Tumgik
#พี่แจน
pinnws · 7 months
Text
⭐️2022 me, told myself to be more grow-up then 2023 me, is grown-up more.
เมื่อปี 2022 ได้บอกลาปีเก่าด้วยสภาพจิตใจที่ไม่มั่นคงสุด ๆ และลึก ๆ ข้างในก็มีความกังวลใจหลากอย่างมาก เพราะเอาเข้าจริง ๆ มันคือปีสุดท้ายของการเรียนในมหาวิทยาลัยล่ะ ในหัวไม่ได้มี long-term plan ขนาดนั้น เพราะแค่สิ่งที่น่าจะต้องเจอในปี 2023 ก็ทำเครียดเอาเรื่องล่ะ
ถ้าให้ย้อนนึกถึงความกังวลที่มีในตอนนั้น ก็มีตั้งแต่เรื่องไร้สาระ อย่างเช่น กลัวว่าบัตรคอนเสิร์ตที่ให้ไปส่งที่หอจะหาย จนกระทั่งเครีดยไปถึงเรื่องฝึกงานที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะสัมภาษณ์ผ่านไหม เข้าไปทำงานแล้วเราจะกดดันจนร้องไห้เลยรึเปล่า 
เริ่มต้นปีก็มีแต่เรื่องสนุก ๆ และได้ใช้เวลาไปอย่างคุ้มค่ามาก โดยเฉพาะเรื่องติ่งที่ได้ไปคอนเสิร์ตทั้งของ ENHYPEN และ PH-1 ได้ทำของแจกที่สวยสะใจที่สุดตั้งแต่เคยทำมา ได้เพื่อนติ่งใหม่ ๆ บ้าง ออกงานสังคมเยอะสุด ๆ แต่ที่ชอบมาก ๆ สำหรับการทำของแจกก็คือการได้แพ็คของนี่แหละ นอกจากนี้ก็จะมีเรื่องใหญ่ ๆ อย่างสัมภาษณ์ฝึกงานกับ GGWP ที่หลังสัมภาษณ์เสร็จก็น้ำตาร่วง ทั้ง ๆ ที่ก็สัมภาษณ์ผ่าน แต่ก็นั่งร้องไห้และซึม ๆ ไป 2-3 วัน เหมือนในใจสัมผัสได้ว่ากูต้องโตไปทำงานแล้วสินะ และความรู้สึกที่คิดว่าตัวเองไม่ดีพอ ไม่มั่นใจเลย เดา ๆ ว่าน่าจะเพราะเพราะคำพูดของพี่เพชร (หัวหน้า) ที่ไป ๆ มา ๆ ทำให้เราไม่มั่นใจกับผลงานใน portfolio ตัวเองเท่าไหร่ กลัวว่าสุดท้ายพอเข้าไปทำงานกับพี่ ๆ เขาแล้วเราจะไม่ดีพอ และก็กังวลเรื่องอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นตอนไปฝึกงานด้วย เช่น กดดันจนต้องหนีไปร้องไห้ เป็นต้น (แต่สิ่งนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นนะ) พอฮึบได้ก็เลยไปตั้งใน bio แอคไพรเวทว่าปีนี้ (2023) เราจะเป็นคนที่โตขึ้น ประมาณนั้น 5555555555 เป็นการ remind ตัวเอง เหมือนบอกให้สู้ ๆ นั่นแหละ 
ระหว่างนั้นเป็นช่วงเปิดเทอม​ (ก่อนสุดท้าย) ซึ่งแปลกมากที่แทบไม่ตื่นเต้นกับวันแรกของการไปเรียนในเทอมนั้นเลย ทั้ง ๆ ที่ 2 ใน 3 ของวิชาที่ลงเรียนก็ลงเรียนแบบตัวคนเดียวด้วยซ้ำ เลยรู้สึกว่าเห้ย กูแม่งอยู่คนเดียวได้เก่งแล้วว่ะ แต่ก็ได้เจอกับเพื่อนใหม่ ๆ หลายคนด้วย ซึ่งทำให้ช่วงต้นปีของเรามันดีมาก ๆ อีกอย่างที่เพิ่งมาคิดย้อนได้คือ 2 วิชาที่ได้เรียนตอนนั้น จะมีวิชากราฟิกโฆษณา และวิชาทำโครงงานวิจัย ซึ่งมีประโยชน์และช่วยเหลือเรามาก ๆ ในช่วงท้ายปีของการได้ไปฝึกงานและทำเล่มธีสิสส่ง ฮ่าๆ 
ตัดภาพมาช่วงกลางปี (มิถุนายน-กรกฎาคม) ที่ได้ไปฝึกงานกับ GGWP เป็นเรื่องที่ดีในการตัดสินใจไปฝึกพร้อมกับเพื่อน (โอปอ + เบีย) มันเลยไม่โดดเดี่ยวหรือเหงามาก พี่ที่ทำงานทุกคนก็น่ารักมาก ๆ โดยเฉพาะพี่แจน พี่หยก และพี่นุ้ย (รวมพวกพี่ ๆ JC อย่างพี่เติ้ล พี่หมิวด้วย) พี่แจน พี่หยกเหมือนเป็นกลุ่มย่อยที่ชื่นชอบอีกทีเพราะรับผิดชอบส่วน art director เหมือนกันแล้วพี่ ๆ ก็เลยต้องมาดูแลเราเป็นหลักด้วย พี่แจนชอบให้งานสนุก ๆ มาทำตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย รู้สึกเทสต์การทำงานเเข้ากับพี่แจนได้ พี่แจนแว๊บแรกเหมือนเป็น extrovert เท่ ๆ จี๊ดจ๊าด แต่จริง ๆ แล้วรู้สึกพี่แจนแอบเหมือนตัวเราเองมาก ที่จริง ๆ ก็คือเป็น introvert เท่ ๆ คนนึง (5555555555555) แล้วก็ใจดีมาก ๆ ถึงจะไม่ได้สอนงานเป็นขั้นตอนแบบนั้น แต่พี่แจนเป็น inspiration ของการทำงานครีเอทีฟให้เรามาก ๆ ส่วนพี่หยกคือพี่สาวโต๊ะข้าง ๆ ที่ชวนคุยบ่อย ๆ ไม่ยอมให้เราเหงา คอยโยนงานกราฟิกมาให้ตอนว่าง ๆ เลยทำให้ทักษะงานกราฟิกเรามันขยับ มันดูเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาระดับหนึ่งเลย ต้องกราบพี่หยกมาก ๆ พี่หยกเป็นพี่สาวที่น่ารักมากจริง ๆ เป็นเพื่อนให้กับเด็กฝึกงานทุกคนที่บริษัทเลย ส่วนพี่นุ้ย ถึงแม้จะอยู่ฝั่ง planner แต่ก็ได้ไปคลุกคลีบ่อย ๆ เพราะหนีไปเล่นกับโอปอ พี่นุ้ยเป็นคนน่ารักมาก เหมือนจะดูแรง ๆ แว๊บแรกแต่เป็นคนที่เนิร์ดหนังเหมือนกันและคุยสนุกมาก เวลาทำงานเสร็จจะกลับบ้าน พี่นุ้ยก็จะพูดขอบคุณเราหลาย ๆ ครั้งที่มาช่วยงาน แม้ว่างานนั้นจะไม่ได้งานของพี่นุ้ยด้วยซ้ำ ก็คือน่ารักมาก ๆ นั่นแหละ อีกอย่างพี่นุ้ยยังให้งาน ส.ขอนแก่นมาทำด้วย เลยได้เป็นงานแรกที่ได้ publish จริงจัง แม้ว่าเราจะเป็นแค่เด็กฝึกงาน เลยประทับใจที่เขาไว้ใจเราขนาดนี้  แถมวันสุดท้ายที่ฝึกงานเขาก็อุตส่าห์พาไปเลี้ยงข้าวกับพี่โจด้วย ส่วนพี่แจนติดงานเลยไม่ได้บอกลาทางการเท่าไหร่ 
