Tumgik
teddylauw · 4 months
Text
Sims4 Okkotsu Yuta วนสร้างอย่างไม่รู้จบ🤣
Tumblr media Tumblr media
1 note · View note
teddylauw · 7 months
Text
Tumblr media Tumblr media Tumblr media Tumblr media
Sims4 Okkotsu Yuta ひさしい
1 note · View note
teddylauw · 2 years
Text
久しぶりの Okkotsu Yuta sims 🥺
Tumblr media
1 note · View note
teddylauw · 2 years
Text
Custom figma Okkotsu Yuta
Tumblr media Tumblr media Tumblr media Tumblr media
2 notes · View notes
teddylauw · 2 years
Text
Yuta with katana sword 🗡🦴
Tumblr media Tumblr media Tumblr media Tumblr media
2 notes · View notes
teddylauw · 2 years
Text
Bunny Yuta
色々迷ったけど、結局この髪型にしました。
Tumblr media
1 note · View note
teddylauw · 2 years
Text
Kemonomimi
Gojo,Geto,Yuta
Tumblr media
6 notes · View notes
teddylauw · 2 years
Text
Special grade trio & GeGo
Tumblr media Tumblr media
3 notes · View notes
teddylauw · 2 years
Text
Special grade trio trying to take a selfie😆
Tumblr media Tumblr media Tumblr media
9 notes · View notes
teddylauw · 2 years
Text
Made a poster for my jujutsu sims
Gojo,Geto and Okkotsu again 😊
Tumblr media Tumblr media Tumblr media Tumblr media
10 notes · View notes
teddylauw · 2 years
Text
Sims 4 Jujutsu Kaisen
Gojo Geto Okkotsu ☺️ my favorite characters
Tumblr media Tumblr media
7 notes · View notes
teddylauw · 2 years
Text
Sims 4 Jujutsu kaisen
Gojo,Geto Yuta
Tumblr media Tumblr media Tumblr media
5 notes · View notes
teddylauw · 6 years
Text
Free! Novelizeบท 8 anohi あの日
แปลนิยายบท8ค่ะ
บทนี้จะเป็นมุมมองของมาโคโตะ เหตุการณ์เกิดในฟรีตอนเก้าฉากที่มาโกะรอฮารุที่ช็อกจากการแพ้รินแล้วหายไปไหนก็ไม่รู้อยู่บ้าน
Free Novel บทที่8
ในวันนั้น
ความทรงจำที่เก่าแก่ที่สุดของฉันคือภาพของฮารุที่ยื่นมือให้ฉันภายใต้ท้องฟ้ายามเย็น
ในวัยเด็กของพวกเราตอนที่ฉันสะดุดล้มระหว่างเล่นกองทรายฮารุยื่นมือให้ฉัน มือนั้นดูน่าพึ่งพาได้เหลือเกิน
“ไม่เป็นไรใช่มั้ย”
ฮารุพูดเช่นนั้น ฉันพยักหน้าทั้งๆที่กึ่งร้องไห้ พยายามปั้นรอยยิ้มแหยจากนั้นจึงจับมือที่ยื่นให้ไว้แน่นแล้วลุกขึ้นยืน
ความทรงจำในวัยเด็กของฉันกระจัดกระจายไม่เป็นลำดับเวลา อาจเป็นไปได้ว่ามีความทรงจำที่เก่ากว่านั้นแต่ความทรงใจแรกที่ตราตรึงในใจฉันคือภาพตอนนั้น
ฉันจำเรื่องตอนพบกับฮารุครั้งแรกไม่ได้ รู้สึกตัวอีกทีเขาก็มาอยู่เคียงข้างแล้ว พวกเราอยู่โรงเรียนเดียวกันทั้งตอนอนุบาลและตอนประถม บ้านก็อยู่ติดกัน ทั้งสองครอบครัวรู้จักกัน พวกเราไปปิ้งบาร์บีคิวด้วยกัน ไปสวนสนุกด้วยกัน ไปปีนเขา ไปเดินทางไกลด้วยกัน ที่หลังภูเขาก็มีฐานลับของเราสองคน พวกเราไปเล่นด้วยกันที่แม่น้ำ ผจญภัยด้วยการขี่จักรยานไปเมืองข้างๆครั้งแรกด้วยกัน ข้างกายฉันจะมีฮารุอยู่ด้วยตลอดเวลา
แม้แต่โรงเรียนสอนว่ายน้ำพวกเราก็เริ่มไปด้วยกัน ถึงฉันจะเป็นคนบอกให้ไปก่อนแต่นั่นก็เพราะมีฮารุอยู่ด้วย ฮารุนั้นชอบว่ายน้ำมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก เขาชอบเวลาลงน้ำ ดังนั้นฉันจึงคิดว่าฮารุคงดีใจถ้าฉันชวนไปโรงเรียนสอนว่ายน้ำ ฉันชอบเห็นหน้าของฮารุเวลาดีใจ ถึงจะมีเหตุผลเริ่มต้นแค่นั้นแต่เมื่อไปจริงๆฉันก็หมกมุ่นไปกับการว่ายน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้สึกเข้าใจขึ้นเล็กน้อยว่าทำไมฮารุถึงชอบเวลาลงน้ำ ฉันก็อยากว่ายน้ำมากกว่านี้ อยากว่ายกับฮารุ ถ้าไม่ใช่ฮารุก็ไม่มีความหมาย
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ฉันคิดกับฮารุเช่นนี้
หลังจากเหม่อคิดเรื่องในอดีตไปสักพักความง่วงก็เริ่มจู่โจม
หรือว่าจะเป็นเพราะกินขนมไปเยอะๆทั้งที่เพิ่งกินข้าวไปเยอะตอนบ่ายสามกันนะ ฉันใช้สองมือตบแก้มดังป้าบ แม้พยากรณ์อากาศจะบอกว่าวันนี้เป็นวันที่หนาวที่สุดในช่วงฤดูหนาวปีนี้ แต่ในห้องมีเครื่องความร้อนจึงอุ่น ฉันพยายามรวบรวมสติมุ่งไปยังการบ้านฤดูหนาวที่กองอยู่บนโต๊ะ แต่ในทันทีตาก็เริ่มปิดอีกครั้ง
