flamingoflamin-blog

[flamingoflamin-blog]

10 คลินิกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาดีที่สุด บอกลาทุกปัญหา 2020

ปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหน เล่นโซเชียลช่องทางใด ก็จะพบแต่กับความสวยงามของผู้คน ยิ่งมองยิ่งเพลินตา หน้าเป๊ะผมปังทำให้เราเริ่มมองหาความสมบูรณ์แบบในความเป็นตัวเอง ���ี่คุณสามารถออกแบบเองได้ ไม่ว่าจะเป็น การศัลยกรร�� การฉีดฟิลเลอร์ หรือการทำเลเซอร์ รวมไปถึงหัตถการอื่น ๆ อีกมากมายที่พร้อมให้คุณเข้าเลือกสรร โดยเฉพาะในช่วงนี้ สิ่งที่เป็นที่นิยมมาก ก็คงหนีไม่พ้นการฉีดฟิลเลอร์นั่นเองค่ะ หลายท่านอาจจะประสบปัญหาหน้าตอบ เบ้าตาลึก หรือมีร่องแก้ม การฉีดฟิลเลอร์ก็กลายเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์มากที่สุดในตอนนี้ เพราะไม่ต้องศัลยกรรม ใช้เวลาน้อย แถมไม่ต้องพักฟื้น ทำให้ทุกคนเข้าถึงการทำฟิลเลอร์ได้ง่ายขึ้น แต่การฉีดฟิลเลอร์นั้น จะต้องทำความเข้าใจคร่าว ๆ ก่อนว่าฟิลเลอร์คืออะไร อยากรู้กันแล้วใช่ไหมคะ งั้นเราจะไปทำความเข้าใจพร้อม ๆ กันก่อน แล้วค่อยตัดสินใจเลือกกันดีกว่าค่ะ ว่าเราจะฉีดฟิลเลอร์แบบไหนที่เหมาะกับเรา แถมวันนี้เราก็นำ 10 คลินิกฉีดฟิลเลอร์มาให้เลือกด้วยนะคะถ้าพร้อมแล้วไปกันเลยค่ะ

ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร?

ฟิลเลอร์ (Filler) คือสารเติมเต็ม ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มสารไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ เรียกว่า “HA” (แต่ยังมีฟิลเลอร์อีกหลายชนิดให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม) โดยที่สารชนิดนี้มีสรรพคุณช่วยทำให้ใบหน้าเต่งตึง มีน้ำมีนวล ริ้วรอยร่องลึกที่เคยเป็น ก็จะดูตื้นขึ้น อีกทั้งในปัจจุบันฟิลเลอร์บางชนิดที่เราเลือกใช้ยังช่วยเติมสายใยของคอลลาเจนที่หายไปให้กลับมาดูอิ่มเอิบ แลดูอ่อนเยาว์กว่าวัยได้อย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย ทำให้ปัจจุบันนี้การฉีดฟิลเลอร์จึงเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากค่ะ

การฉีดฟิลเลอร์ คือการฉีดสารเติมเต็มโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อจะทำให้ริ้วรอย ร่องลึกตามจุดต่างๆ บนใบหน้า เช่น หน้าผาก รอบดวงตา ร่องลึกริมฝีปากนั้นตื้นขึ้น หรือใช้แก้ไขปรับแต่งรูปหน้า เช่น เติมริมฝีปาก หรือร่องแก้มให้ดูอวบอิ่ม ปรับแต่งจมูกให้โด่งขึ้น ตลอดจนใช้ฟื้นฟูผิวพรรณให้กลับมากระชับเปล่งปลั่งอีกครั้งนั่นเอง ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์แบ่งได้ 3 ชนิดตามความคงตัวหลังฉีด ดังนี้