ต้องบอกเลยว่าการได้ฝึกงานกับ GGWP ได้อะไรกลับมาเยอะมาก เป็นประสบการณ์ที่ดี ได้พัฒนาสกิลครีเอทีฟและกราฟิกเล็กน้อยจนไม่ค่อย doubt กับความสามารถตัวเองขนาดนั้นแล้ว พี่ ๆ ทุกคนเชียร์อัพมาก เช่น พี่แจน พี่นุ้ย  พี่หยก พี่นิค ที่เวลาเดินผ่านตอนเราทำงานทีก็จะคอยชมและให้กำลังใจตลอด บางทีเผลอ ๆ กลายเป็นชมเยอะจนกูเริ่ม doubt ตัวเองเฉย (งงป่ะ แต่มันคือนิสัยเสียในตอนนั้นที่พยายามแก้อยู่นั่นแหละ) 
และนี่คงเป็นจุดพลิกสำคัญในช่วงเวลาหลังจากนี้ คือ อยู่ ๆ ก็ตัดสินใจอยากจะไป WAT เพราะพี่นุ้ยเป็นคนชักชวน + มีโอปอล์มาร่วมด้วยเลยรู้สึกว่า “เชี้ย ถ้ามึงไม่ไปตอนนี้มันจะมีตอนไหนอีกวะที่จะได้ไปเมกา” ทุกคนรู้ หรือไม่รู้ก็ไม่รู้ แต่ตัวเราเอง��ู้ตัวมาตลอดว่าใฝ่ฝันอยากจะไปอเมริกามาตั้งแต่ ม.2 พยายามที่จะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ตั้งใจเรียนภาษามานาน จนสุดท้ายพอเข้ามหาลัย ความฝันนี้ก็ค่อย ๆ จางหายไปเรื่อย ๆ จนมาโดนจุดอีกครั้งตอนใกล้จะเรียนจบแล้ว 
ตัดภาพมาที่เปิดเทอมปี 4 เทอม 1 หรือเทอมสุดท้าย รู้สึกอยากขอบคุณการตัดสินใจก่อนหน้าที่ได้ไปลองฝึกงานในเอเจนซี่โฆษณาดู พอได้กลับมาเรียนในเทอมสุดท้าย ความกังวลหลาย ๆ อย่างก็น้อยลง (แค่เฉพาะเรื่องเรียนอะนะ) เช่น วิชา JC463 ที่กลัวมานานแต่ผลสุดท้ายก็คิดว่าตัวเองทำได้ดีมาก ๆ และก็โชคดีมาก ๆ ที่ได้เจอเพื่อนกลุ่มที่ดีที่สุด น่าจะตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยมาเลยก็ได้ ภูมิใจกับผลงานในคลาสนั้นของตัวเองมาก ๆ (แม้ว่าจะไม่ได้ที่ 1 มาก็ตามอะนะ) แต่ ๆ ก็เป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยมาก ๆ ในชีวิตเหมือนกัน เพราะต้องฝึกงานไปด้วยเรียนไปด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรีบไปไหน แต่ก็ไม่อยากเสียเวลาตัวเอง แต่ก็ไม่เข้าใจจริง ๆ นั่นแหละว่าจะรีบเรียนจบไปไหน 5555555 btw หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ทรมานและต้องใช้ความอดทนอย่างสู้เราก็ผ่านมาได้ 
แน่นอน ย่อหน้านี้ก็ต้องมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับที่ฝึกงานครั้งที่ 2 ครั้งก่อนได้ทำงานตรงสายกับที่เรียนเลย แต่ครั้งนี้อยากลองมาทำเฉพาะฝั่งกราฟิก เพราะอยากค้นหาความชอบตัวเอง อะไรประมาณนั้น รวม ๆ กับส่วนของการทำงานกราฟิกมันไม่แย่เลย ไม่แย่ในที��นี้คือหมายถึงมันเป็นงานที่ไม่เครียด แต่มันก็ยังเป็นงานที่หนักและเหนื่อยมาก ๆ + ที่ฝึกงานรอบนี้ไม่ได้ดีเหมือนกับรอบแรกเท่าไหร่ ไม่อยากลงรายละเอียดมาก คิดว่ายังไงก็อาจจะจดจำติดอยู่ในใจไปอีกหลายปี และมันก็ค่อนข้างเป็นประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีซะส่วนใหญ่ ใด ๆ ก็มีบุคคลเพียงหนึ่งเดียวที่อยากขอบคุณ ไม่งั้นมันคงจะแย่กว่านี้ คือพี่แพรที่ทำฝ่ายกราฟิกด้วยกัน เป็นเพื่อนแก้เหงาอีกคนที่เข้าใจกันหลาย ๆ อย่าง ถ้าถามว่าตอนนั้นมันแย่ขนาดไหน ก็ไม่เคย mental breakdown มานาน จนกระทั่งครั้งนี้ที่งานมาล้อมตัวเราทั่วสารทิศ ทั้งงานกราฟิก เล่มสารนิพนธ์ บลา ๆ ไหนตอนนั้นจะพักผ่อนน้อยจนป่วย เวลาไปทำงานก็นั่งรถไป 2-3 ชั่วโมงทุกวัน เงินที่ใช้จ่ายได้น้อยลงเพราะต้องเอาไปออกเป็นค่ารถ เป็น 3 เดือนที่ไม่ได้ซื้อของที่ตัวเองชอบ ไม่มีเวลาไปเจอหน้าเพื่อนสนิทเหมือนเคย ถึงบอกไงว่าแม่งเหมือน the worst time of my life สุด ๆ แต่เราก็ผ่านมาได้ ซึ่งซีนที่ตัวเองสติแตกจนร้องไห้ แม่งเหี้ยมาก คือทั้งป่วย ทั้งสติแตก แต่งานก็ต้องส่ง ร้องไห้เสร็จก็เลยต้องลุกมาทำงานต่อ ในใจก็สาปแช่งไปหมดแล้วเรียบร้อย และหลังจากความเลวร้ายในช่วงนั้นก็สาบานกับตัวเองอีกว่าจะไม่หลงมาทำงานบริษัทแบบนี้อีกแล้ว 