หลังจากเข้าเรียนชั้นมัธยมต้นก็มีวิชาที่ไม่มีในชั้นประถมตอนแรกก็ตื่นเต้น ทั้งวิชาภาษาอังกฤษ วิชาภูมิศาสตร์ วิชาคำนวณก็เปลี่ยนเป็นวิชาคณิตศาสตร์ รู้สึกเหมือนว่าเราเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมานิดนึง ความรู้สึกตอนยกระดับชั้นแบบนี้ก็ช่วยให้สนุกไปกับทั้งการบ้านฤดูร้อนและกิจกรรมชมรมได้พร้อมๆกัน ตอนมัธยมศึกษาปีที่หนึ่งก็เหมือนกันเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวการเรียนก็ค่อนข้างยากขึ้นมามาก ดังนั้นการบ้านฤดูหนาวก็ทำให้ห่อเหี่ยวอยู่��หมือนกัน ชมรมว่ายน้ำเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางฤดูหนาวก็มีแต่ออกกำลังกายเสริมกล้ามเนื้อจนทำให้น่าเบื่อไปหน่อย ถึงจะมีโรงเรียนสอนว่ายน้ำให้ไปกับฮารุได้เป็นบางครั้ง แต่ในฤดูหนาวเช่นนี้ก็มีแนวโน้มจะทำให้ห่อเหี่ยวอยู่มาก ทำให้ชอบคิดไปว่าหวังว่าจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิในเร็วๆนี้นะ ฉันลุกขึ้นยืนทิ้งการบ้านที่แทบไม่คืบหน้าไปไหนไว้จากนั้นจึงเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเท ในเวลาเดียวกับที่อากาศเย็นยะเยือกลอยเข้ามาข้างในก็มองเห็นบ้านของฮารุ จะว่าไปวันนี้ยังไม่ได้เจอฮารุเลย วันนี้เป็นวันสิ้นปีพ่อของฮารุกลับมาจากไปทำงานต่างจังหวัด ไม่ได้เจอกับครอบครัวนานคงไม่ลงน้ำแน่ แต่ถ้าเป็นก่อนเวลาอาหารเย็นมาทำการบ้านด้วยกันท่าจะดีนะ ถ้าทำกันสองคนต้องคืบหน้าไปได้ดีด้วยล่ะมั้ง
คิดได้เช่นนั้นกผ็รู้สึกใจไม่สงบจนอยู่ไม่ได้ ฉันกอบเอาการบ้านฤดูหนาวบนโต๊ะเข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็วแล้วมุ่งตรงไปที่บ้านของฮารุ
ฮารุอยู่ในห้องของเขา
แม่ของฮารุยกชากับขนมมาให้
“เชิญตามสบายนะมาโคโตะคุง”
ที่ชั้นหนึ่ง พ่อของฮารุดูเหมือนจะหลับอยู่ที่โต๊ะโคทัตสึ
“ฮารุวันนี้ทำอะไรมาเหรอ”
“ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ พอคิดจะออกไปข้างนอกมาโคโตะก็มาพอดี
“จะไปไหนเหรอ”
“นิดหน่อยน่ะ”
“การบ้านเอาไว้ทีหลังแล้วไปด้วยกันมั้ย
“ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องเป็นวันนี้ก็ได้…”
ถึงเสี้ยวหนึ่งของจิตใจจะรู้สึกกังวลกับคำพูดที่ไม่ชัดเจนแต่ฉันก็หัวเราะตอบกลับไปอย่างสดใส
“งั้นเหรอ งั้นมาทำการบ้านกันเถอะ ถ้าเสร็จเร็วอาจไปSC(โรงเรียนสอนว่ายน้ำ)ได้ก็ได้นะ
ฉันหยิบการบ้านออกมาจากกระเป๋าแล้ววางบนโต๊ะโคทัตสึตัวเล็กในห้องฮารุ เมื่อนั่งหันหน้าเข้าหาฮารุในโต๊ะโคทัตสึก่อนอื่นพวกเราก็กล่าวว่า”ทานแล้วนะครับ”และดื่มชากับกินขนม ขนมเป็นช็อคโกแล็ตยี่ห้อดังจากที่ๆพ่อของฮารุไปทำงาน
“อร่อยจังนะอันนี้”
“นั่นสินะ” ฮารุตอบอย่างเย็นชา แต่มันก็เป็นเรื่องปกติ
“งั้นมาเริ่มจากวิทยาศาสตร์กันเถอะ ฮารุทำไปถึงไหนเหรอ”
“ถึงตรงนี้…”
ฮารุทำหนังสือรวมคำถามไปได้มากแล้ว
“หา ทำไปถึงตรงนั้นแล้วเหรอ”
“ลอกมันผิดกฏนะ”
“รู้แล้วน่า แต่ช่วยบอกตรงที่ไม่เข้าใจให้หน่อยสิ ฮารุได้เกรดวิชาวิทยาศาสตร์ดีกว่าฉันนะ เดี๋ยวจะตอบคำถามวิชาภาษาอะไรก็ได้เป็นการตอบแทน”
พวกเราพูดคุยกันพลางดื่มชา ทานขนมและทำการบ้าน
ถ้าทำแบบนี้ก็ไม่ง่วงจริงๆนั่นแหละแต่ก็เสียเวลาคุยกันกินขนมกันจนไม่อาจบอกได้ว่าคืบหน้าอาจจะไม่ต่างกับทำคนเดียวเท่าไหร่ก็เป็นได้
“ถ้าทำเสร็จเร็วจะลองไปอิวาโทบิSCกันมั้ย เป็นการว่ายส่งท้ายปีนี้”
“ไม่อยากให้เป็นการส่งท้าย”
“หึหึขอโทษๆ พรุ่งนี้SCจะเปิดรึเปล่านะ มันปิดตอนสิ้นปีรึเปล่านะ หลังจากนี้ลองโทรศัพท์ไปถามดูมั้ยถ้าพรุ่งนี้ยังเปิดก็ลองชวนอาซาฮีกับอิคุยะว่ายรีเลย์ส่งท้ายดีมั้ย”
“ถึงจะไม่อยากส่งท้ายแต่ก็ฟังดูไม่เลว ลองชวนนางิสะดูมั้ย”
“นั่นสินะ นานๆทีก็อยากลองว่ายน้ำกับนางิสะดูนะ ลองแข่งกับทีมของนางิสะด้วยก็ฟังดูดีนะ”
รู้สึกสนุกขึ้นเรื่อยๆ
ตอนเข้ามัธยมต้นสิ่งแวดล้อมรอบตัวก็เปลี่ยนไปพวกเราก็มีเพื่อนใหม่ หรือเพื่อนที่เดินในเส้นทางที่ต่างกันแต่ระหว่างพวกเราก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงยังคงพูดคุยกัน ทำการบ้าน กินขนมที่โต๊ะโคทัตสึกันแบบนี้ SCก็อยู่ใกล้ๆ จะว่ายกับเพื่อนที่ชอบในยามที่ต้องการเมื่อไหร่ก็ได้ แถมยังได้ว่ายกับฮารุ ถ้าวันคืนดำเนินต่อไปแบบนี้เรื่อยๆคงดีสินะ นี่ ฮารุก็คงคิดแบบนี้เหมือนกันใช่มั้ย
