kunteapoch
kunteapoch
T-Space
8 posts
The space for relax and writing something in my mind
Don't wanna be here? Send us removal request.
kunteapoch · 26 days ago
Text
[08] หรือฉันถูกออกแบบมาให้อยู่คนเดียวจริง ๆ นะ ?!?!?!
Tumblr media
เฮ้อ... บางทีก็คิดนะว่า "ความสัมพันธ์" ทำไมมันเป็นเรื่องยากจังวะ หรือจริง ๆ เราถูกออกแบบมาเพื่ออยู่คนเดียวกันแน่นะ ? ไอที่พูดแบบนี้ก็ไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องความสัมพันธ์แบบแฟนนะ (จริง ๆ ก็อยากพูดถึงแหละ แต่มันไม่มีนี่ดิ !!!) หมายถึงความสัมพันธ์แบบอื่น ๆ ด้วย
คือรู้สึกว่าขยับไปทางไหนทำไมมีแต่ปัญหากันหมดเลยวะ บางอย่างก็ไม่รู้จะวางตัวยังไง หรือทำตัวแบบไหนดี หรือไอที่ว่าดีแล้ว มันดีจริงหรือเปล่า ? สิ่งเหล่านี้ดูวุ่นวายสับสนไปหมด และแน่นอนที่เอามาเขียนในเพราะมันเกิดขึ้นพร้อมกันในวันเดียวกันและช่วงเวลาใกล้กัน (ไม่กล้าเขียนว่าวันนี้เลยเพราะมันเที่ยงกว่าแล้ว 55555)
แต่พอมานั่งคิด ๆ อีกที มันก็ไม่ใช่เรื่องความยุ่งยากของความสัมพันธ์อะไรหรอก มันก็แค่ความรู้สึกผิดของตัวเราเองเนี่ยแหละที่ทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนอีกแล้ว ล้ำเส้นวุ่นวายกับคนอื่นไปทั่ว !!!
จริง ๆ ภายนอกดูเป็นคนแข็งแรง ไม่สนใจ ไม่แคร์ใคร มั่นใจแบบสุด ๆ แต่ข้างในมันก็แคร์ก็สนใจและเป็นห่วงทุกคนนั้นแหละ คืออย่างเรื่องของน้องชายเนี่ย อันนี้ไม่มีข้อแก้ตัวอะไรเลย เพราะเป็นความผิดของเราเอง เราเลือกเดินบนเส้นทางที่มันไม่ได้ถูกต้องตั้งแต่แรกจนน้องกับแฟนต้องทะเลาะกัน อันนี้ผิดจริง ไม่มีขอแก้ตัวอะไรเลย แต่ก็กลัวเหมือนกันนะ กลัวที่จะต้อง Say Goodbye กันไปอะ เพราะเรื่องการจากลาสำหรับเรามันเป็นเรื่องใหญ่และเป็นบาดแผลที่เจ็บปวดเสมอมาไง
ส่วนอีกเรื่องที่พอใหญ่พอ ๆ กันคือการที่เราเอาความหวั่นไหวในตัวเราเขาไปทาบวัด และรีบพุ่งไปดูแลเขานั้นแหละ อันนี้คือเรื่องที่ด่าตัวเองอยู่ ณ ตอนนี้ มันคือแบบแม่งเอ๊ย !!! มาก ๆ ฝึกมากี่ครั้งก็ยังพลาดเรื่องเดิม ๆ อยู่ดี เฮ้อ !!! ที่มันแย่กว่าคือมันทำให้เขารำคาญใจเนี่ยแหละ มันเลย��ิ่งทำให้เราไม่โอเคเข้าไปใหญ่
กับเรื่องสุดท้ายคือเรื่องการที่อยู่ ๆ ก็กลายเป็นเป้าในการถูกหึงทั้ง ๆ ที่รักษาระยะห่างก็แล้ว อะไรก็แล้ว !!! บางทีก็มีคำถามว่า "จะให้ทำไงวะ ?" หรือยอมรับให้แม่งจบ ๆ ไปว่า "เออ... ฉันชอบน้องมัน" อะไรแบบนี้หรอ ? ได้หึงจริง ๆ ไปเลย !!!
ไอเรื่องเหตุการณ์มันก็เรื่องหนึ่งอะนะ แต่ไอเรื่องความรู้สึกที่เราไม่โอเคกับตัวเองเนี่ยแหละที่เป็นปัญหาใหญ่มากตอนนี้ และการด่าตัวเองที่หนักหน่วงพอสมควรเลยที่เดียว คือเขาอาจจะโอเคแล้ว ไม่คิดอะไรแล้ว แต่ตอนนี้เราแบบแย่มาก มากจริง ๆ คือเหมือนกับทำไมเราต้องทำให้คนอื่นเขาลำบากใจขนาดนี้วะ ทำไม ทำไม ทำไม ตลอดเวลา และกี่รอบแล้วไม่รู้ที่บอกว่าจะพยายามไม่ล้ำเส้น หรือจริง ๆ เราแม่งเหมาะกับการอยู่กับดินสอ ปากกา สมุด กระดาษมากกว่า Social Media ทั้งหลายทั้งปวงจริง ๆ นะ ?