จบพาร์ท dramatic วันที่ฝึกงานจบดันเป็นวันเกิดพอดิบพอดี ชีวิตพลิกจากหลังตีนเป็นหน้ามือ ได้มีเวลากลับมาทำอย่างอื่นมากขึ้น ไม่ต้องนั่งรถไปทำงานในเมืองนาน ๆ กลับมาดึก ๆ ดื่น ๆ ช่วงนั้นก็เครียด ๆ อยู่แค่ไม่กี่อย่างคือเล่มวิจัยกับการสอบวีซ่าไปอเมริกา ใด ๆ ก็ตาม พอไม่มีภาระจากการฝึกงานแล้ว การวางแผนชีวิตที่ค่อนข้างว่างมากขึ้นมาเขียนเล่มก็คิดว่าตัวเองทำได้ดีอยู่ (หรอวะ) ตารางเวลาในการใช้ชีวิตค่อนข้างอุบาทว์หน่อย เพราะมันค่อนข้างเก็บกด กลายเป็นคนนอนเช้า ตื่นเย็น กินอาหารที่ไม่ค่อยดีต่อร่างกายเท่าไหร่ ปั่นวิจัยจนหลังแข็ง เสียสายตา แต่ก็สามารถปั่นมันได้เสร็จก่อนสิ้นปีพอดี (เก่งมากตัวเรา) หลังจากทำวิจัยเสร็จก็เป็นอะไรที่โล่งอกมาก เหมือนจะได้พักผ่อนซักที และตั้งตารอกับปีหน้า (2024) มาก ๆ ว่าจะเป็นยังไง เพราะเมื่อต้นปี 2023 มีแต่ความกังวลไปหมดว่าการเปลี่ยนแปลง/การเติบโตที่กำลังรออยู่และกำลังจะเกิดขึ้นจะออกมาเป็นยังไง  ระหว่างนั้นมันผ่านมาหลายรสชาติมาก ทั้งดีมากจนไปถึงเหี้ยสัสเย็ดแม่เลย จนมาถึงวันสุดท้ายของปี 2023 ที่รู้สึกประสบความสำเร็จกับ goal ของตัวเองว่าเราอยากจะเป็นคนที่โตขึ้น แล้วก็รู้สึกจริง ๆ ว่าปี 2023 เราแม่งเติบโตขึ้นแบบก้าวใหญ่ ๆ เลยแหละ ทำให้ 2024 ที่กำลังจะมามันน่าเฝ้ารอติดตามมากว่าพอเรารู้สึกมั่นคงกับตัวเองในหลาย ๆ ด้านมากขึ้น จะมีอะไรรออยู่อีก เพราะ chapter ชีวิตหลังเรียนจบในปี 2024 แม่งคาดเดายากมาก
*note พิเศษ เพราะเพิ่งมานั่งเขียนต่อตอนจะเข้าเดือนมีนาคม 2024 แล้ว 
ตอนนี้เพิ่งผ่านมาประมาณ 2 เดือนกว่า ในปี 2024 แต่เป็นการเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิตที่น่าสนใจและสนุกมาก ๆ ทำให้ตื่นเต้นกว่าเดิมว่าช่วงเวลาที่เหลือในปีนี้จะเป็นยังไงต่อ 
เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ยอมรับเลยว่าเหมือนจะสบายแต่ก็หัวหมุนเอาเรื่อง เพราะต้องเคลียร์เรื่องการส่งเล่มเพื่อให้เราสามารถเรียนจบได้อย่าง official ไหนจะต้องเตรียมตัวสัมภาษณ์วีซ่า WAT ตอนกลางเดือน และที่ปวดหัวกว่านั้นคือการสานความฝันของป๊าที่อยากไปล่องใต้ยาว ๆ 2 อาทิตย์โดยมีกูเองนี่แหละที่ต้องวางแผนเกือบทุกอย่าง โดยช่วงเวลาที่ป๊าเลือกจะไปคือหลังจากที่สัมภาษณ์วีซ่าเสร็จ ในหัวมีแต่ what if ว่าถ้าเกิดกูไม่ผ่าน ทริปนี้จะเหี้ยมากทันที แต่ ๆ เอาเป็นว่ามันผ่านมาได้ด้วยดี ชีวิตปลดล็อคมาอีก 1 เรื่อง หลังจากนั้นก็ได้ไปผจญภัย road trip ภาคใต้กับป๊าเป็นเวลา 2 อาทิตย์
อยากจะบอกว่าเป็นทริปที่เราภูมิใจกับตัวเองมาก ได้ทั้งประสบการณ์ท่องเที่ยวดี ๆ ได้รู้ว่าเราแม่งวางแผนจัดแจงมาก ทริปและแผนทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่นสุด ๆ รู้สึกว่าโคตรเก่งเลยว่ะ อีกอย่างที่ลืมไม่ได้เลยจริง ๆ คือช่วงระหว่างเที่ยวยังเคลียร์เรื่องการตรวจรูปเล่มไม่เสร็จ กว่าทุกอย่างจะ approve ตอนนั้นตัวเองกำลังนั่งล่องเรืออยู่ตรงเกาะซักเกาะในทะเลอ่าวไทยที่ตรัง พร้อมกับแจ้งเตือนอีเมลว่าเล่มตรวจผ่านแล้ว ส่งได้! เชี้ย แม่งอย่างกับหนัง coming of age 
หลังจากไปเที่ยวมา 2 อาทิตย์ กลับมาอยู่บ้านได้ไม่ถึงอาทิตย์ก็ต้องมาอยู่บ้านที่นครสวรรค์เป็นเวลา 1 เดือน ชีวิตกูนี่มันเร่ร่อนสุด ๆ เพราะไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งเลยหลังจากออกจากหอมา ต้องมาอยู่เพราะจริง ๆ รอดูงานตรุษจีนนครสวรรค์ที่ห่างหายมานานมากด้วย และหลังจากนั้นคือมาอยู่เพราะต้องช่วยติวสอบปลายภาคให้กับปราง 
พอได้มาใช้เวลาอยู่ที่บ้านนครสวรรค์ก็รู้สึกขึ้นมาได้ว่ามันเป็น balance ชีวิตที่เราโอเคนะ เพราะมันเป็นเมืองที่ยังเจริญ ไม่ได้ไม่มีอะไรเหมือนหนองบัว แต่ก็ไม่ได้วุ่นวายเท่ากรุงเทพ ไป ๆ มา ๆ เลยเกิดความคิดว่าหลังจากกลับมาจากอเมริกา ก็คงอยากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ซักพักใหญ่ ๆ ทำงานสอนพิเศษดู เพราะรู้สึกว่าตัวเองชอบการสอนมาก ๆ และเป็นงานที่เรามองว่าไม่เครียดจนเกินไปด้วย แต่มันก็อดตกใจไม่ได้ เพราะตลอดมาคิดมาตลอดว่าเรียนจบคงหางานทำและอยู่กรุงเทพ แต่พอหลังจากฝึกงานรอบที่ 2 จบก็เอียนความวุ่นวายของกรุงเทพไปอีกนานเลย อีกอย่างคือยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าเข้าไปอยู่ตรงนั้นจะทำงานอะไรดี เงื่อนไขมันเยอะไปหมด (เงื่อนไขที่ไม่อยากออกจากบ้านไปทำงาน เป็นต้น)
มาถึงตอนนี้ (ที่กำลังพิมพ์อยู่) คิดว่าช่วงเวลาที่เหลือของปี 2024 น่าจะมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่น่าสนใจรอเราอยู่ เช่น การไปใช้ชีวิตอยู่อเมริกาเกือบ 4 เดือน ทำตามความฝันของจริง เพราะใฝ่ฝันมานาน ไหนจะแพลนสอนพิเศษที่นครสวรรค์ที่ตื่นเต้นเหมือนกัน หวังว่าปี 2024 จะเป็นก้าวแรกของชีวิตวัยทำงานที่มีแต่ความสุข สบายใจ เครียดได้บ้าง แต่อย่าเยอะ ปีนี้คงจะได้เที่ยวจนสะใจ ประสบการณ์ล้นเหลือแน่นอน หวังว่าปลายปีจะมีอะไรตกตะกอนกลับมา ไม่ก็เรื่องอะไรใหม่ ๆ การเปลี่ยนแปลงอะไรมาเซอร์ไพร์สบ้างนะ 