มองดูอีกทีฮารุที่คุยด้วยเมื่อกี้ก็ฝุบหลับบนโต๊ะโคทัตสึ ฉันก็ยิ้มออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ นี่ก็เป็นเวลาแห่งความสุขเวลาหนึ่งเช่นกัน เป็นเวลาที่อยากให้มีต่อไปเรื่อยๆ วันนี้เลิกล้มความตั้งใจจะไปSCแล้วมาทำตัวสบายที่ห้องของฮารุแบบนี้ดีมั้ยนะ นั่นก็ไม่เลว ฉันก็หลับไปด้วยคนดีกว่า การบ้านก็ทำไปได้เยอะแล้ว ขนมอร่อยๆก็กินไปแล้วความง่วงจู่โจมเข้ามาอย่างไม่รู้ตัวอีกครั้ง ฉันยืดตัวออกไปแล้วนอนหงายหลังลงไป มองเห็นเพดานห้องของฮารุเมื่อสายตามองไปที่กำแพงก็เห็นปฏิทิน
ปฏิทินทางจันทรคติชี้เดือนที่เดือนธันวาคมเป็นแผ่นสุดท้ายของปีนี้
“__________”
ความรู้สึกปิติเมื่อกี้หายไปรู้สึกเหมือนถูกดึงกลับเข้ามาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
ฉันพยายามลุกไปจากโต๊ะโคทัตสึช้าๆพยายามไม่ให้ฮารุตื่น แล้วไปยืนตรงหน้าปฏิทิน
“นั่นสิวันนี่วันแห่งโชคชะตา”
วันสุดท้ายของปีในชั้นมัธยมหนึ่งตอนฤดูหนาว วันที่ฮารุเจอกับรินอีกครั้ง วันที่ตัดสินกันที่อิวาโทบิSC วันที่ฮารุดันชนะ วันที่รินพูดว่า”ฉันจะเลิกว่ายน้ำ” วันที่ฮารุทำร้ายจิตใจรินเข้าให้
วันนั้นฉันไม่ได้ไปที่บ้านของฮารุ ฉันทำการบ้านอยู่ที่บ้านคนเดียว แล้วงีบหลับไปทั้งอย่างนั้น รู้สึกตัวอีกทีก็เย็นแล้ว ฉันที่รู้สึกใจคอไม่ดรวิ่งไปที่บ้านของฮารุ
วันนั้นถ้าฉันไม่เผลอหลับไปตอนทำการบ้าน แล้วไปบ้านของฮารุก่อนฮารุจะไปข้างนอก ถ้าฉันไปเยือนบ้านฮารุ ชวนมาทำการบ้านกัน ถ้าทำเช่นนั้นฮารุก็อาจจะไม่ออกไปข้างนอกก็ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงไม่ไปเจอกับริน ทั้งสองคนก็ไม่ได้แข่งกัน ฮารุก็ไม่ต้องชนะ ทั้งคู่ก็จะไม่ทำร้ายจิตใจซึ่งกันและกัน ฮารุก็คงไม่เลิกว่ายน้ำแน่ๆ__
เวลาแห่งวันนั้น ที่ไม่น่าเป็นไปได้ การที่ฉันมาอยู่ในห้องฮารุแบบนั่นแสดงว่านี่คง
นี่เป็น ความฝัน
ฉันคิดเรื่องนี้มาตลอดเวลาหลังจากได้ฟังเรื่องของฮารุกับรินจากโค้ชซาซาเบะ วันเวลาที่อาจเป็นไปได้ เวลาที่สมมุติว่าอาจจะเกิดถ้าฉันอยู่ที่บ้านของฮารุ
ฉันฝันเห็นเรื่องในวันนั้น
แต่ฉันก็คิดว่าถึงเป็นฝันก็ไม่เป็นไรถ้าวันเวลาแห่งความสุขจะดำเนินไปเช่นนี้แล้วล้ะก็
ถึงจะรู้ว่าเป็นความฝันแต่ถ้าไม่ตื่นจากความฝันล่ะก็วันแห่งความสุขและสงบสุขคงจะดำเนินไปเรื่อยๆ
เป็นทุกๆวันที่ฮารุไม่เลิกว่ายน้ำและฉันได้ว่ายน้ำกับฮารุต่อไป สามปีชั้นมัธยมต้นตอนนั้นฮารุว่ายรีเลย์กับพวกพ้องใหม่ๆ อาซาฮีย้ายบ้านไปก็จริงแต่ก็ยังคงติดต่อกันเป็นบางครั้ง พอถึงฤดูร้อนก็กลับมาแล้วมาว่ายด้วยกันอีก บางทีก็ไปเรียกรุ่นพี่นัทสึยะและรุ่นพี่นาโอะเข้าร่วม ฮารุกับอิคุยะก็ซ้อมว่ายน้ำร่วมกันคงเป็นอะไรที่วิเศษมาก เพื่อนพ้องตอนชั้นมัธยมต้นอาจจะแยกย้ายกันตอนมัธยมปลาย แต่ทุกคนต่างก็ไปสร้างเพื่อนพ้องใหม่ที่นั่น ทำตามฝันไปเรื่อยๆ อิคุยะนั้นตอนขึ้นชั้นมัธยมปลายคงว่ายเร็วขึ้นเป็นแน่ คงจะได้เจอกันที่การแข่งใหญ่ที่ไหนสักแห่งและว่ายด้วยกัน ตอนนั้นพวกเราคงเป็นทั้งเพื่อนพ้องและคู่แข่ง
ฮารุกับฉันคงเข้าโรงเรียนมัธยมปลายอิวาโทบิ ที่นั่นไม่มีชมรมว่ายน้ำ พวกเราคงได้ไปต่อรองกับทางโรงเรียนเพื่อฟื้นฟูชมรมว่ายน้ำแน่ๆ ตอนแรกก็รวบรวมสมาชิกไม่ได้อย่างไรก็ตามเมื่อขึ้นปีสองนางิสะคงเข้าชมรม เรย์คงโดนนางิสะลากมาเข้าชมรมเช่นกัน แน่นอนว่ารินคงกลับมาจากออสเตรเลีย รินที่ไม่ได้เจอกับฮารุในหน้าหนาวตอนชั้นมัธยมหนึ่ง คงจะเป็นรินที่หัวเราะแบบเมื่อสมัยก่อนแล้วสนุกกับการว่ายน้ำกับเพื่อนพ้อง พวกเราคงเจอกันหลังจากไม่ได้พบกันมาห้าปี รินเย้าชมรมว่ายน้ำซาเมะสึกะและกลายเป็นคู่แข่ง ไม่สิ ไม่แน่อยู่ๆรินก็อาจจะย้ายมาที่อิวาโทบิแบบตอนประถมก็เป็นได้ แต่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ช่าง พวกเราจะอยู่ที่ไหนก็เป็นทั้งเพื่อนพ้องและคู่แข่งกันอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
อนาคตหนึ่งที่อาจเป็นไปได้ในอดีต ฉัน��ิดอยู่ในฝันว่าไม่อยากตื่นขึ้นมาทั้งอย่างนี้เลย ถ้าเวลานี้สืบต่อไปชั่วนิจนิรันดร์ก็คงดี ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ความฝัน
ตอนนั้นฉันได้ยินเสียงของฮารุจากที่ไหนสักแห่ง
ฮารุในฝันตอนหน้าหนาวในชั้นมัธยมหนึ่งนอนหลับอยู่ในโต๊ะโคทัคสึตรงหน้าฉัน
ฮารุกำลังเรียกฉันอยู่
ตอนนั้นฉันก็นึกขึ้นมาได้
ใช่แล้วฉันกำลังรอฮารุอยู่
ฮารุที่กำลังช็อกหลังจากว่ายฟรีแพ้รินในการแข่งระดับเขต แล้วหายไปที่ไหนสักแห่ง
เพื่อถ้าฮารุกลับมาพรุ่งนี้เราจะได้ว่ายรีเลย์ด้วยกัน
ฮารุ