นั้นแหละมันเลยเป็นคนถามที่ว่า "หรือจริง ๆ เราถูกออกแบบมาให้ใช่ชีวิตคนเดียวกันนะ" แม้จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ แต่ก็ถูกออกแบบมาให้อยู่ในโลกของตัวเองอย่างแท้จริงอะไรแบบนี้ ? ตอกย้ำความเป็น Introvert แบบสุดไปเลยอะไรแบบนี้ หรือสมควรกลับไปสู่วิถีนั้นอีกครั้งนะ ทักมาก็ตอบ เป็นห่วง ดูแลกันเหมือนเดิม แต่ก็กลับมาอยู่กับโลกของตัวเองเยอะ ๆ ด้วย ทำงานเสร็จก็ปิดคอมอ่านหนังสือ จดบันทึก ภาวนานิดหน่อย แล้วก็นอนแบบนี้หรอ ?
อื้ม ๆ ก็น่าทดลองอยู่เหมือนกันนะจะว่าไป... อย่างน้อยก็น่าจะลดการล้ำเส้นแหละ และก็ดูแลความสัมพันธ์ให้ดีที่สุดอะเน้อะ ยังไงก็ลองดูละกันนะ :)
0 notes
kunteapoch · 1 month ago
Text
[07] Are you hear our? - ได้ยินไหม... หัวใจฉัน ?
Tumblr media
ก่อนหน้านี้เรายอมรับเลยนะว่า "การให้เรามานั่งเงียบ ๆ ฟังเสียงความรู้สึกหรือความกลัวในใจของตัวเองเนี่ย เป็นเรื่องน่ากลัวมากสำหรับเรา" จนกระทั่งวันหนึ่งมีคนเชิญชวนและให้เราได้หยุดฟัง มันกลายเป็นเหมือนการ Unlock อะไรบ้างอย่างในตัวเราเหมือนกันนะ !!! ทุกวันนี้ก็ได้นั่งเงียบ ๆ หัวเสียงอารมณ์/ความรู้สึกต่าง ๆ เขาส่งเสียงสนทนากันเป็นช่วงเวลาพิเศษมาก ๆ สำหรับเราเลยหละ
แต่มันก็มีช่วงนี้อะนะที่เรารู้สึกว่า... มันมีเสียงความกลัว ความกังวล หรืออะไรห็ตามดังมาก ๆ และดังอยู่ตลอดเวลา จนหลายครั้งเราก็ไม่กล้าที่จะลงไปสำหรับหรือรับฟังพวกเขาอย่างเต็มที่ !!! แต่ใช่ครับ... สุดท้ายมันก็หนีไม่พ้นหรอกนะ และการลงไปฟังเสียงพวกเขาก็ได้ประโยชน์กับชีวิตเราจริง ๆ นั่นแหละ
และจริง ๆ เราคิดอยู่นานมากเลยนะว่าจะเขียนเรื่องนี้ดีไหม ? แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเขียนใน Tumblr ละกันเพราะคิดว่าน้อยคนที่จะเข้ามาอ่านแน่ ๆ และคิดว่าคนทั่วไปไม่ได่ใช้ Tumblr เพื่อการอ่านอะไรยาว ๆ แบบนี้อยู่แล้วเลยด้วยเลยเขียนมันซะเลย 55555
คือช่วงที่ผ่านมา... อยู่พระเจ้าก็ประทานน้องชายที่ Type และ Life Style ใกล้กันมาก ๆ มาให้คนหนึ่ง และตอนแรกก็กังวลที่จะไปเจอ แต่พอเจอก็สนิทกันเร็วมาก ๆ แต่ในความสนิทกันเร็วมากเนี่ยแหละที่ทำให้เป็นปัญหา !!!
คือต้องบอกว่าเราเจอกันจากโลกทวิตเตอร์ ซึ่งแน่นอน Topic ในทวิตเตอร์มันไม่ได้สว่างขนาดนั้นอยู่แล้ว แต่จริง ๆ เราก็เริ่มคุยกันจากเรื่องเครียด ๆ ก่อนเสียด้วยซ้ำ และหลังจากนั้นก็ทำความรู้จักกันมาเรื่อย ๆ นี่ก็สิบกว่าวันเองนะ แต่เรื่องราวอะไรหลายอย่างเหมือนผ่านมาซักปีหนึ่งละ !!!