ปล. ชีวิตกูพลิกล็อตจังวะเนี้ย
2 notes · View notes
neennimmarn · 7 years
Text
My 2017 :-)
2017 ของฉัน
               ลังเล สับสน ไม่กล้าเขียน ยังไงก็ไม่กล้าเขียน
               เขียนวันนี้เพราะ “ปริม” ปริมบอกให้เขียนเก็บไว้ ขอให้เขียนให้ได้ดี ๆ และพอกลับมาอ่านและรู้สึกดี
               ปีนี้เป็นปีที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ ในชีวิต เป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่มาก ๆ เป็นเรื่องสาหัสที่ทำให้เราเปลี่ยนเป็นคนละคน เป็น.. อะไรก็ไม่รู้สิ เป็นอะไรที่ไม่ชอบตัวเองเลย
                 ตอนต้นปี เราอยู่ในอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ปี 2 เทอมปลาย การเรียนเริ่มเข้าที่ กิจกรรมเริ่มเข้าทาง คงต้องเขียนเรื่องกิจกรรมเน้น ๆ กว่าการเรียน เพราะการเรียนนั่นไม่ยักกะจำได้เท่าไหร่
               งานแรกน่าจะเป็นจุฬาฯ เอ็กซ์โป ARTS YOURSELF ที่ประธานจัดงานคือพี่มุกดาภา ชวนทำประชาสัมพันธ์ภายใน (PR ใน) กับลีน่า เป็นงานแรกที่ได้มีชื่อเป็นประธานฝ่ายจริง ๆ ตอนนั้นงานที่มาหนักเอาจริง ๆ คือประชาสัมพันธ์ซุ้มอาหารนานาชาติ ที่สุดท้ายลีน่าหาเทมเพลตมาได้ดีมาก และเราไปขอให้ส้มจีนมาช่วยถ่าย ซึ่งน่ารักมาก ๆ ได้ความร่วมมือจากชมรมทุกชมรมเอาอาหารมาให้ และถามเฉลิมศิลป์ว่ามีใครพอทำงานอาร์ตเวิร์กได้ไหม และได้สรวิชญ์มา ซึ่งประเสริฐที่สุดในโลก และสุดท้ายโปสเตอร์ของเราได้ไปไวรัลในทวิตเตอร์ด้วยน้องคณะคนนึงที่ช่วยเอาไปทวีตให้ด้วย นอกจากงานพีอาร์ใน ก็ได้ช่วยงานห้องชมรมภาษาไทยอย่างที่ควรจะเป็น ธีมของห้องเราคือ “ออกไปข้างใน” เป็นการนำเสนอเรื่องภาษาสื่ออารมณ์ รับผิดชอบเนื้อหาส่วน “อารมณ์โกรธ” กับไป๊ เจ้ และจิรเมธ ทำกันแบบเดือด ๆ เพราะทุกคนต่างก็มีงานอื่น จิรเมธเองก็เป็นประธานฝ่ายซุ้มอาหารนานาชาติอยู่เหมือนกัน วันเตรียมห้องก็ยังเดือด ๆ มันวุ่น ๆ ไปหมด แต่ก็มีบรรยากาศของเอกไทยนั่นแหละ จำได้ว่าประทับใจที่พี่ปีสี่ พี่มิก พี่มีน พี่บิ๊ว พี่แจน พี่ปิ่น พี่โจ้ พี่ชิ และน่าจะมีโบ๊ท(แต่ทำไมจำไม่ได้นะ) ต่าง ๆ มาช่วยเต็มที่ พี่ ๆ ปีสามตอนนั้นที่เป็นเฮดจริง ๆ ก็เก่ง พี่ลูกแก้ว พี่นลิน พี่น้ำฝน พี่เกรพ ก็ดูแลกันดี แต่วันจริงจำได้ว่าแอบเท ๆ หนีลงไปข้างล่างกับลีน่าบ่อยมาก ๆ 5555555 แต่ก็ช่วยในห้องเอกเยอะนะพอคิด ๆ ไป แค่ไม่เยอะเท่าที่ทำได้แค่นั้นเอง
               อีกอย่างนึงที่ได้ทำในเอกซ์โป คือพิธีกรงานนกยูง ของพี่ธารา ไม่รู้ว่าใครแนะนำให้เป็นลีน่าเอิงเอยเหมือนกัน อาจจะเป็นพี่ตู๋ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ชอบมาก เป็นงานพิธีกรที่ชอบที่สุดเลย ตั้งแต่เริ่มทำพิธีกรมาตั้งแต่ปีก่อน (แรกพบ/รับน้อง) ประทับใจงานนกยูงมาก ๆ
               งานต่อมาที่เดือดอยู่ในงานเอ็กซ์โปเลย ก็คือสงกรานต์ ในนามฝ่ายศิลป์วัฒน์ ก.อศ. กับลีน่าเหมือนเดิม คิดสิ่งต่าง ๆ กันในวันสุดท้ายของเอ็กซ์โป งานส่วนกลางประมูลสถานที่มา เหนื่อยเว่อ แต่ก็ได้ฝึกทำอ.2 นะ งานคณะลีน่าลุยหนัก มีการแสดง พร็อพ และคอสตูม เรียกสรวิชญ์มาช่วยทำคอสตูมในเอกซ์โปเลย55555 เรียกพันทะนิดมาช่วยดูฝ่ายพร็อพ แล้วหลังจากนั้นน่าก็คิดเรื่อง รีครูทคน ซ้อมกัน ต่าง ๆ เหนื่อย แต่พอถึงวันจริงแล้วก็ สนุกดีนะ โชคดีที่มีทุกคนอยู่ คอยช่วยเหลือ ทำให้มันผ่านไปได้ดีมาก ๆ
               ระหว่างที่ทำเอ็กซ์โปกับสงกรานต์นั้น ก็มีอีกงานหนึ่งควบคู่ไปด้วย คือบายเนียร์ โดยพี่เบ๊ พี่หนมรองประธาน แอบรู้มาว่าพี่นิลให้พี่หนมมาชวนเรากับลีน่าทำครีเอทีฟ ประธานฝ่ายครีเอทีฟ เป็นบอร์ด!! เป็นบอร์ดครั้งแรกโดยที่ข้างใต้ขามีตกแต่งสถานที่ เป็นพี่แพรวถั่ว พีอาร์  พี่โบนัส และบัตร พี่เนม เป็นทีมคนสวยที่แท้ และพี่แพรวกับพี่เนมดีมาก พี่โบนัสมีคอนฟลิกต์ แต่จบงานแล้วก็เป็นพี่น้องที่ดีกันดังเดิม งานออกมาดีด้วยล่ะ ตอนนั้นก็ทำหืดขึ้นอยู่เหมือนกัน เหมือนทำพีอาร์เอง แต่ก็สนุกดี แต่ก็อยากขอโทษพี่โบนัส แต่สุดท้ายแล้วก็ดีนั่นแหละ คุยกับลีน่าว่าแบ่งกันดูหนัก ๆ เพราะงานสองงานพร้อมกัน ก็คือน่าไปดูสงกรานต์หนักกว่า ส่วนเรามาดูบายเนียร์หนักกว่า แล้วมีวันนึงที่พีคมาก ๆ ก็คือ ต้องผ่านโครงสงกรานต์คณะ ต้องไปดูสถานที่บายเนียร์ และต้องไปวัดสถานที่สงกรานต์กลาง โอ้โห แยกร่าง ก็คือลีน่าไปดูโรงแรมบายเนียร์ เราไปผ่านโครง เสร็จแล้วไปวัดที่ต่อ พีคมาก ๆ
               อ้อ อีกงานที่อยู่ในบายเนียร์คือปัจฉิม หน้าที่หลักตอนนั้น ทำของที่ระลึก!! สรวนแต่สนุก คิดกันไปมา ก็เลยเปิดที่คั่นหนังสือหนัง แบบสามเหลี่ยมไว้ใส่มุมหนังสือ แบบของ happening shop ให้น่าดู ตกลงว่าชอบทั้งคู่ ไปเดินเจเจกรีนกับน่า หาร้านทำ จนได้มาในที่สุด และของที่ได้น่ารักมาก ๆ ใครไม่ชอบเราชอบ 55555555
               เข้าสู่การศึกษาแป๊บนึง จนปิดเทอม งานแรกในนาม “ปีสาม” ก็เริ่มขึ้น
               CU Firstdate ของคณะเราชื่อ exploring new world มีพรรณธนิษฐ์ เป็นประธานจัดงาน และฉันได้โอกาสเป็นเลขา เฉยเลย  เป็นเลขาที่ห่วยแตก ทำไม่ได้เท่าที่ควรจะทำได้ สารภาพตามตรงว่ารักงานนี้ไม่มากเท่าที่ควรจะรัก แต่อาจจะเพราะมีคอนฟลิกต์ส่วนตัวด้วย หลาย ๆ อย่างมั้ง แต่สุดท้ายงานนี้ก็เป็นงานสนุก  ๆ น่ารัก และได้ประสบการณ์
               ถัดมาคืองานยิ่งใหญ่ของเรา รับน้องอักษรฯ 85 Artsarctica ได้มาทำ Key keeper เป็นตำแหน่งยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยคิดว่าจะได้รับ รับน้องครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมาเลย ปัญหาส่วนตัวก็กระทบมาก ๆ และพบว่าเป็นปัญหาที่ตัวงานอีก ไม่อยากบันทึกมาก อยากขอโทษหลายสิ่งอย่างสำหรับงานนี้ แต่จำได้ว่าวันงานมันดี ดีมาก ๆ จบงานแล้วก็รักมันพอสมควร จากที่ที่ผ่านมาไม่เคยรู้เลยว่าทำไปทำไม โชคดีที่มีหลาย ๆ คนอยู่ในช่วงเวลานั้น โต๊ะสวัสของพี่ไป๊ที่มีเพื่อน ๆ เราเต็มไปหมด พี่นิลพี่หนมที่คอยดู และทราย ทราย!
               จบจากรับน้อง มีหอประชุม รับน้องก้าวใหม่ ที่ตอนแรกป๊อนมาขอให้เป็นเลขาฯ ก็ดีใจมาก ๆ เพราะชอบงานเลขาฯ และรัญชน์โทรมาขอให้ทำฝ่ายอื่น ก็เข้าใจ เข้าใจเป็นอย่างดี และเป็นประสานพิธีกรให้พี่ ๆ เขา ตอนแรกก็กลัว ๆ งง ๆ แต่ได้ MC of chula มาสองคน เป็นพี่ดิว วิทยา 4 กับพี่ยุกยิก ครุ 4 วันซ้อมก็สรวน ๆ วันเตรียมงานเบลอและไม่มีแรงด้วย งอแงด้วยแหละที่จริง จะน็อค555555 แต่วันงาน พี่พิธีกรก็ทำออกมาอย่างดี ดีมาก ๆ และที่สำคัญ หลังจากนั้นเมื่อพบปะกับพี่ ๆ พิธีกร พี่ ๆ เค้าก็ยังทักทาย เหมือนเราเป็นน้องคนหนึ่ง อันนี้ดีมาก ๆ เลย ประสานพิครั้งหนึ่ง เป็นน้องพิตลอดไป ขอบคุณพี่สองคนมาก ๆ
               หลังจากหอประชุมก็ ถวายสัตย์ โห ก่อนหรือหลังนะ จำไม่ได้แล้ว55555 ติดกับรับน้อง ก่อนหอประชุมสิ นั่นแหละ มีถวายสัตย์ ทำพิธีการ ยืมฆ้อง ดูพิธีการ ตำแหน่งยืน ซ้อมนิสิตตัวอย่าง ต่าง ๆ สารพัด โอ่ย จำไม่ค่อยได้ แต่ทำเยอะตอนช่วงลีน่าไปค่าย พอน่ากลับมาก็รับคืนหมด แล้ววันจริงเดือดสุด ไม่คิดว่าจะเดือดเบอร์นั้น แต่ขอบคุณทุกคนบนโลกที่มาช่วย ปริม พี่นิล พี่หนม และอื่น ๆ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
               หลังจาก���วายสัตย์ ค่ายเอกไทย เหนื่อยเหมือนกันเนอะ เขียนโพสต์ไว้ ไปอ่านโพสต์เอา555555 แต่ก็คือรักมากเลยแหละ รักมากจนไม่มีอะไรจะพูด รักเพื่อน พี่ น้อง อาจารย์ รักทุกอย่าง รัก
               ลืมสิ่งนี้ไปได้ไง มาเขียนแทรกนะเนี่ย อ่านคิดเขียน!   อยู่กับสิ่งนี้เยอะมาก ทำพีอาร์ให้หนังสือรวมบทความวรรณกรรมเล่มนี้ ออกมาเป็นโปสเตอร์กาก ๆ กากมาก กากจนเกินเข้าใจ และเหนื่อยมาก ทำโปสเตอร์วันต่อวัน ลงพีอาร์ทุกวัน จนเหนื่อยไปเลย และเทไปเลย ขอโทษค่ะครู ขอโทษจริง ๆ แง
               แล้วก็เปิดเทอม เข้าปีสามอย่างจริงจัง ที่ผ่านมานั่นยังไม่ทันขึ้นปีสาม แต่ก็เหมือนขึ้นแล้วอะเนอะ555555 มีงานแรกหลังเปิดเทอมก็คือ วอลเลย์ประเพณี อักษรฯ – วิศวะ เป็นเลขาฯ น้องเยี่ยม ประธานจัดงาน สนุก ชอบ ชอบมากอะ จริง ๆ เยี่ยมเก่งนะ และทีมงานเป็นทีมที่แปลกใหม่ ก็เลยสนุก ประทับใจ
               งานเอกก็มีมาเรื่อย บวงสรวงต่าง ๆ แต่จำไรไม่ได้มาก เศร้า555555 งานเอกในปีสาม ที่เป็นปีชมรมก็ นั่นแหละเนอะ ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็มีไปรท์ที่ช่วยให้เราอยู่ได้
               งานนิสิตสัมพันธ์ก็ต่อเนื่องงง งานปิยมหาราชาภิสดุดี กับฝ่ายยานพาหนะ พีคอยู่ ติดต่อรถเมล์ รถบรรทุก ต่าง ๆ วิ่งเข้าออกกายภาพเป็นว่าเล่น วันนั้นเดือดจริง แต่ก็ผ่านมาแล้ว สิ่งที่ดีที่สุดที่ได้จากยานก็คือนิติ ทีมนิติที่น่ารักมากมากมาก แสตมป์ เฟม อินดี้ พั้นชี่ น้องมิ้น น้องแพม ภูริน นิติ!!!! และมีผู้คนกอศ.ที่รักเรามาช่วยในวันจริงเยอะมาก ๆ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ แง