นี่ฮารุอยากทำอย่างไรเหรอ
อยากจะนอนหลับต่อไปแบบนี้เรื่อยๆเหรอ
แต่ว่าฉันน่ะ…
โลกนี้ที่อยู่ในฝัน อีกโลกหนึ่งที่อาจเป็นไปได้ เวลาที่หยุดลงสิ่งที่สำคัญกว่านั้นในตอนนี้คือการฝ่ายน้ำกับพวกพ้อง ต้องบอดฮารุว่ามาว่ายรีเลย์ด้วยกันเถอะ
“มาโคโตะ มาโคโตะ”
ตรงนั้นคือหน้าประตูทางเข้าบ้านของฮารุ ฮารุที่กลับมายืนอยู่ตรงหน้าฉัน ฮารุในโลกแห่งความเป็นจริง กำลังยืนและมองหน้าฉันอยู่
“ฮารุ…”
ฮารุพูดกับฉันที่กำลังเบลอหลังจากตื่นจากโลกแห่งความฝันว่า
“ตื่นซะ มาโคโตะ จะว่ายไม่ใช่เหรอ รีเลย์น่ะ”
ว่ายรีเลย์
คำพูดที่ฉันอยากจะบอก ฮารุพูดคำนี้ออกมาจากปากก่อนฉัน
ฉันตกตะลึงไปชั่วขณะแต่ความดีใจก็ถั่งโถมเข้ามาทันที
ฉันทีกำลังเต็มไปด้วยความสุขหันไปทางฮารุแล้วพยักหน้าอย่างรุนแรง___
#makoharu #มาโกะฮารุ
1 note · View note
teddylauw · 6 years
Text
Free! Novelize บท 6 ハルじゃなきゃダメなんだ
ใครเม้นได้เม้นด้วยน้าอยากฟัง(о´∀`о)
ถ้าไม่ใช่ฮารุก็ไม่มีความหมาย นี่เป็นครั้งที่สองที่ได้ยินคำๆนี้จากมาโคโตะ ครั้งแรกเป็นตอนที่พวกเราอยู่ชั้นประถม ตอนที่มาโคโตะชวนฉันไปว่ายรีเลย์กับริน “ถ้าไม่มีฮารุอยู่ด้วย ถ้าไม่ใช่ฮารุก็ไม่มีความหมาย ฉันอยากว่ายน้ำกับฮารุ”
     มาโคโตะเป็นเพื่อนสมัยเด็กของฉัน ที่อยู่ด้วยกันมาเสมอตั้งแต่เด็กจนตัวตนของเขากลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับฉัน แต่สำหรับตัวฉันนั้นไม่เคยคิดในทำนองเดียวกันกับมาโคโตะเลยว่าหากไม่มีเขาอยู่ด้วยก็ไม่มีความหมาย เดิมทีฉันก็ว่ายแต่ท่าฟรีสไตล์อยู่แล้วดังนั้นถึงแม้ว่าจะว่ายรีเลย์ด้วยกันก็ตามแต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนว่ายด้วยต้องเป็นมาโคโตะ แน่นอนว่าก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องเป็นรินเช่นกัน เมื่ออยู่ในน้ำก็ตัวคนเดียวอยู่แล้วไม่เกี่ยวว่าจะต้องว่ายกับใคร ดังนั้นตอนทึ่มาโคโตะบอกกับฉันว่า ”ถ้าไม่ใช่ฮารุก็ไม่มีความหมาย” ฉันรู้สึกลังเลนิดหน่อย ว่าจะตอบสนองอย่างไร จะยอมรับคำๆนี้มั้ย ชั่วขณะนั้นฉันรู้สึกไม่เข้าใจเลย      ตัวฉันในตอนประถมนั้นได้แต่จ้องหน้ามาโคโตะโดยไม่ได้กล่าวอะไร ถ้าวัดเป็นเวลาจริงๆแล้วคงเป็นเวลาเพียงชั่วอึดใจแต่สำหรับมาโคโตะแล้วอาจจะรู้สึกเหมือนยาวนานชั่วนิรันดรก็เป็นได้ มาโคโตะลนลานหัวเราะแล้วพูดกลบเกลื่อนว่า “ขอโทษที่พูดเรื่องแปลกๆนะ” ตอนนั้นบางทีฉันควรจะตอบกลับไปอย่างจริงจังถ้าไม่ติดนิสัยเสียที่ชอบคิดเอาเองว่าถ้าเป็นมาโคโตะไม่ต้องพูดอะไรก็เข้าใจกัน      จากวันนั้นวันเวลาผ่านไปมากกว่า3ปี ฉันก็ได้ยินคำพูดนั้นจากปากของมาโคโตะอีกครั้ง ในคืนวันเข้าค่าย ในเกาะร้างท่ามกลางพายุ ในตอนที่มาโคโตะไปช่วยเรย์ที่จมน้ำในคืนวันที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ในตอนที่ความทรงจำเลวร้ายเกี่ยวกับทะเลในตอนเด็กกลับมาอีกครั้ง      ฉันรีบกระโดดลงไปในท้องทะเลที่บ้าคลั่งแล้วช่วยมาโคโตะที่กำลังจะจมน้ำ ส่วนเรย์ได้นางิสะเป็นคนช่วยแต่ด้วยพายุทำให้พวกเราคลาดกัน ฉันเชื่อว่าทั้งคู่ต้องปลอดภัยดังนั้นจึงพามาโคโตะมาที่เกาะร้างเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆ     มาโคโตะที่นอนอยู่ที่หาดทรายถูกฝนกระหน่ำใส่นั้นยังคงหายใจรวยริน ฉันพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะผายปอดให้มาโคโตะ โดยเช็คลมหายใจของเขา แล้วแนบฝีปากไปยังปากของมาโคโตะที่เปิดเล็กน้อย    แต่ก่อนที่ฉันจะได้เป่าลมไปที่ริมฝีปากนั้น มาโคโตะสำลักน้ำออกมาอย่างรุนแรงก่อนที่จะรู้สึกตัว    ฉันและมาโคโตะได้ไปหลบฝนรุนแรงในคืนที่พายุปั่นป่วนที่ซอกหิน แม้เวลาจะผ่านไประยะหนึ่ง แต่ด้วยฝนที่ตกลงมาตัวของพวกเราจึงยังไม่แห้งและเปียกปอนอยู่อย่างนั้น    ฉันรู้สึกได้ว่าอุณหภูมิร่างกายลดลง แรกเริ่มเดิมทีทำไมมาโคโตะถึงยอมที่จะมาเข้าค่ายที่ทะเลแบบนี่ทั้งๆที่จะเป็นที่อื่นก็ได้ มาโคโตะต้องมีความทรงจำอันเลวร้ายเกี่ยวกับลุงชาวประมงที่สนิทกันจมหายไปในท้องทะเลฝังลึกอยู่ในใจแน่ๆ ทั้งๆที่เป็นแบบนั้นแล้วทำไม…   ในซอกหินของเกาะร้างที่ไม่มีวี่แววว่าพายุจะหยุดลง ในตอนนั้นแม้เสียงจะถูกฝนจากพายุรอบข้างกลบลง มาโคโตะได้กล่าวคำๆนั้นอีกครั้ง เหมือนตอนอยู่ชั้นประถม    เพราะว่าอ��ากว่ายน้ำกับฮารุอีกครั้ง    เพราะอยากว่ายรีเลย์กับฮารุอีกครั้ง    ถ้าไม่มีฮารุ…..ถ้าไม่ใช่ฮารุก็ไม่มีความหมาย
