าร่วมกับกองทัพและกลายเป็นผู้ชำนาญการของ Spetsnaz CBRN ในที่สุด Melnikova เป็นผู้ชำนาญการด้านสงครามชีวภาพในการฝึกฝนร่วมกับ CTU
รายงานทางจิตวิทยา
ผู้ชำนาญการ Lera “Finka” Melnikova มีบุคลิกที่คล่องแคล่วซึ่งเธอเลือกที่จะทำหน้าที่ที่มีความสำคัญรองลงมาเพราะอาการป่วยของเธอ มันช่างน่าเสียดาย ตั้งแต่นาทีแรกที่เธอเข้ามาในออฟฟิศของผมพร้อมกับกาแฟหอม ๆ และครัวซองต์สำหรับการพูดคุยของเรา พลังงานอันมีชีวิตชีวาของเธอได้แผ่ไปทั่วทั้งห้องแม้ว่า Melnikova เลือกที่จะไม่พูดคุยเรื่องอาการป่วย แต่เห็นได้ชัดว่ามันปรากฏอยู่ในความคิดทุกอย่างของเธอ อุปกรณ์ติดตามการออกกำลังกายของเธอส่งเสียงเตือนอยู่ตลอด ๆ เธอต้องคอยเติมน้ำใส่กระบอกน้ำ เธอไม่ชอบนั่งหรือยืนนาน ๆ การเคลื่อนไหวทุกอย่างของเธอถูกคำนวณมาแล้ว เธอไม่ใช่คนอยู่นิ่งไม่ได้หรือไม่มีความอดทน แต่เป็นการระมัดระวังสิ่งต่าง ๆ และคอยดูความต้องการของร่างกายเธอการดูแลสุขภาพตัวเองทำให้ Melnikova อยู่กับปัจจุบัน พิธีกรรมของเธอช่วยให้เธอมีสภาพร่างกายและสภาพจิตใจที่แข็งแรงยิ่งขึ้น มันเป็นวิธีที่ถูกและเหมาะสำหรับเธอ สิ่งที่ผมเป็นห่วงคือเธออาจจะไม่ได้เตรียมตัวสำหรับความผิดพลาดในการวางแผนอันระมัดระวัง ผมเลยแนะนำเธอว่า ขณะที่เธอยังคงคอนเซ็ปต์เดิมอยู่ ผมอยากให้เธอลองเปลี่ยนรูปแบบดูบ้างความใกล้ชิดกับอาการป่วยของ Melnikova ทำให้เธอมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลกระทบของความพิการหรือไร้ความสามารถต่ออัตลักษณ์ของคนที่ไม่เหมือนใคร งานวิจัยของเธอเกิดจากความุ่งมั่นของเธอเอง แต่ก็รวมถึงความรู้สึกผิดด้วย เธอรู้ดีว่าเธอไม่สามารถช่วยทุกคนได้ และมันสำคัญมากที่เธอจะต้องไม่ลืมเรื่องนี้ เราก็แค่มนุษย์คนหนึ่งเท่านั้นความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของเธอกับของสมาชิกหน่วยปฏิบัติการพิเศษแห่งรัสเซียและทีมของ Rainbow นั้นผลักดันให้เธอเป็นคนที่เก่งขึ้นและไม่วอกแวก พวกเขาเข้าใจถึงระดับความมุ่งมั่นที่เธอต้องมี การอุทิศตนของเธอให้กับพวกเขานั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าบางครั้งพวกเขาก็ไม่เห็นด้วยก็ตามสิ่งที่โดดเด่นสำหรับผมนั่นก็คือเสียงหัวเราะแบบเต็มที่ของ Melnikova มันคือเสียงหัวเราะที่มักจะหายไปเมื่อเธอจดจ่ออยู่กับอาการป่วยของเธอ ผมสนับสนุนให้เธอหาช่วงเวลาแห่งความสุขแบบนั้นให้บ่อย ๆ เพราะการตัดสินใจทุกอย่างของเธอนั้นมีความระมัดระวังมาก สิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับเธอมากที่สุดก็คือความสามารถในการทำให้ตัวเธอเองแปลกใจ                                                                    ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
LION
สังกัด: GIGN
หน้าที่: ต่อต้านการโรม,แนวหลัง,ลดความสามารถ,ตัวเก็บข้อมูล
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2
 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: V308(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                 417(ปืนไรเฟิลซุ่มยิง)
                 SG-CQB(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: GONNE-6(ปืนใหญ่มือ)
               LFP586(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดสตั้น                                                                     
             CLAYMORE
ความสามารถพิเศษ: EE-ONE-D
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Olivier Flament
วันเกิด: 29 สิงหาคม(อายุ 31)
สถานที่เกิด: ตูลูส (ฝรั่งเศส)
ชีวประวัติ
"การสับสนระหว่างสิ่งที่ถูกกับสิ่งที่ง่าย อาจนำพาคุณให้เจอเส้นทางที่อันตรายได้"              การแสดงออกว่าเป็นกบฏของ Flament ทำให้เขาต้องเข้าโรงพยาบาล ถูกครอบครัวปฏิเสธ และเกือบจะไร้ที่อยู่อาศัย เขาก็ได้เข้าร่วมกับกองกำลังฝรั่งเศสเพื่อหวังจะสามารถควบคุมชีวิตของเขาให้ได้ รายงานเบื้องต้นระบุว่าทักษะและความถนัดของ Flament เหมาะสำหรับการฝึกอบรมเฉพาะใน CBRN โครงสร้างเพิ่มเติมและวินัยที่เข้มงวดของการฝึกอบรมขั้นสูงทำให้เขาเก่งและได้รับคัดเลือกเข้าสู่กรมทหารม้าที่ 2 ที่ที่งานหลักของเขาเกี่ยวกับเรื่องเซ็นเซอร์ตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อมFlament แสดงความหลงใหลในแบคทีเรียวิทยาและไวรัสวิทยา ด้วยความตระหนักว่าความสามารถของเขาสามารถนำไปใช้ที่อื่นได้ดีกว่าเขาจึงลาออกจากกองทัพและเข้าร่วมกองทหารรักษาการณ์พร้อมด้วยมุมมองที่มีต่อกองกำลังปฏิบัติการสนับสนุนของ GIGN (FAO) ความสามารถในการรักษาสมาธิและปฏิบัติงานได้อย่างแม่นยำภายใต้สภาวะที่กดดัน ทำให้ผู้ชำนาญการ Melnikova สนใจในตัวเขาระหว่างปฏิบัติภารกิจร่วมกันในไนจีเรีย และเธอก็เป็นคนแนะนำให้เขาเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับ Rainbow อีกด้วย
รายงานทางจิตวิทยา
รอยแผลเป็น เจ้าหน้าที่บางคนของเรามีรอยแผลเป็นอื่น ๆ ที่มากกว่ารอยแผลเป็นบนร่างกาย อย่างไรก็ตามผู้ชำนาญการ Olivier “Lion” Flament ได้ใช้ชีวิตในรั้วทหารเพื่อช่วยรักษารอยแผลเป็นของเขา ไม่มีทางออกใดที่สมบูรณ์แบบ และความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ก็ได้ก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆ แต่เขาเปลี่ยนความผิดหวังให้กลายเป็นความมุ่งมั่น วิธีการของเขาได้รับแรงบันดาลใจจากการมุ่งเน้นที่เป็นเอกเทศซึ่งทำให้เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมที่เก่งกาจและเชื่อถือได้มากที่สุดสิ่งที่ผมพยายามบอกกับทีมของเราคือความสำคัญของการทบทวนความรู้สึกตัวเอง ด้วยความที่ Flament เป็นคาทอลิก เขาจึงเข้าใจเรื่องนี้ได้ดี เขาพูดถึงความเสียใจอย่างเปิดเผยและผมเห็นได้ว่าพวกเขาให้ความชัดเจนและวัตถุประสงค์กับเขา อดีตไม่ใช่สิ่งที่เขาลืมไปแล้วหรือพยายามลบ มันกระตุ้นเขา แต่ไม่ฉุดรั้งเขาไว้ตอนที่เราพูดคุยกัน ผมถามว่าอะไรคือสิ่งดีที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม บางคนพูดถึงอาหารเช้าอันสมบูรณ์แบบที่ได้กินหรือภาพยนตร์ที่ทำให้หัวเราะอย่างหนักจนน้ำตาไหล Flament พูดถึงความรักในดนตรีเฮฟวีเมทัล ความเชื่อ และลูกชายของเขาแม้ว่าความเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธโดยพ่อของเขาอาจไม่เคยจางหายไป แต่มันทำให้ Flament เลี้ยงดูลูกชายได้ดีมากขึ้น เขาให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของพวกเขา บางทีอาจเป็นเพราะตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้รู้จัก Alexis จริง ๆ เลย จากสิ่งที่ Flament เล่าให้ผมฟัง ผมสามารถเห็นผลลัพธ์ของความพยายามของเขาเจ้าหน้าที่ GIGN สามคนของเราทั้ง ผู้ชำนาญการ Emmanuelle“ Twitch” Pichon, Gustave“ Doc” Kateb และ Flament ล้วนถูกหลอกหลอนด้วยโศกนาฏกรรมทั้งนั้น เราจะปล่อยให้ความตึงเครียดของ Flament ต่อการตายของแพทย์และพยาบาลเกิดขึ้นต่อไปไม่ได้ การฝึกฝนร่วมกันกับ Kateb และ Flament ได้ถูกวางแผนไว้แล้ว เราจะแก้ปัญหานี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งFlament บอกผมว่า ต้องขอบคุณการได้เข้ารับราชการทหาร เขาได้ค้นพบตัวเองอีกครั้ง แต่ครั้งนี้คือคนที่แตกต่างออกไป ผมคิดว่ามันเป็นเหมือนการสร้างคนใหม่ขึ้นมา คนคนนั้นคือเจ้าหน้าที่ที่ทุ่มเท อาสาสมัครไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย... และพ่อที่ห่วงใย เขาเป็นคนแบบนี้มาเสมอ รอยสักคำขวัญกองทัพฝรั่งเศสที่ว่า "ขอโอกาสให้ข้าพเจ้าได้ส่องแสง" เล่าเรื่องราวของ Flament ได้อย่างดี ถ้าเขาอยากจะเติบโตขึ้นไปอีก เขาต้องยอมรับความสามารถที่แท้จริงของตนเอง นั่นคือการเปลี่ยนแปลงให้ได้                                                                        ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
MAVERICK
สังกัด: THE UNIT
หน้าที่: แนวหลัง,หยุดการทำงาน,ตีโอบ,ตัวเจาะเหล็ก
เกราะ: 1 ความเร็ว: 3 ระดับความยาก: 2
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: AR-15.50(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                M4 GS(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
อาวุธรอง: 1911 TACOPS(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดมือ
             CLAYMORE
ความสามารถพิเศษ: ทอร์ชพังสิ่งกีดขวาง
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Erik Thorn
วันเกิด: 20 เมษายน(อายุ 36)
สถานที่เกิด: บอสตัน (รัฐแมสซาชูเซตส์)
ชีวประวัติ
“ปีศาจน่ะอยู่ในรายละเอียด… ผมก็อยู่ในนั้นนั่นแหละ”                                                    ชาวบอสตันอย่าง Erik Thorn มาจากดินแดนบ้านเกิดที่มีหลายภาษาและอยู่อันดับต้น ๆ 2% ในเรื่องความฉลาด หลังจบมัธยม เขาสมัครเป็นทหารในกองทัพสหรัฐและไต่เต้าในเวลาไม่นาน เขาเรียนรู้ภาษาดารีและกลายเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองในคาบูลขณะที่ผู้รายงานข่าว นักผจญภัย และอาชญากรหลั่งไหลเข้าเมือง ซึ่ง Thorn เป็นที่รู้จักในวงจรคลับใต้ดิน และแม้แต่ในหมู่ชาวบ้านว่าเป็นนักเล่น Buzkashi ผู้ช่ำชองThorn ได้รับเชิญเข้าสู่ The Unit เพื่อเป็นผู้ชำนาญการในพื้นที่ เขายังคงอยู่ในประเทศ คอยรวบรวมข้อมูล สร้างเครือข่ายพันธมิตรและที่กบดาน และติดตามข้าศึก เมื่อสถานการณ์ในคาบูลเลวร้ายลง Thorn คอยจับตาดูทหารอเมริกัน คอยช่วยพวกเขาเมื่อจำเป็นและช่วยชาวบ้านหลบหนีความรุนแรง เขากำลังสืบสวนเรื่องผู้รายงานข่าวที่หายตัวไปเมื่อ The Unit ติดต่อเขาไม่ได้ หลังผ่านไปสองปี เขาปรากฏตัวอีกครั้งด้วยข้อมูลมากพอที่จะทำลายปฏิบัติการครั้งสำคัญของผู้ก่อความไม่สงบ ยังคงมีคำถามเกี่ยวกับการหายตัวไปของเขา แต่เขาพ้นความผิดและคำให้การของเขาถูกปกปิด ภารกิจที่สำเร็จของเขาและความชำนาญของเขาทำให้ Six สนใจ
รายงานทางจิตวิทยา
ผมรู้จักผู้ชำนาญการ Erik “Maverick” Thorn ดีก่อนเขาหายตัวไป เขาเป็นตำนานในหมู่นักเก็บข้อมูลข่าวกรองในฐานะผีที่ “กลายเป็นชนพื้นเมือง” เขาเป็นคนที่ทำงานด้วยยากเพราะเขาฉลาดเป็นกรดและอ่านคนอื่นได้ชัดอย่างน่าทึ่ง แต่ถ้าถามเขาเกี่ยวกับคาบูลหรือ Buzkashi เขาก็แทบซ่อนความตื่นเต้นไว้ไม่ได้ผมไม่เคยเห็นชายแก่ขายงานของตัวเองอยู่ตามมุมถนนเพื่อได้เขียนจดหมายรักมาก่อน มันจึงน่าแปลกใจที่เขาไปโผล่ที่อัฟกานิสถาน… นับเป็นวัฒนธรรมที่ชวนหลงใหล เมื่อกลุ่มคนต่างด้าวเริ่มร่วมตัวกันในคลับใต้ดินและดื่มในร้านอาหาร ผู้ชำนาญการ Thorn ยอมรับว่าเขารู้ “คาบับเบิล” จะระเบิดและชาวตะวันตกจะกลายเป็นเป้า เขาเห็นลางบอกเหตุก่อนคนอื่นตั้งแต่วัยหนุ่ม ผู้ชำนาญการ Thorn ต้องเผชิญสิ่งต่างๆ มากมายมหาศาลซึ่งเด็กส่วนใหญ่คงรับไม่ไหว แต่เขากลับจัดแบ่งและรื้อทุกอย่างรอบตัวเพื่อดิ้นรนใช้ชีวิตให้รอด นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ผมคิดว่าเขากลายเป็นคนเก็บความรู้สึกเอาไว้ข้างใน พ่อแม่รักเขา แต่ก็เป็นคนเข้มงวด พวกเขาไม่เคยให้เขาสำรวจละแวกบ้าน มันทำให้เขาเข้าเป็นทหาร เพื่อเรียนรู้โลกที่เขาเคยทำได้แค่ฝัน แทบเป็นเรื่องไม่แปลกที่คาบูลทิ้งรอยไว้กับเขามาก ผมไม่คิดว่าเขาได้ออกจากโลกของตัวเองจนเขาเริ่มออกเดินทาง และแม้ตอนนี้ความคิดของเขาจะอยู่กับเรา แต่หัวใจของเขาอยู่ที่คาบูลผู้ชำนาญการ Thorn แสดงให้เห็นความเห็นใจอันน่าทึ่งที่มาจากทักษะในการเฝ้ามอง ฟัง และแยกแยะ ผู้คนเชื่อมั่นในตัวเขาและนั่นคือสาเหตุที่เขารอดมาจากคาบูล ผมยังคงต้องสอบสวนเกี่ยวกับการหายตัวไปของเขา สิ่งที่เกิดฟังดูเหมือนเรื่องระทึกขวัญแต่รอยแผลเป็นที่มาพร้อมกับประสบการณ์ของเขาทำให้เขาผูกพันกับอัฟกานิสถานมากขึ้น ผมคิดว่ารอยสักของเขาเป็นเครื่องเตือนใจถึงชีวิตที่เคยเป็น                                                  ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
NOMAD
สังกัด: GIGR
หน้าที่: ต่อต้านการโรม,ลดความสามารถ,กับดัก
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 3
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: AK-74M(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                ARX200(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
อาวุธรอง: PRB92(ปืนพก)
               .44 MAG SEMI-AUTO(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดพังสิ่งกีดขวาง
             ระเบิดสตั้น
ความสามารถ: เครื่องยิง AIRJAB
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Sanaa El Maktoub
วันเกิด: 27 กรกฎาคม(อายุ 39)
สถานที่เกิด: Marrakesh (Morocco)
ชีวประวัติ
"ลึกลงไปในใจของฉัน ฉันรู้อยู่แล้วว่าฉันต้องออกเดินทาง และตอนนี้ฉันก็ได้ทำตามที่คิดไว้ แต่ฉันแน่ใจว่าฉันยังออกเดินทางไม่มากพอ"                                                                เติบโตมาในครอบครัวชาวโมร็อกโกที่ร่ำรวย Sanaa El Maktoub ออกเดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่ยังเด็ก ไปมาทั้งทวีปยุโรป และแอฟริกาเหนือ และวาดฝันไว้ว่าจะไปยังภูมิภาคที่ห่างไกลออกไป เธอสมัครเข้ากองทัพตั้งแต่อายุ 19 ปี และจากนั้นก็เข้าร่วมกับ Groupe d'Intervention de La Gendarmerie Royale (GIGR) หลังจากที่จบการศึกษาจากป้อมปราการในตำนาน เธอได้ทำภารกิจกับ Mountain Infantry Battalion 4 ครั้ง และมีส่วนร่วมในการทดสอบ Flintlock และได้ร่วมทำภารกิจกับ Trans-Saharan Counterterrorism Initiative เธอกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญประจำหน่วยในด้านการปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมในแต่ละครั้งที่ออกทำภารกิจ เธอจะเดินทางเพียงคนเดียว El Maktoub เป็นนักสำรวจเพียงไม่กี่คนที่สามารถข้ามทะเลทรายซาฮาร่าได้ ปีนเทือกเขาแอลป์ เอาชีวิตรอดในป่าดิบชื้นของทวีปเอเชีย เดินทางผ่านวงกลมอาร์กติกและสามารถกลับมาสู่หน่วยของเธอได้อย่างครบ 32 ไม่ว่าฝนตกหรือแดดจ้า ทะเลทรายหรือขั้วโลก เธอสามารถฝ่าฟันได้ทั้งหมด เธอมีความสามารถในการหยั่งรู้ และหัวไว เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเอาชีวิตรอดที่วาดภาพการเดินทางของเธอผ่านสมุดจด
รายงานทางจิตวิทยา
ผู้ชำนาญการ Sanaa El Maktoub กำลังเคลื่อนไหวอยู่ตลอด เพราะเหตุนั้นโค้ดเนมของเธอคือ "Nomad" ครั้งเดียวที่เธอยืนอยู่นิ่งได้ก็คือเมื่อตอนที่เธอกำลังวาดรูปในสมุดของเธอ และตอนที่เธอให้นิ้วของเธอได้หยุดพัก  คิดว่าการถูกเลี้ยงดูมาแบบ��ิเศษตั้งแต่เด็กทำให้เธออยากประสบความสำเร็จมากกว่าใคร มันผลักดันให้เธอพิชิตยอดเขา และอาณาบริเวณที่พ่อแม่ของเธอไม่เคยเผชิญมาก่อน ในวัยเด็ก เธอมักจะถูกปรามาสว่าเป็นคนเหลาะแหละ เธอจึงออกเดินทางเพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่คนอื่นคิดมันผิด และมันได้สร้างสุดยอดผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพแวดล้อมระดับโลกที่ชื่อเสียงดังกระฉ่อนไปทั่ว ผู้ชำนาญการ El Maktoub มีความทนทานต่อธาตุต่าง ๆ อย่างไม่มีใครเทียบได้ และความอึดถึกของเธอนั้นเป็นที่เลื่องลือในหมู่ทหาร จริง ๆ แล้วผมรู้จักชื่อของผู้ชำนาญการ El Maktoub ครั้งแรกผ่านกระดาษผลการประเมินความฟิตของร่างกายผมรู้เลยว่าทำไมเธอถึงเป็นคนสำคัญของ GIGR เธอบอกว่า ใครก็สามารถมีทักษะการเอาชีวิตรอด และการวางแผนได้หากมีประสบการณ์ แต่เธอก็แค่ทำมันอย่างเป็นธรรมชาติ เธอไม่ใช่พวกชอบโอ้อวด และคิดว่านั่นทำให้เธอพูดถึงความสำเร็จของเธอได้อย่างไม่เต็มที่ซักเท่าไร เธอไม่ใช่คนที่ชอบทำอะไรง่ายๆ รูปวาดของเธอเปรียบเสมือนภาพถ่ายของเธอ บอกกันตามตรง ผมรู้สึกอยากมีสปิริตแบบเธอบ้างถูกให้ไปที่ป้อมปราการในวันแรกที่เริ่มต้นอาชีพทหาร เธอฝึกฝนอย่างหนักหน่วงภายใต้การปกครองของผู้ชำนาญการ Jalal El Fassi มันคงน่าสนใจไม่น้อยเลย ถ้าได้เห็นพวกเขาทำงานด้วยกันอีกครั้ง ในสถานการณ์ที่ต่างออกไปในระหว่างที่ออกเดินทาง เธอได้พบกับวัฒนธรรมที่หลากหลาย อย่างเช่น Maasai ในประเทศเคนย่า และ Nenets ในไซบีเรีย ซึ่งมันส่งผลให้เธอมีทักษะทางการทูต ในขณะที่ Rainbow Six เกณฑ์ผู้ชำนาญการจากทั่วทุกมุมโลก ��มคิดว่าคงไม่มีใครเห็นโลกนี้กับตาตัวเองไปมากกว่าเธออีกแล้ว และเธอยังอยากจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่สามารถเดินข้ามทวีปแอนตาร์กติกาอีกด้วย ไม่สงสัยเลยว่าเธอจะทำได้รึเปล่า ผมแค่หวังว่าเธอจะกลับมาครบ 32 ส่วนตัวแล้วผมกังวลว่าเธอจะคิดว่าบาดแผลที่ได้รับคือตราสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศ และข้อพิสูจน์ว่าเธอไม่ใช่เด็กสาวที่ถูกเลี้ยงดูแบบเอาแต่ใจ                                                                                                  ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
GRIDLOCK
สังกัด: SASR
หน้าที่: ต่อต้านการโรม,ปิดพื้นที่,ลดความสามารถ
เกราะ: 3 ความเร็ว: 1 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: F90(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                M249 SAW(ปืนกลเบา)
อาวุธรอง: SUPER SHORTY(ปืนลูกซอง)
               SDP 9MM(ปืนพก)
               GONNE-6(ปืนใหญ่มือ)
อุปกรณ์: ระเบิดควัน
             ระเบิดพังสิ่งกีดขวาง
ความสามารถพิเศษ: TRAX STINGERS
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Tori Tallyo Fairous
วันเกิด: 5 สิงหาคม(อายุ 36)
สถานที่เกิด: LongreachCentral Queensland (ออสเตรเลีย)
ชีวประวัติ
"คุณต้องสติไม่ค่อยสมประกอบเท่าไรถึงจะตัดสินใจใช้ชีวิตแบบนี้แต่แบบนี้แหละ
ที่ฉันชอบที่สุดแล้ว"
Fairous ลูกสาวคนโตจากพี่น้องทั้ง 5 คน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพความเป็นผู้นำที่ถูกหล่อหลอมมาตลอดทั้งชีวิตเธอ เมื่อครั้งยังเด็ก Fairous ชอบคลุกคลีอยู่กับเครื่องจักรและเคยแข่งขันหุ่นยนต์มาก่อน ความชื่นชอบในด้านเครื่องกลของเธอถูกส่งต่อโดยตรงมาจากคุณพ่อที่เป็นช่างอากาศยานทหาร Fairous เข้าร่วมกำลังพลสำรองของกองทัพประเทศออสเตรเลียเพื่อพัฒนาทักษะวิศวกรรมเครื่องกล และเพื่อให้ได้ใช้อุปกรณ์ที่ดีที่สุด หลังจากที่เธอเรียนจบมหาวิทยาลัย เธอเลือกเข้ากับกองกำลังป้องกันประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นที่ที่เธอจะได้นำทักษะของเธอมาใช้ Fairous ยังเป็นผู้ที่สามารถใช้อาวุธได้หลากหลายประเภท ถนัดการเก็บข้อมูลและภารกิจการปกป้องในระยะประชิด และยังสามารถปรับตัว และใจเย็นได้แม้ในสถานการณ์ไม่คาดคิดและอันตราย ทักษะเหล่านี้ของเธอทำให้เธอกลายเป็นผู้ทรงคุณค่าในหน่วย SASR Fairous เคยได้ประดับรางวัลเหรียญ National Emergency Medal สำหรับการช่วยเหลือชีวิตนักผจญเพลิง เธอได้รับข้อเสนอรับตำแหน่งหัวหน้าหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอก็ปฏิเสธทุกครั้งไป
รายงานทางจิตวิทยา
ผู้ชำนาญการ Tori “Gridlock” Fairous และ Max “Mozzie” Goose เข้ามาอยู่ในสายตาของผมหลังจากปฏิบัติการ Esperance Bushfire เมื่อพวกเขาไม่สนใจอันตรายเข้าไปช่วยนักผจญเพลิงที่ติดอยู่ในตึกซึ่งทำให้ได้รับเหรียญรางวัลเกียรติยศมา สำหรับคนนอกแล้ว แผนของพวกเขาดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเสี่ยง แต่สำหรับผม มันได้แสดงให้เห็นสิ่งที่ผมชอบในการทำงานเป็นทีมพวกเขาสองคนรู้จักกันมานาน พวกเขาพบกันครั้งแรกในระดับมัธยมที่การแข่งขันหุ่นยนต์ และอีกครั้งตอนเข้ามาฝึกทหาร พวกเขากลายเป็นทีมเดียวกันมาตั้งแต่ตอนนั้น หากเพียงแค่ตัวคนเดียว พวกเขาจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งของ Rainbow แต่ถ้าร่วมมือกันพวกเขาจะกลายเป็นอีกเรื่องนึงเลย ทั้งการแสดงความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง และทักษะภายใต้ความกดดัน แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นหากเราจัดให้พวกเขาต้องมาเผชิญหน้ากันเอง และผมอยากเห็นว่าผู้ชำนาญการ Fairous จะรักษาความเยือกเย็นได้แม้จะอยู่ในทีมใหม่หรือไม่ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่คนอื่นจะรู้สึกอย่างไรที่มีคนระดับเธออยู่ในทีมเลยผลการปฏิบัติการภาคสนามแสดงให้เห็นถึงภาวะความเป็นผู้นำที่ติดตัวมาของ Fairous อยู่เสมอ ผมจึงสงสัยว่าทำไมเธอถึงปฏิเสธการเลื่อนตำแหน่งทุกครั้งไป เธอพูดตลกๆ ว่า งานเอกสารมันเยอะเกินไป แต่เธอก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมตลอด หลังจากที่พ่อของเธอเสียชีวิต เธอและแม่ของเธอพบว่าฟาร์มครอบครัวเป็นหนี้อยู่ Fairous ตัดสินใจนำครอบครัว เลี้ยงดูพี่น้องทั้งสี่คนและญาติ ๆ ในขณะที่ใช้เงินที่ได้มาจากการเป็นทหารมาปลดหนี้ฟาร์ม Fairous ไม่ใช่คนที่กลัวภาระหน้าที่ และความปรารถนาที่เธอต้องการดูแลครอบครัวแสดงให้เห็นถึงการมีปฏิสัมพันธ์กับทีมของเธอ มันยิ่งทำให้ผมอยากติดตามดูชีวิตของเธอที่ฟาร์มนั่นเข้าไปอีก ผมสัมผัสได้ถึงความห่วงใยแม้แต่ตอนที่เธอบ่นถึงเรื่องที่เธอต้องคอยซ่อมห้องน้ำสำรอง และรถแทร็กเตอร์ทัศนคติแบบ "มีอะไรให้ทำก็ทำ" ของ Fairous แสดงให้เห็นว่าเธอไม่อายที่ต้องทำงานหนัก และยังหาเรื่องตลกได้ในทุกสถานการณ์ด้วย ผมเลยสงสัยว่าที่เธอปฏิเสธการเลื่อนตำแหน่งเพราะว่าเธอก็เป็นหัวหน้าของครอบครัวอยู่แล้ว และพอมาที่ทำงานเธอเลยเลือกที่จะทำอะไรก็ทำ ๆ ไปรึเปล่านะ                                            ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
NØKK
สังกัด: JAEGER CORPS
หน้าที่: ตีโอบ,ตัวขัดขวางการเก็บข้อมูล
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 3
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: FMG-9(ปืนกลมือ)
                SIX12 SD(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: 5.7USG(ปืนพก)
               D-50(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดมือ
             ระเบิดพังสิ่งกีดขวางรุนแรง
ความสามารถพิเศษ: HEL PRESENCE REDUCTION
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: [ข้อมูลถูกปกปิด]
วันเกิด: [ข้อมูลถูกปกปิด]
สถานที่เกิด: [ข้อมูลถูกปกปิด] 
ชีวประวัติ