การฉีดสารเติมเต็มแบบชั่วคราว (Temporary Filler) เช่น สารไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) สารคอลลาเจน (Collagen) โดยที่สาร��ั้ง 2 ชนิดนี้ คือสารที่สังเคราะห์ขึ้นมาให้ใกล้เคียงกับที่มีอยู่แล้วในผิวหนัง ทำให้ไม่เกิดการแพ้ หรือแพ้น้อยมาก เมื่อฉีดเข้าบริเวณที่ต้องการแก้ไขแล้วจะคงอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน จัดว่าการฉีดฟิลเลอร์แบบชั่วคราวจะมีความปลอดภัยสูงและสลายตัวได้เองตามธรรมชาติมากกว่าการฉีดแบบอื่น ๆ

การฉีดสารเติมเต็มแบบกึ่งถาวร (Semi-Permanent Filler) เช่น สาร PMMA (Polymethyl-methacrylate) สารโพลีอัลคิลลิไมด์ (Polyakylimide) โดยที่สารเหล่านี้ จะเป็นสารที่สังเคราะห์ขึ้น แต่มีความเข้ากันได้กับเนื้อเยื่อ ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และจะมีอายุยาวกว่าการฉีดฟิลเลอร์แบบชั่วคราว อาจอยู่ได้นานถึง 2 ปี ขึ้นกับชนิดของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ ส่วนมีความปลอดภัยก็อยู่ในระดับปานกลาง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ทำให้เกิดผลข้างเคียงมากกว่าแบบแรก

การฉีดสารเติมเต็มแบบถาวร (Permanent Filler) หลายคนอาจจะเคยได้ยิน หรือเห็นสิ่งเหล่านี้ผ่านตามาบ้างใช่ไหมคะ เช่น ซิลิโคนเหลว หรือน้ำมันพาราฟิน สิ่งเหล่านี้จะให้ผลลัพธ์แบบถาวรโดยไม่สามารถสลายออกเองได้ นั่นหมายความว่าเมื่อเราฉีดสารประเภทนี้เข้าไปแล้ว เราจะไม่สามารถระบุผลข้างเคียงในระยะยาวได้เลย ซึ่งอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรง มีการอักเสบ หรือถึงขั้นทำให้บริเวณที่ฉีดเปลี่ยนรูปไป ในปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์ด้วยวิธีนี้จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าใดนัก

เราสามารถฉีดฟิลเลอร์ตรงไหนได้บ้าง และใช้เวลาในการฉีดเท่าไหร่?

         ฟิลเลอร์เหมาะสำหรับผู้ที��มีปัญหาเรื่องริ้วรอย มีร่องลึกรอบดวงตา มุมปาก หรือบริเวณอื่นๆ และผู้ที่ต้องการปรับแต่งรูปหน้า รวมถึงช่วยผู้ที่มีปัญหาร่องแก้ม การฉีดฟิลเลอร์ก็เพื่อเข้าไปเติมเต็มแก้มที่ตอบให้เปล่งปลั่ง และเต่งตึง แลน่าดูมากขึ้นนั่นเอง

การฉีดฟิลเลอร์จะใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที โดยเมื่อฟิลเลอร์อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการแก้ไขแล้ว เราจะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ในตอนนั้นเลย หรือจะยิ่งเห็นผลชัดที่สุดเมื่อทำไปแล้ว 1 สัปดาห์  

คำแนะนำก่อนฉีดฟิลเลอร์

ในช่วงก่อนถึงเวลานัดฉีดฟิลเลอร์ ผู้ทำจะต้องแจ้งแพทย์เจ้าของไข้ก่อนเสมอ ถึงเรื่องประวัติการแพ้ยาใดๆ หรือหากกำลังรับประทานยาชนิดไหนอยู่ เพื่อทำการวิเคราะห์ และลดความผิดพลาดในการฉีดฟิลเลอร์ อีกทั้งช่วงก่อนทำ จะต้องงดการรับประทานยา หรืออาหารเสริมบางชนิดอย่างเช่น แอสไพริน (Aspirin), วิตามินอี, สารสกัดใบแปะก๊วย ที่ทำให้เลือดหยุดไหลช้า