“เป็นอะไรเหรอ ฮารุจัง” นางิสะมองหน้าฉันที่เหม่อลอยอย่างเป็นกังวล “ไม่มีอะไร” ฉันมองไปนอกหน้าต่าง ขณะนั้นพายุด้านนอกสงบลงแล้ว หลังจากรวมตัวกับเรย์และนางิสะและมาหลบฝนที่บ้านพักร้าง ตอนนั้นพายุฝนด้านนอกยังตกอยู่ หลังจากหาน้ำดื่มและของกิน และทำตัวให้แห้ง เพื่อทำให้บรรยากาศอึมครึมนั้นลดลงนางิสะพูดออกมาว่า “มาเล่นทอยลูกเต๋ากันเถอะ” ขณะที่พวกเราพูดคุยอะไรเรื่อยเปื่อยนั้นพายุก็สงบลง มาโคโตะที่รู้สึกสงบใจลงแล้วได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับความทรงจำเลวร้ายในวัยเด็กของตัวเองให้นางิสะและเรย์ฟัง พวกเราออกไปข้างนอกชื่นชมกับดวงดาวในท้องฟ้าหลังฝนที่ปกคลุมรอบตัว จากนั้นจึงกลับเข้ามายังบ้านพักเพื่อรอให้ฟ้าสาง ในขณะนั้นคำพูดของมาโคโตะแล่นมาในหัวของฉันอีกครั้ง ถ้าไม่ใช่ฮารุก็ไม่มีความหมาย สุดท้ายฉันก็ไม่ได้ตอบคำพูดนั้นของมาโคโตะอย่างจริงจังเป็นครั้งที่สอง เมื่อฉันลอบมองไปยังมาโคโตะ ดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้สึกสงบใจลงแล้ว มาโคโตะยื่นกาแฟสำเร็จรูปที่ไปหามาจากที่ไหนก็ไม่รู้มาให้ฉัน พลางยิ้มให้ “ฮารุจะดื่มด้วยมั้ย” มาโคโตะทักพลางยิ้มให้ฉัน หลังจากพ้นจากอันตรายที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ตอนนี้เหลือเพียงแค่รอเวลาฟ้าสางเท่านั้น ตอนนั้นเองนางิสะทำตาเป็นประกายด้วยท่าทีสนุกสนานและพูดออกมาว่า “นี่นี่ ถ้าอย่างนั้นก่อนจะถึงเช้าเรามาเล่นทอยลูกเต๋าเป็นครั้งที่สองกันมั้ย” นางิสะร่าเริงได้ไม่เลือกสถานที่จริงๆ นี่เป็นเกมทอยลูกเต๋าที่เขียนชื่อของทั้งสี่คนไว้ ถ้าชื่อใครออกต้องเล่าประสบการณ์น่าอายหรือเรื่องรักของตัวเอง ลูกเต๋าที่ทำกันโดยไม่ได้เตรียมอะไรล่วงหน้านั้นมีชื่อเรย์เขียนไว้สามด้านชื่อฉันนางิสะมาโคโตะด้านละชื่อ “ผมไม่มีเรื่องอะไรจะเล่าแล้วล่ะครับ เมื่อกี้ก็เล่าไปตั้งเยอะแล้ว” “ก็มีความเป็นไปได้ที่ชื่อจะออกตั้งหนึ่งในสองนี่นะ” “คราวนี้ผมอยากฟังเรื่องของทุกๆคน โดยขอเสนอกฏใหม่” “กฏแบบไหนเหรอ” “คราวนี้คนที่ชื่อออกต้องเล่าเรื่องในหัวข้อที่ตนชอบ จากนั้นทุกคนต้องเล่าเรื่องในหัวข้อเดียวกันตามลำดับ แบบนี้ยุติธรรมดีแถมผมจะได้รู้เรื่องของทุกคนมากขึ้นอีกด้วย” “แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน ฟังแต่เรื่องของเรย์จังจนเริ่มจะเบื่อกันแล้วล่ะ” “นางิสะคุง โหดร้าย แรกเริ่มเดิมทีคนที่ทำลูกเต๋านี้ขึ้นมาก็คือนางิสะคุงไม่ใช่เหรอครับ!” “เอ๋ แต่ว่าผมอยากรู้เรื่องของเรย์จังเยอะๆนี่” ในเวลาแบบนี้นางิสะก็ทำตัวเหมือนปีศาจตัวน้อย ส่วนเรย์ก็ตอบโต้ปีศาจตัวน้อยนี้ด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมก็อยากรู้เรื่องของทุกๆคนเหมือนกันนะครับ” “งั้นก็ทำตามกฏที่เรย์ตั้งล่ะกัน ฉันก็อยากรู้เรื่องของทุกคนมากขึ้น” มาโคโตะพยายามไกล่เกลี่ยทั้งคู่แล้วกล่าวว่า “ไม่ได้เจอนางิสะมาตั้งสามปีนี่ ยิ่งไปกว่านั้น…” มาโคโตะเหลือบมองมาทางฉันเล็กน้อย “ถึงจะอยู่ด้วยกันมาตลอดกับฮารุแต่ก็ยังมีเรื่องที่ฉันไม่เคยฟังจากเขาอยู่ รู้สึกเหมือนได้ค้นพบอะไรใหม่คงน่าสนุกดี” “ตกลงกันได้แล้วสินะครับ เอาล่ะ เริ่มกันเถอะครับ” เรย์ทอยลูกเต๋าออกไปการเล่นทอยลูกเต๋าเล่าเรื่องครั้งที่สองก็ค่อยๆเริ่มอีกครั้ง หน้าของเต๋าที่ออกมาอันแรกคือ”เรย์” “ดีเลยครับ งั้นผมขอเริ่มคำถามเลยล่ะกัน นั่นสินะครับ เริ่มจาก…” เรย์ครุ่นคิด จากนั้นใช้นิ้วดันแว่นของเขาขึ้นพลางกล่าวว่า “คุณเป็นคนจำพวกกินสตรอเบอรี่ในสตรอเบอรี่ชอร์ตเค้กก่อนกินเค้กหรือหลังกินเค้ก คำถามประมาณนี้ได้มั้ยครับ” ทั้งๆที่ครุ่นคิดแต่ได้คำถามพื้นๆแบบนี้หรือ “โธ่เรย์จังเรื่องนั้นเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ” “เริ่มจากคำถามแย็บเบาๆก่อนครับ เริ่มจากนางิสะคุงก่อน” “แน่นอนว่าผมเป็นสไตล์กินก่อนอยู่แล้ว ก็ของชอบมันต้องกินเป็นอันดับแรกนี่ เราอยากกินตอนที่ท้องหิวที่ความกดดันมันมากตามไม่ใช่เหรอ จิ่งไปกว่านั้นนะ ถ้าเก็บมันไว้ตอนที่คิดว่า เอ้าจะกินแล้วนะ ก็อาจโดนพี่สาวที่โผล่มาแย่งกินก็เป็นได้ “นั่นสินะครับถ้าเป็นนางิสะคุงล่ะก็ต้องเป็นสไตล์กินก่อนแน่นอนแต่ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกินอย่างเดียวไม่คิดว่าจะมีเหตุผลเช่นนี้ “ครอบครัวนางิสะมีพี่สาวสามคนนี่นะ” มาโคโตะกล่าวพบางหัวเราะส่วนฉันก็เสริมด้วยคกสุภาษิต “ปลาใหญ่กินปลาเล็กแต่ปลาในที่นี้คือสตรอเบอรี่สินะ” “ใช่ๆปลาใหญ่กินสตอรเบอรึ่” “สำนวนแบบนั้นมีที่ไหนครับ งั้นต่อไปที่รุ่นพี่มาโคโตะเลยครับ” “ฉันเหรอ นั่นสิน้า…” “อ้ะมาโกะจังไม่ใช่ว่าแย่งสตอรเบอรี่ของรันจังกับเร็นจังไปกินเหมือนที่พี่สาวของผมทำนะ”นางิสะพูดเชิงหยอกเล้า “รุ่นพี่มาโคโตะจะทำอย่างงั้นได้ไงครับ” “นั่นสินะ แบบนี้ดูเหมือนมาโกะจังจะเป็นฝ่ายถูกแย่งมากกว่า” “ฮะฮะรันกับเร็นเขาชอบสตอรเบอรี่ แต่เวลาทานคนเดียวรู้สึกจะตรงข้ามกับนางิสะนะ สิ่งสำคัญจะเก็บไว้ท้ายสุด อดทน อดทนไว้ จินตนาการรส กลิ่น สัมผัส ไว้เยอะๆทำจิดใจให้ฟูเข้าไว้ แต่ว่าตอนที่อดทนไว้ จนอ๊า ทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้วจึงเริ่มกิน ประมาณนี้แหล่ะ” “ดูอดทนต่อกิเลสได้ดีจังนะครับ” “ท่าท่างจะน่าทรมานนะ” “มาโคโตะเป็นคนประเภทชอบกดดันตัวเองแบบนี้ล่ะ” ฉันกล่าวเสริมแทนมาโคโตะ “ฮารุจังเป็นคนสไตล์ไหนเหรอ” “สำหรับฉันยังไงก็ได้ก็ไม่ได้ชอบหรือเกลียดสตอรเบอรี่เป็นพิเศษ” “งั้นถ้าเป็นซาบะจะทำอย่างไรครับ” “โอ้วชอร์ทเค้กซาบะ” “เค้กที่เหม็นคาวแบบนี้ไม่เอานะครับ ตอนนี้ขอให้จินตนาการถึงซาบะธรรมดาพวกซาบะย่างเกลือ พร้อมหัวไชเท้าดองแลผักฮิจิกิตามด้วยซุปมิโสะ ข้าว ผักดองลองคิดในมุมมองนี้ดูครับว่าจะทานจากอะไรก่อน “ขึ้นอยู่กับอารมณ์ในวันนั้น” “ฮารุก็เป็นแบบนี้นี่แหลนะ” ตามที่มาโคโตะบอกนั่นแหละจะกินอะไรก่อนหลังมันก็ขึนอยู่กับอารมณ์ในวันนั้น ถ้ากำหนดในช่วงเวลานั้นได้ก็เป็นดี ขอทีเถอะที่จะต้องมาถูกผูกมัดด้วยอะไรบางอย่าง ฉันก็อยากจะฟรีไปเรื่อยๆแบบนี้ ตอนที่คิดเช่นนั้นฉันก็รู้สึกตัวอะไรขึ้นมาบางอย่าง ฉันบอกว่าจะว่ายฟรีอย่างเดียวแต่ฟรี(อิสระ)ของตัวฉันเป็นภาระแบบนี้มันจะเรียกว่าเป็นอิสระที่แท้จริงไหม การบังคับให้เป็นอิสระ การไม่อิสระของการทำตัวเป็นอิสระ ฟรี(อิสระ)ที่แท้จริงคือสิ่งใดกันแน่ มาโคโตะช่วยแทนฉันที่เงียบลงจมไปกับความคิดตนเองโดยถามเรย์ว่า “แล้วเรย์เป็นแบบไหน” “ผมเป็นสไตล์ที่เลือกกินตามความงดงามของอาหารมากกว่าจะคิดเรื่องกินตามความชอบ ถ้าเริ่มกินจากสตอเบอรี่แล้วล่ะก็ด้านบนเค้กจะเหลือแต่ครีม ผมอยากให้เหลือสตอรเบอรี่สีแดงที่ตัดกับสีขาวบริสุทธิ์ของครีมสด แต่ถ้าทานตัวเค้กทั้งแบบนั้นแล้วเค้กมันจะถล่มลงมา กลายเป็นภาพที่ไม่งดงาม นี่คือทฤษฎีของการกินชอร์ทเค้กครับ” “มีทฤษฎีแบบนี้ด้วยเหรอ” “เป็นทฤษฎีที่ผมคิดค้นขึ้นครับ ใช้มีดตัดเนื้อเค้ก ครีมและสตอรเบอรี่ออกเป็นชิ้นเล็กๆอย่างงดงามจากนั้นแบ่งกินโดยรักษาบาลานซ์ไว้อย่างงดงาม “กินแบบนั้นมันจะอร่อยจริงๆเหรอ” นางิสะถามตามความน่าจะเป็นเรย์ก็ตอบอย่างชัดเจนอย่างมั่นคงว่า “ความงดงามต้องมาก่อนครับ” หลังจากนั้นการทอยเต๋าก็ดำเนินต่อไป ถ้าคิดตามความหลักความน่าจะเป็นคำถามที่เรย์คิดก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ “ความทรงจำแรกสุดที่แม้แต่ตอนนี้ก็ยังจำได้คืออะไรครับ” “คำสุภาษิตประจำใจคืออะไร” “สมมุติว่าถ้าอีกหนึ่งสัปดาห์โลกจะแตกจะทำอะไร” “เวลาอาบน้ำล้างจากส่วนไหนก่อน” คำถามเบาๆของเรย์ยังคงประดังกันเข้ามา ความทรงจำแรกของฉันคือ “น้ำ” น้ำที่เขาใช้อาบเด็กแรกเกิด ที่ผ่านมาก็เคยเล่าเรื่องนี้ให้ครอบครัวและเพื่อนร่วมชั้นฟัง แต่ทุกคนกลับบอกว่า”ไม่มีทางจำถึงเรื่องพวกนี้ได้หรอก” นอกจากมาโคโตะแล้วไม่มีใครเชื่อเรื่องนี้เลย แต่ว่าความทรงจำตอนนั้นของฉันยังคงเหลืออยู่อย่างชัดเจน ความทรงจำในตอนนั้น ตอนที่ฉันร้องให้ออกมาอย่างรุนแรงแต่พอสัมผัสโดนน้ำอาบแรกคลอดก็รู้สึกสบายใจแบบแปลกๆจนฉันหยุดร้องไห้ทันที ส่วนสุภาษิตประจำตัวแน่นอนว่าต้องเป็น “ฉันว่ายแต่ท่าฟรีสไตล์” ถ้าถามมาแบบนี้ ส่วนจะทำอะไรภายในหนึ่งสัปดาห์ก่อนโลกแตก คำตอบคือไม่ทำอะไรเป็นพิเศษ ใช้ชีวิตอยู่ตามปกติช่วงวินาทีสุดท้ายก็ขอให้ได้ตายอยู่ในน้ำ แค่นี้ก็พอสำหรับฉัน เวลาอาบน้ำสิ่งแรกที่จะล้างก็ต้องเป็นอ่างอาบน้ำ ถ้าไม่ทำอ่างให้สะอาดก็คงอาบน้ำอย่างสบายใจไม่ได้ เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ยกเว้นไม่ได้สำหรับฉัน “ไม่ใช่ครับรุ่นพี่ฮารุกะคำถามหมายถึงให้ล้างส่วนไหนของร่างกายต่างหาก” “ถามแบบนี้แล้วมันได้อะไรเรอะ เรย์” ส่วนที่ล้างเป็นอันดับแรกเวลาอาบน้ำจะแสดงถึงบุคลิกและความต้องการที่ซ่อนเร้นอยู่น่ะครับ” “ไม่ได้นะเรย์จัง ไปบังคับล้วงความลับที่ฮารุจังอุตส่าห์ปกปิดไว้แบบนี้” “ไม่ใช่นะครับนี่ไม่ใช่การบังคับแต่เป็นการมองในมุมมองเชิงจิตวิทยาต่างหาก” “เอ้าๆเรย์จังไม่เป็นไรๆเล่นต่อไปดีกว่า” เรย์จึงทอยลูกเต๋าตามที่นางสะยอกอย่างฝืนๆ คราวนี้ลูกเต๋าออกหน้า “นางิสะ” “โอ้ ในที่สุดก็ออกมาสักทีคราวนี้เป็นทีผมถามคำถามล่ะนะ เอาล่ะนะ” นางิสะครุ่นคิดอยู่ซักพักจากนั้นก็มองไปรอบทุกๆคน “ช่วงนี้มีความฝันแบบไหนกัน ที่คิดว่าสนุกที่น่ากลัวที่ประหลาดหรือที่ประทับใจ” “คำถามแบบนี้ก็เป็นคำถามเชิงจิตวิทยาที่บอกสิ่งที่ซ่อนไว้ในใจเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ” “งั้นเหรอ แต่ไม่เห็นเป็นไรเลย ช่วงนี้เรย์จังฝันถึงอะไรเหรอ “ผมเหรอครับ นั่นสินะครับ ยังไงก็คงเป็นฝันที่ได้บินไปบนท้องฟ้า สาเหตุอาจเป็นเพราะผมเล่นกระโดดค้ำถ่อมาตลอดด้วย ฝันที่บินไปได้สูงสุดคือหนึ่งหมื่นเมตรเหนือท้องฟ้าเหนิอทะเลก้อนเมฆฝันราวกับได้ว่ายบนท้องฟ้า ถ้ามองเชิงจิตวิทยาฝันที่ได้บินหมายถึง การให้ความสำคัญกับอิสระและการปลดปล่อย “โอ้เรย์จังอยากถูกปลดปล่อยสินะ งั้นๆฝันของผมมีความหมายยังไงบ้าง” “คือว่านะฝันที่เห็นก่อนหน้าคือพอเล่นกับเพนกวินจากขั้วโลกใต้ก็มีเรืออวกาศทรงสตอรเบอรี่ขนาดยักษ์ร่อนลงมาจากนั้นเพื่อช่วยเพนกวินที่ถูกลักพาตัวผมก็แปลงร่างเพื่อจะต่อสู้แต่ทำยังไงก็แปลงไม่สำเร็จสักทีจนในที่สุดก็แปลงเป็นคามะอาเกะอุด้งแล้วกลับร่างเดิมไม่ได้จากนั้นก็ถูกหมีขาวกินเข้าไปแต่ว่าก็ไปผมเรย์จังที่มีหนวดอยู่ในกระเพาะหมี” “ไม่เข้าใจความหมาย…” “เอ๋อุตส่าห์เล่าให้ฟังแบบนี้ทำนายให้ไม่ได้เหรอ” “มันนอกเหนือทฤษฎีเกินไปจนตัดสินอะไรไม่ได้ครับ แต่จะว่าไงดีทำไมในกระเพาะหมีถึงมีผมที่มีหนวดโผล่ออกมาได้” “ไม่ใช่แค่หนวดแต่ยังใส่ชุดซานต้าอีกด้วย แม้ว่าจะใส่สูทผูกไทก็เหอะ” “ยิ่งไม่เข้าใจความหมายเข้าไปอีก” “ชิ งั้นฮารุจังฝันแบบไหนเหรอ” “จำไม่ได้ ถึงฝันอะไรส่วนใหญ่จะลืมไปหมด” “เอ๋ งั้นเหรอ งั้นมาโกะจังล่ะ” “ ฉันเหรอ คือว่า…” สีหน้าของมาโคโตะดูจะมืดมนไปชั่วขณะนึง หรือกำลังคิดถึงความฝันร้ายๆอยู่กันนะ แต่เขาก็ข่มสีหน้านั้นทันที “ฉันก็เหมือนกับฮารุล่ะ จำความฝันช่วงนี้ไม่ค่อยได้ล่ะ”มาโคโตะหัวเราะกลบเกลื่อน เมื่อทอยเต๋าอีกครั้งหน้าที่ออกมาคือ “มาโคโตะ” “คราวนี้เป็นตาฉันตั้งคำถามเหรอ งั้น…” “สิ่งที่ทุกคนกลัวที่สุดคืออะไร คำถามประมาณนี้ได้มั้ย เทื่อกี้ฉันก็เล่าเรื่องกลัวทะเลไปใช่มั้ยเลยอยากฟังเรื่องของคนอื่นบ้าง นางิสะยกมือตอบเป็นคนแรก “ครับๆสำหรับผมเนี่ยกลัวพี่สาว โดยเฉพาะพี่สาวคนโต ปกติเป็นคนใจดีที่สุดในพี่น้องสามคนนะ แต่เวลาโกรธทีนี่แบบ…”นางิสะกล่าวเสียงค่อยลงทันทีราวกับเล่าเรื่องผีอยู่ เรย์มีท่าทางตกใจเล็กน้อยแล้วถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ถ้าทำให้โกรธแล้วจะเป็นยังไงเหรอครับ” นางิสะก็ตอบไปคล้ายกับกำลังเล่าเรื่องผีว่า “อยากรู้เหรอ” เป็นคำพูดราวกับว่าถ้าได้ยินไปแล้วจะไม่สามารถย้อนกลับมาได้อีก “ไม่ครับอย่าดีกว่าพอเวลาไปเที่ยวบ้านนางิสะคุงแล้วอาจต้องไปเจอกับพี่สาวคนที่ว่าคิดว่า���ม่ฟังเรื่องนี้จะดีกว่า” “โอ้สมกับเป็นเรย์จัง งั้นเรื่องนี้ถือเป็นอันจบแค่นี้นะ” นางิสะพยายามจบเรื่องแบบร่าเริงแกมบังคับแต่จู่ๆมาตัดบทจบครึ่งๆกลางๆแบบนี้ก็ย่อมรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากแต่มาโคโตะก็ไม่ถามซอกแซกไปกว่านี้ “แล้วของที่ฮารุกลัวคืออะไรเหรอ” มาโคโตะเบี่ยงประเด็นมาที่ฉัน “สิ่งที่ฮารุกลัวมากที่สุดหรือเรื่องที่กลัวที่สุดก็ได้นะ” สิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุด. เรื่องที่ฉันกลัวมากที่สุด… ฉันปล่อยความคิดไปมาแล้วคำนึงดู ตอนนั้นอยู่ๆภาพที่มาโคโตะกำลังจะจมน้ำก็วาบขึ้นมาในหัว แบบนี้นี่เอง รู้แล้วล่ะ ฉันรู้เสียทีว่าที่ผ่านมาจวบจนกระทั่งบัดนี้ความรู้สึกที่ไม่อาจที่บรรยายเป็นออกมาเป็นคำพูดได้ในที่สุดก็เป็นรูปร่างในตัวฉันเสียที ความรู้สึกของฉันในตอนนั้นคือความกลัว ทั้งลมหายใจรวยรินของมาโคโตะที่นอนตะแคงที่ชายหาดเป็นความกลัวที่ว่าอาจจะต้องเสียมาโคโตะไปทั้งอย่างนั้น เป็นความกลัวที่จะต้องสูญเสียตัวตนที่เป็นปกติธรรมดาไปอย่างกระทันหันแบบนี้ “ทำไมเหรอฮารุจัง” “ไม่มีอะไร…” ฉันตอบไปเช่นนั้นแต่ดูเหมือนจะเก็บอารมณ์ที่สั่นไหวไม่อยู่ มาโคโตะมองหน้าฉันอย่างเป็นห่วง “ฮารุ?” ฉันพูดอะไรไม่ออกแต่ก็ตอบออกไปทันทีเพื่อกลบเกลื่อนว่า “ฉัน…กลัวที่น้ำจะหมดไปจากโลก แค่นี้ล่ะ”