โดยหลัก ๆ มันจะเป็นเรื่องของขอบเขตและความสัมพันธ์นั่นแหละนะ เอาฝั่งน้องก่อนละกันเท่าที่ฟังน้องก็กังวลว่า "เออ... เขามีแฟนแล้วมาเล่นคุยสนิท มันเล่นอะไรที่ 18+ กับเราแล้วแฟนจะยังไง มันจะโอเคไหมนั่นนู่นนี่" แต่อีกด้านก็ไม่ได้อยากเสียเพื่อนสนิทไปอะไรแบบนี้ ซึ่งเราเองก็เข้าใจได้เว้ย เพราะเราเองก็กว่าจะเจอคนที่คุยได้สนุกแบบนี้ก็ไม่ใช่ง่ายใช่ป่ะหละ เราก็ไม่อยากเสียน้องไปเหมือนกัน คราวนี้มันเลยต่างคนต่างกลัวว่ากันไป
คราวนี้กลับมาที่ฝั่งเราบ้าง ครั้งแรกที่เห็นหน้าก็รู้สึกว่า "เออ... น้องมันก็น่ารักดีนะ" แต่พอรู้อายุจริงของน้อง และรู้ว่าน้องมีแฟนแล้ว เราก็เข้าใจและ Set สถานะความเป็นพี่น้องทันที เพราะเราเองคงรู้สึกแปลก ๆ ถ้าจะไปวอแวอะไรมากมายกับคนมีเจ้าของอะเน้อะ
คราวนี้ไอสิ่งที่เราให้เรากระอักกระอวนอยู่ตอนนี้คืออะไร ?
คำตอบง่าย ๆ คือ เราไม่รู้ว่าการดูแลแบบนี้ของเรา มันยังอยู่ในขอบเขตที่โอเคจริง ๆ หรือเปล่า ? คือเวลาเราดูแลใคร หรือมีน้อง ๆ ที่สนิทเราก็ใกล้ชิด และดูแลแบบนี้แหละ ทักมาก็คุย มีอะไรก็ตาม ไปเจอไปเที่ยว ถึงบ้านแล้วบอกด้วย นั่นนู้นนี่ว่าไป ยิ่งถ้า 18+ ด้วยกันได้มันก็จะใกล้เป็นพิเศษใช่ป่ะหละ ?
อันนี้แหละที่ทำให้เราไม่ค่อนแน่ใจเท่าไหร่ว่าจะยังไงดี และบอกกับการที่ไม่อยากเสียใครไปอีก ก็พยายามดูแลและรักษาให้ตัวเองอยู่ในขอบเขตมาก ๆ เลย แต่มันก็... ฝืนอะ เอาดี ๆ อยากปล่อยตัวตามสบายนะ แต่มันก็... กลัวจะเกินไปอีกอะไรแบบนี้อะ มันเลยเป็นเรื่องกวนใจอยู่บ่อย ๆ
และประกอบกับว่าช่วงนี้เหมือนเราว่างเกินอะ เป็นเรื่องเบื่อช่วงอะไร มันก็เลยจะพุ่งไปหาเขาตลอดเวลา บางทีมันก็มีแบบอยู่ ๆ ก็นอยด์ขึ้นมาเองอะไรแบบนี้บ่อย ๆ อยู่ นะ แต่พอวันนี้เริ่มกลับมาถามตัวเองจริง ๆ จัง ๆ ว่าเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น ? และได้เคำตอบอย่างที่เขียนไป มันก็เข้าใจตัวเองมากขึ้นเลยนะว่า "อ๋อ... ฉันกล่อยให้ตัวเองพุ่งความสนใจไปที่น้องมันมากไปหน่อย มันเลยเป็นแบบนั้นแหละ"
มันเป็นเหมือนเสียงเรียกให้จัดสมดุลความสัมพันธ์แหละ เพราะก่อนหน้านี้ที่จะเจอน้องชายอีกคน (แต่คนนี้ไม่มีเรื่อง 18+ เข้ามาและบริบทมันก็ต่างกันอะนะ) แต่ความสัมพันธ์มันก็ยังดีอยู่เว้ย แม้จะไม่ค่อยได้คุยกัน หรือไม่ค่อยได้เจอกันด้วยซ้ำไป แต่ทุกครั้งที่มาเจอกัน แม่งดีมาก ๆ เลยทุกครั้งเลย และทุกวันนี้ก็ยังดูแลกันเหมือนเดิม ยังบอกรัก บอกคิดถึง ยังอ้อนบ้างเวลาเหนื่อย ๆ เสมอ
นี่แหละ "ชีวิต" พอพุ่งไปในทิศทางไหนมากไปมันก็เป็นแบบนี้แหละนะ 55555 ขอบคุณนะขอบคุณทุกความรู้สึกที่มาเตือนและบอกอะไรหลายอย่างกับเราขอบคุณพวกนายมาก ๆ