"ความรู้สึกเดียวที่ฉันมีตอนยิงปืนคือ แรงดีดกลับ"                                                          จากเหตุผลเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ และเนื่องด้วยภารกิจที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน ประวัติของ Nøkk ได้ถูกปกปิดไว้ที่ แผนกที่ดูแลข้อมูลลับของ NATO แต่ประวัติของเธอได้ถูกมอบมาให้ Six ตอนนั้น Nøkk สมัครเข้ากับโรงเรียนทหาร NCO ใน Sønderborg จากนั้นก็สมัครเข้าโรงเรียนนายร้อยเดนมาร์ก ที่ที่เธอเรียนจบมาพร้อมกับตำแหน่งร้อยโท พร้อมกับลูกน้องอีก 4 คน Nøkk ผ่านการฝึกฝนปฏิบัติภารกิจพิเศษมามากมาย และได้รับหมวก Jægerkorpset สีเบอร์กันดี พร้อมด้วยทักษะในการปฏิบัติภารกิจแอบแฝง การช่วยเหลือ ภารกิจทั่วไป ซุ่มยิง สงครามแดนเหนือ และการบุกทะลวงขั้นสูง Nøkk ปฏิบัติภารกิจในประเทศอัฟกานิสถาน และอิรัก บ่อยครั้งที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวในเขตแดนของศัตรู เธอได้รับคำยกย่องจากการฆ่าผู้ก่อการร้ายในเหตุก่อการร้าย และในฐานะที่เปิดโปงตำแหน่งของ Erik “Maverick” Thorn และส่งข้อมูลไปให้กับหน่วย Nøkk ปกปิดตัวตนกับทุกคนยกเว้นกับผู้ติดตามของเธอ แผนก O&P ของ NATO เป็นคนแนะนำเธอให้กับ Rainbow ในฐานะผู้ชำนาญด้านการซ่อนตัว
รายงานทางจิตวิทยา
ตอนที่พวกเขาให้ผมขุดคุ้ยตัวตนที่แท้จริงของ Nøkk ผมพบบันทึกลับเกี่ยวกับเด็กหนุ่มสมัยเรียนของเธอ ผมชอบเรื่องลึกลับ และมันก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ตัวตนที่แท้จริงของ Nøkk มีแต่ปัญหาซึ่งไม่ควรให้ภายนอกรู้อย่างเด็ดขาด พูดตรง ๆ เลยนะ ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าพ่อของเธอเป็นใคร ผมคงเดาไม่ออกหรอก แต่พอรู้เท่านั้นแหละ หน้าแทบหงายผมสงสัยว่าเธอจะรู้สึกยังไงเกี่ยวกับมัน และมันส่งผลกับการเติบโตของเธอยังไง Nøkk พยายามจะไม่สนใจมันเนื่องจากภารกิจที่ต้องทำ แต่ท้ายที่สุดผมก็เรียนรู้ที่จะมโนมันขึ้นมาเอง แม่ของ Nøkk เป็นคนเลี้ยงเธอ เธอสองคนสนิทอย่างกับเป็นเพื่อนกัน พวกเขาปกป้องกันเองอย่างกับพวกคนโบราณทำกัน Nøkk รู้เกี่ยวกับพ่อและครอบครัวของพ่อ ก่อนที่พ่อของเขาจะรู้เรื่องเกี่ยวกับ Nøkk ซะอีก พวกเขาพยายามช่วยเหลือ Nøkk แต่ก็ไม่ได้พยายามที่จะพาเธอออกมาจากปัญหาด้านครอบครัวที่เธอมีNøkk เทิดทูนแม่ของเธออย่างมาก เพราะงั้นผมจึงคิดว่ามันน่าตกใจที่เธอเคยเทินทูนพ่อของเธอเพียงเพราะนามสกุลเท่านั้น คุณอาจจะคิดว่าเธอคงไม่เต็มใจเท่าไรหรอก แต่ Nøkk เธอก็ไม่สนใจทำงานรับใช้ราชินี และประเทศ และทุกอย่างที่เธอได้รับมอบหมายให้ทำ ชาติกำเนิดของเธอไม่ได้ช่วยให้เธอปลอดภัย แต่มันคือทหารและประเทศของเธอต่างหากความสามารถในการเก็บความลับการไม่แสดงออกทางสีหน้าของ Nøkk ทำให้เธอเป็นสุดยอดด้านการปฏิบัติภารกิจแบบสายลับ แต่เธอก็เคยต้องปฏิบัติภารกิจที่ต้องเผชิญหน้าเช่นกัน โชคยังดีที่ตัวตนของ Nøkk ถูก "กักขัง" เอาไว้อยู่ มันช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ ขณะเดียวกันก็สร้างโอกาสอันดีให้เราได้ทำงานกับคนที่มีทักษะระดับเดียวกันกับ Alibi และ Bandit ผมไม่เคยสงสัยเลยว่า Nøkk จะเหมาะกับ Rainbow รึเปล่า และหวังว่าเราจะสามารถใช้เธอได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ                                        ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
AMARU
สังกัด: APCA
หน้าที่: ตีโอบ,แนวหน้า
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 2
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: G8A1(ปืนกลเบา)
                SUPERNOVA(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: GONNE-6(ปืนใหญ่มือ)
               SMG-11(ปืนสั้นอัตโนมัติ)
อุปกรณ์: ระเบิดสตั้น
             ระเบิดพังสิ่งกีดขวาง
ความสามารถพิเศษ: GARRA HOOK
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Azucena Rocío Quispe
วันเกิด: 6 พฤษภาคม(อายุ 48)
สถานที่เกิด: Cojata (เปรู)
ชีวประวัติ
"จงลืมตัวตนของเจ้าซะ และเจ้าจะไร้ซึ่งสิ่งสำคัญเจ้าต้องต่อสู้เพื่อทุกคนโดยไม่จำเป็นต้อง
รู้ว่าเพื่ออะไร"
ผู้ชำนาญการ Azucena Rocío “Amaru” Quispe เริ่มต้นทำงานด้วยการเป็นนักมานุษวิทยาที่ดูแลเรื่องมรดกวัฒนธรรมร่วมของประเทศเปรู การเชื่อมโยงของเธอกับนักสำรวจอาณานิคมในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ทำให้เธอได้เห็นข้อมูลต่างๆ ที่ไม่สามารถหาได้ทั่วไปเกี่ยวกับการเดินทางค้นพบสิ่งต่าง ๆ ซึ่งเป็นตัวหล่อหลอมจิตสำนึกทางวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้งให้เธอ รวมถึงการสูญเสียคนสำคัญไปตลอดกาลและในตอนที่ของสำคัญบางอย่างซึ่งเป็นมรดกวัฒนธรรมร่วมได้หายไป เธอทำงานให้กับสำนักตำรวจแห่งชาติเปรู Policía Nacional del Perú (PNP) อยู่หลายปี ก่อนที่จะกลายมาเป็นนักโบราณคดีอิสระที่ดูในด้านการค้นพบและการจัดหมวดหมู่ให้กับแหล่งโบราณคดีใหม่ ๆ หลังจากได้เผชิญหน้ากับกลุ่มลักลอบค้าวัตถุโบราณอยู่หลายครั้ง และล้มเหลวในการนำตัวคนผิดมาลงโทษ เธอเลยใช้กลยุทธ์การรบแบบกองโจรเพื่อที่จะรักษาการค้นพบทางวัฒนธรรมที่สำคัญของเปรู เมื่อผู้ชำนาญการ César “Goyo” Ruiz Hernández เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดัง เธอได้ใช้เวลากว่า 20 ปีอยู่ในป่าของเปรู ต่อสู้กับแก๊งลักลอบในแบบของเธอ
รายงานทางจิตวิทยา
ตัวตนของผู้ชำนาญการ Azucena Rocío “Amaru” Quispe นั้นช่างลึกลับเป็นผลมาจากสิ่งที่กระตุ้นเธอ การสูญเสียไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ที่ต้องพบเจอสำหรับเหล่าเจ้าหน้าที่ แต่การสูญเสียหลายต่อหลายครั้งและจำนวนที่มากและรวดเร็วนั้นไม่ใช่เรื่องที่พบได้บ่อยนักเธอเรียนรู้วิธีเอาชีวิตรอดในป่ามาตั้งแต่ยังวัยเยาว์ ความผูกพันกับครอบครัวเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความยากลำบากให้เธอในช่วงเด็ก ขณะที่เหล่าลูกพี่ลูกน้องและญาติ ๆ คอยทำตัวเป็นศัตรูกับเธอ เห็นที่จะมีแต่ยายเท่านั้นที่เธอดูเป็นห่วงเป็นใยมากที่สุด เท่าที่รู้ ทวดของเธอหายสาบสูญไปเมื่อเกือบศตวรรษก่อนในการเดินทางเพื่อตามหาเมืองที่หายสาบสูญ รายงานกล่าวว่าเขาได้เดินทางไปพร้อมกับ Percy Fawcett แต่ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ - ยายของ Quispe ก็ยังเชื่อมั่นว่าพ่อของเธอต้องกลับมาอย่างแน่นอน และแม้หลังจากที่ Kantuta ได้จากไปหลายปี ผมคิดว่า Quispe ยังมีความเชื่อเดียวกันอยู่ที่จะได้เห็นการกลับมารวมตัวอีกครั้งความแข็งแกร่งของ Quispe อยู่ที่การผสมผสานอันน่าประหลาดของความเป็นจริงและอารมณ์ขันของเธอ เธอไม่กลัวที่จะหัวเราะให้กับเรื่องลำบากที่ประดังเข้ามา แต่เธอได้สารภาพกับผมว่าเธอรู้สึกเหมือน "ถูกตามหลอกหลอน" จากความไม่สงบในบ้านเกิด เธอเป็นคนที่รักและมีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับประเทศเปรูอย่างมาก… ผมคงไม่กล้าตราหน้าว่า Quispe เป็นพวกมีอารมณ์อ่อนไหวได้หรอก เพราะความต้องการในการรักษาวัฒนธรรมของเธอนั่นมันช่างยิ่งใหญ่มากกว่าที่คนทั่วๆ ไปจะเข้าใจได้ความสัมพันธ์ระหว่าง Quispe และ ผู้ชำนาญการ César “Goyo” Ruiz Hernández เป็นสิ่งที่ทั้งคู่ถวิลหา ผมคิดว่าที่เธอตอบรับเข้าร่วมกับ Rainbow ก็เพราะแค่เธอต้องการใช้เวลาอยู่กับเขา และเชื่อมั่นว่าเธอจะได้กลับมาสู่ Amazon ก่อนที่จะสายเกินไป สิ่งที่เธอต้องการคืออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเอามาเข้าสู่คลังอาวุธของเธอ แต่เธอต้องสอนให้รู้ว่าสิ่งใดที่สำคัญต่อหน่วยนี้ หากปราศจากเธอ เราคงจะถูกกองกำลังเดียวกันกับที่เธอพยายามหลบหนีมากว่า 20 ปี เล่นงานเอาเหมือนกันยังไงก็ตาม นิสัยชอบอยู่เป็นกลุ่มของเธอทำให้เธอดูเข้ากับเจ้าหน้าที่คนอื่นได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้ก็เหลือแค่ต้องโน้มน้าวให้เธอเห็นว่าที่นี่คือที่ที่เธอจะสามารถสร้างความแตกต่างขึ้นได้มากที่สุด และคนที่ต้องทำหน้าที่โน้มน้าวก็คือผมเอง                      ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
KALI
สังกัด: NIGHTHAVEN
หน้าที่: แนวหลัง,ยิงคุ้มกัน,หยุดการทำงาน
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 2
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: CSRX 300(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
อาวุธรอง: SPSMG9(ปืนสั้นอัตโนมัติ)
               C75 AUTO(ปืนสั้นอัตโนมัติ)
อุปกรณ์: ระเบิดพังสิ่งกีดขวาง
             CLAYMORE
ความสามารถพิเศษ: LV EXPOLSIVE LANCE
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Jaimini Kalimohan Shah 
วันเกิด: 21 สิงหาคม(อายุ 34) 
สถานที่เกิด: Amreli (อินเดีย)
ชีวประวัติ
"คนอ่อนแอก็จะเอาแต่วิจารณ์ คนแข็งแกร่งมักลงมือทำ"                                                  Shah เกิดในครอบครัวที่มีฐานะ เธอแสดงความสามารถในการทำบางอย่างให้สำเร็จลุล่วงตั้งแต่ยังเด็ก ความมั่นใจของเธอต้องสั่นคลอนเมื่อเธอพยายามเข้าร่วมกับกองทัพ ความ���นใจในศิลปะป้องกันตัวช่วยให้เธอเข้าร่วมกับกองทัพได้ แต่เธอก็ค้นพบว่า ผู้หญิงไม่ได้รับอนุญาตให้สังกัดหน่วยต่อสู้ แม้ว่าเธอจะมีเงินและชื่อเสียงมากขนาดไหน เธอมักจะพบกับสิ่งกีดขวางระหว่างเธอและบางอย่างที่ต้องการเสมอ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เธอออกจากกองทัพและก่อตั้งบริษัทรักษาความปลอดภัยส่วนตัวที่เปิดทำการอยู่แถวชายแดนของอินเดีย จากนั้นเธอก็ก่อตั้งบริษัททหารรับจ้างเอกชนที่มีชื่อว่า NIGHTHAVEN เพื่อรับงานในต่างแดน เธอทำสัญญาต่อรองที่เอื้ออำนวยให้เธอมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นประจำ ความเกรี้ยวกราดของเธอนั้นเป็นของจริง แต่เมื่อกลายเป็นหนึ่งในทรัพยากร รัฐบาลอินเดียพยายามอย่างมากในการใช้กฏหมายต่างๆ นาๆ เพื่อควบคุมไม่ให้เธอบรรลุเป้าหมาย และระบุว่าเธอเป็นแรงที่ไม่สามารถต้านทานได้ในโลกใบนี้  
รายงานทางจิตวิทยา
ความเหมือนทางด้านวัฒนธรรมไม่ได้เป็นเรื่องดีในแง่ของจิตวิเคราะห์แม้ว่าเราจะมีพื้นเพเดียวกันแต่ประสบการณ์ต่างๆ ของ ผู้ชำนาญการ Jaimini Kalimohan “Kali” Shah นั่นแตกต่างกับผมอย่างสุดขั้วราวกับมาจากดาวคนละดวงกันเลย ไม่ว่าคุณจะมีความเชื่อที่แตกต่างในเรื่องของความโรแมนติกของโลกใบนี้ขนาดไหน แต่เงินก็ได้สร้างเขตแดนที่ไม่สามารถก้าวข้ามได้ตอนที่ยังเด็ก Shah ได้ทุกอย่างที่ต้องการ โดยไม่ต้องใช้ความพยายามหรือการเรียกร้องใด ๆ เธอเป็นคนที่ทั้งทะเยอทะยานและหยิ่งยะโสแต่ก็ไม่ใช่ในสิ่งที่ไม่ดี เธอมีความเป็นผู้นำสูงมาก เธอเก่งในการกระตุ้นผู้ใต้บังคับบัญชาให้ทำในสิ่งที่เหนือขีดจำกัดทั้งในด้านร่างกายและจิตใจเพื่อ 'หล่อหลอมพวกเขาขึ้นมาใหม่' และคนที่ผ่านการฝึกของเธอก็ได้ถูกพาเข้าสู่ขั้นต่อไปในสังคมของผู้พิทักษ์ ตามที่เธอเรียก ซึ่งเธอแทบไม่แตกต่างกับการเป็นเจ้าแห่งอาชญากร และถ้าผมเห็นด้วยว่าทุก ๆ คนมีสิ่งที่สอนได้ มันก็ไม่ต่างอะไรจากวิธีที่เธอทำShah มีความภูมิใจในชาติบ้างมั้ยเหรอ ตอบยากเหมือนกันนะ ���ำหรับคนที่รวยล้นฟ้าแล้ว เขต���ายแดนไม่ได้อยู่ในสายตาหรอก แต่การที่เธอถูกเรียกว่า Kali และความเกรี้ยวกราดของเธอกับพวกคนที่ขวางทางเธอนั้นก็มีความเชื่อมโยงบางอย่างกับประเทศนี้อยู่บ้าง ผมคิดว่าการที่มีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับแรงกระตุ้นของเธอเป็นสิ่งที่ทำให้เธอกับ ผู้ชำนาญการ Eliza “Ash” Cohen ไม่ลงรอยกัน แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าแปลกใจอะไร Cohen เป็นคนที่ใช้ชีวิตมีกฎระเบียบมาก และการมีตัวตนของ Shah นั้นทำให้มีคำถามเกิดขึ้นมากมายกับความเชื่อของเธอในเรื่องความเก่งกาจนั้น เธอมีเต็มไปหมด เธอไม่ได้มาถึงจุดนี้ได้เพราะความสำเร็จของครอบครัว การฝึกฝนของเธอนั้นหนักหน่วงมาก โดยใช้ผู้ฝึกสอนและอุปกรณ์ที่ดีที่สุดเท่าที่เงินจ่ายได้ เธอเป็นคนกล้าหาญ บางคนก็ว่าบ้าบิ่น และเธอก็เป็นคนที่ฉลาดหลักแหลม พูดง่าย ๆ เลยว่าเธอเป็นคนที่ผมไม่อยากต่อกรด้วยเด็ดขาด การชวนเธอเข้าร่วมกับ Rainbow จึงเป็นเรื่องที่ฉลาดนัก ไม่ว่าจะเธอจะเป็นมิตรหรือศัตรู เราอาจจะต้องการความช่วยเหลือด้านการวางกลยุทธ์จากเธอเร็วกว่าที่คาดคิดไว้         ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
IANA
สังกัด: REU
หน้าที่: ตัวขัดขวางการเก็บข้อมูล,ตัวเก็บข้อมูล
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: ARX200(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                G36C(ปืนไรเฟิลจู่มโจม)
อาวุธรอง: MK1 9MM(ปืนพก)
               GONNE-6(ปืนใหญ่มือ)
อุปกรณ์: ระเบิดมือ
             ระเบิดควัน
ความสามารถพิเศษ: เครื่องจำลองเจมิโน
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Nienke Meijer
วันเกิด: 27 สิงหาคม(อายุ 35)
สถานที่เกิด: เมือง Katwijk (ประเทศเนเธอร์แลนด์)
ชีวประวัติ
"ระบบทุกระบบมันก็เหมือนกันหมด ถ้าคุณรู้ว่าจะเชื่อมต่อกับพวกมันยังไง"                        แม่ของ Meijer เป็นหัวหน้าวิศวกรสำหรับเครื่องมือโครงสร้างบรรยากาศ Huygens ที่อยู่บนดวงจันทร์ไททัน เธอถูกสนับสนุนในเรื่องอวกาศตั้งแต่ยังเด็ก เธอศึกษาด้านวิศวกรรมการบินและอวกาศเพื่อที่จะเป็นนักขับเครื่องบินรบ โชคร้ายที่โรคผิวเผือกทำให้เธอมีปัญหาที่จอประสาทตาและถูกปฏิเสธ เธอเปลี่ยนโฟกัสสู่การเป็นวิศวกรรมระบบ พัฒนาคอนแทคเลนส์ที่ช่วยปรับแก้ปัญหาด้านสายตาของเธอขณะที่ใส่ระบบ AR สุดล้ำเข้าไปด้วยการทำงานร่วมกันในระดับปริญญาเอกทำให้ Meijer ได้สัมผัสกับสิ่งที่เธอใฝ่ฝันอยากจะเป็นมานาน การกลับมาจากสถานีอวกาศนานาชาติเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เธอฝันอยากจะออกสำรวจไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอออกแบบซอฟต์แวร์แผนที่ภูมิประเทศที่ทำให้ตัวเธอสามารถไปโผล่ที่ไหนก็ได้บนโลกโดยการก็อปปี้ตัวเธอเองจากดาวเทียมหรือโดรนได้แบบเรียลไทม์ และเทคโนโลยีตัวนี้นี่เองที่ทำให้ Elena “Mira” Álvarez และ Six สนใจในตัวเธอ
รายงานทางจิตวิทยา
ครั้งแรกที่ผมได้พบกับผู้ชำนาญการ Nienke “Iana” Meijer เธอบอกผมว่าช้อนเงินที่ผมใช้คนชานั้นมีความคล้ายกับเข็มหมุดที่ใช้ยึดเก้าอี้เข้าด้วยกันมากกว่าช้อนเงินดีๆ ที่ใช้กัน เธอแนะนำให้ผมใช้ช้อนทองเพราะจะได้ลดรสชาติของเหล็กได้มากกว่าแต่พอเธอเห็นผมใส่น้ำตาล เธอก็เปลี่ยนให้ผมใช้ซิงค์หรือทองแดงแทน ยอดเยี่ยม วิธีพูดให้ไม่ซับซ้อนและตรงไปตรงมาของเธอทำให้เพื่อนๆ เจ้าหน้าที่ต้องรู้สึกท้าทายอย่างแน่นอน!สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันทีตอนที่พูดถึงตอนที่เธอดูภารกิจลงจอดบนดวงจันทร์ไททันกับแม่ของเธอ หรือตอนที่เธอใช้เวลาอยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติ เห็นได้ชัดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเธอ ถ้าเธอเกิดเร็วกว่านี้ซัก 200 ปี เธอคงเป็นหนึ่งในคนที่ออกเดินทางไปทั่วทุกขอบมุมบนแผนที่โลกแล้ว แต่เพราะเป็นแบบนั้น เธอเลยต้องออกเดินทางไปยังที่ห่างไกลและไม่คุ้นเคยพอได้อ่านไฟล์ของ Meijer แล้วก็เห็นได้ชัดเลยว่าที่เธอประสบความสำเร็จนั้นได้จากความฉลาด การตัดสินใจ และความไม่เกรงกลัวของเธอ แต่เรื่องการแสดงออกอย่างชัดเกินไปของเธอนั้นก็เป็นเรื่องเปราะบางที่เธอเก็บไว้เป็นเรื่องส่วนตัว การที่เติบโตมาพร้อมกับโรคผิวเผือกเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเธอเพราะเธอต้องทนโดนล้อเลียนมาตลอด เธอมีปัญหาด้านการเข้าสังคมและถูกเรียกโดยชื่อแปลก ๆ แต่ความยากลำบากนี้ก็ทำให้เธอมีความมุ่งมั่นและความมั่นใจ เธอเปรียบเสมือนสายน้ำที่เชี่ยวกราก ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคที่ขวางทางแม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตามเธอต้องการแบ่งปันประสบการณ์และความรู้ของเธอ และต้องการอยู่ในทีมที่มีความแตกต่างกับนิสัยของเธออย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถของเธอในการวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ และสร้างทางออกอย่างรอบคอบในเวลาเดียวกัน โดยทั่วๆ ไป คนที่ทำหลายอย่างพร้อมกันมักจะได้ผลลัพธ์ที่ลดน้อยลงในทุก ๆ สิ่งที่ทำพร้อมกัน แต่ Meijer คือข้อยกเว้นผมมั่นใจอย่างมาก ว่าเธอจะเข้ามาเป็นส่วนเติมเต็มให้ Rainbow อย่างไรก็ตาม แบบเดียวกันกับ ผู้ชำนาญการ Eliza “Ash” Cohen และ Elena “Mira” Álvarez สิ่งสำคัญคือต้องให้เธอเข้ากับเพื่อนร่วมทีมของเธอให้ได้มากกว่าที่จะพยายามทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว                ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
ACE
สังกัด: NIGHTHAVEN
หน้าที่: แนวหน้า,ตัวเจาะเหล็ก
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: AK-12(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                M1014(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: P9(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดพังสิ่งกีดขวาง
             CLAYMORE
ความสามารถพิเศษ: เครื่องมือเจาะทำลาย S.E.L.M.A.
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Håvard Haugland
วันเกิด: 15 มีนาคม(อายุ 33)
สถานที่เกิด: Lærdalsøyri (นอร์เวย์)
ชีวประวัติ
"การยิงที่สมบูรณ์แบบก็เหมือนกับการช่วยเหลือที่สมบูรณ์แบบ ทั้งหมดอยู่ที่การวางแผน"    เกิดในหมู่บ้านอันเงียบสงบแต่แฝงไปด้วยประวัติศาสตร์ Haugland ได้รับประโยชน์จากการเป็นครอบครัวที่สังคมยอมรับและไร้ซึ่งคู่แข่ง เขาเป็นคนที่เก่งที่สุดในทุก ๆ ด้าน ถ้าเขาตั้งใจที่จะทำมัน เขาฝันว่าจะได้เป็นกุมารศัลยแพทย์ที่โด่งดังและสมัครเข้าโรงเรียนแพทย์ แต่เขาก็ค้นพบว่าการท่องตำรานั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบ เขาเลยสนใจการฝึกอบรมแพทย์มากกว่าเพื่อที่จะได้ลงมือจริงเร็ว ๆกองทัพนอร์เวย์พาเขามาสู่ความสำเร็จรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยพบ เขาผ่านการฝึกฝนพื้นฐานและเข้าร่วมกับ Norwegian Home Guard ที่ที่เขาได้รับการยกย่องมากมายจากการปฎิบัติหน้าที่ หลังจากที่พ้นพันธะทางทหารแล้ว เขาได้รับการตอบรับจากกองกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษของนอร์เวย์ และได้มีส่วนในการช่วยเหลือตัวประกันหลังจากเข้าไปได้ไม่นาน เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของการปฎิบัติการร่วมในโซมาเลีย นิสัยชอบสร้างซีนและความบ้าระห่ำของเขาทำให้เขาสามารถช่วยชีวิต Kali เอาไว้ได้ เขาจึงได้รับการเชิญชวนเข้าร่วมกับ NIGHTHAVEN ในทันที
รายงานทางจิตวิทยา
การที่จะอาสาเป็นแนวหน้าของการบรรเทาสาธารณภัยได้เนี่ยต้องเป็นคนที่มีลักษณะเฉพาะบางอย่าง และถ้ามองจากภายนอก ผู้ชำนาญการ Håvard “Ace” Haugland นั้นดูไม่เหมาะสมเอาซะเลย เขาเย่อหยิ่ง สะเพร่า และสนใจแต่ตัวเอง แต่ภาพของเขาที่ดูเป็นคนเข้าอกเข้าใจผู้อื่นนั้นคือเรื่องที่เขาเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นและภาพตามสื่อต่าง ๆ ที่เขาต้องการให้มองเห็นว่าเป็นคนที่ซื่อสัตย์ เขามีความต้องการที่ชัดเจนมาก ไม่ใช่แค่เรื่องการแพทย์แต่เป็นเรื่องการเผยแพร่ข่าวสารด้านบวกด้วยผมพบว่าที่เขาชอบเรียกร้องความสนใจก็เพราะเขาเกิดในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ที่เขาเป็นเหมือนกับฮีโร ผมรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่รู้ว่าเขาอยากเป็นกุมารศัลยแพทย์ตั้งแต่เด็ก อาชีพที่เขาคิดว่าเป็นจุดสูงสุดของสถานภาพทางสังคม เขาเลือกที่จะเน้นปฎิบัติมากกว่าอ่านตำรา ซึ่งก็ไม่แปลกใจที่เขาเลือกการฝึกอบรมแพทย์ เขาเข้ารับการเกณฑ์ทหารและสังกัดอยู่ในหน่วยแพทย์สนามเพื่อที่จะให้ทุกคนเห็นว่าเขาเป็น "เด็กมหัศจรรย์"เขาพยายามทำให้ดูเหมือนว่าเขาไล่ตามความต้องการอยู่ตลอดเวลาเพื่อบังคับให้คนอื่นเห็นเท่าที่เขาต้องการให้เห็น นิสัยของเขาทำให้เขาเป็นคนน่ายกย่องและทำให้สนิทกับเพื่อนร่วมงาน อย่างน้อยก็จนกว่าจะถึงเวลาสัมภาษณ์หลังภารกิจแหละนะ แต่เบื้องลึกก็มีสิ่งท้าทายที่ผมก็ไม่รู้ว่า Haugland รู้รึเปล่า แน่นอนว่าถ้าเขามีเรื่องที่ไม่มั่นใจเขาต้องเก็บซ่อนมันไว้ แต่ก็แปลกดีที่ต้องพยายามวิเคราะห์คนที่เปิดเผยนิสัยออกมาเต็ม ๆ แบบนั้นเขาชอบออกท่องโลกเพื่อหาโอกาสถ่ายรูปกับคนดังๆ แต่เขาบอกว่าหัวใจเขายังอยู่ที่นอร์เวย์ ผมยังสงสัยอยู่ว่าเขาต้องการการยอมรับจากใครอยู่ และมันจะมีโอกาสสำเร็จหรือไม่เมื่อผมถามถึงความสัมพันธ์ที่ยาวนานของเขากับ ผู้ชำนาญการ Jaimini Kalimohan “Kali” Shah เขาก็รีบยกยอเธอใหญ่เลย ผมเชื่อว่าเธอจะยังคงภักดีต่อเขาตราบเท่าที่เขายังมุ่งมั่นสร้างชื่อเสียงและเงินทอง แต่ผมกลัวเรื่องความสัมพันธ์และสภาพจิตใจของเขา ผมไม่รู้ว่าเขาจะพอใจกับสิ่งที่เขาต้องการหรือไม่                                                            ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
ZERO
สังกัด: ROS
หน้าที่: ตัวขัดขวางการเก็บข้อมูล,ตัวเก็บข้อมูล
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: [ข้อมูลถูกปกปิด]
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: SC3000K(ไรเฟิลจู่โจม)
                MP7(ปืนกลมือ)
อาวุธรอง: 5.7 USG(ปืนพก)
               GONNE-6(ปืนใหญ่)
อุปกรณ์: ระเบิดพังสิ่งกีดความรุนแรง
             CLAYMORE
ความสามารถพิเศษ: ปืน ARGUS LAUNCHER
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Samuel Leo Fisher
วันเกิด: 8 สิงหาคม(อายุ 63)
สถานที่เกิด: บัลติมอร์ (แมรี่แลนด์)
ชีวประวัติ
“เตรียมตัว ดำเนินการ หายตัวไป”                                                                                แม้ว่า CIA และ Third Echelon ได้ปกปิดข้อมูลปมหลังวัยเด็กส่วนใหญ่ของ Fisher แต่ก็เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าเขาเกิดในชานเมืองบัลติมอร์ ในเมืองโทว์สัน รัฐแมรี่แลนด์ ที่ซึ่งเขาได้รับการเลี้ยงดูจากคุณย่า ซาร่าห์ เขาได้เข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมทหารกินนอน ได้เรียนรู้ที่จะโฟกัสพลังงานและฝึกฝนทักษะของเขา และทำตามคำสั่งหรือไม่เช่นนั้นก็ซ่อนหลักฐานให้มิดชิด หลังจากเรียนจบ Fisher ได้ลงทะเบียนเรียนโดยตรงในโรงเรียนนายเรือสหรัฐฯ ที่ซึ่งเขาจบการศึกษาด้านรัฐศาสตร์และต่อมาก็เข้ารับการฝึกอบรมหน่วยซีล ในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ในอ่าวเปอร์เซีย โบลิเวีย โคลัมเบีย เซเนกัล และโคโซโว Fisher กลายเป็นที่รู้จักในด้านความสามารถในการปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จลุล่วง โดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงและสูญเสียส่วนตัว หลังจากได้รับเหรียญกล้าหาญจากกระทรวงกลาโหม Fisher ผันตัวมาเป็นผู้ฝึกสอนที่ฐานทัพเรือลิตเติลครีค, เวอร์จิเนีย เขาถูกเกณฑ์เข้าสู่หน่วยงาน CIA ซึ่งเขา [ข้อมูลถูกปกปิด]
รายงานทางจิตวิทยา