ข้อปฏิบัติหลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้ว

หลังจากที่เราฉีดฟิลเลอร์มาในบางรายอาจจะเกิดอาการบวมแดงในช่วงที่ฉีด แต่ไม่ต้องตกใจนะคะ เพราะว่าอาการเหล่านี้จะบรรเทาไปเองใน 1-2 วัน

ควรงดใช้ยากลุ่มแอสไพริน หรือยาแก้ปวดข้อบางชนิดไปก่อน

ห้ามออกกำลังกายภายใน 48 ชั่วโมงแรก

ห้ามนอนราบหลังการฉีดฟิลเลอร์ 3-4 ชั่วโมง

ในช่วงเวลานี้ควรดื่มน้ำให้มากเข้าไว้ เพื่อที่น้ำจะได้เข้าไปโอบอุ้มน้ำใต้ผิว ทำให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากขึ้น

งดการแต่งหน้าออกไปก่อน ไม่ว่าจะเป็นการใช้สกินแคร์ ครีมบำรุงทุกชนิดควรงดหลังการฉีดฟิลเลอร์ 12 ชั่วโมงค่ะ

หลีกเลี่ยงให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์สัมผัสกับความร้อน เพราะส่งผลให้ฟิลเลอร์เสื่อมไวมากขึ้น

การฉีดฟิลเลอร์ใช่ว่ามีแต่ข้อดีนะ ผลข้างเคียงก็มีเหมือนกัน

        การดูแลปัญหาผิวด้วยการฉีดฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน และรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นาน และไม่ต้องพักฟื้น และเสริมสร้างความมั่นใจได้มากยิ่งขึ้น แต่ว่าการฉีดฟิลเลอร์จะต้องเป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อ.ย.) ซึ่งต้องมีความปลอดภัยสูงพอสมควร เพราะเป็นสิ่งที่ต้องฉีดเข้าร่างกาย และใบหน้า หากเลือกไม่ดี อาจจะส่งผลข้างเคียงที่ทำให้อันตรายถึงแก่ชีวิตได้เลยทีเดียวค่ะ

        อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าการฉีดฟิลเลอร์มีหลายชนิดให้เลือกทำ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแพทย์ด้วย แต่หากคุณเลือกการฉีดฟิลเลอร์ด้วยชนิดถาวร ก็ให้เมื่อระยะเวลาผ่านไปนานเข้า อาจทำให้เกิดพังผืด และต้องทำการแก้ไขอีกหลายขั้นตอน เสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

ฉีดฟิลเลอร์แล้ว ระยะเวลาของตัวยาอยู่ได้นานแค่ไหน ?

โดยปกติแล้ว ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานถึง 6 เดือน ถึง 2 ปี หรือนานกว่านั้น ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับสารฟิลเลอร์ที่ฉีด ความเหมาะสมของชนิดฟิลเลอร์ หรือปัญหาผิว และการดูแลหลังการฉีด ซึ่งผลลัพธ์ก็อาจจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคลนั่นเองค่ะ

เลือกอีกสักนิด ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ต้องดูอะไรประกอบอีกบ้าง?

         อย่างที่ได้กล่าวไป ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น และควรเลือกสถานที่ที่น่าไว้วางใจ อาจจะดูได้จากประวัติของสถานที่ ประวัติของแพทย์ พร้อมทั้งโปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ ควรเข้ารับคำปรึกษาก่อนนัดหมายจริง หรือว่าชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีด เพราะโดยปกติแล้วแพทย์จะแกะกล่องฟิลเลอร์ต่อหน้าคนไข้ เพื่อให้คนไข้สามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง เพื่อป้องกันการสวมรอย เพราะในปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์มีหลายราคามา��ตามท้องตลาด ฉะนั้น อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินใจด้วยราคาที่เป็นมิตร แต่ผลข้างเคียงอีกเป็นขบวนที่จะตามมา ทำให้คุณแก้ไม่ไหวก็เป็นได้นะคะ

[flamingoflamin-blog]