               จบปิยะก็ต่อที่มหาธีรฯ แต่อันนี้ทำพิธีการ ชิวเว่อร์ น่าดูเยอะด้วยแหละ ฉันแค่ยืมฆ้อง น้อง ๆ ในฝ่ายก็เริ่มสนิทกันจริง ๆ แล้ว จอย ๆ
               อีกงานที่น่าสนใจ แง้มประตูดูอักษรฯ ของพี่ต้นกล้า อินเนอร์สวัสของคุณไป๊ อยู่กับทรายทั้งวันเลย สนุก ชอบ
               แล้วก็มีการได้ไปช่วยงานลอยกระทงของพันนิด เห็นพลังของน้อง ๆ ประทับใจน้อง ๆ นะ
               จะหมดปีแล้วรึเปล่า ไม่รู้ตกหล่นอะไรไปบ้างมั้ย แต่จะมาถึงงานสุดท้ายที่จะเขียนถึง
               งานวัดโพธิ์
               จับพลัดจับผลูเว่อร์มาก เรื่องก็คือยกมือว่าจะช่วยทำรายชื่อ โดยคนที่ยกมือมีฉัน ไอติม แพนด้า และการทำมันก็ต้องดำเนินไปในช่วงสอบ เพื่อน ๆ ก็ไม่ได้มาทุ่มทุนทำมาก แต่ฉันผู้เทเรียนหนักกว่าใครเขา ก็เลยพิมพ์ไปเยอะสุด แถมยังสอบเสร็จก่อนใครเขา เลยโผล่หน้าขึ้นมาที่ภาคในวันแรกที่พี่เชอร์รี่เรียก แล้วก็เลยกลายเป็นร่างแยกพี่เชอร์รี่ผู้เป็นเฮดไปโดยปริยาย เหนื่อยมาก ๆ เหนื่อยจนเรียกร้องหาพี่โบ๊ท คือมันเป็นการเหนื่อยที่ไม่มีใครด้วยอะ55555 แบบ เรื่องส่วนตัวก็ทำให้เหนื่อยใจด้วย เหมือนกับ เค้าก็ต้องมาช่วยงานเหมือนกัน เค้าก็อยู่ตรงนั้น แต่เราไม่มีเค้านะ สุดปะ แต่ก็รักงานวัดโพธิ์นี่อยู่ดี ก็คือ ยกให้เป็นตัวชี้วัดความเติบโตในมหาวิทยาลัยเลย คิดดูว่าถ้าเราปีหนึ่งจะมีโอกาสได้มานั่งทำอะไรขนาดนี้มั้ยอะ ต้องมาแปะซองโง่ ๆ แล้วก็จบ มันเติบโตมาก ๆ จริง ๆ
               บางทีฉันอาจจะมีปมอะไรบางอย่างอย่างที่แม่แก้มบอกจริง ๆ ก็ได้นะ ถึงได้พยายามทำกิจกรรม ทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อ ให้ได้เป็นที่ยอมรับ ให้รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า หรืออะไรแบบนั้น
                 การเรียน คงเส้นคงวา ไม่ดีขึ้น ไม่เลวลง ตั้งแต่ตอนปีสองเทอมปลายนั่น พอใจนะ เกรด 3.57  รู้สึกว่าโอเค เริ่มเรียนวิชาเอกเยอะขึ้น มีการวิเคราะห์ภาษาไทย พระราชนิพนธ์ร.๒ สนุกดี แต่พอขึ้นปีสามปุ๊บ ด้วยปัญหาชีวิตส่วนตัว เป็นข้ออ้างรึเปล่าไม่รู้ แต่เทเรียนมากเว่อร์ เรียนแค่หกตัว แต่เกรดกากกว่าที่ควรจะเป็น ร.๖ B+ บาลีสัมพันธ์ไทยก็ B+ บ้าบอน่ะ แต่เอาเถอะ ได้เท่านี้ก็ดีเท่าไหร่ละ
ปัญหาก็คือ หลับจนเหมือนเป็นโรค หลับในห้องเรียนทุกวัน แทบทุกคาบ และหลับในห้องสอบด้วย จะบ้าตาย เทอมหน้าไม่เอาแล้ว
 ความสัมพันธ์
ไม่อยากบันทึกเล้ย 555555555
เราเสียเพื่อนคนนึงที่สำคัญมาก ๆ ไป เพื่อนที่เป็นทุกอย่าง เพื่อนที่เราไม่เคยคิดว่าจะไป จริง ๆ ถึงไม่บันทึกก็ชัดพอ และเก่งมากที่ผ่านมาได้ เก่งมาก ๆ แม้จะเป็นบ้าเป็นบอไปเยอะ ร้องไห้ทุกวัน ทบทวนตัวเอง ผ่านมาทุกความรู้สึกเลย โทษตัวเอง โทษคนอื่น โกรธ เสียใจ ฟูมฟาย ทำตัวเป็นคนนิสัยไม่ดีสารพัด รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่แฟร์กับชีวิต รัก คิดถึง เฉย ๆ กลัวจะเลิกรัก กลัวจะกลายเป็นคนไร้ความรู้สึก ไร้หัวใจ อยากหาหมอ อยากเข้าวัด อยากลองหายไป(เพื่อความสะใจ) ทุกอย่าง ทุกอย่างแบบ ทุกอย่าง แต่ตอนนี้ก็ผ่านมาแล้ว ผ่านมาได้เยอะมาก ๆ และจะต้องทำได้ต่อไป เราเชื่อว่าจะทำได้
ถ้าอยากนึกความรู้สึกต่าง ๆ ออกก็ลองไปหาอ่านที่เขียนไว้ตามที่ต่าง ๆ เยอะมาก ๆ แล้วกันเนอะ พอแล้วแหละไม่ต้องไปทบทวนมาก
 ผู้คน
ผู้คนเข้ามามากมายจากกิจกรรมต่าง ๆ น้อง ๆ เพื่อน ๆ ก.อศ. ที่ดี ที่น่ารัก
และการสูญเสียเค้าไปทำให้รู้ว่ามีคนอื่นพร้อมจะอยู่ข้างเราอีกเยอะมาก ๆ ต่อไปนี้ได้แต่เตือนตัวเองว่าอย่าเป็นคนใจร้ายกับใคร
ผู้คนในปีนี้ที่ต้องบันทึกเลย
พันทะนิด ได้มาสนิทกันจริง ๆ จัง ๆ พูดคุยกันเยอะมาก ๆ พันนิดเป็นผู้ใหญ่ เข้าอกเข้าใจ แต่พันนิดก็เป็นเด็ก เป็นคนหลายบุคลิกในคนเดียว เราเปิดใจให้กันและกันร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่รู้ว่าพันนิดจะรู้มั้ย แต่ตอนที่พันนิดบอกว่าเราได้เข้าไปลึกสุดของพันนิดแล้ว เอิงก็เปิดให้พันนิดแบบเต็มร้อยแล้วเหมือนกัน พันนิดเป็นคนที่เราอยากไปไหนมาไหนด้วย เป็นคนที่เราอยู่ด้วย คุยด้วยแล้วสบายใจ แต่เวลาทำงานพันนิดเครียด น่าจะเป็นที่สไตล์ สารภาพว่ามีวิธีการทำงานบางอย่างของพันนิดที่ก็ไม่ค่อยถูกจริตกับเอิง แต่ในชีวิตจริง เมื่อไม่มีเรื่องงาน เอิงก็รักพันนิดมาก ๆ เหมือนเดิม แม้ช่วงหลัง ๆ มันจะดูเหมือนมีอะไรเปลี่ยนแปลงไป แต่เอิงก็ยังอยากกลับมาเป็นเหมือนเดิม อยากเป็นคนที่ไปอยู่ข้าง ๆ พันนิดได้ในเวลาที่พันนิดไม่โอเค อยากพาพันนิดไปหาของอร่อย ๆ กิน อยากไปวัดพระกับพันนิด อยากคอยเป็นห่วงเวลาพันนิดไม่สบาย เอิงรักคำว่า “เรารักเอิงมากกว่าที่เอิงคิด” ของพันนิดมาก ๆ และเอิงก็ยังยืนยันว่าเอิงรักพันนิดมาก ๆ เหมือนกัน