แม้ว่านี่จะเป็นการสื่อสารและการสังเกตครั้งแรกของผมเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ชำนาญการ Samuel Leo “Zero” Fisher ผมรู้สึกว่าในที่สุดผมก็เริ่มจะได้เห็นชายผู้อยู่เบื้องหลังตำนาน เขาไม่โอ้อวดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้ทำหรือสิ่งที่เขาสามารถทำได้ แต่คุณสามารถเห็นการฝึกฝนอย่างหนักของเขาในวิธีที่เขาเคลื่อนไหวและการที่เขาประเมินสภาพแวดล้อมของเขาด้วยการวิเคราะห์เชิงลึก หากเขาได้อ่านการประเมินของผม ก็แน่ใจว่าเขาจะเห็นด้วยมันยากที่จะขุดคุ้ยข้อมูลจากอดีตเจ้าหน้าที่ Echelon นายนี้ เขามีโฟกัส รัดกุม และชัดเจนเสมอเมื่อเขาเสร็จสิ้นกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อุดมการณ์ของเขาคือไม่เคยมองห��ความขัดแย้ง แต่ให้ควบคุมความเสียหายก่อนที่จะเริ่มประจักษ์ว่ามีภัยพิบัติเกิดขึ้น ทักษะและความสุขุมของ Fisher ช่วยให้มั่นใจว่าเขาจะมีสติภายใต้แรงกดดัน และเตรียมพร้อมเสมอไม่ว่าจะเป็นในสถานการณ์ใด ผมสนใจที่จะดูว่าเขามีอิทธิพลต่อการปรับอารมณ์ของเจ้าหน้าที่ชำนาญการจอมหัวร้อนของเราบางคน เช่น Evans และ Brunsmeierถึงแม้ว่าอารมณ์ประชดประชันของเขาอาจดูระคายเคืองสำหรับคนที่ไม่รู้จักคุ้นเคยกับเขา - หรือแม้กระทั่งสำหรับคนที่คุ้นเคยก็ตาม - แต่ที่ซ่อนอยู่คือความลึกซึ้งและละเอียดอ่อน เขาสามารถมองลึกเข้าไปถึงหัวใจของปัญหาหรือคนคนหนึ่ง - ผมรอคอยที่จะประเมินผลการทำงานของเขา และรับฟังข้อเสนอแนะของเขาในการปรับปรุงโปรแกรมการฝึกซ้อมของเรา เขาไม่ชอบคุยเกี่ยวกับลูกสาวของเขา แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นเพียงสัญญาณเตือนมากกว่าสัญญาณบ่งชี้ความขัดแย้งที่หลงเหลือระหว่างเขาสองคน [ข้อมูลถูกปกปิด] (ความคิดเห็น_S. Fisher: การสังเกตการที่ดี และถูกต้อง)Fisher เป็นผู้ที่ชอบการปฏิบัติการเดี่ยว ถึงแม้ว่าเขามีความรับผิดชอบต่อเพื่อนร่วมงานและเพื่อนร่วมทีมของเขา และมักแสดงออกถึงความอาทรผ่านการกระทำ ผมหวังว่าจะสามารถดึงเขาออกมาจากที่หลบซ่อนภายใน และโชว์ให้เขาเห็นถึงผลประโยชน์ของการทำงานร่วมกับโปรแกรม R6 จากพื้นหลังของเขาในฐานะผู้ฝึกสอน ผมเชื่อว่าเขาจะพอใจมากกว่าแค่เรื่องทรัพยากรที่เราสามารถมีให้เขาได้ แต่จะพอใจมากกว่ากับการมีอิทธิพลต่อโปรแกรม R6 และเพื่อนร่วมทีมของเขา  (ความคิดเห็น_S. Fisher: หนึ่งในผลประโยชน์คือกาแฟหรือเปล่า เพราะของผมกำลังจะหมด)                                              ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
FLORES
สังกัด: UNAFFILIATED
หน้าที่: ตัวเจาะผนัง,หยุดการทำงาน,ปิดพื้นที่,แนวหลัง,
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: [ข้อมูลถูกปกปิด]
ชุดอุปกณ์
อาวุธหลัก: AR33(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                SR-25(ปืนไรเฟิลซุ่มยิง)
อาวุธรอง: GSH-18(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดสตั้น
             CLAYMORE 
ความสามารถพิเศษ: ระเบิดบังคับ RCE-RATERO
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: ซานติเอโก้ มิเกล ลูเซโร่ 
วันเกิด: 2 ตุคลาคม(อายุ 38)
สถานที่เกิด: บัวโนสไอเรส (อาเจนติน่า)
ชีวประวัติ
“ในช่วงชีวิต คุณจะยอมรับในสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุขสำหรับฉันแล้ว                                มันคือการปล้นคนรวยและทุจริต”                                                                                  ซึ่งการเลี้ยงดูแม่ของเขาที่สุขภาพของเธอค่อยๆถดถอยลงอย่างช้าๆ Lucero ไม่ได้เติมเต็มงานของเขาในส่วนสาธารณะและไม่ประทับใจกับโรงเรียนทหาร นี่ทำให้เขาลักทรัพย์เป็นอาชีพ และเขาก็ได้พบจุดประสงค์นั่นคือการปล้นอาชญากรที่ทรงอำนาจที่สุดเพื่อให้พวกเขากลับไปจน การปฏิบัติการในบัวโนสไอเรสเขตฟลอเรส ทำให้ความอื้อฉาวของ Lucero เพิ่มขึ้นและทำให้เขาเป็นที่รู้จักในนามของ ‘บุรุษจากฟลอเรส’เมื่อตัวตนของเขาได้ถูกเปิดเผยและทำให้เขาต้องหลบหนี ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ Eliza “Ash” Cohen ได้เสนอการลี้ภัยในสหรัฐให้ สำหรับการแลกเปลีย่นนั้น เขาได้แสดงหลักฐานต่อต้านเจ้าแห่งอาชญากรรมที่โหดเหี้ยมที่สุดของบัวโนสไอเรส ชีวิตใหม่ในลอสแองเจลิส Lucero ได้เปิดรถขายอาหารเป็นของตัวเองซึ่งเป็นรถที่เขาใช้ปล้นมาเป็นเวลากว่าห้าปี เมื่อ Cohen สังเกตเห็นการกระทำของเขา เธอได้เสนอที่นั่งบนโต๊ะของเธอและอนาคตที่มั่นคงที่เขาจะสามารถสร้างครอบครัวได้ให้กับเขา
รายงานทางจิตวิทยา
ด้วยความดื้อรั้นและความเป๊ะซึ่งเป็นธรรมชาติของเขา ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ Santiago “Flores” Lucero ดิ้นรนในการแยกเรื่องส่วนตัวออกจากงาน เขาชอบที่จะทำให้คนอื่นๆสบายใจและมักจะยิงมุขขำๆอยู่เสมอ แต่บ่อยครั้งที่เขามักจะทำในแบบของเขาเองโดยการวิเคราะห์สถานการณ์ที่มากเกินเหตุฉันเข้าใจแรงกระตุ้นที่จะครอบคลุมความเป็นไปได้ทั้งหมดอยู่หรอกนะ เมื่อคิดว่าแม่ของเขาถูกฆ่าในยุทธการตอบโต้จากการกระทำของเขาที่บัวโนสไอเรส เขาจำเป็นต้องคิดว่าเขาเป็นมือดีที่สุดที่นี่ ในระยะยาวนั้น ฉันมั่นใจว่าการกระทำของเขาต่อผู้อื่นนั้น โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญพิเศษ Eliza “Ash” Cohen ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่เขานั้นคุ้นเคยเป็นอย่างดี ที่จะช่วยเขาและคอยระวังหลังให้จากการสิ่งต่างๆที่ทำให้เราผูกพันธ์กัน ซานติเอโก้ก็ได้ทำอาหารของชาวอาเจนติน่าให้ซึ่งเป็นจานโปรดของเขาและแบ่งปันมันให้กับพวกเราและมันกลายเป็นเรื่องง่ายไปเลยโดยที่ไม่ต้องลงลึกไปเพื่อให้เราสนิทกัน ฉันได้เรียนรู้ว่าแม้เขาจะมีเสน่ห์ เขาไม่กลัวที่จะเป็นกระบอกเสียงให้กับปัญหาด้านสังคมและด้วยการสนับสนุนของเขาที่จะพัฒนาชุมชน เขายังได้สารภาพอีกด้วยว่าการแต่งงานของเขานั้นเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์ต่อเขามากๆอย่างที่ฉันเซอร์ไพรส์ ไม่แน่เมื่อถึงเวลาเราจะได้รู้กันว่าทำไมสามีของเขาถึงไม่ลำบากใจเลยเกี่ยวกับอาชีพอาชญากรของเขาเรายังลงลึกไปถึงวัยเด็กที่ทำให้เขาเป็นเขาในวันนี้อีกด้วย ในขณะที่เขายึดมั่นกับแนวคิดดั้งเดิมของ“ มาคิสโม” เขานั้นก็คิดขึ้นได้ว่าแม่ของเขานั้นได้สอนให้เขาคิดอย่างอิสระ เขาไม่มีความทรงจำใดๆเกี่ยวกับพ่อและการเคลื่อนไหวทางการเมืองของเขา แต่เขามักจะพูดเสมอว่าแม่ภูมิใจในการที่พ่อของเขาทำในสิ่งที่เขารู้สึกว่ามันถูกต้อง โดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมาฉันดีใจที่ซานติอาโกสละเวลาเล็กน้อยเพื่อเฝ้าดูวิธีการของคนอื่นในการปรับปรุงตัวเอง เขาได้เรียนรู้มากมายที่คอเลจิโอ้ มิลิต้าในเอลพาโลม่าและฉันมั่นใจว่าการก่ออาชญากรรมมากมายของเขาได้ช่วยเขาในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ฉันเชื่อว่ามิตรภาพความเป็นคู่หูของเขากับผู้เชี่ยวชาญพิเศษ Grace “Dokkaebi” Nam และ Tori “Gridlock” Fairous นั้นมีพื้นฐานหลักๆมาจากอาหารและเทคโนโลยี มันเป็นผลประโยชน์��ี่เยี่ยมไปเลย                                                                                                                      ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
Team Defender(ฝ่ายป้องกัน)
KAPKAN
สังกัด: SPETSNAZ
หน้าที่: กับดัก
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: 9X19VSN(ปืนกลมือ)
                SASG-12(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: PMM(ปืนพก)
               GSH-18(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดอิมแพ็กต์
             ไนโตรเซลล์
ความสามารถพิเศษ: ระเบิดป้องกันการบุกเข้า
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Maxim Basuda
วันเกิด: 14 พฤษภาคม(อายุ 38)
สถานที่เกิด: คอฟรอฟ (รัสเซีย)
ชีวประวัติ
"ความฉลาดมีหลายรูปแบบ ยังดีว่าการเอาชีวิตรอดต้องการแค่แบบเดียว"                          Maxim “Kapkan” Basuda และเหล่าน้องชายของเขาเติบโตในเมือง Kovrov ที่รายล้อมไปด้วยอิทธิพลของทหารรัสเซีย พ่อแม่ของเขาทำงานในโรงงานที่สนับสนุนกองทัพ พ่อของเขาเป็นวิศวกรเครื่องกล และแม่ของเขาทำด้านสิ่งทอ จากการสนับสนุนของพ่อแม่และอาจารย์ Basuda เข้าร่วมกับกระทรวงกิจการภายในในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยการฝึกฝนทั่ว ๆ ไปในด้านการใช้อาวุธ คุ้มกันบุคคล และการไล่ล่าด้วยความเร็วสูง Basuda ได้แสดงทักษะด้านความเร็ว ในภารกิจช่วยเหลือตัวประกันและรวบรวมข้อมูล กลยุทธ์ที่ชาญฉลาดและการพึ่งตัวเอง หมายถึงการที่ Basuda เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในปฏิบัติการสายลับในเมืองท่าแห่ง Naryan Mar บน Barents Sea ความสำเร็จในการทำลายองค์กรอาชญากรรมของเขาทำให้ได้รับการเกณฑ์เข้ากับหน่วยสเปซนาซ Basuda กลายเป็นนักล่าที่ดุร้ายและนักวางกับดักตอนที่เขาใช้เวลาอยู่ที่วงกลมอาร์กติก ก่อนที่จะถูกย้ายมาอยู่ที่ Beslan ในที่ 2002
รายงานทางจิตวิทยา
ความประทับใจแรกตอนที่เจอกับ ผู้ชำนาญการ Maxim “Kapkan” Basuda คือเรื่องน่าเศร้าของโลกใบนี้และตัวตนของเขาบนโลก บางครั้งคนที่ทำเป็นเหมือนไม่สนใจจะเป็นคนที่หงุดหงิดกับเรื่องนี้มากที่สุด การที่เขาสามารถทำบางอย่างเพื่อช่วยโลกได้เป็นสิ่งสำคัญต่อ Basuda แม้ว่าเขาจะชอบพูดถากถาง แต่เขาก็เป็นคนที่เก็บเอาไปคิดและแนะแนวให้กับทหารคนอื่นๆ แม้ว่าบางคนในทีมจะบอกว่าเขาเคร่งเครียด แต่ก็ยังนับถือเขาอย่างมาก ผมถามเขาว่าคิดว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไปบ้างมั้ยในช่วงหลายปีมานี้ เขาหัวเราะและบอกกับผมว่า สิ่งหนึ่งที่เขาสังเกตเห็นได้ว่าเปลี่ยนแปลงไปคือ เขายังคงชอบพูดถากถาง แต่ตอนนี้พอจะรู้แล้วว่าควรหยุดพูดตอนไหนBasuda ชอบทำกิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับอาวุธและการล่า ผมเลยอยากถามเขาว่าอะไรที่ทำให้เขาหลงใหลไปกับมัน Basuda บอกกับผมว่า การที่จะเป็นนักล่านั้น คุณต้องคิดกลยุทธ์ให้เป็น เพื่อให้เข้าใจนิสัยและการใช้ชีวิตของสัตว์ แต่สิ่งที่สำคัญมากก็คือ นักล่าก็ต้องให้ความเคารพต่อสัตว์ด้วยเช่นกันนักล่าที่แท้จริงจะให้ความเคารพกับสัตว์ พวกเขาเข้าใจการอนุรักษ์และความต้องการที่จะรักษาสมดุล เขาบอกว่า หมาป่าและหมีทำได้ดีมากในเรื่องนี้ Basuda บอกว่าการที่มีความเข้าใจในเรื่องนี้ทำให้เขาเป็นเจ้าหน้าที่ที่เก่งขึ้น เพราะเขาสามารถมาปรับใช้กับคนได้ทั้งในเรื่องที่คนก็คล้ายกับสัตว์และไม่ใช่สัตว์เช่นกันสำหรับ Basuda แล้ว ชีวิตเป็นสิ่งที่ยาก และยากขึ้นไปอีกเพราะฝีมือมนุษย์ การตัดสินใจที่เด็ดขาดและการรักษาอารมณ์ความรู้สึกเป็นสิ่งที่สำคัญ เช่นเดียวกับหมาป่า ไม่ใช่หมาป่าในนิยายนะ หมาป่าของจริงเลย Basuda คิดว่าเขาเป็นคนที่มีความจงรักภักดี เขาอธิบายให้ผมฟังว่า หมาป่าเป็นสัตว์ที่ทุ่มเทแรงกายให้กับครอบครัว ทุก ๆ ตัวจะช่วยเลี้ยงดูลูก ๆ และพวกมันจะออกล่าเป็นทีม พอได้ฟังแล้ว ผมก็เลยคิดว่าเขาอาจจะรู้สึกโดดเดี่ยวก็ได้ เป็นหมาป่าเดียวดาย พอผมพูดไป เขาก็หัวเราะและแตะที่ข้างหัวแล้วบอกผมว่า เขาชอบวิทยาศาสตร์สมอง หน้าที่ของผมคือศึกษาความคิด แต่หลาย ๆ ครั้งที่มันจะเกี่ยวกับจิตวิญญาณ พอได้ฟังเขาพูดออกเชิงปรัชญา ๆ แบบนี้ ผมก็ได้แต่ตอบว่าเห็นด้วยไป                                                                                                                   ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
TACHANKA
สังกัด: SPETSNAZ
หน้าที่: แองเคอร์,ยิงคุ้มกัน,โล่
เกราะ: 3 ความเร็ว: 1 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: DP27(ปืนกลเบา)
                9X19VSN(ปืนกลมือ)
อาวุธรอง: PMM(ปืนพก)
               GSH-18(ปืนพก)
อุปกรณ์: ลวดหนาม
             เครื่องแจ้งเตือนการประชิด
ความสามารถพิเศษ: ปืนยิงระเบิด ชูมิก้า
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Alexsandr Senaviev
วันเกิด: 3 พฤศจิกายน(อายุ 48)
สถานที่เกิด: เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย)
ชีวประวัติ
"พวกนั้นบอกว่าฉันตายไปแล้ว แต่พวกนั้นคิดผิด ฉันแค่เกิดใหม่เท่านั้น"                           หลายๆ คนในครอบครัวของ Senaviev เคยทำหน้าที่อยู่ใน Red Army ตอนที่อายุสิบแปด Senaviev ถูกเกณฑ์ทหารในเวลาเดียวกับที่สหภาพโซเวียตหยุดการปฏิบัติการในประเทศอุซเบกิสถานพอดี ในตอนสุดท้ายของการคัดตัว Senaviev เลือกที่จะสมัครทหารแบบเต็มตัว เขาเคยเป็นนักมวยปล้ำในลีคมาก่อน ซึ่งร่างกายอันน่าเกรงขามและกลยุทธ์ของเขาทำให้เขามีชื่อเสียงอย่างมาก Senaviev เข้ารับการฝึกที่เน้นทางด้านการป้องกันและยุทธวิธีการบุกทะลวง เช่นเดียวกับการฝึกยิงปืนใหญ่ และในช่วงนั้นเขาได้ฝึกเป็นคนสร้างอุปกรณ์แม่นยำสูงและคนหล่อแม่พิมพ์ตอกโลหะในกองอาวุธ Senaviev ทำเรื่องขอย้ายไปเข้าร่วมกับกองทัพเรือรัสเซีย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเขายังคงอยู่กับกองกำลังติดอาวุธอยู่
รายงานทางจิตวิทยา
นิ่งสงบในยามวิกฤติ ไฟล์ต้นฉบับของ ผู้ชำนาญการ Alexsandr “Tachanka” Senaviev ยังไม่มีข้อมูลอื่นนอกจากนั้น เพราะงั้นตอนที่เราคุยกัน ผมเลยอยากจะดูรายงานภาคสนามและสังเกตเขาตอนที่เข้ารับการฝึกฝนก่อนที่ผมจะประเมินภูมิหลังของเข้าอีกครั้งSenaviev เป็นคนที่มีอารมณ์ขันและหัวเราะเสียงดังสุด ๆ เขาก็เป็นคนเงียบ ๆ ได้นะแต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้าง ส่วนตัวแล้วผมชอบคนที่ตรงไปตรงมา เขาและน้องสาวเติบโตมาในครอบครัวที่เข้มงวดและไม่ร่ำรวยนัก นั่นเป็นเหตุผลที่เขาพยายามใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุด พวกเขาทั้งคู่พยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้ลูก ๆ เติบโตมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ และในเวลาเดียวกัน เขาไม่ชอบซื้อหรือสะสมสิ่งของต่าง ๆ และเน้นย้ำเรื่องนี้กับลูก ๆ ของเขาด้วย ผมคิดว่านี่อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขาต้องหย่าร้างเขาทุ่มเทกับทีม จดจ่อและนิ่งสงบระหว่างปฏิบัติการ ถึงจะบอกแบบนั้น แต่ผมก็สังเกตเห็นความขุ่นเคืองของเขา มีผู้ชำนาญการมากมายที่ต้องการช่วยเหลือเขา แต่ Senaviev ก็รู้สึกว่าเขามีความสามารถบางอย่างที่ยังไม่รู้ว่าจะพัฒนาอย่างไร ชัดเจนว่าเขาอยากจะเป็นเครื่องจักรสังหาร เพราะงั้นผมเลยแนะนำให้เขาเปลี่ยนวิธีการดู โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเขาได้ศึกษาทีมของตัวเอง เขาควรที่จะต้องมองหาช่องว่างในกลยุทธ์ที่ใช้ และนั่นอาจจะเป็นที่ที่เหมาะสมกับเขาก็ได้น้องสาวของ Senaviev เป็นหมอ และเราเกือบไม่ได้คุยกันแล้วตอนที่เขาโชว์รูปภาพของเธอที่เก็บเอาไว้ในผ้ากันเปื้อน พร้อมกับรูปหลานสาว หลานชายและลูกๆ ของเขาอีกเป็นโหล ๆแม้ว่า Senaviev จะใช้ชีวิตเพื่อประเทศและภูมิใจในชาติอย่างมาก เขาบอกกับลูกชายและหลานชายของเขาว่าไม่ต้องมาเป็นทหาร เขาบอกผมว่า "พวกเขาทำพันธะทางทหารเอาก็ได้" "จากนั้นก็ไปทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์ได้เหมือนกันเถอะ" และมันคือสิ่งที่ Senaviev อยากให้ครอบครัวและเพื่อน ๆ ทำ ให้พวกเขาได้ทำหน้าที่ที่คิดว่าเป็นประโยชน์ และมันคือสิ่งที่เขาพยายามค้น��าให้ตัวเองเช่นกัน ตอนนี้มันขึ้ยอยู่กับ Rainbow และทีมแล้ว ที่จะช่วยเหลือเขา           ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
BANDIT
สังกัด: GSG9
หน้าที่: ต่อต้านการเจาะเหล็ก,โรม,คุม
เกราะ: 1 ความเร็ว: 3 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: MP7(ปืนกลมือ)
                M870(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: P12(ปืนพก)
อุปกรณ์: ลวดหนาม
             ไนโตรเซลล์
ความสามารถพิเศษ: SHOCK WIRE
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Dominic Brunsmeier
วันเกิด: 13 สิงหาคม(อายุ 42)
สถานที่เกิด: เบอร์ลิน (เยอรมนี)
ชีวประวัติ
"การเอาชีวิตรอดนั้นมันขึ้นอยู่กับจังหวะเวลา ธรรมชาติไม่มอบโอกาสที่สองให้ใคร"             Brunsmeier และน้องชายฝาแฝดเกิดในครอบครัวที่อาศัยอยู่ในเขตชนชั้นแรงงานใกล้กับกำแพงเบอร์ลิน พ่อเป็นตำรวจและสนับสนุนอย่างมากให้พวกเขาเข้าร่วมด้วยเช่นกัน ขณะที่ทำงานให้กับ Bundespolizei (BPOL) เขามีความเก่งกาจในการรับมือสถานการณ์วิกฤต เขาถูกแลกเปลี่ยนไปเข้าร่วมกับกลุ่มการบินเป็นเวลานานจนได้รับใบอนุญาตขับเฮลิคอปเตอร์ แต่ความสามารถในการปรับตัวและประสบการณ์ในการตรวจตราเขตชายแดน ทำให้ได้เข้าร่วมปฏิบัติการสายลับอยู่บ่อย ๆ เขาเคยเป็นสายลับอยู่ในองค์กรอาชญากรรม Red Army Faction (RAF) และได้เข้าร่วมกับ Hell’s Angels สาขา Hannover ในภายหลัง ผลงานของ Brunsmeier ในปฏิบัติการทั้งสองที่เขาเห็นคนสำคัญในทีมถูกจับตัวและให้ข้อมูลสำคัญไปนั้นสำคัญมาก ขณะที่เป็นสายลับอยู่ Brunsmeier ได้ฝึกฝนทักษะกลยุทธ์การรบแบบกองโจรและการใช้อุปกรณ์ระเบิด เขาได้พัฒนาตัวต้นแบบของสิ่งกีดขวางไฟฟ้าและโล่แบบติดตั้งได้ เขาสามารถพูดภาษาเยอรมัน อังกฤษ โปแลนด์ และตุรกีได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย
รายงานทางจิตวิทยา
ผมคิดไว้อยู่แล้วว่าเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นสายลับให้กับพวกแก๊งมอเตอร์ไซค์น่ากลัว และพวกอาชญากรเป็นเวลาหลายปีคงต้องฉลาดหลักแหลมและปรับตัวเก่งอย่างแน่นอน และพอได้อ่านไฟล์ของ ผู้ชำนาญการ Dominic “Bandit” Brunsmeier อีกครั้ง ก็ต้องทึ่งว่าเขาต้องมีสติปัญญามากขนาดไหนกันถึงทำแบบนั้นได้ แน่นอนว่าถ้าจะมีชีวิตรอดได้ เขาต้องมีความคิดสร้างสรรค์และมีกลยุทธ์ แต่ก็น่าแปลกใจที่เขาเป็นคนตลก ๆ เขาคงได้มากจากการเป็นสายลับนั่นแหละ นั่นหมายความว่าเขาก็เป็นคนเย็นชาได้เหมือนกัน การมองตา Brunsmeier ทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นประชาชนตาดำ ๆ ทั่วไปBrunsmeier คิดถึงน้องชาย เขาชอบการได้เป็นลุงให้กับลูก ๆ ของน้อง เพราะเด็ก ๆ เหล่านั้นทำให้เขาไม่เครียด รู้สึกได้ผ่อนคลาย เขาเล่าเรื่องวัยเด็กของเขาภายใต้เงาของกำแพงเบอร์ลินให้ฟัง เขาเล่าว่ามันรู้สึกยังไงที่อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นจากการที่มีบางอย่างไปกระทบมัน และเรื่องที่เขาชอบแกล้งตำรวจลาดตระเวนโดยใช้ความเป็นฝาแฝดผมไม่ได้ถามเขาเรื่องงานสายลับตรง ๆ จนกระทั่งเขาเล่าให้ฟังเองตอนครั้งล่าสุดที่เราประชุมกัน Brunsmeier อธิบายให้ฟังถึงความยากลำบากในการที่ต้องจดจำตัวตน "ที่แท้จริง" เมื่อต้องกลายเป็นอีกคนหนึ่ง คำถามที่ว่า "คุณคือใคร" มันช่างน่ากลัว ถ้าเขาตอบไปล่ะก็ เขารู้ว่าเขาต้องไม่รอดแน่ ๆ เขาจึงเลี่ยงที่จะไม่ตอบ เราคุยกันถึงรายละเอียดว่าเขาทำยังไงถึงมั่นใจว่าจะไม่โป๊ะแตก แม้ว่าจะมีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับตัวเขา เขายิ้มแล้วบอกว่าถูกแค่ครึ่งนึงเท่านั้น ผมไม่อยากจะเผยความลับของเขาตรงนี้ ผมแทบไม่ต้องประเมินอะไรเลยถ้ามันส่งผลกระทบกับตัวเขาและทีม Rainbowบอกได้มากที่สุดแค่ตอนนี้ทีมทำงานกันได้อย่างดีมันสำคัญมากที่ Brunsmeier จะไม่หลุดขณะปฏิบัติการ การได้ฝึกฝนสถานการณ์ต่าง ๆ กับเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ อย่างเช่น ผู้ชำนาญการ Miles “Castle” Campbell, Emmanuelle “Twitch” Pichon, หรือ Elias “Blitz” Kötz อาจจะช่วยได้ เพราะพวกเขาใจเย็นซึ่งอาจจะช่วยไม่ให้ปีศาจในตัวของ Brunsmeier ตื่นขึ้น                                                                                         ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
JÄGER
สังกัด: GSG9
หน้าที่: โรม,คุม
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 2
อุปกรณ์: 
อาวุธหลัก: M870(ปืนลูกซอง)
                416-C CARBINE(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
อาวุธรอง: P12(ปืนพก)
อุปกรณ์: ลวดหนาม
             กล้องกันกระสุน
ความสามารถพิเศษ: ระบบป้องกันเชิงรุก
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Marius Streicher
วันเกิด: 9 มีนาคม(อายุ 39)
สถานที่เกิด: ดุสเซลดอร์ฟ (เยอรมนี)
ชีวประวัติ
"งานวันเกิด งานหมั้น นี่สิคือสิ่งที่น่าจะทำให้ตกใจ ไม่มีใครอยากได้ลูกระเบิดลอยมาตรงหน้าหรอก"                                                                                                                 เขาถูกเลี้ยงดูโดยลุงที่เป็นช่างเครื่องขององค์กรการบิน Bundespolizei (BPOL) Streicher ได้อยู่ใกล้ชิดกับเครื่องยนต์และเครื่องบินมาตั้งแต่ยังเด็ก ขณะที่เขาได้แสดงทักษะทางด้านเครื่องยนต์ สิ่งนี้ก็ไม่ได้เป็นตัวหยุดความท้าทายอื่นที่เขาตามหามาตลอดเลย หลังจากที่เขาคุ้นเคยกับกลไกเครื่องยนต์ที่ซับซ้อนแล้ว ลุงของเขาก็สนับสนุนให้เขาเรียนด้านวิศวกรรมการบินที่มหาวิทยาลัย แต่รูปแบบทางวิชาการที่ต้องทำตามแบบแผนมันช่างไม่เหมาะกับเขาเลย ขณะที่เกรดของเขาก็อยู่ในระดับที่พอรับได้ เขามีแนวโน้มที่จะเป็นโรคกระสับกระส่าย เพื่อที่จะทำตามความใฝ่ฝันด้านการบิน เขาใช้เวลาอยู่แต่กับการบินและเครื่องบิน มีบริษัทเอกชนมากมายต้องการตัวเขา แต่ Streicher ก็เข้าร่วมกับองค์กรการบิน ของ BPOL เพราะที่นั่นเขาจะได้เจอกับความท้าทายที่ไม่เหมือนใคร เขาจะมีโอกาสได้ขึ้นบินและรับใช้ชาติ และแทบจะในทันทีที่เขาเข้าไป Streicher ได้เริ่มออกแบบระบบป้องกันให้กับ BPOL ที่รวมถึง ต้นแบบระบบป้องกันภัยแบบแอคทีฟพื้นฐาน (ADS) ด้วย และตัวต้นแบบนี้แหละที่ไปเตะตา GSG9 และ Rainbow เข้า
รายงานทางจิตวิทยา
