Tumgik
#mwch6
rritsu · 9 years
Text
Mirkwood, The another story (ThranduilLegolas) [Chapter 6]
[Chapter 6]
    เสียงโลหะกระทบกันดังก้องในหัวของเลโกลัส กลิ่นเลือดของอมนุษย์คละคลุ้งจนเด็กน้อยรู้สึกวิงเวียน ภาพเบื้องหน้าดูบิดเบี้ยว เลโกลัสถูกบิดาสั่งให้หลบอยู่กับเอลลาดานหลังหมู่หินที่อยู่ไม่ไกลจากระยะสายตาของเขานัก ตัวธรันดูอิลเองกำลังประดาบกับออร์คร่างกำยำที่ถูกส่งมาสอดแนม ไม่ไกลกันนั้นคือเอโรเฮียร์ที่ถึงแม้จะมีอาวุธเป็นมีดสั้นแต่กลับรับมือศัตรูได้อย่างเท่าเทียม
     ทว่านอกจากออร์คแล้ว ยังมีพวกวาร์กคอยลอบกัดจากรอบด้าน ถึงแม้ทั้งสองจะมีฝีมือต่อสู้ที่เก่งกาจ แต่ในสถานการณ์ที่มีศัตรูรุมล้อมนี้พวกเขาจึงเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ซึ่งเอลลาดานไม่อาจยอมให้ทั้งสองตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่นี้ได้
     ทำยังไงดี..
    ทำยังไง..
    ...เลโกลัส
    "เลโกลัส เจ้าต้องวิ่งไปที่โพรง กลับไปริเวนเดล ตามคนมาช่วยที"
    "แต่ว่า..ท่านพ่อ.."
    "ถ้าเจ้าไม่ไปตอนนี้ สองคนนั้นอาจจะไม่อยู่รอดปลอดภัยนะ"
    เขาอยากไปขอความช่วยเหลือด้วยตัวเอง เพียงแต่ถ้าหากเขาทิ้งเลโกลัสไว้ตรงนี้ จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปไม่อาจมีใครล่วงรู้ ดังนั้นการให้เด็กน้อยเป็นคนไปขอความช่วยเหลือคงจะเป็นวิธีที่ดีกว่า อย่างน้อยในโพรงนั้นก็ปลอดภัยกว่าอยู่ในทุ่งโล่งแบบนี้
    เลโกลัสนิ่งเงียบชั่งใจอยู่พักหนึ่ง ดวงตาไหววูบไปด้วยความหวาดกลัว
     "ข้าจะพาเจ้าไปที่ปากทางเข้า เงียบๆไว้ล่ะ"
     เอลลาดานลากแขนเลโกลัสออกจากที่กำบัง วิ่งเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้จนมาได้ถึงครึ่งทาง ออร์คบางตัวรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวนั้น พวกมันตนนึงวิ่งปลีกตัวออกมาจากกลุ่ม หลุดรอดจากสายตาของกษัตริย์เอล์ฟและเอโรเฮียร์ วิ่งอย่างมุ่งร้ายตรงมายังพวกเขา เอลลาดานดันหลังกระตุ้นให้เลโกลัสเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
     ไม่ทันแน่ 
    เอลลาดานเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีก ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้นอกจากวิ่งไปให้ถึงโพรงนั่น ตอนนั้นเองที่มีบางอย่างพุ่งแหวกอากาศมา เฉี่ยวเข้ากับแขนซ้ายของเอลลาดาน ลูกธนูนั่นเอง เลือดสีแดงสดซึมออกมาตามบาดแผล เขานิ่วหน้าแต่ยังคงวิ่งต่อไป ระยะห่างระหว่างพวกเขาและออร์คน้อยลงเรื่อยๆ จู่ๆเลโกลัสก็ชะลอฝีเท้า ก่อนจะลากแขนเอลลาดานให้ไปหลบหลังหมู่หิน เอลลาดานวิ่งตามมาแบบมึนงง เลโกลัสชี้ไปที่สิ่งที่เขาสะพายติดหลังมาตลอด
    “เอลลาดาน..นั่นธนูรึเปล่า”
     “ใช่ แต่จะมาถามอะไรตอนนี้ รีบไปก่อนเถอะ ถ้าเจ้าไปอะไรไปน้องข้ากับพ่อเจ้าต้องฆ่าข้าแน่ๆ...เฮ้ เดี๋ยว ทำอะไรน่ะ"