 ทราย ได้ใช้เวลากันจริงจังตั้งแต่รับน้องเป็นต้นมา และคอยดูแลใจกันเรื่อยมา ทรายดี ทรายน่ารัก และเรารักทรายมาก ๆ ไม่มีอะไรจะพูดเลย แต่การอยู่กับทราย คุยกับทราย มันดีแบบ ดี แบบดี ไม่รู้จะอธิบายยังไง ชอบไปหมด ทั้งหมดเลย ดีที่สุดในโลกเลย
 เบสท์ ถ้าไม่มีเบสท์เอิงก็ไม่รู้จะอยู่ยังไงจริง ๆ เบสท์เข้ามาอยู่ เข้ามาดูแล เข้ามา��่วยเอิงจากการจมอยู่คนเดียว เบสท์คอยรับฟัง เบสท์คอยเตือน ครั้งแรกที่เล่าให้เบสท์ฟัง เพราะรู้ว่าเบสท์คือคนที่รักเขา ในวันที่เอิงโกรธเขามาก ๆ เสียใจเพราะเขามาก ๆ เอิงอยากได้ยินอะไรที่ทำให้เอิงกลับไปรู้สึกดีกับเขาได้ และไม่คิดเลยว่าจากการไลน์ไปหาเบสวันนั้น จะทำให้เบสอยู่กับเอิงมาจนวันนี้ มันมากกว่าขอบคุณไปแล้��� เวลาเบสเรียกหนูนุ่ม ขนุน หรือต่าง ๆ มันน่ารักไปหมดเลย ขอบคุณที่ดูแลหัวใจ ขอบคุณที่อยู่ข้าง ๆ อยู่ตรงนี้ ขอบคุณ
 ไปรท์ มึง หนักหน่อยนะปีนี้ กูขอโทษ 555555 ไป๊เป็นตัวกลางระหว่างทุกอย่าง ระหว่างฉันกับเขา ไปรท์เป็นอะไรดี ๆ ในชีวิต อะไรดี ๆ ของทุกคน ได้ใช้เวลากับไปรท์เยอะขึ้นมาก คุยกับไปรท์เยอะขึ้นมาก ก็อะไรที่เคยเป็นเขามันก็ต้องแบ่ง ๆ ไปลงที่คนอื่น แล้วก็เป็นไป๊เยอะอยู่ ขอบคุณนะมึง อยากให้มึงอยู่ตรงนี้ไปอีกนาน ๆ อยู่ตลอดไปเลย
 ลีน่า ก็ทำงานกับน่าต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ได้ใช้เวลาด้วยกันเยอะ ขอบคุณและขอโทษทุกอย่างอย่างที่รู้ น่าเป็นคนเก่ง น่ารัก แต่ก็มีหลายมุม หลายมาก ๆ และเราก็ต้องพยายาม ต้องปรับตัวเข้าหากัน ต้องใช้ความเข้าใจเยอะ ๆ แต่น่าดีมาก และเก่งมาก และเป็นเพื่อนที่รักมาก ๆ และเป็นเพื่อนร่วมงานที่รักมาก ๆ อธิบายยากเนอะ แต่การทำงานกับลีน่าเป็นสิ่งที่ชอบมากที่สุดละ
 พี่โบ๊ท หลังนางเรียนจบ ได้คุยกับนางเยอะขึ้นกว่าตอนนางเรียนอยู่อีก เริ่มที่อะไรก็ไม่รู้ ตลกมาก แต่ได้เป็นคนถือของรับปริญญานะ ประทับใจปะ555555 มีโบ๊ทในชีวิตเยอะมาก ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลยพี่โบ๊ท รักนะ รักเหมือนพี่ชายแท้ ๆ เลย
 น้องออม เป็นคนแรกที่เราพูดเรื่องเขาด้วย และน้องออมช่างเข้าอกเข้าใจ สิ่งที่จะบันทึกคือรู้สึกว่าเป็นพี่ที่ไม่ดีเท่าที่ควร ไม่ได้พูดคุยถามไถ่น้อง และช่วยน้องไม่ได้ น้องเครียด น้องอะไรสารพัด แต่ก็ช่วยไม่ได้ แต่ว่ารักน้องมาก ๆ เป็นอะไรที่อยากพูดให้เยอะที่สุดเลยอะ งงเหมือนกัน แต่รักน้องออมเหมือนน้องสาวแท้ ๆ เลย รักมาก รักมากจนไม่รู้จะเอาอะไรมาจำกัดความดี เข้าใจความรู้สึกพี่เอ๋ยแล้ว
 สุรพันธ์ เปิดรับพันเยอะขึ้นมาก ๆ เพราะเขาอีกแหละ ขอโทษที่ก่อนหน้านี้เหมือนใจร้ายกับพัน แต่พันเป็นคนน่ารัก และมันรู้ตัวเสมอ เรื่องลำไย เหนื่อยเท หรืออะไรก็ตาม แต่ตอนนี้มีพันธ์ในชีวิตเยอะและ
 อีเจ้ ผู้รู้ทุกอย่าง ตลกมาก ไม่ค่อยได้คุยกันนะ แต่แม่ง รักมาก สนิทใจมาก สนิทมาก และทุกอย่าง รู้ว่าอีเจ้ก็มีเรื่องในใจ แต่เราก็ฮีลเจ้ไม่ได้ ขอโทษ แต่ว่า ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ถ้าไม่มีเจ้ก็ไม่รู้จะอยู่ยังไงเหมือนกัน รักนะ รักมาก ๆ
 คนอื่น ๆ ที่สำคัญในปีนี้ก็มีอีกเยอะ เฉลิมศิลป์ ปันบุญ พี่เอ๋ย นราวิชญ์ ปริม ปารเมศ น้อง ๆ นสสพ น้อง ๆ กอศ ณุ โซนี่ ตะวัน เยี่ยม ไนซ์ ปวีร์ พี่ ๆ กอศ พี่เบ้น พี่อุ้ย พี่แค้ม พี่ป๊อน พี่หนม พี่นิล พี่รัญชน์ เพื่อน ๆ กอศ ข้าวปุ้น พีพี พลอยพอส เจ้ฝน น้อง ๆ เอกไทย ฯลฯ
MCSCO ห่างหายมาก ๆ เลย คิดถึงตั๋ง น้ำฝน เพลิน พฤกษ์ ปณิธ แบบที่เป็นการอยู่รวมกัน
 หวังว่าปีนี้จะเป็นประสบการณ์ จริง ๆ มันก็แค่เรื่องนึงที่เธอต้องผ่านไปเนอะ
อย่าเสียดายเลย ไม่ต้องเสียดาย
               ย้อนกลับมาคิดถึงเขาอย่างเป็นความสุขในครั้งหนึ่ง ที่เราเคยมีกันเต็มไปหมด และมันก็ดีมาก ๆ แค่นั้นก็พอ
               อะไร ๆ ก็ต้องเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น :-)
 0.09
02/01/2561
นีนนิมมาน.