ผู้ชำนาญการ Marius “Jäger” Streicher มีความสงสัยที่สร้างสรรค์ทั้งในเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติการและชีวิตส่วนตัว ช่วงแรกของการพูดคุยเราพูดถึงสารคดีที่เขาดูในคืนก่อน มันเกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์ที่ค้นคว้าวิจัยเพื่อคิดค้นยาปฏิชีวนะรูปแบบใหม่ Streicher รู้สึกอินกับมันมากจนเขาสิ่งลิงก์ไปให้ ผู้ชำนาญการ Gustave “Doc” Kateb, Emmanuelle “Twitch” Pichon และ Lera “Finka” Melnikova ผมมั่นใจว่าพวกเขาทุกคนต้องสนใจเหมือนกันแน่ ถ้าไม่สนใจก็คงไม่ติดต่อมาหาเช้าแบบนี้หรอกนั่นแค่เพิ่งเริ่มคุยกันเองนะ Streicher ยังคุยถึงสารคดีเรื่องอื่นๆ ที่เขาสนใจ อย่างเช่น NASA ส่งยานอวกาศไปสำรวจดวงอาทิตย์ การค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ของ ไทแรนโนซอรัส เร็กซ์ ทุกอย่างที่ทำให้เขารู้สึกสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร เรื่องหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ คือหัวข้อที่เขาสนใจมากที่สุด แต่เอาจริง ๆ เขาก็สนใจมันทุกอย่างแหละการเป็นคนที่มีชีวิตชีวาของ Streicher ทำให้การประชุมดูสับสนไปหมด แม้ว่าบทสนทนาจะดูสับสน แต่มันก็มีทิศทางของมัน ยอมรับว่าตอนแรกผมก็ไม่รู้เรื่อง จนกระทั่งสังเกตว่าเขาก็พูดถึงทีมบ่อย ๆ เขาพูดไปเรื่อยอย่างเช่น สงสัยจังว่าเขาคนนั้นคนนี้จะเป็นอะไรมั้ยที่สุนัขเขาเพิ่งตาย คน ๆ นั้นจะได้รับการ์ดวันเกิดที่เขาส่งให้รึยังนะ และเรื่องอื่นอีกเยอะแยะ Streicher ชอบแบ่งปันข้อมูลเพราะมันทำให้เขาสร้างสัมพันธ์กับคนอื่นได้ ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์กับคนที่เขาคุยด้วย แต่เครือข่ายความสัมพันธ์กับทุกคนเขาไม่ได้เติบโตมาในครอบครัวที่มีชีวิตชีวาและอบอุ่นมากนัก และการอยู่ในครอบครัวเล็ก ๆ ทำให้เขาไม่ค่อยรู้จักกับใคร เขาบอกว่าลุงเป็นคนจุกจิก Streicher เคารพนับถือลุงและทุกคนที่สอนเขามา ยกนู่นนี่มาพูดเยอะแยะเพื่อที่จะบอกว่าลุงเป็นคนที่ทำให้เขาเป็นคนดี แต่ Streicher ยังบอกอีกว่าลุงเป็นคนเก็บตัวและไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย ผมจำได้ว่าเขาใช้คำว่า "ตาลุงแก่ขี้หงุดหงิด" พอได้รู้ถึงเบื้องหลังแล้วก็ทำให้เข้าใจว่าทำไม Streicher ถึงพยายามสร้างความสัมพันธ์กับทีมเขานัก เขามองคนในทีมเป็นครอบครัว มันอธิบายเหตุผลว่าทำไมเขาถึงปกป้องคนเหล่านั้นขนาดนั้นทั้งในการปฏิบัติภารกิจและช่วงเวลาที่ยากลำบาก                                                                                                      ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
ROOK
สังกัด: GIGN
หน้าที่: แองเคอร์,เพิ่มความแข็งแกร่ง
เกราะ: 3 ความเร็ว: 1 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: MP5(ปืนกลมือ)
                P90(ปืนกลมือ)
                SG-CQB(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: P9(ปืนพก)
               LFP586(ปืนพก)
อุปกรณ์: เครื่องแจ้งเตือนการประชิด
             ระเบิดอิมแพ็กต์
ความสามารถพิเศษ: แพ็คเกราะ
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Julien Nizan
วันเกิด: 6 มกราคม(อายุ 27)
สถานที่เกิด: ตูร์ (ฝรั่งเศส)
ชีวประวัติ
"ถ้ารู้ว่าจะถูกยิง ก็ทำให้มันถูกหน่อย"                                                                             พ่อของ Nizan เป็นช่างก่อหินที่น่าเคารพนับถือและแม่ของเขาก็ทำงานหลายอย่าง พวกเขาทั้งคู่เป็นคนปลูกฝังเซนส์ของนักออกแบบสถาปัตยกรรมและความแม่นยำซึ่งช่วยให้เขาเป็นหัวกะทิของโรงเรียน พร้อมด้วยความสนใจเฉพาะตัวของ Nizan เขาเป็นคนที่มีทักษะด้านกีฬาที่ดีเยี่ยมตั้งแต่เด็ก เขาเป็นนักกีฬาวิ่งแข่ง นักกีฬาฟันดาบ นักปั่นจักรยาน จากนั้นเขาก็ดรอปจากมหาวิทยาลัยเพื่อปั่นจักรยานข้ามฝรั่งเศส ก่อนที่จะกลับไปเรียนต่อและเข้าร่วมกับ Gendarmerie เขาเป็นเลิศในการ��ึกฝน ทั้งทางด้านการใช้อาวุธ การตรวจตรา และสืบสวนอาชญากรรม ความสามารถในการปรับตัวของเขาทำให้เขาเป็นผู้ที่ทำคะแนนได้สูงที่สุดในด้านทหารและคอร์สป้องกัน ซึ่งทำให้ GIGN สนใจในตัวเขามาก นักจิตวิทยากล่าวไว้ว่า ในปฏิบัติการแรกของเขากับหน่วย เขาได้แสดงองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ทำให้เราได้เห็นว่าเขาเป็นคนชอบความท้าทายและการผจญภัยอย่างมาก ด้วยความสามารถด้านการช่วยเหลือตัวประกันและการตรวจตราที่น่าประทับใจของเขา ทำให้เขาประสบความสำเร็จในภารกิจแทรกแซงมากมายนับไม่ถ้วน
 รายงานทางจิตวิทยา
ขณะที่ตรวจแฟ้มของ ผู้ชำนาญการ Julien “Rook” Nizan นั้น สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับคำสั่ง เข้าเรื่องเลยก็คือ ความสนใจของ Nizan นั้นช่างมีมากมายเหลือเกิน จากคำอธิบายของตัวเขา มันฟังดูเหมือนกับว่าพ่อแม่ของเขาได้ใส่รสนิยมเรื่องต่าง ๆ มากมายให้กับเขา Julien และ Élodie น้องสาวของเขาถูกปลูกฝังให้เป็นคนช่างสงสัยในทุก ๆ เรื่อง ผมคงเถียงถ้าบอกว่าเป็นเพราะเขาได้รับอิสระในทุกเรื่องรอบตัว ทำให้เขาเป็นคนที่ชอบปกป้องสิ่งต่าง ๆ และยังยืดหยุ่นอีกด้วยพ่อของ Nizan เป็นช่างก่อหิน ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ จินตนาการ ความแม่นยำ และความทุ่มเท แม่ของเขาที่ทำงานได้หลากหลาย อย่างเช่น ด้านบัญชี นักแสดงข้างถนน คนขายดอกไม้ ไกด์ทัวร์ ซอมเมอลีเยร์ และเชฟ ทั้งหมดทั้งมวลเป็นสิ่งที่ทำให้ Nizan สามารถปรับตัวกับความท้าทายต่าง ๆ และเป้าหมายที่เขาตั้งไว้ให้กับตัวเองรายงานภาคสนามสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการกลมกลืนไปกับหน้าที่ที่เขาจำเป็นต้องทำ ความหลากหลายนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก ผมเคยขอให้เหล่าหัวหน้าทีม อย่างเช่น ผู้ชำนาญการ Gustave “Doc” Kateb และ Miles “Castle” Campbell ให้ลองท้าทาย Nizan ให้มากขึ้นระหว่างทำปฏิบัติการผมสงสัยว่า Nizan เปลี่ยนจากการเรียนด้านสถาปัตยกรรมแล้วมาเข้าร่วมกับผู้บังคับใช้กฎหมายได้อย่างไร เขาเติบโตมาด้วยความหลงใหลในการปั่นจักรยาน การแข่งรถ และคอนเสิร์ตร็อค และเขาใช้เวลาอยู่นานเพื่อคิดว่าความสนใจของเขาอันไหนที่สามารถทำเป็นอาชีพได้บ้าง จนท้ายที่สุดความสนใจของเขาก็พัฒนาขึ้น การที่ดรอปจากมหาวิทยาลัยเพื่อออกมาปั่นจักรยานทั่วฝรั่งเศสทำให้เขาสัมผัสได้ถึงอิสระ และโลกของเขาก็ได้เปิดกว้างมากขึ้นเมื่อเขากลับมา ในช่วงเวลานั้น หน่วย Gendarmerie กำลังเกณฑ์คนเพื่อทำภารกิจต่อต้านคอรัปชั่นกับธุรกิจต่างๆ Nizan บอกว่าเขารู้สึกตื่นตาตื่นใจกับระดับของการวางแผนของตำรวจตั้งแต่ครั้งแรก Nizan จำได้ว่าเขารู้สึกประทับใจกับทักษะ ความชำนาญต่าง ๆ ที่ผู้บังคับใช้กฎหมายและทหารจำเป็นต้องมี ทุกวันมันไม่มีอะไรเหมือนเดิม Nizan เป็นคนหนึ่งในทีมที่มีความคิดด้านบวกอยู่ตลอดเวลา ความสามารถในการกระตุ้นผู้ชำนาญการคนอื่นนั้นเป็นสิ่งสำคัญ และเขาก็เป็นคนแบบนั้น ผมอยากจะเห็นนิสัยรักการผจญภัยของ Nizan ถูกนำมาใช้อย่างเต็มที่ แต่ก็นะ เรื่องส่วนตัวของผมก็คงไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับใคร                                                                                                                   ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
DOC
สังกัด: GIGN
หน้าที่: แองเคอร์,เพิ่มความแข็งแกร่ง
เกราะ: 3 ความเร็ว: 1 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: MP5(ปืนกลมือ)
                P90(ปืนกลมือ)
                SG-CQB(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: P9(ปืนพก)
               LFP586(ปืนพก)
อุปกรณ์: กล้องกันกระสุน
             ลวดหนาม
ความสามารถ: ปืนยิงเข็มฉีดยา
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Gustave Kateb
วันเกิด: 16 กันยายน(อายุ 39)
สถานที่เกิด: ปารีส (ฝรั่งเศส)
ชีวประวัติ
"หน้าที่ของผมคือปกป้องชีวิตของคุณด้วยทุกอย่างที่ผมมี"                                              ด้วยชาติพันธุ์เป็นคนแอลจีเรีย-ฝรั่งเศส Kateb เกิดในครอบครัวที่มีฐานะในเขตที่ 16 ของกรุงปารีส ครอบครัวของเขาเป็นที่เคารพนับถือทั้งในด้านการทหารและการแพทย์ ในตอนที่เขาเรียนอยู่ปี 2 ในฐานะนักเรียนแพทย์ของมหาลัยชั้นนำอย่าง Université Paris Descartes เขาได้ตอบรับเข้าร่วมเป็นหนึ่งในอาสาสมัครให้กับ Médecins Sans Frontières (MSF) ได้อาสาลงพื้นที่เพื่อรักษาผู้บาดเจ็บในแนวหน้าทั่วโลกหลายต่อหลายครั้ง ตอนที��จบการศึกษา Kateb ปฏิเสธเข้ารับการฝึกฝนการแพทย์ส่วนตัวของสถาบันชั้นเลิศเพื่อเข้าร่วมกับหน่วยงานบริการด้านการป้องกันประเทศฝรั่งเศส Kateb ให้เวลาไปกับพิษวิทยาและมลพิษต่อระบบนิเวศ เขาได้รับอนุญาตให้ศึกษาเกี่ยวกับสารชีวภาพและผลกระทบของมันต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม และต้องรายงานผลการวิจัยต่อศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งยุโรป (ECDC) แม้ว่าเขาจะไม่ได้ต้องการเป็นหมอแต่ Kateb ยังคงอาสาช่วยเหลือให้กับ MSF เสมอมา เขาเป็นแพทย์ที่ได้รับการเคารพอย่างสูงในหน่วยกองกำลังพิเศษของกองทัพฝรั่งเศส
รายงานทางจิตวิทยา
การที่เติบโตพร้อมกองเงินกองทองอาจทำให้ ผู้ชำนาญการ Gustave “Doc” Kateb กลายเป็นคนหลงใหลในตัวเองได้อย่างง่ายดาย แต่เขาเป็นคนที่เข้าถึงง่ายและฉลาดหลักแหลมมากที่สุดคนนึงที่เคยพบมาเลย น่าแปลกที่เขาไม่สนใจที่จะเป็นหมอสักเท่าไร และดูเหมือนว่าแรงผลักดันจะมาจากประเพณีของครอบครัว เห็นได้ชัดว่าการที่ปู่ของเขาเป็นทหารเป็นแรงผลักดันให้เขากลายเป็นเช่นนี้ Kateb ยอมรับว่าเกือบจะลาออกตอนที่จบปี 1 เพราะไม่รู้สึกถึงความหลงใหลในงานของตัวเองเลย และดูเหมือนเรื่อง "ความหลงใหล" จะเป็นสิ่งไร้สาระสำหรับพ่อเขาตอนที่อยู่ปี 2 Kateb อาสาให้ความช่วยเหลือกับ MSF และภารกิจแรกที่เขาทำยังคงฝังลึกอยู่ในใจ สภาพแวดล้อมที่แสนอดสู เสบียงที่ขาดแคลน และความสิ้นหวัง เขายังจำใบหน้าที่เริ่มมีความหวังของผู้เป็นแม่หลังจากมารวมตัวกันอยู่ใกล้ ๆ เต็นท์ นั่นคือตอนที่เขาค้นพบความหลงใหลในที่สุดการที่เขาได้พบกับคนที่ไม่มีอะไรจะเสีย ทำให้เขารู้สึกอับอาย ที่น่าสนใจคือเขาอธิบายถึงความอับอายว่าเป็นเช่นเดียวกับชีวิตที่ยังเหลืออยู่ของเขารายงานภาคสนามสะท้อนให้เห็นถึงความเสียสละของ Kateb แต่กระนั้นเขาก็ยังเลือกที่จะปฏิบัติการด้านการต่อสู้ และนั่นทำให้ผมรู้สึกสนใจเขา มันเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเล่าเรื่องตัวเองให้ผมฟังซะอีก ในขณะที่เขาปฏิบัติภารกิจแนวหน้าอยู่ที่แอฟริกาใต้นั้น โรงพยาบาลที่ Kateb เคยทำงานถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงโดยกลุ่มทหารพื้นเมือง ผู้บาดเจ็บที่เขาพยายามช่วยเหลืออย่างสุดชีวิตถูกฆ่าทั้งหมด หลังจากเหตุการณ์นั้น เขาก็รู้ว่า เขาสามารถเลือกได้ว่าจะช่วยชีวิตผู้คนด้วยมีดผ่าตัดหรือกระสุนปืนทักษะเด่นอย่างการแก้ปัญหาความขัดแย้งของ Kateb เป็นเพียงแค่หนึ่งในทักษะอันมากมายที่ทำให้เขาเป็นคนสำคัญของ Rainbow ทีมเชื่อมั่นและเคารพเขาอย่างไม่ต้องสงสัย เขามีความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกับ ผู้ชำนาญการ Emmanuelle “Twitch” Pichon ด้วยความที่ Pichon ก็เป็นคนที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อชีวิตให้กับผู้คน แต่ก็แย่หน่อยที่เขายังคงไม่ชอบหน้า ผู้ชำนาญการ Olivier “Lion” Flament เพราะเขาไปเห็นเพื่อนร่วมงานถูกฆ่าตอนขั้นตอนกักกัน แต่ตอนนี้มันก็ดีขึ้นแล้ว ถ้าไม่ไปพูดถึงมันขึ้นมาล่ะก็นะ นี่ก็ดีที่สุดเท่าที่เราหวังได้แล้ว                                                                                            ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
PULSE
สังกัด: SWAT
หน้าที่: ตัวเก็บข้อมูล,โรม
เกราะ: 1 ความเร็ว: 3 ระดับความยาก: 3
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: UMP45(ปืนกลมือ)
                M1014(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: 5.7 USG(ปืนพก)
               M45 MEUSOC(ปืนพก)
อุปกรณ์: ลวดหนาม
             ไนโตรเซลล์
ความสามารถพิเศษ: เซนเซอร์ตรวจจับการเต้นหัวใจ
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Jack Estrada 
วันเกิด: 11 ตุลาคม(อายุ 32)
สถานที่เกิด: โกลด์สโบโร (นอร์ทแคโรไลนา)
ชีวประวัติ
"หัวใจก็แค่เครื่องยนต์ เหมือน ๆ กับจักรกลอื่น ๆ ซึ่งมันสามารถปรับปรุงได้"                        Estrada เกิดใน ฐานทัพอากาศ Seymour Johnson และเติบโตมาในฐานทัพทั่วทั้งสหรัฐและนานาประเทศ เช่น เยอรมนี ตุรกี และญี่ปุ่น พ่อของเขาเคยเป็นนักบินและแม่เคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองอาวุโส Estrada แสดงไหวพริบในด้านวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ยังเด็กและถูกย้ายมาเรียนในหลักสูตรชั้นสูงอย่างรวดเร็ว ความสนใจด้านนิติวิทยาศาสตร์และชีวเคมีทำให้เขาเหมาะสมที่สุดกับ โปรแกรมชีวภาพของ FBI ที่เขาเข้าร่วมโดยที่เป็นเด็กฝึกงานที่มีอายุน้อยที่สุด จากนั้นก็กลายมาเป็นตัวแทนและถูกเกณฑ์เข้ากับ SWAT ในเวลาต่อมา ซึ่งเขาได้ทำงานทั้งภาคสนามและในแล็บของ FBI ความฉลาดทางอารมณ์ของ Estrada ทำให้เขาได้เข้าร่วมกับทีมช่วยเหลือตัวประกันของ FBI (HRT) ที่ซึ่งเขาแสดงความสามารถในด้านการจัดการภาวะวิกฤตและกลยุทธ์การเจรจาต่อรอง ความรู้ของเขาในด้านชีวพฤติกรรมศาสตร์นำไปสู่การสร้างเซนเซอร์ตรวจจับการเต้นของหัวใจ พร้อม ๆ กับตัวต้นแบบอื่น ๆ ที่เขากำลังพยายามปรังปรุงต่อไป
รายงานทางจิตวิทยา
ในระหว่างปฏิบัติการ ผู้ชำนาญการ Jack “Pulse” Estrada เป็นคนที่เยือกเย็นและเป็นคนตัดสินใจทำอะไรโดยที่ผ่านการคิดมาอย่างดีก่อน เพราะงั้นการได้พบกับคนที่มาดแมนแบบเขามันทำให้รู้สึกน่าสนใจไม่น้อย บทสนทนาของเรามันช่างสนุกและมีเรื่องเต็มไปหมด ตั้งแต่ ชีววิทยา เครื่องบินขับไล่ไอพ่น และการดำน้ำ ไปจนถึงสิ่งที่พ่อของเขาสร้างในเวลาว่างซึ่งก็คือ รถสปอร์ตอเมริกัน ผมไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อนเลย ทำเอาผมงงไปเลยจน Estrada ต้องเอารูปมาให้ดูเราคุยกันถึงสิ่งที่เขาชอบในวัยเด็ก ซึ่งก็คือ ชีววิทยาและเคมี และเขาอยากจะเป็นนักบินอวกาศและพูดติดตลกว่าเขาอาจจะยังทำได้อยู่ เขาสนใจเรื่องมนุษย์ต่างดาวซึ่งพอได้พูดถึงเขาก็เล่าถึงเรื่องการดำน้ำลึกด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นสิ่งที่ทำให้ Estrada เงียบและนั่งคิดคือการพูดถึงแม่ของเขา เขาจริงจังขึ้นมาทันทีและมีน้ำเสียงที่โหยหา แม่คือคนแรกที่เห็นว่าเขาเก่งเรื่องอ่านความรู้สึกจากการแสดงออกทางใบหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอคอยสนับสนุนให้เขาคิดนอกกรอบและปล่อยให้เขาเป็นคนเลือกว่าจะต้องการเรียนอะไรเมื่อไร เธอเป็นคนที่เงียบ ๆ และการที่เธอทำงานเป็นทหารหน่วยข่าวกรองทำให้เธอเงียบขึ้นไปอีก แต่เพราะว่า Estrada เป็นคนที่อ่านคนออกได้ง่าย ๆ ผมคิดว่ามันทำให้เขาไม่สบายใจที่เขาอ่านแม่เขาไม่ออกเลยชีวิตคือการผจญภัยและ Estrada ก็พร้อมกับการผจญภัยนั้นแล้ว มันเป็นทัศนคติที่ดีและผมสงสัยว่าการที่เขามีพลังงานล้นเหลือแบบนั้นมันส่งผลอะไรกับทีมบ้าง Estrada บอกกับผมว่าเขากำลังพยายามทำตัวให้ "ช้าลง" เขาต้องการเป็นคนระมัดระวังมากขึ้น ผมถามว่าแล้วมีใครช่วยสนับสนุนความคิดใหม่นี้บ้างมั้ย แต่เขาก็เลี่ยงไม่ตอบคำถามแม้ว่าจะอยู่ในสภาพล่อแล่ Estrada ก็ยังคิดถึงทีมของเขาก่อน ซึ่งทำให้พวกเขาชื่นชมเขามาก Estrada บอกว่ามันคือความสามารถของทีมที่ทำให้เขาทุ่มเทขนาดนี้เขาและผู้ชำนาญการ Jordan “Thermite” Trace สนิทกัน แต่เขามีความเป็นอริด้านวิชาชีพกันอยู่ระหว่าง Estrada และ ผู้ชำนาญการ Monika “IQ” Weiss พวกเขาดูเหมือนจะชอบที่ได้ยั่วยุกันไปมา ผมเลยไม่กังวลอะไร ถ้าจะมีอะไร มันก็คงเป็นประโยชน์กับ Estrada เพราะนาน ๆ ทีได้ถูกท้าทายบ้างก็เป็นเรื่องที่ดี                                                 ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
CASTLE
สังกัด: SWAT
หน้าที่: แองเคอร์,คุม
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 2
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: UMP45(ปืนกลมือ)
                M1014(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: 5.7 USG(ปืนพก)
               SUPER SHORTY(ปืนลูกซอง)
อุปกรณ์: เครื่องแจ้งเตือนระยะประชิด
             ระเบิดอิมแพ็กต์
ความสามารถพิเศษ: แผงเกราะ
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Miles Campbell 
วันเกิด: 20 กันยายน(อายุ 36)
สถานที่เกิด: เชอร์แมนโอ๊คส์ (แคลิฟอร์เนีย)
ชีวประวัติ
"ทุกคนฟังให้ดี วันนี้จะไม่มีใครต้องเสียชีวิต ถ้ามีคำถามอะไรก็รอไปก่อน"                          Miles Campbell จบการศึกษาจาก Cal State LA ในสาขางานยุติธรรม และเข้าร่วมกับ LAPD ในทันที การถูกเกณฑ์เข้ากับ LAPD SWAT ทำให้ Campbell มีความสามารถในด้านการสนับสนุนทางยุทธวิธีและการทำหน้าที่ในเหตุการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง นิสัยที่มีความยืดหยุ่นและใตร่ตรองทำให้เขาขึ้นเป็นร้อยตำรวจเอกในเวลาไม่นาน ขณะที่ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของเขาทำให้เขาได้รับเหรียญยกย่องเป็นครั้งแรกด้วยความเป็นห่วงความปลอดภัยของทีม Campbell ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อทำให้การป้องกันและเทคนิคการเสริมกำลังและอาวุธอุปกรณ์ของเขาสมบูรณ์แบบ เขาได้รับเหรียญยกย่องอีกหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่ได้รับครั้งแรกและเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืนที่ได้รับการรับรอง เขาถูกย้ายไปทำงานให้กับ FBI ในฐานะเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่ที่เขาได้ฝึกฝนร่วมกับตำรวจสหพันธรัฐ (GSG-9) จากนั้นจึงถูกเกณฑ์เข้ากับทีม FBI SWAT ในเวลาต่อมา Campbell ได้เข้าร่วมการฝึกฝนข้ามหน่วยกับองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ ที่มีทั้ง SAS และ GIGN
รายงานทางจิตวิทยา
แค่ไม่กี่นาทีแรกที่ได้คุยกับ ผู้ชำนาญการ Miles “Castle” Campbell ผมก็มีความรู้สึกเหมือนได้อยู่กับเพื่อนเก่า เขาเป็นคนง่าย ๆ เราพูดตลก ๆ เกี่ยวกับอเมริกันฟุตบอลและฟุตบอลของพวกเรา ลองหาจุดกำเนิดของคำว่า "ฟุตบอล" ดู ผมพนันเลย 20 บาทรายงานหลายฉบับระบุว่า Campbell ถูกเรียกว่า "พ่อหมี" หรือ "ท่านทูต" โดยเจ้าหน้าที่หลาย ๆ คน เขาเล่าให้ฟังว่าเขาทำให้บทสนทนาที่ดุเดือดระหว่างเจ้าหน้าที่สองคนเย็นลงได้ยังไง เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนผสานทีมเข้าด้วยกัน สิ่งนี้และการเป็นคนเปิดใจของ Campbell หมายความว่าเขาสามารถไปอยู่กับใครก็ได้ใน Rainbow ผมไม่แปลกใจที่เขาเป็นคนที่ผู้ชำนาญการ Eliza “Ash” Cohen อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจมากที่สุดเขามีความยุติธรรมทั้งในชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงาน ผมสงสัยว่าเขาเคยรู้สึกลำบากบ้างมั้ย ถ้าดูจากสิ่งที่เขาเจอมา เขาบอกกับผมอย่างไม่ลังเลเลยว่า หน้าที่ของเขาคือการปกป้องคนที่ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ นอกเหนือจากความยุติธรรมที่เป็นตัวขับเคลื่อน เขามีความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้นบทสนทนาของเราทำให้เรารู้ว่าเขานั้นให้เกียรติเพื่อนร่วมทีม วัฒนธรรมต่าง ๆ ทั่วโลก และความรักที่มีต่อสุนัขที่เขาได้ช่วยชีวิตไว้มากขนาดไหน Campbell เป็นคนช่างสงสัย เขาเป็นคนที่เรียนเพื่อเรียนรู้ เขามักนอนดึกเพื่อดูสารคดีต่าง ๆ นั่นทำให้ผมรู้ว่าพวกเรานั้นคอเดียวกัน เขาได้รับพลังด้านบวกมาจากพ่อแม่ ที่แม้ว่าจะแต่งงานกันมาแล้วเป็นเวลา 42 ปี แต่ก็ยังรักกันเหมือนวันแรก พร้อมกับการปลูกฝังจรรยาบรรณในการทำงานของพวกเขา ซึ่งก็คือการทำงานให้สนุกCampbell เป็นคนที่เต็มไปด้วยความหวัง เขาเชื่อว่าทุกคนมีความต้องการที่จะเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลง เขาเป็นห่วงคนที่ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วพวกเขาต้องการอะไรอย่างมาก ผมคิดว่านี่แหละเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เขาหัวเสียหลังจากฝึกฝนเสร็จ หลักฐานคือเขาหงุดหงิดกับตัวเองมาก หนึ่งในกลยุทธ์ของเขามันไม่ส่งผลตามที่หวังไว้ ชัดเจนว่าเราต้องทำให้เขารู้สึกได้รับการสนับสนุนอย่างที่เขามอบให้กับคนอื่น ๆ                                                                                             ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
SMOKE
สังกัด: SAS
หน้าที่: แองเคอร์,ปิดพื้นที่,คุม
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 2
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: M590A1(ปืนลูกซอง)
                FMG-9(ปืนกลมือ)
อาวุธรอง: P226 MK 25(ปืนพก)
               SMG-11(ปืนสั้นอัตโนมัติ)
อุปกรณ์: โล่กำบัง
              ลวดหนาม
ความสามารถพิเศษ: ระเบิดแก๊สระยะไกล
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: James Porter
วันเกิด: 14 พฤษภาคม(อายุ 36)
สถานที่เกิด: ลอนดอนอังกฤษ (คิงส์ครอส)
ชีวประวัติ
"แน่นอน ฉันสนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว ที่อยู่ ๆ มันก็มาใกล้ฉันนั่นแหละ"                               แม้ว่า Porter จะไม่ใช่นักเรียนที่โดดเด่นอะไร ผลการทดสอบความถนัดเผยให้เห็นว่าเขาชอบด้านวิทยาศาสตร์ เขาได้รับการสนับสนุนจากครูและพ่อแม่ เขาเริ่มเรียนการศึกษานอกระบบกับติวเตอร์ เรียนจากที่บ้าน และเรียนด้านวิทยาศาสตร์ เขาสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วด้วยการเรียนที่ไม่เป็นตามแบบทั่วไป และพัฒนาความสามารถด้าน เคมี ชีววิทยา และคณิตศาสตร์ เขาไม่สนใจเข้าเรียนตามแบบแผนโดยการเข้ามหาวิทยาลัย Porter สร้าง ID ปลอมและสมัครเข้ากองทัพอังกฤษ แม้ว่ากฎอันแข็งแกร่งของกองทัพจะไม่เหมาะกับเขาซักเท่าไร แต่มันก็ถูกชดเชยด้วยการฝึกที่หลากหลายและประสบการณ์ชีวิตทางทหารที่มอบให้กับเขา แม้ว่าจะถูกตำหนิเนื่องจากการแหกกฎ แต่หัวหน้าก็จดจำเขาได้อย่างรวดเร็วจากมุมมองด้านนวัตกรรมและยุทธวิธีของเขา จากนั้นก็ได้รับการสนับสนุนให้เข้าร่วมกับ SAS เขาต้องการศึกษาหาความรู้และทักษะในเรื่องต่างๆ เช่น ด้านภาษาและดนตรี ในแบบของเขาและไม่เก่งนักในการฝึกฝนแบบทั่ว ๆ ไป
รายงานทางจิตวิทยา
มันเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับผมที่ต้องไม่มีความคาดหวังอะไรก่อนที่จะได้คุยกับผู้ชำนาญการโดยตรงก่อน ตั้งแต่การประเมินของผู้ชำนาญการ James “Smoke” Porter มันมีข้อขัดแย้งบางอย่างอยู่ ซึ่งจริงๆ แล้วผมไม่ควรปักหลักกับมุมมองใด ๆ ก็ตามอยู่แล้ว เขามาที่ออฟฟิศของผมแบบน่าพิศวงPorter ถูกอธิบายว่าเป็นพวกสันโดษ ผมลองอ่านไฟล์แล้วพบว่าเขานั้นมีอาการ "ปลีกตัว" เกิดขึ้นในช่วงที่มีความตึงเครียดสูง มันดูเหมือนจะไม่ใช่อาการสันโดษแต่มันคือการจดจ่อ ผมนึกถึงลุงของผมที่ชอบแตะที่หน้าผากของเขาและบอกให้ผมมีสติอยู่เสมอ ผมคิดว่า Porter กำลังคุมสติให้อยู่กับภารกิจและไม่สนใจสิ่งรบกวนรอบตัว เขาพยายามไม่ให้อารมณ์อยู่เหนือการตัดสินใจ เขาเลือกหาทางออกโดยการไปอีเวนต์ดนตรีสดเพื่อลบความตึงเครียด และเพื่อให้เป็นคนที่เหมาะสมกับหน้าที่เห็นได้ชัดว่าพ่อแม่ของ Poter เป็นคนที่สนับสนุนให้เขาเป็นคนมีอิสระตามที่คิด และให้เลือกเรียนเรื่องต่างๆ ในรูปแบบที่ตัวเองถนัด โชคร้ายที่มันเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น ครั้งหนึ่งตอนที่เขาทดลองทางวิทยาศาสตร์เกิดอุบัติเหตุและทำให้มีรอยแผลเป็นทางด้านร่างกายขึ้น แต่เท่าที่เห็นทางด้านจิตใจเขาก็ปกติดี ซึ่งมันเป็นประโยชน์อย่างมากการศึกษาที่เลือกเองได้ของ Porter ช่วยสร้างบุคคลที่ซับซ้อนและไม่เหมือนใครPorter เป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนร่วมทีมและเ��็นคนสำคัญของทีมแม้ว่าเขาจะชอบบุ่มบ่ามไปบ้างก็ตาม คำอธิบายว่าเขาเป็นพวกชอบแสวงหาความท้าทายและไร้ความกลัวดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติสำหรับผม แต่ Porter มีอะไรมากกว่านั้น เขาประเมินและคำนวณถึงความเสี่ยงแล้ว ทั้ง Porter และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ เข้าใจดีว่าเราควรเคารพในความกลัวมากกว่าที่จะแกล้งว่าไม่รู้สึกกลัวการเรียนรู้ด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็กทำให้ Porter ยังคงใช้เวลาค้นหาตัวตนของตัวเองอยู่ เขาชอบการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และหลังจากที่เขาเชี่ยวชาญแล้ว เขาก็หาสิ่งอื่นทำต่อ สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนคือลูกสาวบุญธรรมของเขา เขาเคยให้ดูรูปของเธอแค่ครั้งเดียว ผมไม่เคยเห็นเด็กทารกที่รายล้อมไปด้วยของเล่นอันตรายเยอะแยะแบบนั้นมาก่อน แต่ Porter ยืนยันว่าตอนนี้เธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมแล้ว เรียนได้ดีเยี่ยมตามแบบแผนแบบที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้ เขามองเห็นสิ่งใหม่ๆ ผ่านลูกของเธอ และเป็นวิธีหาสิ่งท้าทายที่เขาชอบทำ                            ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
MUTE
สังกัด: SAS
หน้าที่: ต่อต้านการเจาะเหล็ก,ตัวขัดขวางการเก็บข้อมูล,คุม
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: MP5K(ปืนกลมือ)
                M590A1(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: P226 MK 25(ปืนพก)
               SMG-11(ปืนสั้นอัตโนมัติ)
อุปกรณ์: กล้องกันกระสุน
             ไนโตรเซลล์
ความสามารถพิเศษ: เครื่องรบกวนสัญญา
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Mark R. Chandar
วันเกิด: 11 ตุลาคม(อายุ 25)
สถานที่เกิด: ยอร์ค (อังกฤษ)
ชีวประวัติ
"คนชอบคิดว่านามแฝงของผมมาจากการไม่ชอบพูดแต่จริงๆแล้วผมอาจจะแค่ไม่ชอบคุณก็ได้นะ"                                                                                                                Chandar เป็นนักเรียนที่โดดเด่นและเก่งรอบด้านมาก เขาเป็นคนที่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ด้วยอายุที่น้อยที่สุด เขาจบจากสาขาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ ฝึกงานกับบริษัทด้านเทคโนโลยีชั้นนำ ที่เขาใช้เวลาออกแบบตัวต้นแบบของระบบรักษาความปลอดภัยให้ ความฉลาดของเขาทำให้สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหราชอาณาจักร สาขาสำนักงานสื่อสารของรัฐบาล (GCHQ) เกิดสนใจในตัวเขาขึ้น เขาได้แสดงความสามารถในการเจาะรหัส ทำให้ Chandar กลายเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองในหน่วยสัญญาณอัจฉริยะ (SIGINT) เขายังคงใช้เวลากับการวิจัยทางเทคนิคประยุกต์ของทีม และไม่นานมานี้เขาก็ได้เรียน ภาษาเกาหลี เพิ่มเข้าไปอีกด้วย
รายงานทางจิตวิทยา
มันอาจจะไม่ชัดเจนในทันทีว่าทำไมนามแฝงของ ผู้ชำนาญการ Mark Chandar ถึงใช้ว่า Mute แม้ว่าเขาจะไม่ได้ชอบคุยจุกจิก แต่เขาก็ไม่ใช่คนเก็บตัว จริง ๆ แล้วบางครั้งเขาก็หุนหันพลันแล่นได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการก่อการทางสังคมรูปแบบไหนก็ตามที่เขาเจอ มันมีสิ่งบางสิ่งที่บ่งบอกว่าเขาไม่สามารถปล่อยวางได้ ผมคิดว่าเป็นเพราะเขาเป็นคนใจร้อน เขาต้องเปิดรับว่ามีวิธีการแบบอื่นอีกในการแก้ไขปัญหา น่าแปลกใจที่ ผู้ชำนาญการ Mike “Thatcher” Baker จะรู้สึกแย่แทนเขาและรู้กันว่าชอบพูดแก้ตัวให้กับเขาChandar มีแนวโน้มที่จะดึงดูดคนที่มีลักษณะนิสัยบางแบบอยู่ โดยเฉพาะช่วงนี้เห็นเขาพูดคุยกับ ผู้ชำนาญการ Timur “Glaz” Glazkov อยู่บ่อย ๆ ด้วยความที่ Chandar ชอบรื้ออุปกรณ์เพื่อสร้างบางอย่างขึ้นมาใหม่แทน ผมคิดว่าเขาเป็นพวกนักคิดเป็นนามธรรมและ Glazkov ก็มีพรสวรรค์ในการมองเรื่องต่างๆ ในแบบต่างออกไป แบบเดียวกันอยู่การที่เขามีพื้นฐานด้านการรักษาข้อมูล Chandar มีความเข้าใจในการรักษาความลับและเขาดูจะไม่สบายใจถ้าต้องแสดงออกถึงตัวเองหรือต้องตอบคำถามส่วนตัว และยิ่งในหน้าที่ของเขาที่ Rainbow ข้อมูลคือความเป็นความตาย เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าผมเคารพเขา แต่ต้องอยู่ในขอบเขต ผมต้องลองหาวิธีใหม่ ๆ และในที่สุดเราก็หาสิ่งที่เราสามารถคุยกันได้มันคือ ประวัติศาสตร์ของทุก ๆ เรื่อง!สำหรับคนที่ให้เวลาไปกับวิทยาศาสตร์แบบเขา มันทำให้ผมแปลกใจ เมือง York บ้านเกิดของเขาเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์มากที่สุดในอังกฤษ และเป็นเมืองที่ผมชอบ เขาเล่าให้ฟังถึงรายละเอียดต่าง ๆ ที่น่าอัศจรรย์ระหว่างที่เดินผ่านโบสถ์กอทิกระหว่างทางไปโรงเรียน เขาชอบเอนหลังมองหอระฆังเพราะมันทำให้เขารู้สึกโคลงเคลงการได้คุยกับ Chandar เตือนให้รู้ว่า Rainbow มีแนวโน้มที่จะโฟกัสเรื่องที่ว่า เจ้าหน้าที่ของเราก้าวหน้าในเรื่อง STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม คณิตศาสตร์) มากขนาดไหน แต่แท้จริงแล้วมันยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่เจ้าหน้าที่สนใจอีกมากมาย Chandar แสดงให้เห็นว่า ทำไมเขาถึงเป็นมากกว่าคนที่เคยฉลาดมากที่สุดในชั้นเรียน ผมคิดว่าเขาสามารถหาเรื่องมาสอนคุณได้ แม้ว่าเขาจะยังเด็กอยู่                                                                         ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
FROST
สังกัด: JTF2
หน้าที่: ลดความสามารถ,คุม
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: SUPER 90(ปืนลูกซอง)
                9MM C1(ปืนกลมือ)
อาวุธรอง: MK1 9MM(ปืนพก)
               ITA12S(ปืนลูกซอง)
อุปกรณ์: กล้องกันกระสุน
             โล่กำบัง
ความสามารถพิเศษ: WELCOME MAT
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Tina Lin Tsang
วันเกิด: 4 พฤษภาคม(อายุ 32)
สถานที่เกิด: แวนคูเวอร์ (บริติชโคลัมเบีย)
ชีวประวัติ
"สองสิ่งที่ร่างกายมนุษย์ต้องการมากที่สุดเวลาต้องเอาชีวิตรอดก็คือ น้ำและความหวัง"        Tsang เติบโตมาในเมือง แวนคูเวอร์ บริติชโคลัมเบีย และเข้าร่วมในกองทัพอากาศแคนาดา (RCAF) ตอนที่อายุสิบแปด เธอเรียนที่วิทยาลัยการทหารของกองทัพแคนาดา (RMC) และจบในอันดับที่หนึ่งของชั้นเรียน ช่วงหลังจากจบปริญญาตรีและการฝึกซ้อม Tsang ถูกให้ไปประจำการที่ชายฝั่งแปซิฟิกของแคนาดากับศูนย์ประสานงานกู้ภัยร่วมวิกตอเรีย (JRCC Victoria) หน้าที่หลักของเธอคือการค้นหาและกู้ภัย คอยคุ้มกันทีมและดินแดนยูคอนTsang ได้รับคำชมอย่างมากในเรื่องการรับรู้ถึงสถานการณ์ต่าง ๆ และมีบทบาทอย่างมากในการวางแผนภารกิจและตอบโต้อันตราย การฝึกฝน SAR ของเธอในด้าน การปีนเขา โดดร่ม และดำน้ำเป็นส่วนหนึ่งในเวลาว่างของเธอ Tsang ยังมีพื้นหลังด้านวิศวกรรมเครื่องกล เธอจึงช่วยออกแบบและปรับปรุง Sterling Mk2 LHT หรือ "พรมต้อนรับ" ที่มีการออกแบบมาให้พกพาสะดวกจึงทำให้สามารถประยุกต์���ช้ได้ในหลายพื้นที่และสภาพแวดล้อม
รายงานทางจิตวิทยา
ผมสารภาพเลยว่าผมรู้สึกว่าพลังงานของ Tina Lin “Frost” Tsang มันดูเหน็ดเหนื่อย มีผู้ใหญ่ไม่กี่คนที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นคนแก่ได้ เธอจัดเรียงหนังสือของผมใหม่ตอนที่เราประชุมกันมันดูดีขึ้นจริงๆ แหละ ไม่ใช่ว่า Tsang รู้สึกประหม่าหรืออะไรหรอกนะ มันรู้สึกเหมือนว่าเธอเป็นนักกีฬาที่เตรียมตัวมาอย่างดีรายงานภาคสนามเน้นถึงเรื่องความอดทนและสมาธิของ Tsang ทีมของเธอเชื่อมั่นในแผนของเธอ ความเห็นที่ไม่ตรงกันของทีมไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับทีมเพราะเธอเปิดรับกับข้อคิดเห็นต่าง ๆ แม้ว่าผมจะพบว่าเกิดความไม่พอใจบ้างกับคนที่มีความอดทนต่ำหรือคนที่มองหาทางลัดการวางแผนภารกิจของ Tsang นั้นเป๊ะมาก และเธอก็นำความเป๊ะนี้มาใช้กับชีวิตปกติของเธอ ตัวอย่างคือ เธอเล่าเรื่องงานเลี้ยงครบรอบของพ่อแม่เธอให้ฟัง เธออธิบายอย่างละเอียดว่ามันเป็นงานเลี้ยงโต๊ะจีนโดยมีเมนูอาหารสิบอย่าง คิดว่าเธอน่าจะจำมันได้อย่างดีนอกจากนั้นคือการหาเรื่องน่าตื่นเต้น ๆ คุยที่ไม่ใช่เกี่ยวกับการปฏิบัติงาน ดนตรีเหรอ อยู่ที่อารมณ์ของเธอ หนังสือเหรอ ไม่อ่ะ สุดท้าย ผมถามเธอเกี่ยวกับทริปล่าสัตว์ การที่เธอเติบโตมาในบริติชโคลัมเบีย Tsang ให้ความเคารพกับวัฒนธรรมพื้นเมืองของแคนาดา และเร่งเร้าให้ผมไปเที่ยวที่ไฮดาไกว เมื่อผมถามเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดจากการล่าสัตว์ของเธอ เธอทำท่าทีไม่ค่อยอยากจะพูดถึงมันเท่าไร เธอต้องลงจอดฉุกเฉินในที่ราบที่เรียกว่า Nahanni ตอนนั้นสภาพอากาศย่ำแย่มาก จากนั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ การช่วยเหลือก็มาถึง เธอไม่ค่อยอยากจะพูดลงรายละเอียดเท่าไรและการที่เธอใช้คำว่า "น่าจะทำ" อยู่บ่อย ๆ มันบ่งบอกได้ว่าเธอรู้สึกผิด แทนที่จะถามต่อ ผมแนะนำเธอให้รู้จักกับ ผู้ชำนาญการ Sanaa “Nomad” El Maktoub ประสบการณ์ที่ผ่านมาของทั้งคู่ทำให้พวกเขาสนิทกันในทันที เธอทั้งสองคนต่างก็ชื่นชอบการผจญภัย และไม่ใช่การผจญภัยธรรมดาๆ แต่เป็นการบุกป่าฝ่าดงความเป๊ะของ Tsang เป็นสิ่งล้ำค่ามาก แต่ผมก็อยากให้เธอลองทบทวนความคิดหรือความรู้สึกของตัวเองดูบ้าง ความเชื่อมั่นในตนเองของเธอจะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าเราคอยจับคู่ให้เธอคอยร่วมงานกับคนที่มีบุคลิกภาพที่แข็งแกร่งอย่างเช่น ผู้ชำนาญการ Taina “Caveira” Pereira                 ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
VALKYRIE
สังกัด: NAVY SEAL
หน้าที่: ตัวเก็บข้อมูล,โรม
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 2
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: MPX(ปืนกลมือ)
                SPAS-12(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: D-50(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดอิมแพ็กต์
             ไนโตรเซลล์
ความสามารถพิเศษ: แบล็กอาย
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Meghan J. Castellano
วันเกิด: 21 กรกฎาคม(อายุ 31)
สถานที่เกิด: โอเชี่ยนไซด์ (แคลิฟอร์เนีย)
ชีวประวัติ
"ถ้าคุณไม่รู้สึกว่ากำลังถูกจับตามองอยู่ แสดงว่าคุณไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัวเลย”                    Castellano เกิดและเติบโตมาในย่านชายทะเลอันเงียบสงบของโอเชี่ยนไซด์ แคลิฟอร์เนีย พ่อของเธอเป็นนายพลที่น่ายกย่องของเหล่านาวิกโยธิน แม่ของเธอเป็นนักวิจัยให้กับองค์กรเทคโนโลยีชีวภาพใกล้ๆ ตั้งแต่ยังเด็ก เธอมีชื่อเสียงจากการประสบความสำเร็จในด้าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ และในฐานะนักกีฬาชั้นนำ ความฝันที่จะได้แข่งว่ายน้ำในโอลิมปิกของ Castellano ได้พังลงจากแขนหักในอุบัติเหตุทางรถยนต์ตอนที่อายุ 16 ปี เธอเปลี่ยนความตั้งใจของเธอและเข้าร่วมกับกองทัพเรือ ขณะที่ก็ยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย หลังจากที่จบปริญญาในสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ที่เชี่ยวชาญในด้านความปลอดภัยและการถอดรหัส เธอย้ายมาอยู่กับชุมชนการทำสงครามข้อมูลกองทัพเรือ ความใส่ใจในรายละเอียดและทักษะในด้านการวิเคราะห์ของ Castellano ทำให้เธอเป็นหนึ่งในผู้ชำนาญการที่คนต้องการตัวมากที่สุดคนหนึ่ง และได้สมัครเข้ากับซีล เมื่อมีตำแหน่งเปิดรับให้กับผู้หญิง และผ่านหลายปีแห่งความโหดร้ายมาได้ เธอเป็นเหมือนแรงกระตุ้นให้ผู้อื่นกล้าที่จะเดินตามแบบของเธอ
รายงานทางจิตวิทยา
ตอนเริ่มของการพูดคุยกันกับผู้ชำนาญการ Meghan “Valkyrie”  Castellano เธอทำให้ผมมองเธอว่าเป็นพวกหัวกระทิ หรือคนที่ทำอะไรได้เกินความคาดหมาย พวกสมบูรณ์แบบ แต่พอได้เห็นรายงานภาคสนามแล้ว ผมเห็นถึงคนที่ดุดัน คนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ภารกิจสำเร็จ ความแตกต่างนี้ทำให้ผมสนใจมุมมองของ Castellano ต่อหน้าที่ของเธอนั้นซับซ้อนกว่าที่เธอตอบอย่างสุภาพมาก ขณะที่เราได้เพิ่มความท้าทายให้กับเธอ และเธอก็ยินดีรับความท้าทายนั้น ผมบอกได้เลยว่าเธอกำลังเจอกับปัญหาบางอย่างอยู่ Castellano ไม่เคยถูกรายล้อมด้วยคนที่ประสบความสำเร็จมากๆ ขนาดนี้มาก่อน เธอเคยเป็นที่หนึ่งมาตลอด คนที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด ช่วงเวลาเดียวที่เธอรู้สึกเหมือนกับ "ชนกำแพง" ที่เธอเป็นคนสร้างขึ้นมาเองนั้นก็คือระหว่างการฝึกซ้อมของซีล ปกติแล้วผมคงจะแนะนำให้เธอลองคุยกับคนที่เข้าใจสิ่งที่เธอได้พบเจอมา คนที่มาจากซีลอีกคนหนึ่ง เช่น ผู้ชำนาญการ Craig “Blackbeard” Jenson แต่ผมรู้ว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้ฝึกสอนของเธอช่วงสัปดาห์แห่งนรก และเธอก็เคารพเขามากด้วย ผมก็เลยไม่อยากจะสร้างมลทินให้กับความสัมพันธ์นั้นตอนนี้ Castellano ได้เข้าร่วมการทดสอบเพื่อเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผู้ชำนาญการ Elena María “Mira” Álvarez และเข้าเรียนภาษาต่างๆ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ผู้ชำนาญการ Yumiko “Hibana” Imagawa และ Miles “Castle” Campbellความรู้สึกว่าถูกคุกคามของเธอโดยการที่ถูกรายล้อมไปด้วยคนไม่ธรรมดาทำให้เธอรู้สึกกดดัน การพัฒนาตัวเองเป็นเรื่องที่ดีถ้าทำเพราะเหตุผลที่ถูกต้องสมควร Castellano เป็นเจ้าหน้าที่ที่ทรงคุณค่าอยู่แล้ว แม้ว่าจะเกิดความตึงเครียดกับผู้ชำนาญการ Taina “Caveira” Pereira ในเหตุการณ์ที่โบลิเวียก็ตาม ผมอยากให้ Castellano ลองคิดดูให้ดีว่าการเป็นส่วนหนึ่งของทีมหมายถึงอะไรเมื่อไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ Castellano ก็ไม่ได้เดินทางไปไหน ที่เที่ยวของเธอคือบ้านใกล้ชายฝั่งของเธอ สไตล์การใช้ชีวิตแบบจำศีลของเธอดูเหมือนจะไม่ใช่นิสัยธรรมชาติของเธอ ความกดดันที่เธอแบกไว้จำเป็นต้องได้รับการ... แบ่งเบา เธอต้องไม่แบกรับหน้าที่สำหรับเจ้าหน้าที่หญิงทุกคนเพียงคนเดียวอีกต่อไป และต้องยอมรับความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ ผมมั่นใจว่ามันจะช่วยให้เธอหาสมดุลของเธอเจอ มันต้องใช้การโน้มน้าวซักหน่อย แต่เรายังมีเวลาเหลืออีกเยอะ                              ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
CAVELRA
สังกัด: BOPE
หน้าที่: ตัวขัดขวางการเก็บข้อมูล,ตัวเก็บข้อมูล,โรม
เกราะ: 1 ความเร็ว: 3 ระดับความยาก: 3
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: M12(ปืนกลมือ)
                SAPS-15(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: LUISION(ปืนพก)
อุปกรณ์: เครื่อง���จ้งเตือนการประชิด
             ระเบิดอิมแพ็กต์
ความสามารถพิเศษ: ฝีเท้าอันเงียบงัน
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Taina Pereira
วันเกิด: 15 ตุลาคม(อายุ 27)
สถานที่เกิด: ริโนโพลิส (บราซิล)
ชีวประวัติ
"ไม่ใช่เด็กทุกคนจะเลือกได้ว่าโตขึ้นอยากจะเป็นอะไร"                                                   Pereira คือลูกคนที่เจ็ดในสิบคน แม่ของเธอเป็นแม่หม้ายอาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ของเซาเปาโล หลังจากย้ายมาที่รีโอเดจาเนโรในวัยเด็ก Pereira ถูกจับในข้อหาลักขโมยและถูกให้เลือกระหว่างเข้าสถานพินิจหรือทำงานเป็นคนส่งข่าวให้กับตำรวจทหาร หลายปีในการปฏิบัติหน้าที่สายลับในแก๊งโหดของบราซิลทำให้เธอเป็นที่สุดด้านการสืบสวน และการลาดตระเวน และตอนนี้ Pereira ถูกเรียกให้ไปช่วยฝึกสอนกองกำลังอยู่ตลอด ทักษะกลยุทธ์ในที่แคบ การสกัดกั้น และการทำหน้าที่ในสถานการณ์เสี่ยงของเธอนั้นน่ายกย่องมาก การทำหน้าที่ของ Pereira ระหว่างวิกฤตด้านความปลอดภัยของรีโอเดจาเนโรทำให้ Rainbow สนใจในตัวเธอ แม้ว่ารายงานหลายฉบับจะบอกว่าเธอนั้นอันตราย และมักทำตามอำเภอใจ นอกเหนือจากเรื่องงาน เราไม่ค่อยทราบเรื่องส่วนตัวของ Pereira นัก แต่ดูเหมือนว่าเธอจะชอบเรียนภาษาต่าง ๆ และเข้าร่วมแข่งยิวยิตสูแบบไม่เป็นทางการ
รายงานทางจิตวิทยา
มันชัดเกินไปที่จะอธิบาย ผู้ชำนาญการ Taina “Caveira” Pereira ว่าเป็นคนไร้ความกลัว และฉลาดเมื่อมีรายงานมากมายบอกว่าเธอเป็นเจ้าหน้าที่ที่กล้าหาญ เพราะเธอไม่ใช่พวกคิดก่อนทำ แต่เป็นพวกมุ่งทำงานให้สำเร็จ และเมื่อมีชื่อเสียง เธอก็คอยปฏิเสธคำยกย่องอยู่ตลอดมันเป็นธรรมชาติของเธอ เพราะแบบนี้ การพบกันครั้งแรกของเรา ผมเลยคาดหวัง คนที่ผมคาดหวังแหละมั้งการเริ่มต้นด้วยการเป็นสายข่าวมันบอกได้ว่าเธอเป็นพวกเอาตัวรอดเก่ง และเพราะแบบนี้ ผมเลยถามว่าทำไมเธอถึงทำงานต่อในเมื่อบทลงโทษสิ้นสุดแล้ว เธอบอกผมว่า จากสิ่งที่ทำเพื่อหลบหนี ตอนนี้มันกลายเป็นวิถีชีวิตไปแล้ว เธอยังต่อต้านกับระบบของมัน แต่มันก็ชัดเจน แม้ว่าเธอจะล้อคนอื่นเกี่ยวกับ "ความยุติธรรมแบบฮีโร" แต่เธอก็ทำหน้าที่ของเธออย่างจริงจังPereira มักจะถูกวิจารณ์โดยพวกที่ไม่เข้าใจว่าชีวิตในครอบครัวใหญ่เป็นอย่างไร ว่าเป็นพวกก้าวร้าว โดยเฉพาะครอบครัวที่มีพี่น้องผู้ชายเยอะ ๆ แม้ว่าเธอจะสนิทกับพี่น้องของเธอ แต่ Pereira ต้องต่อสู้เพื่อให้มีคนสนใจ จึงเข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว และชอบใช้ชีวิตในแบบของเธอเอง และในเวลาเดียวกันการที่มีครอบครัวแบบนี้มันก็ทำให้เธออยู่กับเสียงดัง ๆ และความวุ่นวายได้ และเธอเข้าใจความละเอียดอ่อนของกลุ่มมากกว่าคนอายุเท่าเธอมากนัก มันคือหนึ่งในเหตุผลที่เธอเก่งด้านสอบสวนมาก ๆ ผมละไม่อยากนึกถึงคนที่ทำให้เธอมีวันนี้ได้เลยจริง ๆPereira บอกชัดเจนว่าเราจะไม่คุยเรื่องส่วนตัวของเธอ ตอนที่จับสร้อยคอไปมา ผมคิดว่าเธอกำลังปกป้องคนใกล้ชิด มากกว่าที่จะดูถูกผมแล้วใครกันที่ผมคาดหวังตอนที่ได้พบกับผู้ชำนาญการ Pereira เธอไม่ใช่คนประเภทที่อ่านหรือคาดเดาได้ นี่ไม่ใช่คำขู่นะ ตรงกันข้ามเลยต่างหาก ผมเชื่ออย่างเต็มที่ในความสามารถของเธอ ในท่าทางและความมุ่งมั่นของเธอ แม้ว่าคนอื่นจะมองว่าก้าวร้าว แต่ผมมองว่าฉลาดหลักแหลม Pereira นั้นเต็มไปด้วยเรื่องน่าแปลกใจ แต่มันคือความคิดของผม เราเชื่อใจได้ว่าเธอจะทำสิ่งที่ดี                                    ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
ECHO
สังกัด: S.A.T.
หน้าที่: แองเคอร์,ลดความสามารถ,ตัวเก็บข้อมูล,คุม
เกราะ: 3 ความเร็ว: 1 ระดับความยาก: 3
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: MP5SD(ปืนกลมือ)
                SUPERNOVA(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: P229(ปืนพก)
               BEARING 9(ปืนสั้นอัตโนมัติ)
อุปกรณ์: ระเบิดอิมเเพ็กต์
             โล่กำบัง
ความสามารถพิเศษ: YOKAI
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Masaru Enatsu
วันเกิด: 31 ตุลาคม(อายุ 36)
สถานที่เกิด: โตเกียว ญี่ปุ่น(ซูงินามิ)
ชีวประวัติ
"ไม่ต้องถามว่าผมทำอะไรกับมือถืออยู่ คุณไม่อยากรู้มันหรอก"                                         Enatsu เติบโตมาในเขตซูงินามิ ชานเมืองของโตเกียว มีความหลงใหลในหุ่นยนต์ตั้งแต่เด็ก เขาออกแบบและโปรแกรมโดรนบนพื้นและบนฟ้า และชนะการแข่งขันหลายรายการ หลังจากได้เรียนด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่มหาวิทยาลัยโตเกียว Enatsu ได้รับการสนับสนุนให้เข้าร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ที่เขาทำงานแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนในห้องแล็บพัฒนาและวิจัย เขาผ่านการฝึกฝนด้านต่อต้านการก่อการร้ายและการรวบรวมข่าวกรอง Enatsu ได้เริ่มออกแบบเท���โนโลยีที่ตอบโจทย์กับสำนักงาน เขาผ่านการฝึกฝนร่วมหลังจากเหตุการณ์จับตัวประกันในนาโกย่ากระตุ้นให้ Enatsu ย้ายไปที่สำนักงานตำรวจประจำจังหวัดไอจิในแผนกพิเศษ ที่ที่เขาสามารถใช้เวลาสร้างสิ่งที่สร้างสรรค์และแปลกตาได้ ก่อนที่เขาจะกลับมาที่โตเกียวและถูกจับตามองโดย Rainbow ในทักษะด้านการหาข่าวกรอง เช่นเดียวกับความไวและความคาดเดาไม่ได้ของกลยุทธ์ของเขา
รายงานทางจิตวิทยา
การที่บอกว่าไฟล์ของ ผู้ชำนาญการ Masaru “Echo” Enatsu มีสิ่งพิเศษน้อยกว่าคนอื่นนั้นเป็นสิ่งที่น้อยไปกว่าความจริงมาก ก่อนที่เราจะได้ฝึกฝนร่วมกัน ผมได้พบกับสมาชิกทุกคนใน Rainbow มาแล้ว บางคนก็มากกว่าครั้งเดียวด้วยซ้ำ หลังจากที่บทสนทนาเริ่มด้วยการที่ Enatsu บอกผมว่าเขาพยายามหลบหน้าผมมาตลอดนั้น ผมรู้ทันทีว่าเราจะเข้ากันได้อย่างดีหลายครั้งผมจะไม่อ่านไฟล์ข้อมูลมาก่อน เพื่อให้พวกเขาเป็นคนบอกผมเองว่าพวกเขาเป็นใครมาจากไหน ในกรณีนี้ มันสำคัญมากที่ผมจะรู้สิ่งที่คนอื่นคิด เพราะว่า Enatsu เตรียมตัวมาเจอผมแล้วผมได้รู้ว่าเขากับครอบครัวไม่ได้สนิทกันนัก เขาพูดตลก ๆ ว่าเครื่องคิดเลขยังมีอารมณ์มากกว่าพ่อแม่ของเขาเลย การที่เติบโตมาแบบนี้ทำให้เขาไม่อยากทำงานเป็นกลุ่ม เพราะความเป็นมิตร และการช่วยเหลือกันไม่ใช่สิ่งที่เขาคุ้นเคยนัก ผมหวังว่าช่วงเวลาที่อยู่กับ Rainbow จะช่วยเขาได้ แต่ความต้องการที่จะศึกษาเรื่อง "AI" กับเพื่อน ๆ เจ้าหน้าที่ของเขาโดยการเข้าไปวุ่นวายนั้นคือสิ่งที่อาจจะต้องรีบจัดการให้เรียบร้อยกลยุทธ์ของ Enatsu ถูกอธิบายว่ามีเล่ห์เหลี่ยม และคาดเดาไม่ได้ มันจะเป็นกลยุทธ์สำหรับทีมที่แข็งแกร่ง แต่ต้องมีการสื่อสารที่ดีด้วยผมอยากจะกระตุ้นให้คนในทีมช่วยคิดว่าจะใช้ความสามารถของ Enatsu ให้เต็มความสามารถได้อย่างไร เจ้าหน้าที่บางคนคิดว่าจะต้องเกิดเรื่องกับเขาก่อนที่จะได้เริ่มแน่นอน ซึ่งผลลัพธ์ก็คงเดาได้ไม่ยากผู้ชำนาญการ Yumiko “Hibana” Imagawa และ Grace “Dokkaebi” Nam ทำงานกับ Enatsu ในแผนก R&D อยู่บ่อย ๆ ที่จริงผมสังเกตได้ว่าเขาเริ่มพัฒนาความไว้ใจกับผู้ชำนาญการ Taina “Caveira” Pereira แล้วด้วย ผมคิดว่าเขาน่าจะชอบควา��จริงใจของ Pereira เพราะเขามักจะมีความคิดว่าคนที่ถูกรุกรานจะไม่เข้าใจ "มุกตลก"Enatsu เป็นคนโมโหง่าย เขาไม่ค่อยมีสิ่งอื่นที่ชอบ และลงท้ายด้วยการคิดแต่เรื่องพัฒนาการปฏิบัติหน้าที่ของเขาให้ดีขึ้น เป็นเรื่องสำคัญมากที่ทุกคนต้องมีสิ่งบันเทิงใจ โดยเฉพาะพวกที่ต้องเจอกับความเครียดระดับสูง ๆ มันไม่ใช่จุดอ่อนอะไรที่จะ "พักผ่อนแบบไร้สาระ" ดูบ้าง แม้ว่าเขาจะถูกทำให้เชื่อว่าการที่ไม่ค่อยคิดอะไรเป็นสิ่งที่บอกถึงการไม่มีความรู้ก็เถอะ                    ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
MIRA
สังกัด: G.E.O.