     เลโกลัสคว้าธนูและซองลูกธนูมาจากเอลลาดาน นำลูกธนูขึ้นสาย ดวงตาเล็งไปที่อมนุษย์ มือเล็กๆสั่นเทา เด็กน้อยกลัวเหลือเกิน แต่นี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้ ออร์ควิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาต้องรีบแล้ว เจ้าชายเอล์ฟสูดหายใจเข้าออกหลายครั้ง รอจนมือนิ่งลง ดวงตายังคงไม่ปล่อยให้ศัตรูคลาดไป เลโกลัสผ่อนลมหายใจอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยลูกธนูจากการควบคุม
     ลูกธนูแล่นเร็วฉิวฝ่าอากาศ ปักทะลุเข้าหว่างคิ้วของอมนุษย์ มันล้มลงและตายในที่สุด ท่ามกลางความตกตะลึงของเอลลาดาน เอโรเฮียร์ ไม่เว้นแม้แต่ธรันดูอิล แต่การซุ่มสังหารครั้งนี้ถูกเห็นโดยพวกอมนุษย์ส่วนใหญ่ พวกมันบางส่วนกรูกันเข้ามาหวังจะโจมตีเจ้าชายเอล์ฟ แต่ไม่มีอมนุษย์ตนใดได้เข้าใกล้พวกเขา ทั้งหมดที่วิ่งถาโถมเข้ามาถูกปลิดชีพด้วยศรจากเลโกลัส พวกที่เหลือถูกสังหารโดยกษัตริย์เอล์ฟและเอโรเฮียร์ จนตอนนี้ออร์คทั้งหมดได้สิ้นชีพลงแล้ว
    “เผาซะ"
     กษัตริย์เอล์ฟออกคำสั่งกับฝาแฝดหลังจากช่วยกันลากซากของเหล่าออร์คมากองรวมกัน เป็นงานที่หนักสำหรับสามคน ออร์คตัวใหญ่และหนัก แถมยังมีเกราะหนาๆ พวกเขาต้องรีบจัดการกับศพพวกนี้และรีบกลับริเวนเดล ก่อนจะมีพวกมันตามมาอีก
     หลังจากเคลื่อนย้ายออร์คหมดแล้ว ธรันดูอิลวิ่งมาหาบุตรชายที่ยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน ธรันดูอิลย่อตัวลงเพื่อให้อยู่ในระดับสายตาเดียวกัน มองสำรวจบาดแผลหรือความเสียหายที่บุตรชายได้รับ และโล่งใจที่เขาปลอดภัยดี จะมีก็แต่สีหน้าที่ดูจะไม่สู้ดีนัก
     “เลโกลัส?"
     มือเล็กๆที่กำอยู่รอบคันธนูนั้นสั่นเทา น้ำตารื้นขึ้นมาจากดวงตาสีฟ้า วินาทีนั้นเขาจึงนึกได้ เขาเผลอลืมไปว่าเลโกลัสนั้นอ่อนเยาว์เกินกว่าที่จะต้องมาพบเจอเหตุการณ์โหดร้ายแบบนี้ เขาไม่อาจจะจินตนาการได้ว่าเด็กน้อยคนนี้ต้องใช้ความกล้าแค่ไหนในการหยุดวิ่งหนีและหยิบธนูขึ้นมา บิดาเอื้อมมือไปลูบหัวบุตรชายเบาๆ
     “ไม่เป็นไรแล้วเลโกลัส ไม่ต้องกลัว"
     เลโกลัสยังคงนิ่งเงียบ ใบหน้าซีดเซียว ขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสัน นิ้วมือกำคันธนูแน่นจนข้อเป็นสีขาว มือสั่นจนควบคุมไม่ได้
     “พอแล้ว ปล่อยธนูเถอะ"
     “ท่านพ่อข้ากลัว”
     เลโกลัสพูดขึ้นในที่สุด เสียงของเด็กน้อยสั่นไปด้วยความกลัว น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาอาบแก้ม ธรันดูอิลเอื้อมมือออกไป เกลี่ยน้ำตาหยดน้อยออก
     “ข้ารู้ แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ข้าอยู่นี่ ไม่มีใครทำอะไรเจ้าได้ ปล่อยมือเถอะ"
     มือเรียวกุมมือเล็กสั่นเทาและค่อยๆปลดอาวุธออกจากการเกาะกุมของเลโกลัส ธรันดูอิลทาบฝ่ามือลงบนใบหน้าขาวซีดของบุตรชาย ความอบอุ่นจากมือทำให้เด็กน้อยรู้สึกปลอดภัย