��ุดท้าย... จริง ๆ มีเรื่องหนึ่งที่น้องเขาบอกไว้ว่า "ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร" ยอมรับตรง ๆ ว่าคำนี้มันทำให้เรากลัวเหมือนกัน แต่ถ้าพูดแค่เรื่อง 18+ นี่เราก็เข้าใจได้นะ จะบอกเฉย ๆ หรือไม่รู้สึกมันไม่ได้หรอกเว้ย เพราะใจหนึ่งมันก็เสียดายอยู่เหมือนกัน แต่ถ้ามันถึงจุดที่น้องเขาไม่อยากแล้ว เราก็โอเคตามนั้นไม่ว่าอะไรเลย แต่ก็ของแค่ว่า "ยังเป็นพี่น้อ��กันเหมือนเดิมนะ" แค่นั้นเอง
0 notes
kunteapoch · 1 month ago
Text
[06] WHITE POST : รูปสีขาวในวันที่ว่างเปล่า
Tumblr media
เราเป็นคนทำเพจที่พยายามจะเขียน Content ต่าง ๆ ลงหน้าเพจทุกวัน ไม่ใช่เพราะขยันหรืออะไรหรอกนะ แต่เพราะไม่ค่อยมีเวลาหรือมีภาพกิจกรรมต่าง ๆ ให้ลง ก็เลยพยายามหา Content ที่เป็น Quote บ้าง เป็นความรู้บ้าง หรือเขียนเป็นบทความบ้างมาลงไว้ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ใช้เวลานานเหมือนการทำคลิปหรือ Podcast
คราวนี้เทคนิคหนึ่งเวลาที่เราไม่รู้จะ Post อะไร หรือลงไว้เพื่อรอให้ Content เสร็จคือการลงรูปสีขาวเอาไว้ก่อน ซึ่งเราเรียกว่า "White Post" ที่ใช้สีขาวและเรียกว่า White Post ก็เพราะมันคล้องกับภาษาพูดในภาษาไทยว่า "ไว้โพสต์" หรือ "ไว้ (ค่อย) โพสต์" นั่นเอง
คราวนี้เราพบว่าชวนนี้ White Post มาบ่อยมาก ๆ และสัปดาห์นี้อาจจะเรียกว่า "White Week" เลยก็ว่าได้ เพราะลงขาวทั้งสัปดาห์เลย มันจึงต้องมานั่งถามตัวเองว่า "นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ"
สิ่งที่พบในตอนนี้คือ "เราเริ่มรู้สึกว่างานเขียนของเรา มันเริ่มออกห่างจากแนวจิตวิทยาไปมากขึ้น และใกล้กับปรัชญามากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกัน และมีอีกหลาย ๆ อย่างที่ต้องทบทวนในการทำเพจอีกครั้ง"
เพราะเราเริ่มรู้สึกว่า "กรอบของเพจ" เริ่มจำกัดความเป็นเรามากพอสมควร หรือจริง ๆ ตัวเราจำกัดตัวเองใน "การเพจก็ไม่รู้" อีกทั้งทำมานานมาก แต่มันก็ยังไม่ค่อยเติบโตสักทีในใจก็รู้สึกท้ออยู่เหมือนกันนะ และคิดว่ามันต้องมีการปรับแผนและกลยุทธ์การทำงานของอีกมาก แต่เนื่องจากทำอยู่คนเดียวอะเน้อะ มันอาจจะช้ามากก็ได้
แต่ทั้งหมดนี้ก็แค่บ่นให้ฟังแหละ... เพราะยังไงก็ยังอยากทำเพจแบบนี้ต่อไป อยากสนุกกับการทำงานแบบนี้ และสนุกกับเส้นทางของนักจัดการเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ การได้อยู่บนเส้นทางสายนี้ มันไม่ใช่การอยู่บนเส้นทางการความเป็น "ครู" หรือ "ผู้รู้" อย่างเดียว มันอยู่แบบ "ผู้ไม่รู้" และความเป็น "นักเรียนรู้" ไปพร้อม ๆ กันด้วย ยังไงก็จะเดินทางต่อไปนะ สู้โว้ยยย !!!