หน้าที่: แองเคอร์,ตัวเก็บข้อมูล,คุม
เกราะ: 3 ความเร็ว: 1 ระดับความยาก: 3
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: VECTOR.45 ACP(ปืนกลมือ)
                 ITA12L(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: USP40(ปืนพก)
               ITA12S(ปืนลูกซอง)
อุปกรณ์: เครื่องแจ้งเตือนการประชิด
             ไนโตรเซลล์
ความสามารถพิเศษ: แบล็กมิร์เรอร์
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Elena María Álvarez
วันเกิด: 18 พฤศจิกายน(อายุ 39)
สถานที่เกิด: มาดริด (สเปน)
ชีวประวัติ
"คิดซะว่าฉันเป็นสติสัมปชัญญะของคุณ ฉันเห็นทุกอย่าง และฉันก็ไร้ความปราณี"              Álvarez เป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง และมีความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดที่ดีเลิศ การที่เธอทำงานกับพ่อของเธอในร้านซ่อมรถยนต์ ช่วยให้เธอเข้าใจในกลไกอันซับซ้อนของเครื่องจักรกล และเป็นสิ่งที่ทำให้เธอศึกษาในด้านวิศวกรรมเครื่องกลและโลหะวิทยาที่มหาวิทยาลัย เธอถูกปลูกฝังเรื่องความยุติธรรม และการได้รับใช้ชาติมาอย่างหนัก ทำให้ Álvarez เข้าร่วมกับกองกำลังตำรวจแห่งชาติ เธอเห็นว่าที่นี่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่ดีกว่านี้และพัฒนาวัสดุกันกระสุนเพื่อปกป้องเพื่อนร่วมทีมของเธอขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ เธอได้รับการสนับสนุนให้เข้าร่วมกับหน่วยยุทธวิธีของตำรวจแห่งชาติสเปน เธอเอาชนะทหารใหม่กว่า 100 คนเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่เธออยากทำ ชุดเกราะเสริมกำลังที่เธอใส่ถูกออกแบบโดยเธอเอง Álvarez ถูกจ้างมาให้เป็นผู้อำนวยการแผนกวิจัยและพัฒนาของ Rainbow ก่อนที่จะถูกเพิ่มเข้าไปในรายชื่อทีมต่อสู้ เพื่อที่เธอจะได้สามารถทดสอบอุปกรณ์ที่เธอพัฒนาและปรับปรุงภายใต้การใช้งานในสนามรบจริง ในเวลาว่างเธอชอบขับเฮลิคอปเตอร์อยู่เสมอ ๆ
รายงานทางจิตวิทยา
ผู้ชำนาญการ Elena María “Mira” Álvarez เป็นคนคิดเร็ว สำหรับคนที่ปรับตัวเก่งและอเนกประสงค์แบบเธอมันช่างยากที่จะคาดเดา... ซึ่งก็ควรจะเป็นแบบนั้น เธอชอบเสี่ยง และผมหวังว่าเธอจะคำนวณมาแล้ว Álvarez เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่ฝันอยากจะเป็นฮีโร ปกป้องเพื่อนร่วมทีมและคนที่เธอเห็นว่าเป็นเพื่อนอย่างเอาเป็นเอาตาย เธอสามารถที่จะควบคุมปฏิบัติการ บังคับให้คนอื่นผสมผสานกลยุทธ์ของพวกเขาเข้ากับของเธอÁlvarez ชอบใช้เวลาในแล็บ และผมดีใจมากที่เธอยอมรับข้อเสนอของผมที่ให้เธอเป็นผู้อำนวยการแผนกวิจัยและพัฒนา การได้ทำงานท่ามกลางเครื่องจักรทำให้เธอคิดถึงพ่อของเธอ และสายสัมพันธ์ที่พวกเขามีด้วยกัน เท่าที่เธอจำความได้ พวกเขามีกันแค่สองคน แต่พ่อของเธอก็เล่าเรื่องย่าของเธอให้ฟังทำให้เธอมีคนที่สองที่เธอเคารพ มีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ ตอนที่ทำงานอยู่ในโรงรถจนดึกดื่น พ่อของเธอถูกรถทับอยู่ข้างใต้ Álvarez มาเจอพ่อของเธอเข้า ตอนนั้นเธออายุเจ็ดปี เธอไม่ยอมทิ้งเขาไปไหน เธอพยายามงัดพ่อเขาออกมา แม้ว่าพ่อของเขาจะพยายามห้าม สุดท้ายแล้วเธอก็ช่วยพ่อออกมาได้ นั่นคือครั้งเดียวที่เธอร้องขอความช่วยเหลือนี่คือความซื่อสัตย์และความดื้อรั้นที่ผมเห็นในตัวเธอ และมันคือสิ่งที่ทีมของเธอชอบในตัวเธอ มันมาจากจิตใจที่อ่อนโยนเมื่อไม่ได้ทำงาน Álvarez ก็ใช้เวลากับงานศิลปะ ผลงานปั้นเศษเหล็กของเธอคือสิ่งที่เธอภาคภูมิใจและเธออวดภาพถ่ายให้ผมดู วิธีที่เธอประกอบชิ้นส่วนเครื่องจักรเข้ากับกระจกกันกระสุนนั้นมันช่างน่าหลงใหลÁlvarez ใช้ความสามารถด้านศิลปะของเธอจินตนาการเหตุการณ์ต่างๆ ได้ชัดเจนไม่เหมือนใคร ทีมของเธอน่าจะเอาความสามารถนี้มาใช้ประโยชน์ให้มากๆความเป็นอริกันระหว่างเธอและผู้ชำนาญการ Eliza “Ash” Cohen คือการแข่งกันระหว่างคนหัวแข็งสองคน ทั้งสองมีความเป็นผู้นำและทั้งสองก็ห่วงใยทีมของตัวเอง พวกเขาแค่มีวิธีจัดการความยากลำบากที่แตกต่างกัน เราต้องหาทางที่พวกเธอจะสามารถใช้ความแข็งแกร่งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ทั้งสองยอมรับ ต้องให้พวกเขาประสบความสำเร็จร่วมกันพวกเขาถึงจะเห็นคุณค่าของแต่ละวิธีที่พวกเขาใช้                                                                                                             ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
LESION
สังกัด: S.D.U
หน้าที่: แองเคอร์,ลดความสามารถ,ตัวเก็บข้อมูล,โรม,กับดัก
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: SIX12 SD(ปืนลูกซอง)
                T-5 SMG(ปืนกลมือ)
อาวุธรอง: Q-929(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดอิมแพ็กต์
             กล้องกันกระสุน
ความสามารถพิเศษ: GU MINES
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Liu Tze Long
วันเกิด: 2 กรกฎาคม(อายุ 44) 
สถานที่เกิด: ฮ่องกงจังค์เบย์ (เจิ้งกวนโอ)
ชีวประวัติ
"จงเป็นตัวของตัวเอง มีแค่พวกที่จิตใจอ่อนแอเท่านั้นแหละที่ต้องการให้คุณปรับเปลี่ยน"     เขาเติบโตและถูกเลี้ยงดูมาในเมืองเจิ้งกวนโอ (จังค์เบย์) ในช่วงวัยเด็กของ Liu เขาใช้เวลาทำงานกับพ่อที่อู่เรือ งัดแงะถังเพื่อหาชิ้นส่วนเหล็กและวัสดุต่างๆ เขาเติบโตมาโดยที่รายล้อมไปด้วยวัสดุอันตราย และได้เห็นผลกระทบในระยะยาวกับเพื่อน ๆ ที่ทำงานเหมือนกันกับเขาซึ่งทำให้ Liu มีความเคารพเกรงกลัวต่อสารพิษและผลกระทบของมันต่อร่างกายมนุษย์ เขาอาสาทำหน้าที่เคลียร์กับระเบิดในมณฑลยูนนานและกว่างซีจ้วงที่ตอนแรกก็ทำไปเพื่อหารายได้เสริม แต่ความสามารถและความกล้าหาญ ได้ไปเข้าตาบุคคลสำคัญของกองกำลังตำรวจฮ่องกงเข้า Liu จึงได้เข้าร่วมกับทีมนักทำลายวัตถุระเบิด (EOD) ซึ่งทำให้เขาได้มีโอกาสในการศึกษาในด้านเคมีและนิติวิทยาศาสตร์ ควบคู่กับการฝึกฝนอย่างเข้มข้น ความเชี่ยวชาญด้านสารเคมี ชีวภาพ รังสี และอันตรายจากนิวเคลียร์ของ Liu ทำให้เขาเป็นตัวเลือกลำดับที่หนึ่งในตอนที่จัดทีม CBRN ของ Rainbow และตอนนี้ Liu ก็ยังคงอาสาทำหน้าที่เคลียร์กับระเบิดในเวลาว่างของเขาอยู่
รายงานทางจิตวิทยา
เพื่อนร่วมทีมของผู้ชำนาญการ Liu “Lesion” Tze Long เคารพในตัวเขาอย่างมาก แม้ว่าบ่อยครั้งเขาจะไม่ค่อยโดดเด่นเพราะสไตล์ที่ไม่ชอบทำตัวเด่น Liu ไม่ได้สนใจเรื่องที่เขาถูกมองข้ามเลย จริง ๆ แล้ว ตอนที่ผมบอกเรื่องนี้กับเขา เขายิ้มออกมาด้วยซ้ำ ขณะปฏิบัติหน้าที่ Liu จะจริงจังและมีสมาธิมาก และยังคิดเร็วทำเร็วอีกด��วย เวลาที่เขาว่าง เขาชอบพูดเสียดสีด้วยเสียงนุ่ม ๆความยากจนของครอบครัว ทำให้เขาเป็นคนเรียบง่าย แม้แต่ตอนนี้เองเขาก็ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายโดยการใช้จ่ายเงินกับเวลาไปกับสิ่งที่มีจุดประสงค์ Liu บอกผมว่าเขาไม่ใช่คนที่ชอบบ่นให้กับสิ่งที่เขาควบคุมไม่ได้ และจากการสังเกตผมรู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่จะมานั่งนับรอยแผลเป็นด้วยเรื่องราววัยเด็กของเขามันลำบากมาก เขาต้องเสี่ยงอันตรายจากวัสดุปนเปื้อนสารพิษ นี่ยังไม่ได้พูดถึงอันตรายจากการฉีกท่อเหล็กอีกด้วย แต่ Liu ก็ยังคิดถึงชีวิตในวัยเด็กของเขา แม้จะเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ผมสงสัยว่าความที่เป็นคนคิดบวกของเขาคือกลไกในการเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์อันเลวร้ายรึเปล่า แต่ Liu ก็พยายามทำให้ผมสบายใจโดยบอกว่า มันก็ไม่ได้แย่ไปซะหมด เขาเล่าว่าเขากับพ่อชอบช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ค่อยๆ เคลื่อนตัวข้ามน้ำและใช้เวลาพักเบรกนาน ๆ เพื่อออกไปตกปลาLiu ยังคงใช้ชีวิตเหมือนกับช่วงเวลาที่เขาเติบโตมา ความสัมพันธ์ของเขาและสถานที่นั่นมันลึกซึ้ง เขารู้สึกตื้นตันที่ได้เห็นว่ากาลเวลาได้เปลี่ยนแปลงสถานที่นั้นให้กลายเป็นอะไรไปแล้ว Liu บอกว่าทั้งตัวเขาและจังค์เบย์ได้กลายเป็นสิ่งใหม่ที่ดีขึ้นแล้ว และสิ่งต่าง ๆ มักจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นเสมอเช่นเดียวกับที่เขาเริ่มต้นอาชีพ Liu ยังคงทำงานอาสาให้กับชุมชนที่ไม่ได้รับโอกาส เขาได้ช่วยกอบกู้กับระเบิดและระเบิดที่ยังไม่ระเบิดนับหมื่นชิ้น และเขายังให้คำปรึกษาในด้านเทคโนโลยีให้กับ Rainbown ร่วมกับเจ้าหน้าที่ Olivier “Lion” Flament และ Lera “Finka” Melnikova เพื่อคิดค้นทางออกที่ดีที่สุดให้กับหน่วย CBRN อีกด้วย                    ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
ELA
สังกัด: G.R.O.M
หน้าที่: ลดความสามารถ,โรม,กับดัก
เกราะ: 1 ความเร็ว: 3 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: SCORPION EVO 3 A1(ปืนกลมือ)
                FO-12(ปืนลูกซอง)                                                                                                               อาวุธรอง: RG-15(ปืนพก)
อุปกรณ์: ลวดหนาม
             โล่กำบัง
ความสามารถพิเศษ: กับระเบิด GRZMOT
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Elżbieta Bosak
วันเกิด: 8 พฤศจิกายน(อายุ 31)
สถานที่เกิด: วรอตสวัฟ (โปแลนด์)
ชีวประวัติ
"ถ้าร่วมมือกัน แม้แต่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เราก็ทำให้เป็นจริงได้"                                         Elżbieta Bosak เป็นลูกสาวคนสุดท้องของ Jan Bosak อดีตผู้บัญชาการของกองกำลังพิเศษ GROM เช่นเดียวกับ Zofia พี่สาวของเธอ Ela ได้รับการฝีกฝนมาอย่างหนักโดยผู้เป็นพ่อ เธอเข้าเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แต่ชีวิตทหารมันสวนทางกับความอิสระที่เธอต้องการ เธอจึงลาออกเพื่อเรียนต่อด้านศิลปกรรมที่กรุงเบอร์ลิน ชื่อเสียงของเธอในการนำเครื่องใช้ของทหารมาเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะทำให้เธอได้รับความสนใจจากเจ้าของบริษัทรักษาความปลอดภัยและได้เสนองานให้ โดยเธอได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่คุ้มกันส่วนตัว เนื่องจากทักษะในการเอาตัวรอดและสไตล์การปรับตัวของเธอในการปกป้องบุคคลสำคัญ และความสามารถด้านการรวบรวมข้อมูล จนกระทั่งเหตุการณ์เสียชีวิตของพ่อเธอทำให้เธอกลับมาที่โปแลนด์ และเข้าร่วมกับ GROM ในที่สุด Ela เป็นคนที่เชื่อถือได้และมีศักยภาพในการเป็นผู้นำ แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยไว้ใจผู้มีอำนาจเท่าไรก็ตาม ความสำเร็จของเธอในการทำงานร่วมกับหน่วยซีลทำให้เธอได้รับการเชิญชวนเข้ากับ Rainbow
รายงานทางจิตวิทยา
เราประชาชนธรรมดา ๆ สามารถเข้าใจถึงธรรมชาติของอิสรภาพที่ผู้ชำนาญการ Elżbieta “Ela” Bosak ได้มากกว่าพวกผู้บัญชาการทหารจะเข้าใจได้ แน่นอนว่าการทำตามคำสั่งคือสิ่งที่คนเป็นทหารต้องทำอยู่แล้ว และสำหรับคนที่ไม่ชอบผู้มีอำนาจอย่างเธอก็ยังมีความเคารพในการเป็นทหารและหน้าที่ของเธออยู่ แต่ความเป็นอิสระของเธอต่างหากที่ไปสะกิดคนพวกนั้นเข้า และบางทีก็อาจจะเป็นความโกรธของเธอ แม้ในตอนที่เราพบกันครั้งแรก ผมสังเกตได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เธอกำลังต่อสู้กับอะไรบางอย่าง และมันอาจจะไม่ใช่เรื่องอำนาจ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ซะทั้งหมดผมจะไม่มองข้ามเรื่องที่ผู้มีอำนาจบางคนบอกว่า Bosak เป็นพวกหุนหันพลันแล่น แต่ผมอยากจะให้พวกเขามองเห็นเธอในเรื่องความยืดหยุ่นที่สร้างสรรค์ของเธอ ใครที่เคยทำงานกับศิลปินจะรู้ว่ามันเยี่ยมยอดมาก มันแสดงให้เห็นจากในสนามรบตอนที่เธอปกป้องเพื่อนร่วมทีม และจากตัวเลขปฏิบิติการที่เธอทำสำเร็จ ความหุนหันพลันแล่นหรือความยืดหยุ่นของเธอนั่นทำให้เธอก้าวหน้าอย่างรวดเร็วทั้ง Ela และ Zofia พี่สาว ต่างชื่นชมพ่อ โดย Ela พยายามจะปฏิเสธว่าพ่อนั้นสมบูรณ์แบบ จากการรีวิวไฟล์ของผู้บัญชาการ Jan Bosak ผมได้เห็นถึงชายที่น่าภาคภูมิใจ และฉลาดหลักแหลม นั่นคือกุญแจ Ela ปรับมันเข้ากับรูปแบบและพฤติกรรมที่อยู่รอบตัวเธอ และที่เธอดูต่อต้านก็เพราะเธอรู้สึกหงุดหงิดที่บางคนไม่มี "วิสัยทัศน์" นี้ การเข้าร่วมกับ Rainbow และทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่คนอื่นช่วยบรรเทาอาการหงุดหงิดของเธอ และเธอไม่รู้สึกขัดใจกับทัศนคติของคนที่อยู่รอบตัวเธออีกแล้วความรู้สึกต่อต้านของ Ela กระทบต่อชีวิตส่วนตัวของเธอด้วย เธอบอกว่าเธอไม่รู้สึกอยากที่จะพัฒนาตัวเอง เธอตกใจตอนที่ผมบอกเธอว่ารู้เรื่องที่เธอ "ทำงานอาสา" แล้ว เธอออกเดินไปตามถนนในตอนกลางคืนพร้อมกับอาหารและผ้าห่ม หรือบางครั้งก็มีแค่บุหรี่ และเธอก็รับฟังเรื่องราวของพวกเขา การพูดคุยกับคนแปลกหน้าทำให้เธอได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ เธอจดจำมันไว้เป็นข้อมูลและทักษะของเธอ และยังเป็นพลังให้กับการทำงานของเธอ สถานภาพปัจจุบันยังไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ แต่เธอก็ยังพยายามทำให้มันเป็นไปตามที่เธอต้องการอยู่                                                ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
VIGIL
สังกัด: 707TH SMB
หน้าที่: ตัวขัดขวางการเก็บข้อมูล,โรม
เกราะ: 1 ความเร็ว: 3 ระดับความยาก: 3
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: K1A(ปืนกลมือ)
                BOSG.12.2(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: C75 AUTO(ปืนสั้นอัตโนมัติ)
               SMG-12(ปืนสั้นอัตโนมัติ)
อุปกรณ์: กล้องกันกระสุน
             ระเบิดอิมแพ็กต์
ความสามารถพิเศษ: ERC-7
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Chul Kyung Hwa
วันเกิด: 17 มกราคม(อายุ 34)
สถานที่เกิด: [ข้อมูลถูกปกปิด]
ชีวประวัติ
"ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับฉันหรอก ฉันไม่เคยมีตัวตนอยู่แล้ว"                                                บันทึกเกี่ยวกับวัยเด็กของ Hwa นั้นไม่แน่ชัด เราไม่ทราบว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดคือใคร เรื่องที่รู้คือเขาทุกข์ทรมานกับการสูญเสียพี่ชายและพ่อของเขาเพื่อมายังเกาหลีใต้ เรามีประวัติการเรียนของเขาในช่วยวัยรุ่น ตอนที่เขาถูกรับเลี้ยงโดยครอบครัว Hwa รายงานระบุว่าเขามี���าการชอกช้ำทางจิต สันโดษ คิดอ่านช้า แต่พอเรียนสูงขึ้นเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและมีโฟกัสHwa หลงใหลในอิเล็กทรอนิกส์และวิศวกรรมไฟฟ้า เขาอยากจะใช้พรสวรรค์ของเขาและแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่ภูมิใจในชาติมาก เขาจึงเลือกที่จะเข้าร่วมกับกองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี ภายหลัง เขาได้รับตำแหน่งใน ROKN UDT/SEALs ด้วยพรสวรรค์ในเรื่องระบบเรดาร์ และเทคโนโลยีอำพราง เขาได้รับเลือกจากกลุ่มภารกิจพิเศษที่ 707 สำหรับทำภารกิจสงครามที่ไม่เป็นแบบแผน เขาแสดงให้เห็นถึงความว่องไวและเด็ดขาด Hwa ทำงานร่วมกับผู้ชำนาญการ Grace “Dokkaebi” Nam จนกระทั่งทั้งคู่ได้เข้าร่วมกับ Rainbow
รายงานทางจิตวิทยา
ผู้ชำนาญการ Chul Kyung “Vigil” Hwa มีชีวิตวัยเด็กที่ยากลำบาก เรื่องส่วนมากเขาเลือกที่จะไม่จดจำ และจำแต่เรื่องที่มีค่ากับเขา ผมบอกเขาว่าหน้าที่ของผมไม่ใช่การพูดถึงอดีตของเขาหรือขุดเรื่องราวในอดีตขึ้นมาพูดที่อาจทำให้เขาไม่สบายใจ แต่ผมจะอยู่ที่นี่คอยช่วยเหลือเจ้าหน้าที่หากพวกเขาต้องการ ผมอธิบายว่าหน้าที่ของผมคือการสร้างทีมให้แข็งแกร่ง ทุกๆ คนมีหน้าที่ของตัวเอง และมันคืองานของผมที่ต้องผสมให้ทุกอย่างเข้ากันการปกปิดตัวตนเป็นสิ่งที่ผลักดันให้ Hwa ทำทุกสิ่งที่เขาทำ เขารู้สึกไม่สบายใจที่ผมอัดบทสนทนาของเราไว้ และเรื่องที่มีการแจ้งเตือนเรื่องเวลาการประชุมของเรา เขาก็มีความประหม่าเมื่อต้องเข้าสังคมเช่นกัน มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าเขามีความเป็นตัวของตัวเองสูงหรือไม่มีเลย แต่สิ่งที่ชัดเจนคือเขาไม่ยอมให้ใครเข้ามาในชีวิตของเขา นั่นทำให้เขามักจะต้องจมอยู่กับความคิดของตัวเองบ่อยๆผมอยากให้เขามีภาพตัวตนในอดีตของเขาที่ชัดเจน ณ เวลานั้น คือโฟกัสที่การพูดคุยของเรา อยากให้เขามองตัวเองไม่ใช่แค่เป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งหรือเด็กที่สูญเสียครอบครัว ผมเลยคิดว่าเขาน่าจะไม่เข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อตอนที่ผมถามเขาว่าเขาชอบการ์ตูนเรื่องอะไรมากที่สุดเราพูดคุยกันถึงเรื่องชอบอะไรไม่ชอบอะไรหลาย ๆ อย่างตั้งแต่การนั่งวิปัสสนาจนไปถึงเรื่องสมาคมอิสระ เขาก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไร แต่เขาก็มีการยิงมุกบ้าง พอเขาเริ่มผ่อนคลาย คำตอบบางอย่างของเขาก็เริ่มเปิดเผยตัวตนของเขา ตั้งแต่เรื่องอาหารเช้าและเรื่องที่เขาเพิ่งรู้ตัวว่าขับมอเตอร์ไซค์ไม่เป็น เขาสามารถโยงเรื่องราวกับผมได้ เขาอธิบายว่ากลิ่นของซุปร้อน ๆ ทำให้เขามองเห็นภาพหญิงสาวคนหนึ่งที่ยิ้มแย้มพร้อมกับยื่นถ้วยซุปให้เขาโดยเขาเชื่อว่านั่นคือแม่ของเขา หน้าของเขาดูผ่อนคลายและช่วงเวลานั้นเองที่เขารู้สึกเหมือนได้กลับบ้านอีกครั้งผมกระตุ้นให้ Hwa พยายามฝึกพูดคุยแบบนี้บ่อย ๆ ตลอดทั้งวัน ผมรู้ว่าสมาชิกหลาย ๆ คนใน Rainbow ได้พยายามพูดคุยกับเขาและแม้ว่าเขาจะเคารพคนพวกนั้น มันก็ยังมีกำแพงบางอย่างที่เขายังไม่พร้อมจะทำลายมันลง                                                                          ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
ALIBI
สังกัด: G.I.S.
หน้าที่: ตัวขัดขวางการเก็บข้อมูล,ตัวเก็บข้อมูล,โรม,กับดัก
เกราะ: 1 ความเร็ว: 3 ระดับความยาก: 3
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: MX4 STORM(ปืนกลมือ)
                ACS12(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: KERATOS.357(ปืนพก)
               BAILIFF 410(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดอิมแพ็กต์
             โล่กำบัง
ความสามารถพิเศษ: PRISMA
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Aria de Luca
วันเกิด: 15 ธันวาคม(อายุ 37)
สถานที่เกิด: ทริโปลี (ประเทศลิเบีย)
ชีวประวัติ
"อย่าเผยไพ่ในมือ"Aria "Alibi" 
de Luca เกิดที่เมืองทริโปลี ประเทศลิเบียและย้ายไปยังถิ่นอื่นพร้อมกับครอบครัวเมื่ออายุได้สามปี พ่อของเธอดูแลโรงงานผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์เล็ก ๆ แห่งหนึ่งโดยใช้เส้นสายกับชาวแอฟริกาเหนือในการเบิกทางเพื่อส่งออกไปยังภูมิภาคดังกล่าว De Luca มีความเข้าใจและรู้วิธีการใช้อาวุธปืนของอิตาลีจากธุรกิจของครอบครัว และได้รับการฝึกฝนในสนามยิงปืน เมื่ออายุได้ 18 ปี Aria เข้าร่วมการแข่งขัน European Championships ที่จัดขึ้นโดย European Shooting Confederation และคว้าเหรียญทองทั้งประเภทยิงเป้าเคลื่อนที่ระยะ 10 เมตรและการยิงปืนลมระยะ 10 เมตร หลังจากนั้นผู้สรรหายอดฝีมือจาก Carabinieri โน้มน้าวให้เธอเข้าร่วมกองกำลังตำรวจทักษะในการยิงปืนและความเป็นมืออาชีพของ De Luca ทำให้เธอได้เลื่อนยศอย่างรวดเร็ว และเธอยังเข้าร่วมกับ Raggruppamento Operativo Speciale ชั้นยอดในการต่อสู้กับองค์กรอาชญากรรมอีกด้วย ในที่สุดเธอก็ได้เข้าทำงานกับ Gruppo Intervento Speciale (G.I.S.) อันทรงเกียรติ และหลังจากสำเร็จปฏิบัติการในอัฟกานิสถานเธอต้องแยกจากหน่วยเพื่อรับมอบหมายให้ทำภารกิจเดี่ยวในการแฝงตัวเข้าไปอยู่ในองค์กรอาชญากรรม โดยเธอได้แทรกซึมตัวเข้าไปอยู่ในตระกูลอาชญากรรม Vinciguerra ในฐานะนักค้าอาวุธและใช้เวลาหลายปีแฝงตัวอยู่กับพวกเขาก่อนสร้างความเสียหายให้กับแก๊งจากภายใน แต่ข่าวรั่วไหลทางหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับปฏิบัติการทลายพวก Vinciguerra ที่กำลังจะถูกเปิดโปงบีบให้ G.I.S. ต้องรีบลงมือหลังเสร็จสิ้นภารกิจแฝงตัวและความสำเร็จในการทลายตระกูลอาชญากรรม Vinciguerra แล้ว Aria de Luca ก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วม Rainbow ในฐานะเจ้าหน้าที่มากความสามารถ
รายงานทางจิตวิทยา
ผู้ชำนาญการ Aria de Luca (นามแฝง: Alibi) แสดงออกถึงฉากหน้าอันซับซ้อนหลายอย่าง ไม่ต้องสงสัยเลยว่านั่นสั่งสมมาจากการทำงานในปฏิบัติการแฝงตัวมานานหลายปี แต่สงสัยว่าอาจเป็นวิธีการป้องกันตัวเองที่หยั่งรากลึกมาตั้งแต่สมัยเด็ก เธอมีความเกลียดชังตระกูลอาชญากรรมเป็นอย่างมาก (มากจนเกือบจะเห็นฉากหน้าอันซับซ้อนของเธอแทบจะแตกสลายออกมา) และผมคิดว่านั่นอาจเป็นอุปสรรคต่อทักษะในการปฏิบัติการให้มีเหตุผลเมื่อเป็นเรื่ององค์กรอาชญากรรม เป็นเพราะคนรู้จักในกรมเสนาธิการ Carabinieri ที่ทำให้ผมสามารถเข้าถึงผลการประเมินทางจิตเวชของผู้ชำนาญการ de Luca หลังจากที่ได้ใบสมัครเข้าร่วม G.I.S. ของเธอมา เมื่อลองวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกับบันทึกฉบับเก่าของตำรวจและการเข้าโรงพยาบาลของครอบครัว ผมเชื่อว่าพ่อของเธอเป็นเหยื่อของการขู่เข็ญหรือเรียกค่าคุ้มครอง… ยกเว้นแต่ว่าพ่อของ de Luca จะโชคร้ายเสียจนทำนิ้วหัก ตกบันได และทำแขกหักซ้ำ...ถึงสองครั้ง ผู้ชำนาญการ de Luca ไม่เคยได้รับบาดเจ็บและแสดงออกถึงอุปนิสัยที่แข็งแกร่งและความอดทนทางด้านจิตใจในแบบที่เราคาดหวังจากเจ้าหน้าที่ทุกคน ในทางจิตวิทยาแล้วบาดแผลอาจอยู่ลึกข้างใน และสงสัยว่าความเกี่ยวข้องของพ่อกับองค์กรอาชญากรรมได้ผลักดันให้ “Alibi” ของเราเลือกทางเดินเช่นนี้ Alibi คือโค้ดเนมที่บอกเล่าอะไรมากมาย เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ที่ทำให้ปฏิบัติการแฝงตัวเพื่อโค่นตระกูลอาชญากรรม Vinciguerra ต้องสิ้นสุดลง ในหน้าหนังสือพิมพ์ ผู้ชำนาญการ de Luca กลายเป็นวีรสตรีที่ได้รับมอบรางวัลของ G.I.S. ทั้งเหรียญทองชั้น Civil Valor สำหรับความสำเร็จของเธอ แต่หากคุณขุดคุ้ยลึกลงไปก็มีผู้คนบาง��ลุ่มที่กล่าวร้ายและเชื่อว่าเธอคือตัวการทำข้อมูลรั่วไหล ซึ่งเกือบทำให้การสืบสวนของ G.I.S. ล้มเหลว] ผู้ชำนาญการ de Luca รุ่งเรืองเป็นอย่างมากจากการทำงานเป็นนักค้าอาวุธในตระกูลอาชญากรรม Vinciguerra เมื่อเธอสามารถเข้าถึงพื้นที่หนึ่งนอก Genoa ซึ่งเป็นศูนย์กลางปฏิบัติการค้ามนุษย์ของพวก Vinciguerra และในฐานะที่ตัวเธอเองเป็นผู้อพยพ ดูเหมือนว่าเมื่อผู้ชำนาญการ de Luca ได้เห็นผู้ลี้ภัยมากมายที่กำลังรอคอยการถูกขายเป็นแรงงานทาสและค้าประเวณีโดยน้ำมือของพวก Vinciguerra มันทำลายกลไลการป้องกันในจิตใจที่เธอสร้างไว้อย่างดีและบีบให้เธอต้องทำบางสิ่ง ผมแน่ใจว่าเธอพยายามที่จะโน้มน้าวผู้บังคับบัญชาให้บุกโจมตีพื้นที่ใน Genoa แต่พวกเขากลับปฏิเสธเพราะยังคงรวบรวมข้อมูลอยู่ ผมรู้ว่านักข่าวที่รู้ความลับซึ่งใช้เปิดโปงเรื่องพื้นที่ค้ามนุษย์ใน Genoa ได้ข้อมูลไม่กี่วันหลังจากที่ผู้ชำนาญการ de Luca พบปะกับหัวหน้าของเธอ จะบอกอะไรให้นะ… หากผู้ชำนาญการ de Luca แอบเปิดเผยข้อมูลเพื่อบีบให้ G.I.S. ต้องปฏิบัติการช่วยชีวิตผู้คนใน Genoa ล่ะก็ ผมก็คงจะโล่งใจ เพราะนี่พิสูจน์ได้ว่า de Luca ก็ยังมีมนุษยธรรมและไม่ถลำลึกเกินขอบเขตที่ไม่ควรก้าวข้าม ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ผมสงสัยว่ารองเลขาธิการ Barston ได้ใช้ช่องทางลับในการฝากฝังผู้ชำนาญการ de Luca ไว้ในความดูแลของผม และเขาไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกับโครงการ Rainbow อย่างไรก็ตาม เขาหวังที่จะได้อะไรบางอย่างจากแผนการนี้ ผมบอกได้อย่างแน่นอนเลยว่าผู้ชำนาญการ de Luca ยังคงไม่ตระหนักถึงแรงจูงใจทางการเมือง แต่เธอน่าจะมีบทบาทในแผนการของรองเลขาธิการ Barstonหากเราอยากได้เธอมาเป็นพวก การได้ผู้ชำนาญการ (Maestro) Martello เข้ามาร่วมใน Rainbow จะตอบโจทย์ทั้งในเรื่องทักษะและความสามารถในการทลายกำแพงของผู้ชำนาญการ de Luca เพราะทั้งคู่ทำงานร่วมกันมานานในระหว่างปฏิบัติการ Vinciguerra เธอได้มอบข้อมูลและเขาก็เป็นผู้ลงมือ ผมสงสัยว่าพวกเขาอาจมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันยิ่งกว่านั้น แต่ก็ยังไม่แน่นอนและต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดต่อไป ทั้งคู่จะเป็นเพื่อนสนิทกัน เป็นครอบครัว หรือเป็นอย่างอื่นกันแน่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ โชคดีที่ดูเหมือนว่าผู้ชำนาญการ de Luca จะเข้ากับคนอื่น ๆ ได้ดี สามารถทนการกลั่นแกล้งที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ S.A.S. และ SEALS ชื่นชอบได้เป็นอย่างดี โดยสรุป เชื่อว่าผู้ชำนาญการ de Luca คือบุคคลากรใหม่ที่มีค่าสำหรับโครงการ Rainbow และทักษะเฉพาะของเธอจะทำให้ทีมปฏิบัติการได้งงงวยกันแน่ ๆ ระหว่างการจำลองการต่อสู้แบบอสมมาตรง                                                                    ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
MAESTRO
สังกัด: G.I.S.