ที่หลังจากนั้นเกมส์ทอยลูกเต๋าก็ดำเนินต่อไปจนในที่สุดทุกคนก็เริ่มง่วงและสติสัมปชัญญะเริ่มหลุดลอยไปตามๆกัน นางิสะเป็นคนแรกที่ผลอยหลับไป จากนั้นเรย์ก็ถอดแว่นออกอย่างง่วงนอน  ดูเหมือนฉันก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นฉันก็ฝัน ในฝันนั้นฉันลอยไปมาอยู่กลางมหาสมุทร ท้องฟ้ายามนั้นไร้เมฆบดยังแม้แต่ลมก็ไม่มี ส่วนทะเลก็ใสราบเรียบไร้คลื่นมองไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตาโดยไม่เห็นแผ่นดินใดๆ ระหว่างที่ปล่อยตัวไปกับกระแสน้ำทะเลฉันก็มองไปข้างๆ ที่ตรงนั้นมีของเล่นทรงวาฬเพชรฆาตลอยอยู่ มันค่อยๆลอยแกว่งไปมาอย่างช้าๆ ไม่รู้ทำไมฉันเห็นของเล่นชิ้นนี้ก็คิดว่าเป็นของมาโคโตะอย่างแน่นอน แต่ไม่เห็นตัวมาโคโตะเลย มีแต่ของเล่นทรงวาฬเพชรฆาตที่ไร้เจ้าของลอยไปตามแรงคลื่น มาโคโตะอยู่ที่ไหน? ไปที่ไหนกัน? ชั่วขณะหนึ่งฉันรู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง เป็นความรู้สึกกลัวเวลาของที่อยู่เคียงข้างกันจนเป็นเรื่องธรรมดาหายไปในฝัน  ในฝันนั้นความรู้กลัวนี้เท่านั้นที่ทวีความรุนแรงเป็นหลายเท่าจนในที่สุดฉันก็ทนไม่ได้ มาโคโตะ! อยู่ที่ไหน มาโคโตะ! ฉันตะโกนเรียกชื่อมาโคโตะอย่างไม่คิดชีวิตท่ามกลางทะเลที่สงบเยือกเย็นกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา มาโคโตะ__ เมื่อลืมตาตื่นก็เห็นภายในบ้านพักร้างสว่างเล็กน้อย ที่นอกหน้าต่าง ท้องฟ้ายามอรุณก็เริ่มมาเยือน นางิสะและเรย์นอนกรนคร่อกๆอยู่ข้างๆกัน แต่มาโคโตะที่อยู่ข้างฉันกลับไม่อยู่ “มาโคโตะ…?” ฉันรู้สึกตาสว่างในทันที เป็นไปไม่ได้น่าหรือว่าจะ…จริงๆ? ฉันทิ้งนางิสะและเรย์ที่นอนอยู่แล้ววิ่งออกไปข้างนอก
มาโคโตะยืนอยู่ที่ชายหายหน้าบ้านพักร้าง ท่ามกลางตะวันที่เริ่มทอแสงมาโคโตะค่อยๆหันมาทางฉัน ท่ามกลางเสียงคลื่นทะเลสงบ ผมของมาโคโตะปลิวละล่องตามลมทะเล มาโคโตะเห็นฉันที่ลนลานวิ่งออกมาแล้วถามด้วยท่าทีประหลาดใจ “มีอะไรเหรอฮารุ” ฉันรู้สึกอายที่ทำท่าทางแบบนั้นออกไป จึงกล่าวพร้อมเมินไปอีกทางว่า “ไม่มีอะไร แค่ตื่นแล้วไม่เห็นนาย เลยรู้สึกเป็นห่วง แค่นั้นล่ะ” “ขอโทษๆ” มาโคโตะกล่าวหัวเราะ “สุดท้ายก็นอนไม่หลับเลยออกมารับลมข้างนอกน่ะ” “งั้นก็ดีไป” ฉันพึมพำตอบ จากนั้นคิดว่าควรพูดไปเลยดีมั้ยเรื่องที่มาโคโตะถามเมื่อกี่ว่าฉันกลัวอะไรมากที่สุด เรื่องที่ฉันกลัวที่สุดคือการที่ตัวตนที่อยู่จนเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเราอยู่ๆก็มาหายไปอย่างกระทันหัน ฉันคิดว่ามันคงเป็นคำตอบของคำของมาโคโตะที่ว่า “ถ้าไม่ใช่ฮารุก็ไม่มีความหมาย ”นั่นเป็นความรู้สึกที่ยังไม่อาจก่อรูปร่างในใจฉันจวบจนปัจจุบันที่ไม่อาจกล่าวเป็นคำพูดออกมาตรงๆได้ แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าคงจะตอบแบบตรงๆได้แล้ว มาโคโตะ ฉันน่ะ “อะไรเหรอฮารุ” “คือฉัน…” คำพูดมันติดอยู่ที่ปาก อย่างที่คิดไว้ฉันพูดไม่ออก อีกครั้งหนึ่งที่ฉันรู้สึกอายที่จะกล่าวออกไป “ไม่มีอะไร…” เมื่อมองฉันที่พูดตะกุกตะกักมาโคโตะก็ยิ้มออกมา เมื่อเป็นเช่นนั้นฉันก็คิดได้ว่า นั่นสินะ มาโคโตะอ่านใจฉันได้นี่ เมื่อเห็นรอยยิ้มนั้นของมาโคโตะฉันก็รู้สึกสบายใจและพึมพำออกมา “ไม่มีอะไร ขอบใจนะมาโคโตะ…” ถ้าเป็นมาโคโตะพวกเราไม่ต้องพูดอะไรก็เข้าใจกัน ฉันก็ติดนิสัยถูกตามใจโดยมาโคโตะอีกครั้งเช่นกัน
3 notes · View notes
teddylauw · 9 years
Photo
Tumblr media Tumblr media Tumblr media
Free! ES Volume 7 scans. Sorry my scanner is so terrible!!! Feel free to use/translate as you please! :D
….MERMAID!!!!!!!!
1K notes · View notes
teddylauw · 9 years
Audio
track 1 of the new Free!ES Special Event Drama CD for the event on March 22nd! 
953 notes · View notes
teddylauw · 9 years
Photo
Tumblr media Tumblr media
new promotional art for the Mitsubishi UFJ Debit Card collab with Free! including a tribute for Rin’s birthday lol x
4K notes · View notes