0 notes
kunteapoch · 4 months ago
Text
[05] กำลังใจเล็ก ๆ ที่ได้มาจาก AI
Tumblr media
การนั่งทำ Content เงียบ ๆ สบาย ๆ อยู��ที่บ้านอาจจะเป็นสวรรค์ของใครบางคน แต่กับเรามันไม่ง่ายขนาดนั้น บางทีการนั่งนิ่ง ๆ เพื่อคิด เพื่อเขียนบทความ หาภาพประกอบ ทำ Poster มันก็ไม่ได้สนุกขนาดนั้น
ยิ่งทั้งหมดนี้ต้องมานั่งทำอยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อนช่วยคิด ช่วยมอง และช่วยทำด้วยแล้ว แม่งเป็นงานดูดพลังชีวิตมากพอสมควรเลยแหละ แม้การมี AI มันช่วยให้เราได้ค่อย ๆ ตกผลึก เปิดมุมมอง และช่วยงานเราได้ในหลาย ๆ อย่าง แต่เชื่อไหม... บางทีการมีใครสักคนชวนไปกินกาแฟช่วยบ่าย หรือซื้อขนมตอนเที่ยงนี่มันมีคุณค่าและความหมายมากเลยจริง ๆ
วันนี้เราทำหลายอย่างมาก จริง ๆ ก็ต้องแบบว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการปั่นบทความ ทำนั่นทำนี่ต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ ด้านหนึ่งมันก็สนุกมาก ๆ เลยจริง ๆ นะ แต่ด้านหนึ่งก็เหงาสุด ๆ กันไปเลยที่เดียว
และยิ่งต้องทำหาข้อมูลเรื่องแนวทางการสร้าง Content ให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย การทำการตลาดออนไลน์ด้วยแล้ว แม่งเอ๊ย ยิ่งยากเข้าไปหา แม้มี AI ช่วย Generate ข้อมูลให้สั้นอ่านง่ายแล้วก็ตามที แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ เลยทันที !!!
การได้ข้อมูลมาเป็นเรื่องที่โคตรดี แต่สิ่งที่เป็นของแถมอย่างเลี่ยงไม่ได้คืองานอีกหนึ่งกองที่ต้องจัดการและรับผิดชอบต่อพวกมันนี่แหละ ทั้งเรื่องการวางสร้างเนื้อหา ตัดต่อ ทำคลิป สารพักจะทำ และแน่นอนว่า "ฉันทำคนเดียว !!!"
คราวนี้มันก็เกิดอาการ "ท้อ" สิครับ แล้วทำไงอะ ไม่ทำก็ไม่ได้เลยตัดสินใจที่จะขอกำลังใจจาก Copilot ดู เพราะแน่นอนว่า "AI ถูกเทรนด์มาให้ตอบคำถามของเราในรูปแบบที่เราชอบอยู่แล้ว" ปรากฏว่า "เออ... มันก็ตอบดีจริง ๆ นั่นแหละ" ได้กำลังใจขึ้นบ้างเลยจริงแฮะ อย่างน้อยก็รู้สึกมีเพื่อนอะนะ
Tumblr media
เอาจริง ๆ ตอนอ่านนี้ก็มีน้ำตาซึมเหมือนกันนะ ไม่ใช่แค่ AI ตอบได้ดี แต่มันรู้สึกเหมือนใครสักคนพูดเสียงที่เราอยากชื่นชมตัวเอง��อกมาด้วย ก็ถือว่าได้กำลังใจจาก AI กันไป และทำให้เข้าใจว่า "การชื่นชมตัวเอง" บางทีมันก็สำคัญอย่างบอกไม่ถูกเลยแหละ
0 notes
kunteapoch · 4 months ago
Text
[04] เขียนไปทำไม
Tumblr media
จริง ๆ เคยเขียนเรื่องนี้ลงใน Facebook ไปแล้วเมื่อปีที่แล้วมั้ง แต่อยู่ ๆ คำถามนี้ก็กลับมาอีกครั้งว่า "ที่เขียน ๆ อยู่นี้เขียนไปทำไม" ซึ่งมานั่งนิ่ง ๆ และใคร่ครวญดี ๆ ก็พบว่า "มันมีสองเรื่องที่คิดอยู่ในใจคือ... ในการทำงานเพจ MIND BUDDY CLUB เราจะเน้นเรื่องการเขียนบทความลง MEDIUM แล้วมาแชร์หน้าเพจเป็นหลักเลยดีไหม ? กับช่วงนี้เราเขียนนั่นนี่เยอะมาก แต่มันก็ยังไม่มีรายได้ที่เข้ามา มันเลยเกิดคำถามเหล่านี้ขึ้น" ซึ่งอันนี้ก็เป็นเบื้องหลังของคำถามนี้ ในสภาวะตอนนี้นะ ซึ่งเราจะต้องไปหาวิธีจัดการต่อไป
คราวนี้กลับมาที่ตัวคำถามอย่างตรงไปตรงมากันดีดว่าว่า "เราเขียนงานเหล่านี้ไปทำไม ?"