0 notes
sweetbynim · 15 years
Text
ส่งการบ้านพี่แจน "ชุดเอี๊ยมอย่างง่าย"
แหะแหะ การบ้านที่ดองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ไว้เนิ่นนาน
และยังมีการบ้านอีกหลายชุดที่ยังดองงงงงงงงงงงงงงง ไว้เช่นกันค่ะ
จริงๆ ถ่ายรูปไว้เป็นเกือบเดือนแล้ว แต่หลังยาว เลยไม่ได้ย่อรูปสักที
วันนี้เลยบังคับตัวเองว่าจะเอ้อระเหยต่อไปอีกไม่ได้
ประเดี๋ยวคุณครูจะ้น้อยใจ อุตสาห์ให้แพทเทิร์นมานานแล้ว
ตั้งแต่เรียนมาส่งการบ้านไปแค่ 1-2 ชุดเอง
ทำรอบแรกไม่ได้มีซับใน แต่กะว่าถ้าทำอีกรอบทำซับในด้วยจะสวยกว่า
คุณครูแจนมาตรวจการบ้านด้วยนะคะ
ปล.ชอบชุดนี้มากๆ เลยค่ะ ทำไ่ม่ยากเท่าไหร่ แต่แอบเครียดตอนเย็บโค้งๆ ตรงแขน
เนื่องจากจักรเราแสนธรรมดาสามัญ ไม่มีโหมดเต่า หรือโหมดช้าสุดๆ 
พอเวลาเหยียบแป้นคันเร่ง เลยวิ่งแหกโค้กอยู่เรื่อย ทำแล้วรื้อๆ อยู่หลายหน
นางแบบ : 
- ลัลลา (ลูกสาวนิ่ม) ใส่ชุดลายน้องแกะ 
- โวคาลิก้า (ลูกสาวคุณฟิล์ม filmangel) ใส่ชุดลายกวางน้อย 
(จริงๆ ชุดนี้ลัลลาใส่อยู่ แต่คุณฟิล์มตบแย่งไปซะงั้น)
ชุดนี้เป็นของลูกสาวคุณภัท Blossomblythe ลายนี้น่ารักชอบมาก 
เลยทำสีชมพูด้วย แต่ไม่ได้ถ่ายรูป (หลังยาวได้อีก)
รูปนี้ filmangel Junior และ Leah ขอมีส่วนร่วม อยากถ่ายรูปด้วย
เย้ๆ ขอบคุณพี่แจนมากๆ เลยค่ะ ส่วนการบ้านชุดอื่นๆ 
ขออนุญาตดองงงงงงงต่อไป แต่ยังไงก็จะมาส่งการบ้านอีกค่ะ
0 notes
sweetbynim · 15 years
Text
ส่งการบ้านพี่แจน "ชุดเอี๊ยมอย่างง่าย"
แหะแหะ การบ้านที่ดองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ไว้เนิ่นนาน
และยังมีการบ้านอีกหลายชุดที่ยังดองงงงงงงงงงงงงงง ไว้เช่นกันค่ะ
จริงๆ ถ่ายรูปไว้เป็นเกือบเดือนแล้ว แต่หลังยาว เลยไม่ได้ย่อรูปสักที
วันนี้เลยบังคับตัวเองว่าจะเอ้อระเหยต่อไปอีกไม่ได้
ประเดี๋ยวคุณครูจะ้น้อยใจ อุตสาห์ให้แพทเทิร์นมานานแล้ว
ตั้งแต่เรียนมาส่งการบ้านไปแค่ 1-2 ชุดเอง
ทำรอบแรกไม่ได้มีซับใน แต่กะว่าถ้าทำอีกรอบทำซับในด้วยจะสวยกว่า
คุณครูแจนมาตรวจการบ้านด้วยนะคะ
ปล.ชอบชุดนี้มากๆ เลยค่ะ ทำไ่ม่ยากเท่าไหร่ แต่แอบเครียดตอนเย็บโค้งๆ ตรงแขน
เนื่องจากจักรเราแสนธรรมดาสามัญ ไม่มีโหมดเต่า หรือโหมดช้าสุดๆ 
พอเวลาเหยียบแป้นคันเร่ง เลยวิ่งแหกโค้กอยู่เรื่อย ทำแล้วรื้อๆ อยู่หลายหน
นางแบบ : 
- ลัลลา (ลูกสาวนิ่ม) ใส่ชุดลายน้องแกะ 
- โวคาลิก้า (ลูกสาวคุณฟิล์ม filmangel) ใส่ชุดลายกวางน้อย 
(จริงๆ ชุดนี้ลัลลาใส่อยู่ แต่คุณฟิล์มตบแย่งไปซะงั้น)
ชุดนี้เป็นของลูกสาวคุณภัท Blossomblythe ลายนี้น่ารักชอบมาก 
เลยทำสีชมพูด้วย แต่ไม่ได้ถ่ายรูป (หลังยาวได้อีก)
รูปนี้ filmangel Junior และ Leah ขอมีส่วนร่วม อยากถ่ายรูปด้วย
เย้ๆ ขอบคุณพี่แจนมากๆ เลยค่ะ ส่วนการบ้านชุดอื่นๆ 
ขออนุญาตดองงงงงงงต่อไป แต่ยังไงก็จะมาส่งการบ้านอีกค่ะ
0 notes