10 แบรนด์วิตามินซีที่ดีที่สุดในปี 2020

วิตามินซีถือเป็นอีกสารอาหารหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและร่างกายก็ต้องการในปริมาณที่เพียงพอในแต่ละวัน เราจึงอยาก แนะนำวิตามินซี ที่มีประโยชน์ วิตามินซียี่ห้อไหนดี วิตามินซีที่ดี และวิตามินซีราคาไม่แพง หรือไม่ตามินซีราคาถูก มีอยู่มากมายให้ลูกค้าเลือกสรรในท้องตลาด อีกทั้งยังมีหลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้รับประทานได้เป็นอย่างดี

สำหรับการดำรงชีวิตหรือไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน อาจจะทำให้ได้รับวิตามินซีที่มีประโยชน์ต่อร่างกายไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดอาการเจ็บป่วยขึ้นมาได้ ตรงนี้แหละที่การทานวิตามินซีแบบต่างๆ จะเข้ามามีบทบาทในการเสริมสร้างและเติมเต็มวิตามินซีในส่วนที่ขาดหายไป อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนที่มีความจำเป็นในการสร้างผิวสวยและเต่งตึงได้อีกด้วย วิตามินซียี่ห้อไหนดี

รูปแบบของการทานที่เหมาะกับผู้รับประทาน

ปัจจุบันมีวิตามินในรูปแบบต่��งๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นแบบเม็ดอม แบบเคี้ยวและแบบเม็ดฟู่ ที่จะตอบโจทย์ไลฟสไตล์และช่วงอายุของผู้ทานที่แตกต่างกัน เช่นแบบเม็ดอมที่เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบกลืนยา แบบเม็ดฟู่ที่เหมาะกับผู้สูงอายุที่มีระบบย่อย และแบบเคี้ยวที่เหมาะกับเด็ก

ความต้องการวิตามินในแต่ละวัน

ในแต่ละวันร่างกายของคนเราจะต้องการวิตามินซีเพื่อร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายประมาณ 1000 มิลลิกรัมต่อวัน ดังนั้นเราอาจจะต้องลองคำนวนดูว่าในแต่ละวันเราได้รับวิตามินซีมากพอต่อความต้องการของร่างกายหรือเปล่า แล้วค่อยตัดสินใจว่าควรจะต้องทานวิตามินซีเสริมเข้าไปหรือไม่

สังเกตุร่างกายตัวเอง

บางท่านเมื่อคำนวนแล้วพบว่าร่างกายได้รับวิตามินซีต่อวันที่ค่อนข้างจะเพียงพอ แต่กลับมีอาการเป็นหวัดและผิวพรรณไม่สดใสอยู่ บางทีอาจจะขึ้นอยู่กับระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของแต่ละคน หรือหากอยู่ในช่วงที่พักผ่อนน้อย อาจจะทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่ลดลงได้ อาจจะลองเลือกทานวิตามินซีเป็นเฉพาะช่วงที่พักผ่อนน้อยก็ได้

ปรึกษาแพทย์ก่อน

หรือหากไม่มั่นใจจริงๆ ว่าจะทานวิตามินซีดีไหม อาจจะลองปรึกษาแพทย์ดูก่อนเพื่อดูว่าควรจะเลือกทานเป็นยาหรือแค่วิตามินซีเสริมดี แพทย์จะให้คำแนะนำที่ถูกต้องและแม่นยำ สามารถแก้ไขปัญหาสุขภาพได้ตรงจุดยิ่งกว่า

อ่านส่วนประกอบของวิตามินซีก่อนเสมอ

บางครั้งผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินซีจะประกอบด้วยน้ำตาลเป็นจำนวนมากเพื่อทำให้ผู้รับประทานสามารถรัปประทานได้อย่างสะดวกและมีรสชาติอร่อย ซึ่งอาจจะทำให้เกิดโรคที่เกิดจากการทานน้ำตาลมากเกินไปตามมาหรือทำให้น้ำหนักขึ้นได้