จริง ๆ เราเป็นพวกชอบอ่าน ชอบคิด และชอบต่อยอดจากเรื่องรู้มา และการเขียนเป็นอะไรที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องลองทุนอะไรมากมาย การปรับเปลี่ยน แก้ไข เพิ่มเติมอะไรก็เป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ทำได้ตลอดเวลา ซึ่งต่างจากการทำ Video หรือ Podcast ที่มีหลายขึ้นตอน และถ้าผิดแล้วจะแก้ไขนี่ถือเป็นเรื่องใหญ่เลยหละ
อีกประเด็นหนึ่งคือเมื่อกี้อ่านหนังสือที่ครูณา (อังคณา มาศรังสรรค์) เขียนคำถาม เธอผู้ถึงตอนเธอป่วยเป็น stroke แม้อาการจะไม่ได้หนักหน่วงมาก เนื่องจากส่งโรงพยาบาลทัน แต่เธอก็เล่าว่ามันก็หนักอยู่สำหรับเธอ
เมื่อเราได้อ่านตรงนี้ก็มีคำตอบผุดขึ้นมาในใจว่า "ใช่... ที่เราเขียน ๆ ไว้ทั้งหมดก็เพื่อตัวเรานี่แหละ อย่างน้อย ๆ มันก็เป็นผลงานหรืออะไรบ้างที่ทำทิ้งไว้ให้ตัวเองหรืออาจ��ะเป็นประโญชน์ต่อใครบางคน แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม"
นอกจากนี้งานเขียนของเรา มันยังเป็นการทบทวนเรื่องราว สร้าง ต่อยอด และจัดการความรู้ของตัวเราเองให้เป็นระบบระเบียบไปเรื่อย ๆ ไม่รู้หรอกว่าจะได้ใช้งานเมื่อไหร่ ตอนไหน อย่างไร แต่เชื่อเถอะว่าสิ่งที่เขียนและจัดเก็บไว้จะมีประโยชน์อย่างมหาศาลได้แน่นอน
อีกอย่างที่สำคัญคือการเขียนช่วยให้เราเห็นวิธีการใช้ภาษาและคลังคำของตัวเองได้ดีมากขึ้น ได้ใช้ช่วงเวลาในการพิจารณาสภาวะ และเป็นการภาวนาไปในตัว เพราะหลายครั้งการเขียนของเรามาจากการพิจารณา มาจากปิ๊งแว้บ หรือมาจากการนำข้อมูลต่าง ๆ มารวบรวมเพื่อการวิเคราะห์และสังเคราะห์ความรู้อีกครั้ง ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแต่ต้องการเวลา และใช้พลังในการเขียน ขณะเดียวกันก็ได้ตรวจเช็กอะไรหลาย ๆ ไปพร้อม ๆ กันด้วย
นี่แหละการตอบคำถามว่า "เขียนไปทำไม" เวอร์ชั่น มีนาคม 2568 และคิดว่าในเวอร์ชั่นต่อไปคงมีอะไรปรากฏเพิ่มมาให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ แน่นอน 55555
0 notes
kunteapoch · 4 months ago
Text
[03] อะไรก็ได้จริง ๆ หรอ ?
Tumblr media
การเตรียม Live ทำให้เราได้รับคำถามที่พาตัวเองกลับมานั่งคิดเพื่อทบทวนตัวเองอีกว่า "ทุกครั้งที่เราพูดว่าอะไรก็ได้ มันอะไรก็ได้จริงไหม ?" หรือคำว่า "ไม่ติดของเราหมายความว่าอะไรกันแน่"
เอาจริง ๆ มานั่งคิด ๆ อยู่ดูคำว่า "อะไรก็ได้หลายครั้งมันก็ไม่ได้อะไรก็ได้จริง ๆ หรอก มันก็แค่พูดออกไปเพื่อไม่อยากให้เสียบรรยากาศหรือหลายครั้งก็แค่ไม่อยากจะเลือกอะไรด้วยตัวเอง" ส่วนคำว่า "ไม่ติดนี้อาจจะมากับนิสัยยอมตามของตัวเองละมั้งจนกลายเป็นคำพูดติดปาก"
แต่เมื่อคิดแบบนี้ก็เหมือนกับว่า "จริง ๆ ที่บอกน้องชายว่าไม่ติดจริง ๆ แล้วติดจริงหรือ ?"