หน้าที่: แองเคอร์,ปิดพื้นที่,ตัวเก็บข้อมูล,คุม,
เกราะ: 3 ความเร็ว: 1 ระดับความยาก: 2
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: ALDA 5.56(ปืนกลเบา)
                ACS-12(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: KERATOS.357(ปืนพก)
               BAILIFF 410(ปืนพก)
อุปกรณ์: ลวดหนาม
             ระเบิดอิมเเพ็กต์
ความสามารถพิเศษ: EVIL EYE
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Adriano Martello
วันเกิด: 13 เมษายน(อายุ 45)
สถานที่เกิด: โรม (ประเทศอิตาลี)
ชีวประวัติ
“ผมเคยเล่าตอนที่เรากระโดดจากต้นไม้ลงสู่หนองน้ำของป่าคองโกในตอนกลางคืนหรือเปล่ายังเหรอเรื่องเด็ดเลยล่ะ”
Adriano "Maestro" Martello ลูกชายคนโตในครอบครัวที่มีลูกแปดคน เขาเติบโตมาในโรมแต่เข้าเรียนที่ Military Academy of Modena ตอนอายุ 18 ปี เขาเข้าร่วม Carabinieri และเข้ารับตำแหน่งเป็นพลร่มสำรวจในกองทหารพลร่มที่ 1 ซึ่งมีชื่อว่า Tuscania ภายหลังจากการออกเดินทางไปในที่ต่างๆ มากมายซึ่งทำให้เขาได้รับเหรียญเงินและทองแดงจาก Military Valor มาครอง Martello ก็มีคุณสมบัติในการเข้าร่วม Gruppo di Intervento Speciale (กลุ่มแทรกแซงพิเศษหรือ G.I.S.) และเข้าร่วมในปฏิบัติการร่วมที่อิรักซึ่งส่งผลให้เขาได้แผลเป็นบนใบหน้ามาหลายแผลจากระเบิดแสวงเครื่องข้างถนน จากนั้นเขาได้มีส่วนร่วมในการต่อต้านภัยคุกคามในอิตาลีประเทศบ้านเกิดบ่อยครั้ง หลังจากนั้นเขาก็ได้กลายเป็นผู้ฝึกสอนซึ่งช่วยฝึกอบรมหน่วยระดับ 3 ในกองทัพอิตาลีหลัง Martello จบผลัด เขาก็ผันตัวเป็นผู้ให้คำปรึกษาส่วนตัว และหลักสูตรของเขาก็กลายมาเป็นหลักสูตรการฝึกแบบเข้มข้นสำหรับเจ้าหน้าที่ซึ่งสอนเทคนิคขั้นสูงให้แก่หน่วยระดับ 3 และ 2 รวมทั้งบริษัททหารเอกชนที่ได้รับความนิยมสูงอย่างรวดเร็ว จากนั้น Tuscania ก็โน้มน้าวให้ Martello กลับเข้าไปร่วมงานกับพวกเขาอีกครั้งเพื่ออัปเกรดหน่วยของพวกเขาเป็นประเภทกองกำลังพิเศษระดับ 2 ซึ่งทำให้เขาได้เข้าร่วม Rainbow ในฐานะตัวแทนหน่วยอิตาลี
รายงานทางจิตวิทยา
ฉันไม่สงสัยเลยว่าผู้ชำนาญการ Adriano Martello (หรือในชื่อ Maestro) นั้นเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำโดยแท้ เขาได้รับฉายาว่า Maestro เพราะความตั้งใจที่จะเสียสละก่อนใครเพื่อที่จะช่วยเหลือทหารคนอื่นๆ ในระหว่างการฝึกขั้นพื้นฐาน และขณะที่ในบันทึกระบุไว้ว่าทหารบางนายจะไม่ชอบการช่วยเหลือคนอื่น ฉันคิดว่ามันช่วยทำให้วิธีการสอนของผู้ชำนาญการ Martello ดียิ่งขึ้นฉันได้ตรวจสอบบันทึกในโรงเรียนว่าเขาเคยทะเลาะกับใครบ้างหรือไม่ และฉันเชื่อว่าเขาทะเลาะกับคนอื่นเพื่อช่วยพี่น้องของตนเองเขาเริ่มเข้าสู่กองทัพเพื่อช่วยลดภาระทางการเงินของพ่อแม่ในการต้องเลี้ยงดูลูกๆ ทั้งแปดคน และเขาก็นำเอาความรับผิดชอบนั้นมาใช้ในหน่วยด้วย เขาใส่ใจความรู้สึกของผู้คนที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่ด้วยและสนใจที่จะดึงเอาศักยภาพที่ดีที่สุดของแต่ละคนออกมา แม้ว่าจะโวยวายอย่างเฮฮาไปบ้างและก็อาจจะหยาบคายเกินกว่าที่เจ้าหน้าที่ผู้สงบเสงี่ยมของเราเคยคุ้นชิน ฉันคิดว่าผู้ชำนาญการ Martello ชอบสบถไปอย่างนั้น ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าจริงๆ แล้วเขาก็สอนเรื่องราวดีๆ ด้วยการเล่าเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย เขาเป็นคนแสดงออกด้วยความจริงใจซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งในเสน่ห์ของเขาที่ปฏิเสธไม่ได้เพราะมันแสดงออกมาอย่างซื่อตรงจริงๆสักวันหนึ่งผู้ชำนาญการ Martello จะเป็นผู้บังคับบัญชาด้านยุทธวิธีการควบคุมที่ดีเยี่ยมได้ แต่จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของเขาคือความรู้สึกอยากที่จะออกเดินทางเขาชอบความท้าทายจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อตนเอง เมื่อเขาพิชิตเป้าหมายหนึ่งได้แล้ว ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้เขาปักหลักอยู่ได้ เขามีสายสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้ชำนาญการ Seamus "Sledge" Cowden (ปฏิบัติการร่วมในอิรักก่อนที่จะมีการกำหนดมาตราที่ 5) มากพอถึงขนาดที่ฉันรู้ว่าเขาได้เชิญผู้ชำนาญการ Cowden ไปเยี่ยมครอบครัวของเขาเมื่ออยู่ในช่วงพักการปฏิบัติหน้าที่ แต่กระนั้นก็ตามฉันยังไม่แน่ใจว่ามันจะมากพอที่จะทำให้เขาคงอยู่กับปฏิบัติการ Rainbow หรือไม่ สายสัมพันธ์ของเขากับผู้ชำนาญการ Aria "Alibi" de Luca ก็นับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทั้งคู่ทำงานกันอย่างใกล้ชิดระหว่างปฏิบัติการ Spider Wasp ซึ่งหน่วยของผู้ชำนาญการ Martello โค่นองค์กรอาชญากรรมที่เป็นเป้าหมายได้เพราะข้อมูลจากผู้ชำนาญการ de Luca ไม่ว่าพวกเขาจะมีความหลังอย่างไรต่อกันก็���ังเป็นปริศนาสำหรับฉันอยู่… แค่ในตอนนี้ฉันคาดการณ์ว่าเราจะต้องมีสิ่งล่อใจเพื่อที่จะให้ผู้บัญชาการ Martello ยังคงทุ่มเททำงานต่อไป ซึ่งก็คือการมอบความท้าทายที่มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะล้มเหลว และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ฉันแนะนำให้ผู้ชำนาญการ Martello ก้าวเข้าสู่เวทีชกมวยพร้อมกับผู้ชำนาญการ James "Smoke" Porter เป็นต้น เราต้องจับเขามาประจันหน้ากับนักชกที่ได้รับการฝึกฝนและมีทักษะมากกว่า จากการบันทึกของฉัน ผู้ชำนาญการ Martello เติบโตมาในละแวกย่านที่ผู้คนมีรายได้ต่ำแถบเมือง Lungotevere ของโรม และที่นั่นเขาได้เป็นเพื่อนกับเด็กๆ ยิปซีมากมาย เขาได้คุยโวเกี่ยวกับเรื่องการชกมวยกับพวกยิปซีซึ่งถือเป็นประเพณีสำคัญของคนกลุ่มนี้ และฉันเชื่อว่าการฝึกฝนเขาร่วมกับ Porter จะทำให้เขาได้มีความทรงจำดีๆ ซึ่งเชื่อมโยงวัยเด็กของเขาเข้ากับ Rainbowอีกทางหนึ่งคือการจัดแจงให้ผู้ชำนาญการ Mike "Thatcher" Baker มีความสนใจส่วนตัวในพัฒนาการของ Martello นอกจากนี้ Martello ยังมีความนับถือในตัวผู้ชำนาญการ Baker อย่างแท้จริง มากถึงขนาดที่ทำให้เขาไม่ปริปากเมื่ออยู่กับเหล่าเจ้าหน้าผ่านศึกจาก SAS ความเคารพที่มีนี้อาจก่อให้เกิดสายสัมพันธ์อันแข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้ผู้ชำนาญการ Martello ทุ่มเททำงานในโครงการ Rainbow ต่อไป                                                                                                                            ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
CLASH
สังกัด: MPS
หน้าที่: ลดความสามารถ,ตัวเก็บข้อมูล,คุม,โล่
เกราะ: 3 ความเร็ว: 1 ระดับความยาก: 3
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: โล่ CCE
อาวุธรอง: P-10C(ปืนพก)
               SPSMG9(ปืนสั้นอัตโนมัติ)
อุปกรณ์: ลวดหนาม
             ระเบิดอิมแพ็กต์
ความสามารถพิเศษ: โล่ CCE
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Morowa Evans
วันเกิด: 7 มิถุนายน(อายุ 35)
สถานที่เกิด: ลอนดอน (ประเทศอังกฤษ)
ชีวประวัติ
"แน่จริงก็เข้ามาใกล้ ๆ อีกสิ"
Morowa Evans เป็นผู้นำการต่อสู้ในชุมชนของเธอกับกลุ่มเหยียดผิวในการปะทะที่รุนแรงบ่อยครั้ง เธอไม่หยุดยั้งจนถึงวันที่ Tray Pearson เพื่อนและที่ปรึกษาของเธอเสียชีวิตโดยพยายามหยุดขโมยระหว่างการจลาจล สองเดือนต่อมา Evans เสนอความช่วยเหลือให้กับกรมตำรวจนครบาล (MPS) เพราะเธอต้องการสร้างความแตกต่างจากภายในระบบ โดย MPS เสนอล้างประวัติคดีต่าง ๆ ให้กับเธอหากเธอช่วยหยุดการประท้วงไม่ให้เกิดความรุนแรง Evans ตกลงและทำให้มันกลายเป็นอาชีพของเธอ จากวงในไปสู่การเข้าร่วม MPS ในที่สุดในระหว่างการจลาจลในลอนดอนปี 2011 เจ้าหน้าที่ตำรวจ Evans สั่งการแนวหน้าในกลุ่มสนับสนุนดินแดนเพื่อหยุดยั้งความรุนแรงไม่ให้แพร่กระจายและต่อมาได้รับอนุญาตพิเศษให้เข้าร่วมการประชุม Gold Command โดยวางแผนกลยุทธ์การควบคุมฝูงชนใหม่โดยพิจารณาจากปีที่เธอเป็นผู้นำการจลาจล Evans ทำการจับกุม 274 ครั้งตลอดการทำหน้าที่ของเธอและต่อมาได้เป็นตำรวจนักสืบ เธอได้รับ Queen’s Police Medal จากความกล้าหาญที่ยอดเยี่ยมและได้รับตำแหน่งใน Rainbow เนื่องจากประสบการณ์ และความดื้อรั้นที่มีอยู่ในตัว
รายงานทางจิตวิทยา
ตอนที่ผมแนะนำผู้ชำนาญการ Morowa “Clash” Evans มีคนไม่เห็นด้วย คณะผู้คัดเลือกมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่เหนือความรุนแรงในอดีตของเธอ แต่ผมเห็นทหารผ่านศึกบนถนนที่รู้จักการต่อสู้สกปรก และเคยเป็นผู้นำด้านการควบคุมจลาจลแม้ว่าเพื่อนตำรวจของเธอไม่ไว้ใจเธอ ผู้ชำนาญการ Evans ก็พิสูจน์ตนเองในเหตุจลาจลที่ลอนดอนปี 2011 เมื่อเธอเผชิญหน้ากับอดีตผู้ที่เคยตามหลังเธอ จากภาพบันทึก CCTV และพยาน ผู้ก่อจลาจลเหล่านั้นไม่ออมมือให้เธอ แต่เธอก็ทำตัวได้เป็นแบบที่ดียิ่ง ตอนแรกก็สงสัยว่าอะไรทำให้เธอยอมเปลี่ยนข้างและยังคงสติไว้ได้ เพราะเธอยังคงปกป้องชาวลอนดอนจากการเหยียดเชื้อชาติและผู้ก่อจลาจลเหล่านั้น เธอไม่ต้องการเอาชนะความรุนแรง เธอต้องการเปลี่ยนทิศทางของมันไม่ว่าจะอย่างไร การเปลี่ยนจากผู้นำจลาจลเป็นเจ้าหน้าที่ที่ Scotland Yard ไว้วางใจก็ไม่ง่าย เรียกได้ว่ามันคือการต่อสู้ที่เสียเปรียบและผมรู้ว่าทุกครั้งที่เธอทำพลาด เธอจะโดนเล่นงาน อารมณ์ของเธอชนะเธอในตอนแรก และเจ้าหน้าที่บางคนก็ทำเกินไปเพื่อยุแหย่เธอ ท้ายที่สุด สิ่งที่หลายคนเดาเอาไว้ก็ผิดคาดเมื่อเธอเรียนจบจาก Hendon แต่เธอก็สมควรได้รับเกียรติจากหน่วยของเธอ ไม่มีใครมีคุณสมบัติเข้าใจพฤติกรรมฝูงชนหรือคิดค้นกลยุทธ์หน่วยฉุดตัวมากไปกว่าเธอแล้วใครจะรู้ว่าเธอจะเป็นอย่างไรหากขาดอิทธิพลจากครูของเธอ ทั้งคู่มีเป้าหมายเดียวกัน ในขณะที่ Pearson ไม่ใช้ความรุนแรงเหมือนเธอ เธอก็ยังใช้เรื่องเศร้าของเขาเพื่อสร้างความโกรธเกรี้ยวในตัวเธอเธอยังคงเป็นคนลึกลับใน Rainbow แต่ผมดีใจที่ได้เห็นเธอเป็นเพื่อนกับผู้ชำนาญการ Gilles “Montagne” Touré ซึ่งคิดว่าเธอชอบการแข่งขัน และพวกเขาแชร์ประสบการณ์ในการทำงานเรื่องรายละเอียดการปกป้องที่งานประชุมสุดยอด G8 และ G20เธอเป็นคนหัวรั้นและน่ากลัว แต่เธอมุ่งมั่นที่จะให้เจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมด้วยกลยุทธ์ของเธอ ผมไม่สงสัยเลยว่าเธอจะได้รับความเคารพใน Rainbow เหมือนกับที่เธอต่อสู้เพื่อให้ได้มาใน MPS                                             ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
KAID
สังกัด: GIGR
หน้าที่:แองเคอร์,ต่อต้านการเจาะเหล็ก,คุม
เกราะ: 3 ความเร็ว: 1 ระดับความยาก: 2
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: AUG A3(ปืนกลมือ)
                TCSG12(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: .44 MAG SEMI-AUTO(ปืนพก)
               LFP586(ปืนพก)
อุปกรณ์: ลวดนาม
             ไนโตรเซลล์
ความสามรถพิเศษ: กรงเล็บไฟฟ้า‟RTILA”
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Jalal El Fassi
วันเกิด: 26 มิถุนายน(อายุ 58)
สถานที่เกิด: อารูมด์ (โมร็อกโก)
ชีวประวัติ
"ให้ตัวอย่างเป็นสิ่งนำทาง และขุนเขาก็ไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป"
Jalal El Fassi ถูกเลี้ยงดูจากภายใน ป้อมปราการ สถานที่ฝึกซ้อมในตำนานในเขา Atlas ความโด่งดังที่ไม่มีใครเทียบได้ รวมกับชื่อเสียง "Kaids" (ผู้บัญชาการ) หล่อหลอมกลายเป็น El Fassiเขาเข้าร่วมกับ GIGR (Royal Moroccan Gendarmerie) ตั้งแต่อายุ 18 และแสดงให้เห็นถึงทักษะการเป็นผู้นำอย่างเป็นธรรมชาติในขณะออกรบ ความสามารถในการสั่งการทีมที่มีความเชี่ยวชาญอย่าง Trans-Saharan Counterterrorism Initiative (TSCTP) ได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้เขาถูกเลื่อนตำแหน่งให้เป็นกัปตันทีม หลายปีของการรับใช้ชาติ ในที่สุดก็ได้เวลาเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งผู้บัญชาการในป้อมปราการ: El Fassi ผู้ที่มีความเป็นผู้นำ แต่ก็ยังมีศีลธรรมทำให้เขากลายเป็นผู้ที่คู่ควรกับ “Kaid”บุคลิกที่สง่างาม และความเคร่งครัดของเขาช่วยให้เขาประสบความสำเร็จในการสำเร็จการศึกษา และป้อมปราการก็ได้รับชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว เขาได้พิสูจน์ให้เห็นว่าที่แห่งนี้ยอดเยี่ยมแค่ไหนผ่านทหารนับพันที่ได้รับการฝึกสอนจากที่แห่งนี้ การเจรจาผ่���นไปหลายปี เขาได้ต้อนรับกองกำลังจากทั่วทั้งทวีปแอฟริกา และตะวันออกกลาง สร้างสัมพันธไมตรีที่ดีระหว่างสมาชิกของ TSCTP และกองกำลังสำรองของแอฟริกา
รายงานทางจิตวิทยา
ผู้ชำนาญการ Jalal “Kaid” El Fassi เป็นเจ้าหน้าที่ที่สง่างาม แค่รูปลักษณ์ภายนอกของเขาก็ทำให้��ู้สึกว่าน่าเคารพนับถือแล้ว - ไม่แปลกเลยที่ขนาดตัวที่ใหญ่โต และท่าทางของเขาจะทำให้นักเรียนกลัว หรือภาษากายของเขาที่ทำให้ผู้คนนับถือโดยที่เขาไม่ต้องพูดอะไรซักคำด้วยซ้ำไป น่าแปลกที่มันทั้งดูน่ากลัว และสุดยอดในเวลาเดียวกันผู้ชำนาญการ El Fassi เป็นหนึ่งในคนที่คอยจะเป็นผู้บัญชาการของป้อมปราการ ป้อมปราการตกอยู่ในภาพลักษณ์ที่ย่ำแย่มาเป็นเวลานานเนื่องจากมีการติดสินบนจากครอบครัวที่ร่ำรวยเพื่อทำธุรกิจ ก่อนที่ El Fassi จะเข้ามาดูแล และดูเหมือนว่าการบริหารจัดการของเขาจะไม่เพียงล้มล้างธุรกิจชั่ว แต่มันยังช่วยยกระดับป้อมปราการให้สูงขึ้นอย่างที่ไม่มีใครเคยคิดมาก่อนมันเป็นเรื่องที่ยากมากในการแยกผู้ชำนาญการ El Fassi ออกจากหน้าที่ของเขา เขาสละชีวิตของผู้คนเพื่อความสำเร็จของป้อมปราการ และหน้าที่ของเขาก็ทำให้มันเป็นเรื่องยากที่จะมีความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ผมคิดว่าเขาคงอยากอยู่คนเดียวมากกว่า เขาไม่ใช่คนที่จะเปิดรับ และแบ่งปันอะไร แต่ผมคิดว่าผมเข้าใจได้นะ เขายอมรับภาระหน้าที่ในการชี้นำ และดูแลอนาคตของกองกำลังพิเศษโมร็อกโกด้วยตัวของเขาเอง และรวมไปถึงทั้งแอฟริกาเหนือด้วย เขาคือคนที่ทุกคนเคารพ และคาดหวังเอาไว้ ดังนั้นภาระหน้าที่ของผู้ชำนาญการ El Fassi จึงหนักหนาชนิดที่ว่าคงไม่มีใครทำได้นอกจากตัวเขาเองผู้ชำนาญการ El Fassi เป็นคนที่เย็นชา และความทุ่มเทในหน้าที่ของเขาในฐานะที่เป็นผู้บัญชาการของป้อมปราการนั่นก็ช่างเด็ดเดี่ยวมั่นคง Rainbow ใช้เวลาหลายปีในการพยายามชักชวนเขาให้เข้าร่วม แต่มันก็ไม่ง่ายนัก ป้อมปราการและมรดกของมันนั้นฝังลึกลงไปในตัวเขาตั้งแต่ยังเด็ก มันเป็นบ้าน เป็นปราสาทของเขา และผมเห็นว่าเขาใช้เวลาอยู่คนเดียวในนั้นนานแค่ไหน แต่สุดท้ายเราก็ตกลงกับเขาได้ ผู้ที่ไม่ใช่แม้แต่ Kaid ผู้ยิ่งใหญ่ก็มิอาจปฏิเสธ... ผู้ที่ต้องการจะพัฒนาโรงเรียนของเขาให้กลายเป็นโรงเรียนระดับโลก นี่จะเป็นครั้งแรกที่ El Fassi อยู่ในตำแหน่งที่เท่าเทียมกับคนอื่น มีแค่เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าเขาจะทำอย่างไรกับตำแหน่งที่ไม่มีอำนาจเช่นนี้                                                                                ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
 MOZZIE
สังกัด: SASR
หน้าที่: ตัวขัดขวางการเก็บข้อมูล,ตัวเก็บข้อมูล,คุม
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 2
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: COMMANDO 9(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                 P10 RONI(ปืนกลมือ)
อาวุธรอง: SD 9MM(ปืนพก)
อุปกรณ์: ลวดหนาม
             ไนโตรเซลล์
ความสามรถพิเศษ: เครื่องยิง PEST
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Max Goose
วันเกิด: February 15th(Age 35)
สถานที่เกิด: Portland (ออสเตรเลีย)
ชีวประวัติ
"ไม่เอาน่า ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาเจอกับแมงมุมนะ”
หลังจากผ่านปีที่ 10 Max Goose สมัครเข้ากับสถาบันกองกำลังป้องกันของออสเตรเลีย หลังจากนั้นก็ได้ฝึกฝน การต่อสู้ และ การรักษาความปลอดภัย เขาได้เข้าร่วมกับกรมทหารราบที่ต้องใช้มอเตอร์ไซค์วิบาก และรถสะเทินน้ำสะเทินบกในการปฏิบัติหน้าที่ Goose เก่งกาจในด้านภูมิศาสตร์และกลายเป็นหน่วยจู่โจมสองล้อ สังเกตการณ์ และการอารักขาขบวนรถหลังจากปฏิบัติการ Catalyst เขาได้ถูกรับเลือกให้เข้าร่วมกับ Special Air Service Regiment (SASR) เขาผ่านการคัดเลือกและไม่ปฏิเสธมัน ทักษะการขับรถและการตัดสินใจที่ฉับไวของเขาเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก แม้ว่าสไตล์การขับรถจะอันตรายไปซักหน่อย เขาได้เข้าร่วมกับปฏิบัติการ Slipper ตั้งแต่ต้นยันจบ ภายหลังได้รับเหรียญภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ สำหรับการช่วยชีวิตนักผจญเพลิงในปฏิบัติการ Esperance BushfireGoose เป็นคนบ้าบิ่นที่คิดตริตรองทุกอย่าง เป็นคนที่ชอบทดลองมอเตอร์ไซค์อำพรางรุ่นใหม่ของทหาร แต่เขากล่าวว่าไม่มีอะไรทรงเกียรติไปกว่าการได้ถูกชวนให้เข้าร่วมกับ Rainbow Six แล้ว
รายงานทางจิตวิทยา
ทั้งผู้ชำนาญการ Max "Mozzie" Goose และ ผู้ชำนาญการ Tori “Gridlock” Tallyo Fairous เป็นผู้ที่มีผลงานที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แต่หากพวกเขาได้ร่วมมือกันนั่นหมายถึงต้องมีสิ่งที่มหัศจรรย์เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ขนาดที่ว่าสามารถทำให้ผู้บัญชาการเฮี้ยบๆ ยิ้มได้เลย... ถ้าพวกเขาทำสำเร็จล่ะนะ เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปฏิบัติการ Esperance Bushfiresผู้ชำนาญการทั้งสองคนเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผมอยากเห็นเหลือเกินว่าพวกเขายังจะช่วยกันอยู่มั้ยถ้าต้องเป็นศัตรูกัน หรือตอนที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่หน้าที่อยู่เหนือมิตรภาพเขาเป็นคนทำอะไรเร็ว ไม่ใช่แค่ตอนอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์นะ แต่หมายถึงตอนที่เขาประมวลข้อมูลต่าง ๆ ด้วย ถ้าเป็นคนอื่นคงเพิ่งจะคิดออกว่าปัญหาคืออะไร แต่เขาคิดหาวิธีที่เหมาะสม ประเมินข้อดี ข้อเสียเสร็จ พร้อมกับวิ่งไปสตาร์ทเครื่องเสร็จแล้วด้วย ทุกวินาทีที่เขาประหยัดไปได้มันสร้างความแตกต่างที่มหาศาล ทุก ๆ ครั้งที่เขาแสดงร้อยยิ้มผ่านหนวดเคราของเขา พร้อมกับแววตาที่เปล่งประกายนั่นทำให้ทุกคนระแวง ผมเชื่อว่าเขาอาจจะเป็นพวกชอบสร้างปัญหา แต่เขาคือคนที่เกิดมาเพื่อสร้างความระทึกGoose เติบโตมาในฐานะพี่คนกลางของครอบครัว และเชื่อว่าเขาคงต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้คนสนใจ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นคนที่ชอบแสดงออก เขาพูดติดตลกว่าพ่อแม่ของเขาเริ่มสนใจเขามากขึ้นตอนที่เขาเริ่มเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมอย่าง มอร์เตอร์ไซค์เสือภูเขาผาดโผน แข่งขันขับรถบักกี้ในทะเลทราย และบางครั้งก็เล่นเหินเวหา เขาบอกว่าตอนที่เขาบอกแม่ว่าเขาเล่นดิ่งเวหาด้วยมอร์เตอร์ไซค์วิบาก แม่เขาสติแตกไปเลยผมรู้สึก "ชอบ" คำด่าที่เขาสร้างสรรค์ออกมาอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าผมจะคิดเหมือนกับนักจิตวิทยาพฤติกรรมคนอื่น ๆ ก็ตาม ผมเห็นหลักฐานที่จะมาสนับสนุนทฤษฎีที่ว่าการด่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคุณมามากพอแล้ว... นั่นไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไรผมเคยเห็นตอนที่ ผู้ชำนาญการ Goose ใช้อารมณ์ขันเพื่อกลบความเจ็บปวด ผมเลยสงสัยว่าที่เขาพูดคำหยาบเพื่อทำให้ดูโหดเหี้ยมเหมือนกับหุ่นของเขารึเปล่านะ จนถึงตอนนี้จากการสังเกตการณ์ มันบ่งบอกได้ว่าเขาจะสติหลุดเมื่อความสูงเป็นตัวกำหนดหลาย ๆ สิ่ง                                                               ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
WARDER
สังกัด: SECRET SERVICE
หน้าที่: แองเคอร์,ตัวขัดขวางการเก็บข้อมูล
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 2
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: M590A1(ปืนลูกซอง)
                MPX(ปืนกลมือ)
อาวุธรอง: P-10C(ปืนพก)
               SMG-12(ปืนสั้นอัตโนมัติ)
อุปกรณ์: โล่กำบัง
             ไนโตรเซลล์
ความสามารถพิเศษ: GLANCE SMART GLASSES
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Collinn McKinley
วันเกิด: March 18th(Age 48)
สถานที่เกิด:Louisville (Kentucky)
ชีวประวัติ
"ผมพร้อมทุกสถานการณ์"                                                                                           Collinn McKinley สมัครเป็นนาวิกโยธินตอนอายุได้ 18 ปี และได้รับการยกย่องมากมายในการตัดสินใจที่รวดเร็ว ดุดัน ได้รับการแต่งตั้งเป็นจ่าสิบเอก แม้ว่าจะมีข้อบกพร่องเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างก็ตาม หลังจากการออกรบครั้งที่ 3 เขาออกจากนาวิกโยธิน และเข้าร่วมกับหน่วยสืบราชการลับในการคุ้มครองคนสำคัญ ความคล่องตัวของ McKinley ได้ช่วยรักษาชีวิตของ Baldwin ที่เป็นเลขานุการรัฐ ตอนที่มีผู้ก่อการร้ายโจมตีประเทศสหรัฐ หลังจากนั้น Baldwin ก็ได้ชนะการเลือกตั้งและกลายเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา เขาขอร้องให้ McKinley ได้เข้าร่วมกับหน่วยคุ้มครองประธานาธิบดี McKinley ใช้เวลาเกือบสิบปีอยู่ที่วอชิงตัน คอยปกป้องบุคคลสำคัญทางการเมือง เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการคุ้มครองคนสำคัญอย่างหาใครเปรียบไม่ได้ และหลังจากประธานาธิบดี Baldwin ได้รับเลือกเป็นครั้งที่สอง McKinley ได้ถูกแนะนำให้เข้าร่วมกับ Rainbow
รายงานทางจิตวิทยา
ผมเคยเรียนรู้วิธีการทำความเข้าใจคนอื่นมากมาย และเมื่อต้องพบกับผู้ชำนาญการ Collinn "Warden" McKinley นั่นแหละคือของจริง เขาได้รับตำแหน่งคนคุ้มกันมาอย่างง่ายดายเพราะลักษณะนิสัยที่เข้มงวด เขาเป็นคุณพ่อที่ทำงานอย่างหนัก และเป็นผู้ปกป้องน้องชายที่โรงเรียน แต่คุณลักษณะของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมากตอนที่ออกรบให้กับนาวิกโยธินมาสามครั้งผลงานของ McKinley ในการสืบราชการลับน่าตื่นเต้นเหมือนกับอ่านนวนิยาย ตอนที่ Bladwin ยังเป็นเลขานุการรัฐอยู่ได้มีการก่อการร้ายขึ้น พวกผู้ร้ายใช้ระเบิดแสง ระเบิดควัน และปืนเก็บเสียงเพื่อแยกคนคุ้มครองออกจากกัน McKinley รู้ว่าทางออกทั้งหมดนั้นไม่ปลอดภัย และเขาได้ช่วยเหลือ Baldwin ออกมาได้ เหตุการณ์นั้นช่วยอธิบายถึงแว่นของ McKinley ได้เป็นอย่างดี แต่มันก็เป็นตัวบ่งบอกถึงการทำงานของเขา ประเภทแบบใช้สัญชาติญาณ เขาไม่เคยพลาดมาก่อน และผมกลัวว่าเขาจะพึ่งแค่สัญชาติญาณจนมันแว้งกัดเขาในที่สุดเขาสามารถเข้าถึงบริเวณชั้นในได้ผ่านห้องออฟฟิศของประธานาธิบดี ซึ่งนั่นทำให้เขาเป็นตัวเลือกแรกที่จะถูกให้ทำงานในสถานกาณ์ที่ซับซ้อน เขาฉลาดมากพอที่จะชี้นำคนอื่นได้โดยที่ไม่ต้องลงมือลงแรงเอง และคิดว่าเขาน่าจะรู้ว่าใครทำงานได้ดี McKinley ชอบทำงานที่เกี่ยวข้องกับการเมือง และมีชื่อเสียงว่าเป็นเสือผู้หญิง ครั้งหนึ่ง ประธานาธิบดี Baldwin บอกกับผมว่า McKinley มีมุกปิดบังความลับมากมาย แต่สตรีหมายเลขหนึ่งก็ไม่ค่อยชอบมุกพวกนั้นเท่าไรเขารู้วิธีควบคุมคน เขาใช้เสียงที่ต่ำของเขาตอนที่ต้องคุยกับวุฒิสมาชิกของพรรค Republican และทำตัวเป็นหนุ่มสุภาพบุรุษกับสาว ๆ ผมขำมาก ตอนที่เขาพยายามจะเลียนแบบนิสัยของผม แต่ผมก็ลองพยายามเป็นเขาดูเหมือนกันนะMcKinley ชื่นชมทีมของตัวเองมาก และเขาก็ทำงานเป็นทีมได้ดี แต่การที่เขาทำงานในที่สำคัญ ๆ อย่าง White House ก็ทำให้เขาอาจจะดูเข้าถึงได้ยากหน่อย McKinley สร้างศัตรูไว้มากมายไม่ว่าจะเป็น นักการเมือง นักธุรกิจ และพวกนักวิ่งเต้นทั้งหลาย เขาเป็นเหมือนผู้ที่รอคอยชำระบาปของพวกเขา และประธานาธิบดี Baldwin ก็ไม่ได้อยู่เคียงข้างคอยปกป้องเขาอีกต่อไปแล้วMcKinley เป็นคนที่มีวิธีการไม่เหมือนใคร เราต้องคอยพัฒนากองทัพ และการบังคับใช้กฎหมายให้รวดเร็ว ใครสักคนที่เข้าใจวิธีการประสานงานในเรื่องใหญ่ ๆ โชคไม่ดี นั่นหมายความว่าผมต้องติดหนี้ประธานาธิบดี Baldwin เป็นเหล้าสก็อตหมัก 25 ปี สำหรับการแนะนำ McKinley มา เขาทนไม่ได้ ถ้าเขาเป็นคนถูก                                                                                                                  ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow 
GOYO
สังกัด: FES
หน้าที่: ปิดพื้นที่,คุม
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 2
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: VECTOR.45 ACP(ปืนกลมือ)
                TCSG12(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: P229(ปืนพก)
อุปกรณ์: เครื่องแจ้งเตือนระยะประชิด
             ไนโตรเซลล์
ความสามารถ: โล่วัลเค่น
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: César Ruiz Hernández
วันเกิด: 20 มิถุนายน(อายุ 31)
สถานที่เกิด: Culiacán Rosales (เม็กซิโก)
ชีวประวัติ