ระวังไม่ให้เด็กทานเยอะเกินไป

บางครั้งผู้ใหญ่ชอบให้วิตามินซีกับเด็กเป็นเหมือนขนม เพราะนอกจากเด็กจะชอบเพราะมีรสชาติหวานแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในเด็กได้ดีอีกด้วย ทำให้ไม่ป่วยบ่อยนั้นเอง แต่หากให้มากเกินไปจะทำให้เด็กเกิดอาการติดหวานได้

ไม่ควรทานบ่อยเกินไป

หรือกระทั่งผู้ใหญ่เองบางท่านก็โปรดปรานรสเปรี้ยวๆ หวานๆ ของวิตามินซีเหมือนกัน จนเผลอทานเยอะเกินไปจนอ้วนได้ ดังนั่นจึงควรจะจำกัดการทานวิตามินของท่านให้ดีๆ ให้ไม่มากและไม่น้อยเกินไปและเพียงพอต่อความต้องการ

ควรเลือกทานวิตามินแบบ Buffered, Sustained release หรือ Slow release

ควรเลือกทานวิตามินแบบเม็ดในรูปแบบของ Buffered, Sustained release หรือ Slow release  ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษในการค่อยๆ ปล่อยตัววิตามินซีออกมาช้าๆ และไม่ทำให้กระเพาะระคายเคือง อีกทั้งยังทำให้ตัววิตามินออกฤทธิ์ได้นานขึ้นอีกด้วย

ควรทานวิตามินซีพร้อมอาหารมื้อเช้าและมื้อเย็น

เพื่อช่วยให้วิตามินซีสามารถดูดซึมเข้าไปในร่างกายได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยรักษาปริมาณวิตามินซีที่อยู่ในร่างกายให้คงที่ก่อนจะถูกขับอ��กมาในอีก 2-3 ชั่วโมงอีกด้วย

ระวังอาการท้องเสีย

หากกินวิตามินซีมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการมากๆ อาจจะทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ ดังนั่นต้องคอยคำนวนจำนวนวิตามินซีที่ทานเข้าไปในแต่ละวันให้ดี

เม็ดฟู่แอล-คาร์นิทีน Swiss Energy ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและวิตามินซึ่งพัฒนาโดยบริษัท Swiss Energy Pharma GmbH เครื่องหมายการค้าของ Dr.Frei โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเซนต์ กาลเลิน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์โรงงานผลิตที่เป็นสากลจากยุโรปได้รับการรับรองจากสถาบันคุณภาพได้แก่ GMP, HACCP, ISO22000 และมีจำหน่ายมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แอล-คาร์นิทีน ชนิดเม็ดฟู่ละลายน้ำ ปลอดภัยและมีผลข้างเคียงน้อยเนื่องจากเป็นสารอาหารที่มีอยู่แล้วและผลิตได้ในร่างกายมนุษย์ ให้ประสิทธิภาพสูงในการลดน้ำหนัก หากใช้ควบคู่กับการออกกำลังกาย ช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงานส่วนเกินในร่างกายเพื่อเปลี่ยนเป็นมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งช่วยลดการสะสมของไขมันใหม่และดึงไขมันเก่ามาใช้ ซ่อมแซมเซลล์กล้ามเนื้อที่บาดเจ็บหลังการออกกำลังกาย ช่วยลดอาการอ่อนล้าที่เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อขณะออกกำลังกาย

ประโยชน์ที่ได้รับ

* ช่วยให้น้ำหนักลดลง ลดการสะสมของไขมันส่วนเกิน ตามส่วนต่างๆ เช่น หน้าท้อง แขน ขา * ช่วยกระชับกล้ามเนื้อ * เพิ่มความทนทานในการออกกำลังกายมากขึ้น * ให้พลังงานแก่กล้ามเนื้อ ลดอาการล้าในระหว่างออกกำลังกาย และกล้ามเนื้ออ่อนแรง * ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ * ลดอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด

ทำไมต้องเป็นเม็ดฟู่ แอล-คาร์นิทีน Swiss energy? * ชนิดเม็ดฟู่ดูดซึมได้ง่ายกว่าชนิดอื่น * ไม่มีแป้ง ไม่มีน้ำตาล * รสชาติอร่อย ทานง่าย