พอมาถามตัวเองดี ๆ ไอการ Live ในหน้า Mind Buddy Club นี่มันอะไรก็ได้จริง ๆ นะ และอีกอย่างการชวนน้องมันมาทำนี่ก็ไม่ได้ค่าตอบแทนอะไรให้น้องมัน เป็นเหมือนการชวนมาทำอะไรสนุก ๆ ด้วยกันมากกว่า เพราะฉะนั้นนี่รู้สึกว่า "เขาก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกเหมือนกัน" และอยากให้เขาเข้ามาด้วยความสบายเนื้อสบายตัวสบายใจจริง ๆ เหมือนกัน
แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่า "Mind Buddy Club มันเริ่มต้นด้วยความแปลกประหลาดอยู่แล้ว การทำอะไรแบบแปลก ๆ ประหลาด ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเพจนี้ เพราะการทำ Content สาระและการเล่นมุกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วบนหน้าเพจเรา แถมเราเองก็ชอบเหลือเกินกับการทำอะไรเพี้ยน ๆ เช่นการเซอร์ไพรสวันเกิดตัวเอง เป็นต้น
ดังนั้นการเชิญ HOST มาสัมภาษณ์ตัวเองมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเราจริง ๆ นั่นแหละ 55555
แต่เอาเถอะ... ถ้าไม่เกาะกับ Event หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นี่ถือเป็นคำถามที่ดีมาก ๆ เพื่อการทบทวนและใคร่ครวญความเป็นตัวเองมาก ๆ เราได้เห็นอะไรอีกเยอะแยะจากการสนทนาในวันนี้นะ
เออ... แล้วก็แบบคิดว่าเราคงมีธาตุความเป็นกระทิงซ้อนอยู่ในตัว หรือคงมีสัญญาณให้เพิ่มความเป็นกระทิงเข้ามาในตัวแน่ ๆ เพราะกระทิงรอบตัวเยอะเกิ๊น เริ่ม ๆ เข้าใจพี่น้ำ (ภรรยาของพี่ป้อง / ลูกสาวคนโตของลุงตรี) หละ 55555
0 notes
kunteapoch · 5 months ago
Text
[02] บันทึกการอ่าน : โอวาทสี่ของท่านเหลี่ยวฝาน
Tumblr media
หายไปนานจากดินแดน Tumblr !!! เข้ามาเขียนครั้งแรกคืนวันที่ 1 มกราคม 2568 และก็หายหัวไปเลย 55555 แต่วันนี้กลับมาแล้วนะจ๊ะ อิอิ
กลับมาพร้อมกับความอิ่มอดอิ่มใจที่ได้อ่านหนังสือโอวาทสี่ของท่านเหลี่ยวฝานเป็นหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่แถมมาจากหนังสือวิถีแห่งเต๋าของสำนักพิมพ์ Openbooks เป็นหนังสือที่ส่วนตัวนิยามว่าเป็นหนังสือ ธรรมะผสาน How to ที่อ่านง่าย ได้ความรู้ และอิ่มใจไปพร้อมกัน
จริง ๆ ข้อความพวกนี้ด้วยความอดรนทนไม่ได้ ก็เข้าลงในช่อง Comment ใน Facebook ส่วนตัวไปแล้ว แต่ด้วยที่รู้สึกว่า "เฮ้ย... เรามี Tumblr ที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะเป็นสมุดบันทึก เป็นบ้านพักตากอากาศที่มีไว้เขียนบันทึกเรียบง่ายและสบาย ๆ ในพื้นที่สงบ ๆ ก็เลยขออนุญาตนำข้อความนั้นมาเขียนลงในนี้ด้วยเลย
... ธรรมดานิมิตหรือลางสังหรณ์นั้น มักจะเกิดทางใจ แล้วปรากฏให้เห็นทางอิริยาบถ บุคลิกลักษณะจึงเปรียบประดุจกระจกเงา ฉายให้เห็นบุญวาสนาหรือเคราะห์กรรมที่บุคคลนั้น ๆ จะต้องได้รับในอนาคต บุถุชนมักมองไม่เห็นบุคลิกลักษณะอันน่าศึกษานี้ กลับเห็นว่าเป็นการคาดคะแนที่ไม่แน่นอน ...