     “ไม่เป็นไรแล้วเจ้าตัวเล็ก ไม่เป็นไรแล้ว"
      ใช้เวลาอีกหลายนาทีกว่าที่ใบหน้าซีดขาวนั้นจะกลับมามีสีสันอีกครั้ง เลโกลัสกวาดตามองรอบๆอีกครั้ง รอยเลือดสีดำสกปรกเกรอะกรังเต็มไปหมด ถัดออกไปคือซากศพของออร์คที่ถูกกองรวมกันจนเป็นเนินเตี้ยๆ เปลวไฟลุกท่วมลามเลียไปทั่วร่างไร้ชีวิต กลิ่นเหม็นไหม้ทำให้เด็กน้อยย่นจมูกและเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ธรันดูอิลดันหลังกระตุ้นให้เลโกลัสออกเดิน
     “กลับเถอะ เอลรอนด์คงตามหาพวกเจ้าไปทั่วแล้ว"
     กษัตริย์เอล์ฟจงใจเน้นที่คำว่าเอลรอนด์เป็นพิเศษ สองพี่น้องถึงกับหน้าซีดไปตามๆกัน ทั้งสี่เดินทางกลับไปถึงริเวนเดลอย่างปลอดภัย เอลรอนด์เอาแต่ขอโทษขอโพยแทนบุตรชายทั้งสอง และจบลงด้วยการกักบริเวณทั้งสองคนเป็นการลงโทษที่ทำให้เลโกลัสเกือบได้รับอันตรายและยังเป็นการก่อกวนงานวันเกิดของน้องส���ว ทั้งสองได้แต่สลดไปตามๆกัน
     “เพราะเจ้านั่นแหละ"
     “เจ้านั่นแหละ เอาแต่จะออกไปเที่ยวเล่น"
     “หยุดได้แล้ว ทั้งคู่นั่นแหละ ขอโทษเลโกลัสสิ ขอโทษอาร์เวนด้วย"
     “...ขอโทษ"
     ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกัน ก้มหน้ามองพื้นไม่สบตาใครทั้งนั้น อยู่ๆเอลลาดานทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนจะพูดตาเป็นประกาย
     “เลโกลัส เจ้ายิงธนูเป็นด้วยเหรอ ทำยังไงถึงแม่นแบบนั้น” เลโกลัสกลอกตาตอบ ตัวเลโกลัสเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
     “ข้าก็แค่ยิง.."
     เอลลาดานยังคงพูดไม่หยุดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้เห็นมา ประเด็นนี้ยังคงเป็นที่พูดถึงอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่กษัตริย์เอล์ฟและเลโกลัสเดินทางกลับ ผู้คนพูดกันปากต่อปากถึงฝีมือการยิงธนูปลิดชีพออร์คหลายตนของเจ้าชายเอล์ฟแห่งเมิร์ควูด และที่น่าทึ่งคือเจ้าชายเอล์ฟที่ว่านั้นอายุยังไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำ เด็กกว่านักรบที่อายุน้อยที่สุดของกองทัพซะอีก
     เอลรอนด์ยืนอยู่ที่ทางเชื่อมระหว่างริเวนเดลและทางออกไปสู่ป่า ยืนส่งสหายที่กำลังจะเดินทางกลับ
     “ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่ดีเยี่ยม"
     “ข้าก็ขอขอบคุณที่เจ้าอุตส่าห์เดินทางมาอวยพรให้อาร์เวน ต้องขอโทษด้วยที่ลูกชายข้าทำป่วนไปหมด"
     ”ช่างเถอะ อย่างน้อยทุกคนก็ปลอดภัย"
     “หวังว่าเจ้ามาเยี่ยมเยียนอีก"
     ธรันดูอิลพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงบอกลา ก่อนจะบังคับเจ้ากวางตัวโตให้ออกวิ่ง เดินทางกลับสู่เมิร์ควูด
-------------------------------------------------------------------------------------------
4 notes · View notes