"ช่วงเวลาที่คนจะมีความสัตย์จริงมากที่สุดคือ ช่วงเวลาที่พวกเขาคิดว่าอยู่ตัวคนเดียว"       César Ruiz Hernández มีอายุได้ 11 ปีเมื่อตอนที่บ้านของเขาถูกระเบิดทำลาย และได้ปลิดชีพพ่อและน้องสาว โดยที่แม่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ด้วยความช่วยเหลือของผู้ชำนาญการ Azucena Rocío “Amaru” Quispe แม่ของ César ที่ชื่อว่า Sofia ได้สอนให้เขารู้จักสังเกตสิ่งรอบตัวเพื่อให้เอาตัวรอดจากกลุ่มวัยรุ่นที่ผันตัวไปเป็นนักเลง เธอสนับสนุนให้เขาสมัครเข้าสถาบันฝึกอบรมเจ้าหน้าที่กองทัพเรือ ซึ่งก็คือที่ที่เขาจบการศึกษาในฐานะผู้หมวดเรือลาดตระเวน เขาเข้าร่วมกับกองกำลังสะเทินน้ำสะเทินบก และหลังจากนั้นก็เข้าร่วมกับกองพลคอมมานโดสะเทินน้ำสะเทินบก เขามีส่วนร่วมในการต่อสู้กับพวกลักลอบผิดกฎหมายและจับกุมอาชญากรตัวแสบหลายต่อหลายครั้ง การได้เป็นสมาชิกของหน่วยรบพิเศษทำให้เขาได้รู้ว่ายาเสพติดไม่ใช่รายได้หลักของแก๊งลักลอบอีกแล้ว เขาเริ่มทำงานให้กับ UNESCO และ INTERPOL เพื่อต่อสู้กับนักลับลอบค้าสิ่งของโบราณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ Rainbow เกิดความสนใจในตัวเขา ด้วยความฉลาดหลักแหลมและมีความสามารถด้านการวางแผนรวมถึงการที่เขามีหัวก้าวหน้าอย่างที่สุด
รายงานทางจิตวิทยา
ผู้ชำนาญการ César "Goyo" Ruiz Hernández คือเพชรในตม เขาอาจดูเหมือนทหารธรรมดาทั่วไป จนกระทั่งคุณสังเกตเห็นอันตรายจากสิ่งที่เขาทำ เพื่อยืนยันสิ่งที่พูด ตอนที่เราพบกันครั้งแรก ผมท้าเขาแข่งเล่นหมากรุก และเขาเดินหมากแค่ไม่กี่ตาก็ชนะผมได้แล้ว แถมเจ้า César เองยังดูเหมือนไม่ได้เอาจริงอะไรมากการเป็นคนถ่อมตนคือนิสัยของเขา Sofia แม่ของเขาที่ปกป้องเขาจากไฟของระเบิดได้ปลูกฝังความคิดแง่บวกให้เขาอย่างเต็มเปี่ยม การที่ต้องเติบโตมาในที่แบบนั้น ช่วงเวลาแบบนั้นทำให้แม่ของเขาต้องปลูกฝังความคิดแบบต้องเอาตัวรอด เพื่อเป็นเกราะป้องกันจากสิ่งยุรอบตัว โดยเฉพาะกับเขาผู้ซึ่งไร้พ่อคอยดูแลและมีเวลาว่างมากมาย เธอได้รับความช่วยเหลือจากผู้ชำนาญการ Azucena Rocío “Amaru” Quispe ที่คอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลาและมีความรักในครอบครัวอย่างที่ Sofia เพียงคนเดียวไม่อาจเติมเต็มได้มันค่อนข้างชัดเจนว่านิสัยของ Quispe ที่มีความสัมพันธ์เหนียวแน่นกับบ้านเกิดและประวัติของตระกูล ได้มอบอิทธิพลต่อ Hernández ในช่วงที่เขายังเด็กHernández เป็นคนประเภทคิดก่อนพูดเลยมักถูกคนสบประมาท เขาไม่ใช่คนหยาบคายและชอบอยู่คนเดียว แต่เขามักจะต้องเจอกับปัญหาอยู่ตลอดเวลาความสามารถในการติดตามและศึกษาศัตรูของเขาช่างน่าอัศจรรย์ตั้งแต่การวิเคราะห์กิจวัตรจนถึงการรู้ว่าพวกมันจะทำอย่างไรเมื่อเจอกับภัยอันตราย ตัวอย่างเลยก็คือ เขาซื้อน้ำอัดลมรสแอปเปิลให้กับผู้ชำนาญการ Tina Lin “Frost” Tsang ในวันแรกของฤดูใบไม้ร่วง แม้ว่าเขาเพิ่งเคยพบกันแค่ครั้งเดียวก่อนหน้านั้น แม้เธอจะไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เห็นได้ว่า Hernández ได้เตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเอาไว้แล้วผู้ชำนาญการ Hernández ได้กลายมาเป็นคนสำคัญในการบรีฟงานของเรา คำถามชวนคิดของเขาทำให้เราได้กลยุทธ์การรบใหม่ ๆ และเป็นตัวจุดประกายความคิดนอกกรอบให้กับสมาชิกภายในทีม ต้องยอมรับว่า ผมรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นที่ได้เห็นว่ามุมมองของเราได้เปลี่ยนไปและหน้าตาที่นิ่งไม่ไหวติงของเขาทำให้ทุกคนมีความมั่นใจ                                                                                             ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
WAMAI
สังกัด: NIGHTHAVEN
หน้าที่: แองเคอร์,คุม
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 2
อุปกรณ์
อาวุธหลัก: AUG A2(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                MP5K(ปืนกลมือ)
อาวุธรอง: D-40(ปืนพก)
               P12(ปืนพก)
อุปกรณ์: เครื่องแจ้งเตือนระยะประชิด
             ระเบิดอิมเเพ็กต์
ความสามารถพิเศษ: MAG-NET SYSTEM  
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Ngũgĩ Muchoki Furaha
วันเกิด: 1 มิถุนายน(อายุ 28)
สถานที่เกิด: Lamu (Kenya)
ชีวประวัติ
"ยิ่งใกล้ความตายเท่าไร ชีวิตก็จะยิ่งมีสีสันเท่านั้น"                                                          เกิดในครอบครัวชาวประมงบนชายฝั่งของเคนย่า Furaha ใช้เวลาในวัยเด็กไปกับการล่าฉลามและค้นหาสมบัติใต้มหาสมุทรของเกาะ Lamu Archipelago ไม่นานนักเขาก็กลั้นหายใจใต้น้ำได้นานกว่าเพื่อน ๆ และการค้นพบทางการแพทย์ก็ได้เปิดเผยความผิดปกติของสรีระที่เชื่อมโยงกับความเชื่อดั้งเดิมของ Furaha ว่าเขาไม่ใช่ 'มนุษย์โลก' เมื่อมีโอกาสได้เข้าร่วมกับกองทัพเรือเคนย่าและหน่วยพิเศษทางเรือของเคนย่า เขาก็ได้นำทักษะมาใช้ได้อย่างเต็มที่ เขาได้รับความสนใจจากเหล่านายพลอย่างรวดเร็วตอนที่อยู่กับกองทัพเรือรวมถึงเหล่านักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกสำหรับการทำลายสถิติดำน้ำนับครั้งไม่ถ้วน ภายหลังเขาได้ย้ายไปที่ NIGHTHAVEN โดยยื่นข้อเสนอว่าเขาจะมีเวลาดำน้ำมากขึ้น และได้เรือส่วนตัวที่เขาจะขับไปดำน้ำที่ไหนก็ได้
รายงานทางจิตวิทยา
แต่ก็น่าแปลกที่ผมรู้สึกผ่อนคลายที่ได้คุยกับเขา การสนทนาของเขามันช่างบริสุทธิ์ไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ จากที่กำลังพูดเรื่องแนวคิดนามธรรมอยู่จู่ ๆ ก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นได้ทันที Furaha ก็รู้สึกได้เมื่อคนเริ่มจับทางไม่ถูก เหมือนตอนที่ผมเริ่มรู้ตัวว่าไปต่อไม่เป็นแล้ว เขาก็ยิ้มและเปลี่ยนเรื่องคุยในทันทีเพื่อเป็นการทำให้แน่ใจว่าเราจะไม่คุยถึงเรื่องที่อยู่เหนือจินตนาการของมนุษย์และไม่ได้กลับมาอีกเลยมันทำให้ผมสงสัยว่าหรือเราต้องเปิดใจให้มากกว่านี้กันนะ แต่อีกใจก็คิดว่าถ้าทำแบบนั้น ผมจะกลายเป็นอะไรไปแล้วน่ะสิคำถามเกี่ยวกับอัตถิภาวนิยมที่ถูกถามโดยคนที่ใช้เวลาว่างไปกับการดำน้ำมันไม่ใช่คำถามที่เราถามกับตัวเองบ่อย ๆ และบางที่ผมก็อาจจะเพิกเฉยกับความอ่อนไหวของ Furaha ในเรื่องนี้ด้วย วิธีการที่แปลกประหลาดของเขาทำให้เกิดกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่ไม่มีใครคิดได้ ความสามารถในการวาดภาพสามมิติในใจของ Furaha ที่ไม่ใช่แค่แนบราบแต่แนวดิ่งด้วยนั้นเป็นสิ่งที่พบได้แค่ในคนที่เป็นนักบินระดับท็อป แต่น่าตกใจที่ภายในของเขานั่นว่างเปล่าเหลือเกินผมเคยคุยกับพระที่มีชื่อเสียงรูปหนึ่งที่ท่านใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อแสวงหา "ความว่างเปล่า" และผมก็เห็นสิ่งเดียวกันกับที่ Furaha เป็น เพียงแต่ว่าคนอื่นเขาใช้วิธีนี้เพื่อสนองในเรื่องความเชื่อเรื่องจิตและวิญญาณ แต่ของเขานั้นต่างออกไป การได้รับใช้การทหารคือการสนองความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณของ Furaha การดำน้ำก็แค่ความชอบส่วนตัวในการให้คำปรึกษาทุก ๆ ครั้ง ผมจะพยายามเป็นกลางให้ได้มากที่สุด Furaha เป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความสามารถ ปฏิบัติงานได้ดี ฉลาด และคาดเดาไม่ได้ ความสามารถในการปล่อยวางความคิดของเขานั้นเหลือเชื่อมาก แต่ไม่มีใคร��ู้สึกตัวเลยว่าในหัวของพวกเขามีแต่เรื่องตัวตนของ Furaha เหมือนกับไนโตรเจนที่ต้องไหลกลับไปที่ตัวของนักดำน้ำก่อนที่พวกเขาจะขึ้นเหนือน้ำ ธรรมชาติของ Furaha นั้นไม่สามารถอธิบายได้ การที่จะให้คำนิยามเขาก็เหมือนกับการจำกัดเขา และผมมีความรู้สึกว่านั่นเป็นสิ่งที่จะทำให้เขาโกรธมากที่สุด                    ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
ORYX
สังกัด: -
หน้าที่: โรม,ตัวเจาะผนัง
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: 2
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: SPAS-12(ปืนลูกซอง)
                T-5 SMG(ปืนกลมือ)
อาวุธรอง: BAILFF 410(ปืนพก)
               USP40(ปืนพก)
อุปกรณ์: ลวดหนาม
             เครื่องแจ้งเตือนระยะประชิด
ความสามารถพิเศษ: เรมาแดช
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Saif Al Hadid
วันเกิด: 3 กรกฎาคม(อายุ 45)
สถานที่เกิด: Azraq (จอร์แดน)
ชีวประวัติ
"บางครั้ง ทางออกเดียวก็คือการบุกฝ่าเข้าไป"                                                                 ประวัติของ Al Hadid นั้นมีน้อยคนที่ทราบ เขาเกิดในเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ติดกับฐานทัพอากาศ ซึ่งทำให้ชีวิตอันแสนธรรมดาของเขาเปลี่ยนไปจนกระทั่งเขาหายสาบสูญไปจากบันทึกเป็นเวลามากกว่าสิบห้าปี สุดท้ายเขาก็ปรากฏตัวอีกครั้งที่ประเทศจอร์แดน แต่เขาอยู่ที่นั่นเพียงแค่ให้ได้พาสปอร์ต เขาเรียนมวยปล้ำที่อิสตันบูล มวยไทยที่กรุงเทพฯ การขับรถเชิงต่อสู้ที่เบอร์ลิน และการยิงปืนระยะไกลที่ดามัสกัส และดูเหมือนว่ากำลังฝึกฝนด้านการสนับสนุนทหาร จากนั้นเขาก็หายไปอีกครั้งเขาปรากฏตัวอีกครั้งในฐานะนักเรียนนายร้อยที่ป้อมปราการของ Jalal “Kaid” El Fassi เวลาผ่านไปหลายปี ตำแหน่งของเขาก็เปลี่ยนไปจากทหารหน้าใหม่สู่เจ้าหน้าที่สนับสนุนทีมแพทย์และสู่ครูฝึก และตอนนี้ Al Hadid ได้เป็นรองผู้บัญชาการอย่างไม่เป็นทางการและเขาเป็นคนจัดการดูแลป้อมปราการขณะที่ Kaid ไม่อยู่และทำหน้าที่เป็นคนให้คำปรึกษาที่น่าเชื่อถือเวลาที่เขาทั้งสองอยู่ด้วยกันมีข่าวลือหนาหูว่า Al Hadid นั่นเหี้ยมโหดมาก แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันจากรายงานภาคสนามอยู่ดีและเราควรจะลืมมันไปซะ
รายงานทางจิตวิทยา
Saif “Oryx” Al Hadid ใช้ชีวิตได้สุดมาก ถูกครอบครัวทิ้งตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น และอาศัยอยู่ด้านนอกของประเทศจอร์แดน แต่เขาไม่บอกว่าที่ไหน และเขายังถูกจำคุกอยู่ที่นั่นด้วย เขาต้องล้มลุกคลุกคลานตามหาอิสรภาพอยู่สิบห้าปี ย้ายไปมาระหว่างห้องขังเดี่ยวและที่ต่าง ๆ มากมาย ผมเคยได้เห็นความโกรธแค้นที่เขาแบกไว้ซึ่งเป็นผลมาจากการถูกกระทำอันป่าเถื่อนมาครั้งหนึ่ง และหวังว่าจะไม่ต้องเห็นอีกเป็นครั้งที่สองครั้งแรกที่ผมได้เจอกับ Al Hadid นั่นไม่ใช่ในออฟฟิศของผม แต่คือในสถานที่อันยิ่งใหญ่ของ Jalal “Kaid” El Fassi เขาได้เล่าถึงเรื่องสุดยอดนักรบที่ถูกสร้างขึ้นจากเหล็กกล้า จากพละกำลังอันแข็งแกร่งและการปรับตัวที่สุดยอด และยังพูดถึงเรื่องที่ชายคนนั้นนั่งนิ่ง ไม่เคลื่อนไหวใด ๆ ในทะเลทรายอันร้อนระอุเป็นเวลาหลายอาทิตย์เพื่อรอให้ Kaid เปิดประตูป้อมปราการแม้จะไม่มีร่องรอยว่าเขาเปลี่ยนไป แต่มันชัดเจนว่า Al Hadid ได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนแล้วเราพูดถึงแมวที่มีชื่อเสียงแห่งโมร็อกโก พูดถึงเรื่องที่เขาเดินทางผ่านภูเขาด้วยเท้าเปล่าจากซีเรียสู่เทือกเขาแอตลาส พูดถึงบทกลอนที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษแม้ว่าจะมีบาดแผลที่ใหญ่ลึก Al Hadid ก็ไม่จมไปกับเรื่องในอดีต เขาบอกว่าไม่มีอะไรให้จดจำ ผมสงสัยว่าปรัชญาสโตอิกทำให้เขาซ่อนอะไรไว้ลึกๆ รึเปล่า แต่ผมก็ไม่เจออะไรแบบนั้นเลยตอนที่เราพูดคุยกันการควบคุมตัวเองอันยอดเยี่ยมของ Al Hadid ทำให้ผมที่กำลังฝึกอยู่ต้องรู้สึกละอาย แม้แต่ผู้ชำนาญการ Yumiko “Hibana” Imagawa ยังพูดถึงเรื่องที่เขาสามารถสงบนิ่งได้มากขนาดนั้น ความแตกต่างระหว่างพวกเขาคือ เขาปล่อยให้ตัวเองหลุดจากการควบคุมได้ในช่วงเวลาที่ต้องการ ในตอนปฏิบัติการใหญ่ ๆ เขาได้เปลี่ยนความโกรธแค้นให้กลายเป็นพละกำลังอันน่าเกรงขาม นี่คือทักษะอันสุดยอดที่ผมอยากให้เขาแบ่งปันในตอนที่เขาอยากทำเจ้าหน้าที่คนอื่น ก็กำลังพยายามเข้าหา Al Hadid อยู่ แต่ก็เป็นไปอย่างช้า ๆ ผมคิดว่าจากการถูกทรมานมาอย่างโหดเหี้ยม การไว้ใจคนอื่นก็คงจะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ต้องยอมรับว่า Rainbow อาจจะเป็นที่เดียวที่เต็มไปด้วยคนที่สามารถเข้าใจอดีตของเขาได้                      เป็นอย่างดี                                                                                                            ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
MELUSI
สังกัด: ITF
หน้าที่: ลดความสามารถ,ตัวเก็บข้อมูล,คุม
เกราะ: 1 ความเร็ว: 3 ระดับความยาก: 1
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: MP5(ปืนกลมือ)
                SUPER 90(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: RG15(ปืนพก) อุปกรณ์: ระเบิดอิมแพ็กต์
             ไนโตรเซลล์
ความสามารถพิเศษ: เครื่องเสียงโซนิคแบนชี
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Thandiwe Ndlovu
วันเกิด: 16 มิถุนายน(อายุ 32)
สถานที่เกิด: Louwsburg (แอฟริกาใต้)
ชีวประวัติ
"ความเข้าใจคือเครื่องมือชิ้นเดียวที่กำจัดความโง่เขลาได้"
Ndlovu เกิดในเมืองเล็ก ๆ ของ Louwsburg ใกล้ๆ กับ Ithala Game Reserve เธอใช้เวลาหลายปีออกสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ กับเพื่อนของเธอที่ชื่อว่า Elna Gardiner เมื่อเติบโตขึ้น พวกเขาได้รู้คุณค่าและเข้าใจหน้าที่ในการรักษาเหล่าสัตว์สงวน การลุกล้ำพื้นที่ป่าที่เกิดขึ้นยิ่งทำให้พวกเขามุ่งมั่น และถูกหลอกหลอนด้วยเหล่าชีวิตที่น่าจะช่วยเหลือไว้ได้ มากกว่าความสูญเสียที่ผ่านมาแล้วNdlovu สมัครเข้าร่วมกับกองทัพแอฟริกาใต้เพื่อขยายขีดความสามารถ และหาเงินทุนเพื่อการฝึกฝนเจ้าหน้าที่สนามของเธอ ความวิริยะและความทุ่มเททำให้กองพันพลร่มที่ 1 เกิดสนใจ จนกระทั่งเกิดการโจมตีสาธารณรัฐแอฟริกากลางขึ้น ซึ่งทิ้งรอยบาดแผลสาหัสให้เธอเมื่อ Gardiner ผู้ที่กลายเป็นสัตวแพทย์โด่งดัง ขอความช่วยเหลือเพื่อปกป้อง Hluhluwe–Imfolozi Park นั้น Ndlovu ลาออกจากการเป็นทหารและเริ่มฝึกสตรีท้องถิ่นในด้านการสะกดรอย ขัดขวาง และลาดตระเวน พวกเธอทั้งสองคือหัวใจของหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจต่อต้านการรุกล้ำ Inkaba
รายงานทางจิตวิทยา
ผู้ชำนาญการ Thandiwe “Melusi” Ndlovu ทำให้ผมมองเห็นว่าเธอเป็นคนที่เหมาะสมในการสืบสานความพยายามในการอนุรักษ์ธรรมชาติของแอฟริกาใต้อย่างน่าแปลกใจ เธอทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แม่นยำ และยอมรับว่าความโลภเป็นหนึ่งในความท้าทายที่สุดของมนุษยชาติ เมื่อผมถามว่าเราจะสามารถเอาชนะมันได้มั้ย เธอยิ้มและพูดว่า "มันก็ควรค่าแก่การฝันถึงมันนะ ด็อกเตอร์"ความสัมพันธ์ของเธอกับ Elna เริ่มต้นขึ้นตอนที่พวกเธอรู็ว่าชื่อของพวกเธอมีความหมายเดียวกันนั่นคือ "เป็นที่รัก" พวกเธอก็ไม่ได้เป็นมิตรกันตลอดเวลา แต่ความรักที่มีให้กับเหล่าสัตว์สงวนและความชอบในการออกสำรวจนั้นทำให้ต้องฝ่าฟันอะไรต่าง ๆ ร่วมกันมามากมายNdlovu มีความคิดที่แตกต่างกับ Elna อย่างสุดขั้ว มันน่าสนใจมากที่คนหนึ่งเน้นเรื่องการป้องกันและอีกคนหนึ่งเน้นเรื่องการอยู่อาศัย ท้ายที่สุดเส้นทางที่ต่างกันของพวกเธอก็ช่วยเติมเต็มความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นNdlovu ปฎิเสธที่จะพูดถึงการโจมตีที่ทำลายหน่วยของเธอ จากในรายงานจะเห็นได้ชัดเจนว่านั่นเป็นปฎิบัติการที่ต้องเอาชีวิตไปทิ้ง แต่เธอก็โชคดีมากที่รอดมาได้ ผมพยายามที่จะเริ่มจากในมุมของความรู้สึกผิดที่รอดชีวิตมาได้ แต่เธอก็ปฎิเสธความพยายามของผม เธอดูเหมือนจะเสียใจกับเหตุการณ์ที่เธอเห็นกับเหล่าสัตว์สงวนมากกว่าในสนามรบซะอีก เช่นเดียวกับการที่ป่าสงวนถูกเปลี่ยนเป็นสนามรบทุกอย่างของเธอชี้ให้เห็นว่าความรู้สึกแย่ๆ ทุกอย่างได้ถูกเปลี่ยนเป็นการกระทำ การที่เธอฝึกฝนเหล่าสตรีให้กลายเป็นหน่วยป้องกันการรุกล้ำและโครงข่ายของโดรนลาดตระเวนที่เธอทำไว้เพื่อให้เห็นการปฎิบัติการของศัตรูพอพูดถึงเรื่องงาน เธอพูดไม่หยุดเลยทีเดียว Ndlovu เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าชุมชนต้องได้รับการศึกษาที่ดีและต้องมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม การจะสู้กับพวกบุกรุกอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ เธอภาคภูมิใจกับความสำเร็จในการฟูมฟักเหล่าสตรีของเธอ และการช่วยเหลือให้เหล่าสัตว์ที่เธอปกป้องได้อยู่อย่างร่มเย็น เธอยังให้ความสนใจกับเศรษฐกิจของชุมชนด้วย แต่ความเป็นห่วงนี้ยังไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่เธอพร่ำสอนที่เรียกว่า "อนาคตต้องลงมือสร้างเอง" และเธอเชื่อว่าถ้ายึดมั่นคำสอนนี้จะช่วยให้ไม่ตกเป็นทาสของเงิน                                            ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
ARUNI
สังกัด: NIGHTHAVEN
หน้าที่: คุม,ตัวเก็บข้อมูล,แองเคอร์
เกราะ: 2 ความเร็ว: 2 ระดับความยาก: -
ชุดอุปกรณ์
อาวุธหลัก: P10 RONI(ปืนกลมือ)
                MK 14 EBR(ปืนไรเฟิลซุ่มยิง)
อาวุธรอง: PRB92(ปืนพก)
อุปกรณ์: กล้องกันกระสุน
             ลวดหนาม
ความสามารถพิเศษ: SURYA GATE
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Apha Tawanroong
วันเกิด: 9 สิงหาคม(อายุ 42)
สถานที่เกิด: เขตท่าพระยา (ประเทศไทย)
ชีวประวัติ
“ในทุกความขัดแย้ง เด็กคือผู้ที่ได้รับผลกระทบแม้หลังจากการต่อสู้ยุติลงแล้ว”                   ในฐานะนักสืบเอกชน การค้นพบแผนวางระเบิดในกรุงเทพทำให้ Aruni เป็นที่สนใจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ความสามารถของเธอในการปะติดปะต่อข้อมูลหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ดูจะไม่เกี่ยวข้องกัน ทำให้เธอได้รับความเค��รพแบบหมั่นไส้นิด ๆ จากหน่วยงานรักษากฎหมายที่โดยมากจะเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ชาย และยังต้องเผชิญกับความอาฆาตจากหน่วยงานมิจฉาชีพมากมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เสนอตำแหน่งเจ้าหน้าที่สืบสวนกับหน่วยปราบปรามอาชญากรรมให้แก่ Aruni ซึ่งเธอได้ช่วยทำลายกลุ่มค้ามนุษย์และยับยั้งแผนวางระเบิดไม่ต่ำกว่าสี่ครั้ง ความสามารถของเธอในการติดตามและเชื่อมโยงขบวนการขนส่งวัตถุดิบระเบิดต่าง ๆ ได้รับคำสรรเสริญจากผู้บังคับบัญชา แต่โชคไม่ดีที่อาชีพตำรวจต้องจบลงตอนที่เธอเกือบจะถูกสังหารในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ในกรุงเทพ หลังจากฟื้นกลับมาจากเหตุการณ์ดังกล่าว Aruni ถูกทาบทามโดย Jaimini “Kali” Shah ความสามารถของ Kali ในการเข้าถึงเทคโนโลยีชั้นสูงด้านอวัยวะเทียมน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Aruni ตัดสินใจเข้าร่วมกับ Nighthaven
รายงานทางจิตวิทยา
Aruni มีความสามารถในการเคลื่อนไหวที่คล่องตัว ทั้งด้านจิตใจและกายภาพ เธอไม่ค่อยจะมีความลังเล และการตัดสินใจของเธอไม่มีที่ติภายใต้สภาพแวดล้อมที่ยากลำบากมาก ๆ ความเร็วในการตอบสนองของเธอบวกกับความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธปืนและศิลปะป้องกันตัว ทำให้เธอเป็นนักรบที่มีพิษสงรอบตัวและอันตรายมาก รูทีนการฝึกซ้อมของเธอ -ซึ่งเธอเริ่มใช้หลังจากหลายปีที่ใช้ในการฟื้นฟูตัวเองทั้งทางกายและทางใจ - หนักหนาสาหัสมากแต่มันช่วยให้เธอสามารถคงประสิทธิภาพสูงสุดในการปฏิบัติงานความเกี่ยวโยงของ Aruni กับ Nighthaven ดูจะเป็นเพื่อผลประโยชน์มากกว่า Nighthaven ให้เงินเดือนที่สูงพอสมควรและช่วยให้เธอสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยด้านอวัยวะเทียม ในขณะที่เธอใช้เงินที่เธอหามาได้ในการดูแลตัวเอง แต่เธอก็มีความเป็นนักสังคมสงเคราะห์อยู่มากและใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและประหยัด เธอบริจาคเวลาและทุนทรัพย์ให้กับหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ที่โฟกัสกับเรื่องการกำจัดวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เช่นเดียวกับการรักษาพยาบาลผู้ประสบภัยจากกับระเบิด หนึ่งในเพื่อนที่สนิทที่สุดของ Aruni คือ Hero หนูฝึกหัดตัวยักษ์ที่ถูกฝึกให้ช่วยในการจำกัดเศษซากจากการระเบิด ถึงแม้เธอจะไม่ได้บอกตรง ๆ แต่ Hero ดูจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่ให้การเยียวยาทางใจกับเธอเมื่อเวลาเป็นสิ่งหายาก Aruni มีแนวโน้มที่จะแหกกฎบางอย่างเพื่อความรวบรัดและทันการ - ซึ่งเป็นแนวคิดที่เข้าใจได้ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีชีวิตคนเป็นเดิมพัน แต่มันก็ไม่เป็นที่ยอมรับของผู้บังคับบัญชาของเธอเสมอไป ถึงแม้ว่าเธอจะเคยเป็นตำรวจสืบสวนที่ยอดเยี่ยม แต่แนวโน้มของเธอที่จะเลือกความสะดวกเหนือระเบียบปฏิบัติส่งผลให้เธอมีประวัติการฝ่าฝืนกฎเล็กน้อยอยู่บ้างในขณะที่เธอได้ปฏิบัติงานส่วนใหญ่ในประเทศไทย Aruni เป็นนักเดินทางรอบโลกตัวยง ความกระหายการเดินทางของเธอนำเธอไปในส่วนต่าง ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอเมริกากลางและใต้เธอและเจ้าหน้าที่ชำนาญการคนอื่นๆ - เช่น Emmanuelle “Twitch” Pichon และ Sanaa “Nomad” El Maktoub – ได้มีโอกาสเดินทางด้วยกัน โดยเป็นทั้งเพื่อนร่วมทางและดูแลความปลอดภัยซึ่งกันและกันเมื่อเดินทางไปเยือนบริเวณที่มีความเสี่ยงสูงเธอใช้การถ่ายภาพ - ทักษะที่เธอพัฒนาเมื่อสมัยเป็นนักสืบเอกชนในกรุงเทพ - เป็นช่องทางในการโปรโมทความตื่นตัวในระดับสากลเกี่ยวกับเรื่องของพื้นที่กับระเบิดที่หลงเหลือจากศึกสงครามแต่ละครั้ง ในอดีตที่ผ่านมา ภาพถ่ายส่วนตัวเหล่านี้ส่วนมากจะโฟกัสเกี่ยวกับผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง โดยเฉพาะผู้ที่สูญเสียอวัยวะจากกับระเบิดทิ้งร้าง ในที่สุด รูปภาพเหล่านี้ช่วยให้เธอสามารถให้สิ่งหนึ่งกับตัวเอง ที่พวกเราไม่กี่คนเชื่อว่าเราควรจะได้รับจริง ๆ นั่นคือ - ความเมตตา                                                                                                                  ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
THUNDERBIRD
สังกัด: -
หน้าที่: คุม,โรม,เพิ่มความแข็งแกร่ง
เกราะ: 1 ความเร็ว: 3 ระดับความยาก: -
ชุดอุปกรณ์ อาวุธหลัก: SPEAR.308(ปืนไรเฟิลจู่โจม)
                SPAS-15(ปืนลูกซอง)
อาวุธรอง: BEARING 9(ปืนสั้นอัตโนมัติ)
               Q-929(ปืนพก)
อุปกรณ์: ระเบิดอิมแพ็กต์
             ไนโตรเซลล์
ความสามารุพิเศษ: สถานีKÓNA
ชีวประวัติ
ชื่อจริง: Mina Sky
วันเกิด: 1 เมษายน(อายุ 36)
สถานที่เกิด: อาณาเขตของนาโกดะ
ชีวประวัติ
“อากาศหรือพื้นดิน หาความสมดุลของคุณซะหรือไม่ก็จบลงด้วยฝุ่นที่อยู่เต็มหน้าคุณ”         ถือกำเนิดในซัสแคตเชวันอาณาเขตของนาโกดะ บทเรียนแรกของ Thunderbird จากแม่ของเธอนั้นเป็นสิ่งสำคัญต่อชุมชน การแนะนำเครื่องยนต์ครั้งแรกของเธอเป็นหน้าที่ของพ่อ เขาได้สอนเธอให้เข้าใจเฮลิคอปเตอร์ก่อนที่เธอจะบินกระตือรือร้นอยู่เสมอที่จะได้รับประสบการณ์ใหม่  ที่เธอลงทะเบียนไว้ในโปรแกรม Bold Eagle ตั้งแต่อายุสิบเจ็ดซึ่งเธอมีความเชี่ยวชาญในการฝึกทหารขั้นพื้นฐาน ในขณะที่ได้รับคำแนะนำของผู้อาวุโสในชุมชนและผู้สอนในท้องถิ่น โปรแกรมนี้จุดประกายความสนใจในการอนุรักษ์และปกป้องสิ่งที่เธอรักมากที่สุด วิถีแห่งชีวิตนาโกดะหลังจากเข้าร่วมกองกำลังทหารแคนาดา Thundebird หาหนทางในการเข้าเรียนโรงเรียนการบิน ระลึกถึงความสำคัญกับคุณค่าของความสมดุลของแม่เธอ Thundebird รู้สึกตั้งแต่ CAF สอนให้เธอใช้ชีวิต เธอควรเรียนรู้วิธีช่วยชีวิตพวกเขาด้วย เธอสำเร็จการฝึกอบรมการแพทย์ขั้นพื้นฐาน (CFHSTC) และยังคงรับราชการ CAF ในฐานะแพทย์ทางอากาศ
รายงานทางจิตวิทยา
ครั้งแรกเมื่อ Nomad ได้พาผู้เชี่ยวชาญพิเศษ Mina “Thunderbird” Sky มา ฉันไม่แปลกใจเลยกับคำแนะนำของเธอ Sky เป็นเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ ช่างเครื่องและพลขับที่ประสบความสำเร็จ เหมือนว่าเธอจะดูเก่งกาจในการขับ การฝึกและทัศนคติที่เข้ากันได้ดีกับทีมของ Nomad ไงก็ตามฉันก็ประหลาดใจที่รู้เรื่องของเธอเป็นครั้งแรกหากไม่มีการฝึกทางการแพทย์ของ Sky Nomad อาจไม่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุทางตอนเหนือ ฉันสงสัยจังว่านั่นเป็นแรงบันดาลใจในการเปิดรับมิตรภาพของเจ้าหน้าที่นักล่าอย่าง Frost หรือเปล่า ฉันรู้สึกว่าพื้นเพของ Frost และ Sky นั้นดูจะผูกพันธ์กันเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าครอบครัวนั้นสำคัญต่อ Sky และนั่นมันเกินกว่าสายเลือดไปโดยปริยาย ชุมชนนาโกดะมีอิทธิพลอย่างมากในการเลี้ยงดู Sky ในฐานะพ่อแม่ของเธอ ความรู้ที่ตกทอดมาไม่ได้เป็นเพียงประวัติศาสตร์แต่เป็นมรดกที่ต้องปฏิบัติและรักษาไว้เป็นวิถีชีวิตในภาพรวม Sky มีการรับรู้ถึงอารมณ์ที่เกิดมาจากความเข้าใจและการยอมรับ เธอค้นหาความสมดุลในทุกสิ่งที่เธอทำ เธออธิบายไว้ว่าโลกและร่างกายมนุษย์เปรียบเสมือนเครื่องยนต์ อย่างแรกคุณต้องเข้าใจวัตถุประสงค์ของมันจากนั้นก็การทำงานของมัน ถ้าสายไฟถูกตัดขาดคุณไม่สามารถซ่อมมันได้ด้วยน็อตแต่น็อตช่วยในการยึดกระดูกให้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างที่มันรักษา ฉันยินดีรับการเปรียบเปรย ฟังก่อนแล้วค่อยหาทางแก้ทีหลัง นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอเสียความเข้มแข็งไป สิ่งที่ “อยู่ใต้เนื้อหนังของเธอ” ที่ทำให้เธอเป็น Sky คือขาดความเคารพ ความเคารพสำหรับคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิตของพวกเขาหรือความถูกต้องของชีวิตอันสำคัญต่อวินัยของเธอการประเมินความเสี่ยงของ Sky ดูจะเป็นจุดแข็งด้วยความมั่นใจและประสบการณ์ของเธอ หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับการผจญภัยอันแสนบาดใจของเธอ ฉันก็กังวลเกี่ยวกับกลยุทธ์บ้าบิ่นของเธอ ฉันได้ถามเธอไปว่ามันรู้สึกยังไงเมื่อเธออยู่ในอากาศและอะดรีนาลีนพุ่งพล่านที่เป็นเชื้อเพลิงให้กับเธอ เธอตอบกลับด้วยรอยยิ้มและแค่นั้นแหละ“มันรู้สึกเหมือนกำลังบินไงล่ะ.”ฉันเดาว่านั่นก็เหมาะสมแล้ว                                                    ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow
อ้างอิง: https://www.ubisoft.com/th-th/game/rainbow-six/siege/game-info/operators
1 note · View note