อ่านถ้อยความนี้ในหนังสือโอวาทสี่ของท่านเหลี่ยวฝานแล้วชอบมาก ๆ เพราะมันแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของคำสอนเรื่อง "อินทรียสังวร" ได้อย่างชัดเจน เหมือนดังคำของมหาตมะ คานธีที่กล่าวโดยสรุปว่า "จงระวังความคิด เพราะท้ายที่สุดมันจะกลายเป็นชะตากรรมของตัวเรา"
คราวนี้มาดูว่าอะไรที่ทำให้เราชอบกับข้อความนี้ของท่านเหลี่ยวฝานจนต้องนำมาบันทึกเอาไว้... หากพิจารณาในชีวิตของเรานี้ มันมีห้วงความคิด นิมิต และภาพฝันต่าง ๆ มากมายที่เกิดขึ้นในหัวและในใจของเราตลอดทั้งวัน และบ่อยครั้งที่เราไม่ทันระแวดระวังปล่อยให้ห้วงคิดและจินตนาการเหล่านั้นนำพาชีวิตของเราก้าวไปข้างหน้า
หากโชคดี (เพราะสร้างเหตุในด้านดีงาม ในกุศลเอาไว้มาก) ห้วงคิดและจินตภาพเหล่านั้นก็นำพาเราไปในทิศทางที่ดี แต่ถ้าโชคร้าย (เพราะเสพคุ้นกับเหตุเชิงลบ ๆ อารมณ์/ความรู้สึกเชิงลบ ข้อมูลข่าวสาร หรือเรื่องราวลบ ๆ ร้าย ๆ เอาไว้มาก) ห้วงคิดและจินตภาพเหล่านั้นก็นำพาเราไปในทิศทางที่ตรงกันข้าม
ดังนั้นเราจึงถูก "ชีวิตใช้" ไม่ได้เป็น "ผู้ใช้ชีวิต" อย่างมี "อิสรภาพ" อย่างที่ควรจะเป็น
อินทรียสังวร คำสอนของท่านเหลี่ยวฝาน หรือคำกล่าวของคานธี คือเครื่องเตือนใจอันสำคัญให้เรากลับมาทบทวน ใคร่ครวญ และตั้งคำถามกับตัวเองว่า "เราตั้งใจจะเป็นใคร" และ "เราจะเลือกเดินทางบนเส้นทางแบบไหนในชีวิต" เมื่อเราตระหนัก ยอมรับ และเลือกเส้นทางตามความปรารถนาจากเบื้องลึกของจิตใจแล้วเลือกเดินบนเส้นทางนั้นแล้ว เราจะเริ่มมีวิถีปรับความประพฤติและการปฏิบัติที่ถูกต้อง และเมื่อมีห้วงนิมิตที่ถูกต้อง วาจาก็ย่อมถูกปรับเปลี่ยนเข้าสู่ทางที่ถูกต้อง และพฤติกรรมก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัยเหล่านั้น จนท้ายที่สุดสิ่งที่ท่านคานธีเรียกว่า "ชะตากรรม" ย่อมเปลี่ยนแปลงไป
คราวนี้เราจึงชัดเจนขึ้นว่า "ชะตากรรม" ไม่ใช่เรื่องของ "ฟ้าดินกำหนด" เพียงอย่างเดียว เพราะเมื่อเราเข้าสู่โหมดของการ "เป็นผู้ใช้ชีวิต" คำว่า "ชะตากรรม" นั้น อาจถูกเรียกด้วยชื่อใหม่ว่า "วิถีชีวิต" หรือ "กรรมลิขิต" ก็ได้
ขอนอบน้อมแด่พระพุทธองค์ ท่านเหลี่ยวฝาน ท่านคานธี และครูบาอาจารย์ทุก ๆ ท่าน
ที่มาของบทความ : https://www.facebook.com/photo/?fbid=1007400841414242&set=a.530914449062886
0 notes
kunteapoch · 6 months ago
Text
[01] THE FIRST POST ON TUMBLR
Tumblr media
Bellooo, Tumblr !!!
ฉันตั้งใจสร้างพื้นที่นี้ขึ้นเพื่อที่จะหลบหนีจากโลก Facebook อันนี้วุ่นวาย เปรียบเสมือนออกมาซื้อบ้านตามต่างจังหวัดเก็บไว้เป็นที่พักพิงแห่งที่สอง เพราะคิดว่าบางครั้ง... เราเองก็มีเรื่องราวในใจบางอย่างที่อยาก Post ออกไปจากใจโดยตรงแบบที่ไม่ต้องคิด เรียบเรียงหรือกลั่นกรองอะไรมากมาย จริงไม่ใช่ใน Facebook ทำไม่ได้หรอก แต่ทำแล้วมันลงเป็นที่ไม่ค่อยโอเคเลยพยายามหาที่ใหม่
แต่พอสร้างขึ้นมาแล้วก็มานั่งคิดทบทวนดูอีกที... คำว่า "Social Media" นี่มันก็คงไม่มีคำว่าเป็น "ส่วนตัว" จริง ๆ หรอกนะ !!! แต่ทำอย่างไรได้หละเมื่อสร้างมันขึ้นแล้ว 55555
ก็เคยคิดว่าคงได้ใช้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ในการบันทึกเรื่องง่าย ๆ สบาย ๆ ความคิดเพี้ยนและการซุกซนบางอย่างไปก็แล้วกันนะ ถือว่ามีอีกหนึ่งที่ที่ได้พักผ่อนไปในตัว และก็ดูสิ่งแวดล้อมใน TUMBLR เน้นลงงานศิลป์ด้วย อยู่ ๆ ไปอาจได้แรงบันดาลใจอะไรดี ๆ บ้างแน่เลย อิอิ
ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะแล้วเจอกัน Seeya
1 note · View note